ผวา! หวัดหมูถล่มไทย
ที่มา:
http://www.efinancethai.net/
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ศก.โลกไม่ทันฟื้นตัว เจอเชื้อหวัดหมูระบาดทำทั่วโลกเครียด หวั่นกระจายเข้าประเทศทำหุ้นทั่วโลกป่วน ดาวโจนส์ล่วงหน้าล่วง-หุ้นจีนรูด เจอแรงขายหุ้นสายการบิน-อาหารถล่มหนัก ฟากไทย CPF-AOT-THAI ถูกเทกระจาด วงการเชื่องานนี้ไม่กระทบธุรกิจโรงแรม ชี้หุ้นโรงพยาบาล-กุ้ง-ทูน่า รับอานิสงส์คนขยาดเนื้อหมู
เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนทั่วโลกไปแล้วสำหรับไข้หวัดหมู ที่ขณะนี้กำลังลุกลามอย่างหนักในเม็กซิโกและมีทีท่าจะแพร่ขยายไปยังประเทศอื่นๆ จากตัวเลขกระทรวงสาธารณสุขของเม็กซิโก รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดหมู จำนวน 81 ราย และมีผู้ติดเชื้ออีก 1,324 คนโดยเชื้อไวรัสที่มีลักษณะทางพันธุกรรมแบบเดียวกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ในหมูสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเรียกชื่อกันว่า H1N1 อาจกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ที่อันตรายยิ่งขึ้นได้
ส่งผลให้องค์การอนามัยโลก WHO ประกาศเตือนการแพร่ระบาด และอาจเพิ่มระดับการเตือนภัยจากระดับ 3 เป็น 4 ซึ่งถือเป็นการแพร่ระบาดไปทั่วโลกได้ จากเหตุการณ์เกิดการระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ SARS เมื่อปี 2546 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 800 คน รวมถึงการระบาดของไข้หวัดนก ส่งผลให้สนามบินนานาชาติหลายแห่งเริ่มประกาศเตือนผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังเม็กซิโก ควรใช้ผ้าปิดจมูก ล้างมือให้สะอาด และบ้วนปาก รวมถึงมีมาตรการตรวจหาผู้สงสัยหรือผู้ที่มีอาการติดเชื้อ ซึ่งการระบาดครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ล่าสุด รายงานข่าวจากต่างประเทศ ระบุว่า สหรัฐได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข แล้วเมื่อวานนี้ จากการระบาดของโรคไข้หวัดหมูทำให้มีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ แล้วจำนวน 20 คน หลังจากโรคดังกล่าวคร่าชีวิตประชาชนในเม็กซิโกไปแล้ว 81 คน
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและความมั่นคงได้ประกาศขั้นตอนในการปล่อยสต็อกยาทามิฟลูและเรเลนซาที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ในสหรัฐ โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ได้แนะนำให้เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นวางแผนสำหรับความเป็นไปได้ในการปิดโรงเรียนและแนะนำว่าผู้ที่มีอาการป่วยควรอยู่บ้านเพื่อจะได้ลดความเป็นไปได้ในการแพร่เชื้อโรค
การระบาดของไข้หวัดหมูครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจทั่วโลก รายงานข่าวบนเว็บไซท์บลูมเบิร์กดอทคอมระบุว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินเปโซเม็กซิโก
อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดสุกร จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 81 แล้ว
ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า และดัชนีตลาดหุ้นยุโรปล่วงหน้าปรับตัวลดลงวานนี้ หลังนักลงทุนหวั่นเกรงว่า ภาวะการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดสุกรในเม็กซิโกจะซ้ำเติมให้เศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงขึ้น
โดยดัชนี ดาวโจนส์ ล่วงหน้า : ตลาดหุ้นนิวยอร์ค เวลา 16:02 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 7,936.00 จุด ลดลง 120.00 จุด ขณะดัชนียูโรสต็อกซ์ 50 ลดลง 1.3% มาอยู่ที่ 2230 จุด ณ เวลา 7.19 น. ตามเวลาในกรุงลอนดอน
ขณะที่หุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบมากที่สุดได้แก่กลุ่มสายการบินและท่องเที่ยวในสหรัฐฯและยุโรปเช่น แอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มกรุ๊ป บริติชแอร์ส และอินเตอร์คอนติเนนตัลโฮเทลส์
ฟากตลาดหุ้นแถบเอเชียอย่างตลาดหุ้นจีนก็ตอบรับกระแสการระบาดดังกล่าวเช่นกัน ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีนปิดที่ระดับ 2,405.35 จุด ต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ลดลง 43.25 จุด หรือ-1.8% โดยรายงานข่าวระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นจีนปิดลบมีสาเหตุมาจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มสายการบินและอาหาร เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมู ประกอบกับมีแรงเทขายหุ้น ไชน่าแปซิฟิคอินชัวรันซ์(กรุ๊ป) บริษัทประกันรายอันดับ 3 ของจีน หลังกำไรลดลงทำให้กังวลว่าบริษัทอื่นๆจะยังคงไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
ส่วนตลาดหุ้นไทยนั้นวานนี้ดัชนีฯปิดที่ 474.99 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด หรือ 0.19% มูลค่าการซื้อขาย 14,266.08 ล้านบาท โดยราคาหุ้นในกลุ่มธุรกิจอาหารและสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดหมูต่างปรับตัวลดลง CPF ปิดที่ 3.24 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ 0.61% มูลค่าการซื้อขาย 58.82 ล้านบาท AOT ปิดที่ 18.60 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือ 2.11% มูลค่าการซื้อขาย 109.92 ล้านบาท THAI ปิดที่ 12.10 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ 6.92% มูลค่าการซื้อขาย 247.69 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นกลุ่มธุรกิจที่น่าจะได้รับผลดีจาผลกระทบดังกล่าวกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น TUF ปิดที่ 22.60 บาท เพิ่มขึ้น 2.60 บาท หรือ 13.00% มูลค่าการซื้อขาย 247.40 ล้านบาท GFPT ปิดที่ 20.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.30 บาท หรือ 6.84% มูลค่าการซื้อขาย 33.47 ล้านบาท
**** นายกรัฐมนตรี เตรียมนำมาตรการป้องกันการระบาดของ ไข้หวัดหมู เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ เตรียมหารือเกี่ยวกับมาตรการการป้องกันการระบาดของไข้หวัดหมู เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับนโยบายไปปฏิบัติ โดยเฉพาะการให้คำแนะนำการป้องกันแก่ประชาชน ส่วนจะมีการประกาศห้ามไม่ให้ประชาชนเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกหรือไม่นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสนอรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามกรณี พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือพาสปอร์ตของประเทศกัมพูชา
****สมาคมผู้เลี้ยงหมู ยันเนื้อหมูไทยปลอดภัย กินได้ เรียกร้องรัฐห้ามนำเข้าเครื่องในหมูนอก
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผลกระทบจากปัญหาไข้หวัดหมูในเม็กซิโกที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อการบริโภคในประเทศไทย เนื่องจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเม็กซิโก ไม่เกี่ยวกับสุกรแต่อย่างใด และเป็นคนละสายพันธุ์ที่มีในประเทศไทย
โดยในวันนี้สมาคมได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า เนื้อสุกรของไทยไม่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค เนื่องจากการเลี้ยงสุกรของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาการเลี้ยงขึ้นมามาก เพื่อให้สอดคล้องกับการก้าวเข้าสู่มาตรฐานอาหารปลอดภัย (Food Safety) ตามนโยบายของรัฐบาล ส่งผลให้ฟาร์มเลี้ยงสุกรในประเทศยกระดับมาตรฐานขึ้น ศักยภาพค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่น
เนื้อสุกรที่ผลิตในประเทศจึงเป็นเนื้อสุกรที่มีคุณภาพ ขอให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจได้ ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรค และนักวิชาการ ต่างออกมายืนยันแล้วว่าการรับประทานเนื้อสุกรปรุงสุกไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม เพื่อความไม่ประมาททางผู้เลี้ยงสุกรควรจะระมัดระวังการเข้าออกฟาร์ม อย่างเต็มที่ ไม่ให้เชื้อโรคติดเข้าไปในฟาร์มได้ และอย่าเลี้ยงสุกรหนาแน่นเกินไปเพราะจะทำให้สุกรป่วยเป็นโรคได้ง่าย
นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ต้องการให้รัฐบาลสั่งงดการนำเข้าเครื่องในและชิ้นส่วนสุกร รวมทั้งพ่อแม่พันธุ์สุกรจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย ทันทีเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดโรคระบาดที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการนำเข้าไว้ก่อน ดีกว่าปล่อยให้นำเข้ามาแล้วมีปัญหาภายหลัง จะทำให้การเลี้ยงสุกรในประเทศไทยได้รับผลกระทบ และยากที่จะแก้ไขได้ หากยุติการนำเข้าแล้วมีปัญหาตามมาค่อยหาทางแก้ปัญหาไปทีละเรื่องจะปลอดภัยกว่า และเมื่อเหตุการณ์การระบาดของโรคสงบลงจะพิจารณายกเลิกยุติการนำเข้าภายหลังก็ได้
สำหรับภาวะราคาเนื้อสุกรขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการระบาดข้างต้น แต่เป็นเรื่องปกติของสินค้าปศุสัตว์ ที่ในช่วงหน้าร้อน สุกรจะกินอาหารน้อย โตช้า และมีความเสียหายสูงจากสภาพอากาศ ซึ่งสามารถดูกราฟย้อนหลังได้ เพราะทุกปีจะเป็นอย่างนี้ ที่หมูจะมีราคาแพงในช่วงหน้าร้อน
****นายกสมาคมโรงแรมไทย เชื่อหวัดหมูระบาดไม่กระทบธุรกิจโรงแรมในไทย
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า เชื่อว่าการระบาดของไข้หวัดหมูในเม็กซิโกและอเมริกา ไม่น่าจะกระทบต่อธุรกิจโรงแรมของไทย เพราะไม่ถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทย แต่ถ้าเกิดการระบาดในเอเชียโดยเฉพาะจีน จะกระทบต่อธุรกิจอย่างมาก ทั้งนี้ คาดว่าหากสถานการณ์การเมืองในประเทศ มีเสถียรภาพมากขึ้น น่าจะทำให้ธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัวได้ในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แต่อัตราการเข้าพัก คงไม่สามารถกลับไปเท่ากับช่วงไตรมาสสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของปีก่อนๆได้เพราะยังมีปัจจัยเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกกดดันอยู่
"ถ้าทุกอย่างกลับมาเรียบร้อยดี ผมว่าในไตรมาสสุดท้าย น่าจะกลับคืนมา แต่คงไปเปรียบเทียบกับไฮซีซั่นของทุกๆปี ยังไม่ได้ ปีนี้มีเรื่องเศรษฐกิจมาเกี่ยวปกติจะประมาณ85-95% แต่ปีนี้ประมาณ 75-80% ก็น่าพอใจแล้ว"นายประกิจกล่าว
**** AOT ติดตั้ง เครื่องวัดอุณหภูมิ สนามบินสุวรรณภูมิ รับมือไข้หวัดหมู แล้ว เชื่อไม่กระทบยอดนักท่องเที่ยว
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าจากกรณีที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมู ที่ระบาดในประเทศเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกาจนมีผู้เสียชีวิต ขณะที่ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ประสาน ขอใช้พื้นที่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ ตรวจสอบ โรค เหมือนกรณีที่เคยดำเนินช่วง เกิดโรคซาร์ส และไข้หวัดนก ระบาด
'กรมควบคุมโรคได้เข้ามาติดตั้งเครื่อง วัดอุณหภูมิเทอร์โมสแกนเนอร์ และจัดพื้นที่สำหรับการกักตัว ผู้โดยสาร ที่อาจต้องสงสัย ว่า ติดเชื้อที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อ
ดูอาการแล้วส่วนจะติดตั้งเครื่องเพิ่มเติมที่สนามบินอื่นๆหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรมควบคุมโรคจะพิจารณา รวมทั้งการประสานขอความร่วมมือสายการบินด้วย' นายเสรีรัตน์ กล่าว
ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กล่าวด้วยว่า จากเหตุการแพร่ระบาดจะไม่กระทบต่อจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทย เนื่องจาก ที่ผ่านมายอดผู้โดยสารจากประเทศเม็กซิโกมีค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามยอมรับ ว่าช่วง3เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.)ยอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เดินทางเข้าประเทศไทยน้อยลง แต่สาเหตุหลักน่าจะมาจาก ผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลก
****GFPT เชื่อไข้หวัดหมูระบาดได้อานิสงส์คนแห่กินไก่ หนุนราคาหุ้นบนกระดานคึก
แหล่งข่าวระดับสูง จากบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าสาเหตุที่ราคาหุ้น GFPT ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงการซื้อขายวานนี้เกือบ 10% น่าจะเป็นผลมาจากประเด็นการแพร่ขยายของโรคไข้หวัดหมู ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาทานเนื้ออื่นชนิดที่ทดแทนเนื้อหมู เพราะราคาเนื้อไก่, เนื้อกุ้ง และเนื้อหมู อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยหากผู้บริโภคจะเลือกซื้อเนื้อชนิดอื่นๆ เพื่หหหหอทดแทนกัน เชื่อว่าเนื้อไก่น่าจะได้รับประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม ระยะยาวคงต้องมาพิจารณาถึงผลต่อเนื่องว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ซึ่งสัดส่วนรายได้จากเนื้อไก่อยู่ที่ประมาณ 40% ของรายได้รวม
ขณะเดียวกัน ปัจจัยพื้นฐานของ GFPT ก็เป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่มีปัญหาแม้อยู่ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจ และการเมืองเผชิญกับปัญหา เพราะเป็นเสมือนสินค้าที่ผู้บริโภคจำเป็นต้องกินต้องใช้
แหล่งข่าวรายเดิม กล่าวอีกว่า คาดการณ์รายได้ในงวดไตรมาส 1/2552 ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/2551 แม้จะเป็นช่วง Low season ของการส่งออกที่เดิมคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานน่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว แต่การจากสำรวจยังคงพบว่าปริมาณการขายยังคงมีอัตราการเติบโต
อย่างไรก็ตาม ทั้งปีจะพยายามรักษารายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 11,168.14 ล้านบาท โดยการประคองตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง ขณะเดียวกันประเทศคู่ค้าที่ส่งออกก็ยังไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินมากนัก ทั้งในประเทศญี่ปุ่น และแถบยุโรป
****โบรกฯคาดหุ้นไก่-ทูน่า-โรงพยาบาลรับอานิสงส์หวัดหมู
บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า คาดว่าการระบาดของไข้หวัดหมูในครั้งนี้ จะส่งผลกระทบลบต่อหุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นที่มีราคาสูงกว่ามูลค่าพื้นฐานและปรับตัวขึ้นมาเร็วเกินไป แนะนำทยอยขายทำกำไร THAI(FV11.69),AOT(FV17.04) โดยเปลี่ยนมาซื้อหุ้นกลุ่มอาหารที่ได้ประโยชน์จากพฤติกรรมผู้บริโภคปรับตัวไปบริโภคอาหารโปรตีนอื่นเช่นเนื้อไก่ แนะนำซื้อ CPF(FV4.38), GFPT(FV25.93) รวมถึงหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลภายในประเทศแนะนำเก็งกำไร KH(FV8.6), SKR(FV12.9)
ด้านบทวิเคราะห์ของ สถาบันนครหลวงไทย ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบทางจิตวิทยาจากประเด็นการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมู ได้แก่ กลุ่มโรงแรม คือ ERAWAN และ MINT , กลุ่มขนส่ง คือ THAI ,AOT และกลุ่มเกษตรและอาหารที่พึ่งพาการขายเนื้อหมู
ส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์เชิงบวก คือ กลุ่มโรงพยาบาล BGH และบริษัทจดทะเบียนที่ขายเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ หรือ กลุ่มอาหารทะเล ทดแทนกันกับเนื้อหมูที่ได้จะได้รับผลประโยชน์ จากการที่ผู้บริโภคเปลี่ยนการบริโภคอาทิ เช่น TUF และGFPT
นักวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ถ้าดูจากขณะนี้ มองว่า ผลกระทบยังไม่มากนัก ซึ่งจะเหมือนกับกรณีของไข้หวัดนก เพราะส่วนใหญ่ถือเป็นการระบาดระหว่างสัตว์ด้วยกัน แต่ถ้าเป็นกรณีโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส) ในลักษณะนั้นจะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมมากกว่า เพราะเป็นการระบาดระหว่างคนสู่คนซึ่งโรคซาร์สเกิดการระบาดในฮ่องกงเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งส่งผลลบต่อเศรษฐกิจของเอเชีย
โดยเลือกให้ MINT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงแรม เพราะเชื่อว่าธุรกิจโรงแรมในภาพรวมปีนี้ คงทำได้ดีที่สุดเพียงประคองตัวจากปีก่อนแต่ในส่วน MINT มีรายได้จากธุรกิจอาหารที่ยังเติบโตได้อยู่