มีใครรู้เรื่องต่ออายุ 0.01% บ้าง

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
pornchokchai
Verified User
โพสต์: 96
ผู้ติดตาม: 0

มีใครรู้เรื่องต่ออายุ 0.01% บ้าง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

มีใครรู้เรื่องต่ออายุ 0.01% บ้าง
.
ดร.โสภณ พรโชคชัย*
.
           ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม 2552  มีคนโทรศัพท์มาถามผมว่ามีการต่ออายุมาตรการ 0.01% หรือไม่  แต่ผมก็หาคำตอบให้ไม่ได้  จนภายหลังถึงได้ทราบว่ามีการต่ออายุ อย่างเงียบเชียบ  ผมอยากตั้งข้อสังเกตว่านี่เป็นกรณีตัวอย่างของที่ประชาชนขาดการรับรู้ข้อมูลเท่าที่ควร
.
           มาตรการ 0.01% ที่ผมจั่วหัวไว้หมายถึงการลดค่าธรรมเนียมโอนอสังหาริมทรัพย์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% เช่นกัน มาตรการดังกล่าวหมดอายุไปเมื่อวันเสาร์ที่ 28 มีนาคม 2552 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ จึงมีผลจริงถึงเพียงวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2552
.
           ผมได้ค้นพบว่ามีประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการลดค่าธรรมเนียมดังกล่าว ซึ่งลงนามโดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงวันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม 2552 และกรมที่ดินก็มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแจ้งเรื่องดังกล่าวในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันก่อนหมดกำหนดมาตรการดังกล่าวเพียงวันเดียว
.
           อย่างไรก็ตามผมมาตรวจสอบข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ  ก็ไม่พบหนังสือพิมพ์ฉบับใดได้ทันลงข่าวให้ประชาชนได้รับทราบในวันศุกร์ที่ 27 มีนาคมเลย  ล่าสุดที่พบก็คือ พบในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ซึ่งได้ลงข่าวการต่ออายุว่า เฉียดฉิว ต่ออายุ 0.01% เมื่อวันจันทร์ที่ 30 มีนาคม ในเวลา 00.01 น.  ซึ่งผ่านพ้นช่วงหมดอายุไปแล้ว  ส่วนหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 2-4 เมษายน 2552 ก็ลงไว้ในหน้า 35
.
           ทำไมจึงประกาศช้านัก  และที่สำคัญภาษีธุรกิจเฉพาะที่ลดลงจาก 3.3% เหลือ 0.11% นั้น ก็ยังไม่ทันได้ประกาศใช้ และต้องกลับไปเก็บในอัตราเดิมไปก่อน จนกว่าจะได้ประกาศใช้ใหม่ และให้มีผล (ดี) ย้อนหลัง  ทำให้เกิดความลักลั่นและฉุกละหุกโดยไม่จำเป็น
.
           เป็นที่น่าแปลกใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมทางราชการจึงประกาศออกมาช้านักในเรื่องสำคัญที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นผู้ซื้อบ้านนี้
.
           สิ่งที่น่าจะเป็นสำหรับการบริหารราชการแผ่นดินที่มีการวางแผนและเตรียมการอย่างเหมาะสมนั้นก็คือ เมื่อถึงกำหนดหมดอายุมาตรการดังกล่าว รัฐบาลก็ควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะต่ออายุหรือไม่  ประชาชนจะได้รับรู้ล่วงหน้า ไม่ควรเงียบและปล่อยให้ ลือ หรือเข้าใจไปเองว่าจะมีการต่ออายุ (หรือไม่)
.
           ที่ควรบอกให้ชัดเจนก็เพราะ ประชาชนผู้ซื้อบ้านจะได้เตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินก็จะได้วางแผนได้ล่วงหน้าเช่นกัน  การลงนามประกาศออกมาอย่างเฉียดฉิวเช่นนี้  ทำให้เห็นว่าการบริหารราชการแผ่นดินอาจขาดความเป็น มืออาชีพ เท่าที่ควร
.
           การที่รัฐบาลไม่ประกาศให้ชัดเจนแต่แรก  ผู้ซื้อบ้านและผู้ประกอบการก็ต้องพยายามเร่งโอนกันอย่างทุลักทุเล  บ้านที่ก่อสร้างยังไม่ทันเสร็จดี ก็ต้องเร่งให้เสร็จ (หรือไม่) เพื่อให้สามารถรีบเร่งโอนให้ทันกำหนดเพราะจะสามารถประหยัดภาษีได้พอสมควร
.
           ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ การที่รัฐบาลได้ลงนามประกาศมาตรการดังกล่าวในวันที่ 26 มีนาคมนั้น แสดงว่ารัฐบาลมีแผนอยู่แล้วว่าจะยืดอายุมาตรการดังกล่าว  รัฐบาลก็ควรจะรีบแจ้งให้ประชาชนทราบล่วงหน้า  บอกว่าไม่ต้องรีบร้อน  มาตรการดังกล่าวได้รับการต่ออายุทันตามกำหนดแน่นอน
.
           หรือเมื่อมีประกาศกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2552 แล้ว ก็น่าจะรีบแจ้งวิทยุ-โทรทัศน์ของกรมประชาสัมพันธ์หรือสื่อต่าง ๆ ให้ช่วยกันเผยแพร่ข่าวโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้และอุ่นใจ เช่น บางคนที่ยังหาเงินมาโอนไม่ทัน จะได้ไม่ต้องไปกู้เงิน (นอกระบบ) มารีบร้อนโอน เป็นต้น
.
           ผมเชื่อว่ารัฐบาลและหน่วยราชการคงไม่ได้ตั้งใจที่จะประกาศต่ออายุมาตรการอย่างฉุกละหุกและเงียบเชียบหรอกครับ  รัฐบาลคงมีหลายเรื่องที่ต้องดำเนินการ ประกอบกับมีปัญหาทางการเมืองแทรกซ้อนหลายประการอีกต่างหาก
.
           แต่รัฐบาลก็ควรได้เห็นว่า ความฉุกละหุกและความเงียบเชียบในการประกาศต่ออายุมาตรการดังกล่าวนั้น  ผลประโยชน์ไปตกกับผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินแบบ เต็ม ๆ  ทำให้การหมุนเวียนของกระแสเงินสดดี  เพราะผู้ซื้อที่ (ใกล้) ถึงเวลาโอนทั้งหลายก็รีบมาโอนในช่วงเวลาดังกล่าวกันทั้งนั้น  ถือเป็นการกระตุ้นยอดโอนและการรับรู้รายได้  ผู้ประกอบการหลายรายคงรู้สึกโล่งอกที่ได้โอนบ้านในช่วงดังกล่าว
.
           การ เข้าทาง ผู้ประกอบการ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร  รัฐบาลไม่พึงไปขัดผลประโยชน์ของใคร  และหากส่งเสริมธุรกิจใด ๆ เพื่อให้ประเทศชาติมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คึกคักย่อมควรดำเนินการ  แต่การที่ประชาชนตกอยู่ในภาวะที่ไม่ทราบข้อมูลข่าวสารจนต้องรีบร้อนเฮโลไปโอน ทั้งที่รัฐบาลก็มีแผนที่จะต่ออายุมาตรการอยู่แล้ว คงเป็นเรื่องที่ควรทบทวน
.
           ผมจึงเขียนบทความนี้เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ว่าในโอกาสต่อไป รัฐบาลควรวางแผนและเตรียมการให้รอบคอบและชัดเจนไว้ล่วงหน้า  ประชาชนเจ้าของประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ซื้อบ้านจะได้ไม่ต้องตกอกตกใจและไม่เสียประโยชน์
.
           รัฐบาลของประชาชนย่อมยึดถือผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้งครับ
.
.
* ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สิน AREA ซึ่งเป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ที่บุกเบิกศูนย์ข้อมูลฯ ที่มีฐานข้อมูลที่กว้างขวางที่สุดในประเทศไทย และขณะนี้ยังขยายไปสำรวจโครงการอสังหาริมทรัพย์ยังต่างประเทศ ได้แก่ จาการ์ตา พนมเปญ มนิลา และโฮชิมินห์ซิตี้  ดร.โสภณ ยังเป็นกรรมการหอการค้าสาขาจรรยาบรรณ สาขาเศรษฐกิจพอเพียง และสาขาอสังหาริมทรัพย์  เป็นอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ FIABCI เป็นที่ปรึกษา Appraisal Foundation ซึ่งเป็นองค์กรควบคุมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินซึ่งก่อตั้งโดยสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา  Email: [email protected]
.
.
เผยแพร่ครั้งแรกใน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์: http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... อขึ้น.html
โพสต์โพสต์