ผมก็ไม่ได้หมายความว่า การมีสินค้าทดแทน จะไม่มี DCA นะครับ
...
ขอยกตัวอย่าง...
สมัยก่อน MFG ลงทุนธุรกิจพิซซ่า ภายใต้ Pizza Hut
ต่อมาเมื่อหลุดจากเงา Pizza Hut แล้ว MFG ก็ทำ Pizza Company
ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเอง ส่วน Pizza Hut ก็ขยายตัวด้วยกลุ่มทุนใหม่
ได้แก่กลุ่มของ Yum ที่เข้ามารับผิดชอบครับ
แข่งกันไปก็เท่าที่เห็นนี่แหละครับ ร้าน Pizza ในไทยอันดับ 1
ก็คือ Pizza Company ทั้งๆ ที่ Pizza Hut ดูจะคุ้นหูคุ้นตาคนไทยมากกว่า
ประเด็นที่ผมเข้าใจก็คือ น่าจะเกิดจาก MFG ออกตัวก่อน YUM ครับ
ความพร้อมตอนนั้น MFG มีมากกว่า จำนวนสาขามากกว่า ร้านก็อยู่ในทำเลเดิมๆ
ลูกค้าก็ไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรม เคยเข้าร้านนี้ ก็เข้าร้านเดิม ทานร้านเดิม
ผมสรุปกรณีนี้ง่ายๆ เอาเองครับว่า...
คนไทยซื้อพิซซ่าทาน เพราะความสะดวก มากกว่าเรื่องของรสชาติ
ทีนี้ มาดูคนใกล้ๆ ตัวผมบ้าง บางคนโทรสั่งก็เพราะโปรโมชั่นที่กำลังดูทางทีวีเท่านั้นครับ
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่า โทรไปสั่งจาก Pizza ไหน..?
ซึ่งผมไม่อยากให้มองว่าร้าน Pizza ต้องแข่งกับร้าน Pizza ด้วยกันนะครับ ความจริง...
มันก็คือของกิน อะไรที่กินได้แล้วอิ่มก็ใช้ได้เหมือนกัน และถ้าวันหน้า
มีอะไรที่สะดวกกว่า รวดเร็วกว่า อร่อยกว่า จะว่าเป็น Trend ของอาหารก็ได้
Pizza ก็ Pizza เถอะ ก็ลำบากได้เหมือนกันนะครับ
ซึ่งผมมองว่า MINT ก็มีข้อดีตรงนี้นี่แหละ คือมีพอร์ตร้านอาหารในเครือ
ให้เลือกไว้หลายแบรนด์ แถมมีการพัฒนาแบรนด์ใหม่ๆ ด้วย
ส่วนธุรกิจโรงแรม ผมมองยังไงๆ บริการของโรงแรมในเกรดเดียวกันก็ไม่ได้ต่างกันนะครับ
อาจจะเพราะผมไม่ใช่นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักก็ได้ :lol:
ซึ่งผมมองว่าโรงแรมจะสร้างให้สวยยังไงก็ได้ สุดท้าย...
บริการก็เหมือนๆ กัน คล้ายๆ ธุรกิจของธนาคาร พอใครดีกว่า
เดี๋ยวอีกเจ้าก็ทำตามเหมือนกัน สุดท้าย ลูกค้าก็เลือกธนาคารที่ตัวเองคิดว่าสะดวกๆ
โดยรวมๆ ผมมองว่า MINT ได้เปรียบคู่แข่งที่ความใหญ่ครับ
และที่สำคัญ ทุกแบรนด์ที่มี ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จด้วยกันทุกแบรนด์