ฟองสบู่สกปรก
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 11, 2009 12:13 am
ข้อความด้านล่างนี้เป็นความคิดเห็นนะครับ ผิดถูกขออภัย
การพลิกตัวกลับของตลาดหุ้นในเอเซียครั้งนี้ รวดเร็วและรุนแรงเฉกเช่นเดียวกับตอนที่ดิ่งตัวลงมาเมื่อปลายปีที่แล้ว
แต่ครั้งนี้ กระดานหกได้ดีดกลับไปอีกด้านหนึ่ง การลงมาแรงเมื่อปีที่ผ่านมามีเหตุผลหลักมาจากการขาดสภาพคล่อง
อัตราการกู้ยืมระหว่างธนาคารขึ้นไปสูง ทำให้ต้องเอาสินทรัพย์ออกมาขายเพื่อดำรงสภาพคล่องของบริษัท
แต่ตอนนี้หนังเรื่องนั้นจบลงไปแล้วเพราะว่า ธนาคารกลางของหลายๆประเทศร่วมใจอัดฉีดเงินเข้าระบบ พร้อมทั้งลดอัตราดอกเบี้ย
ทำให้สภาพคล่องกลับมาเป็นปกติ เมื่อเงินกลับมาในระบบ แต่ดอกเบี้ยต่ำเหลือเกิน เงินทั้งหลายจึงพากันวิ่งเข้าไปใน ASSET CLASS ต่างๆ
โดยมีเอเซียเป็นเป้าหมายหลักเนื่องจากนักลงทุนกลัวว่า USD จะอ่อนค่า เพราะ หนี้ในระบบนั้นมหาศาล และ อัตราเงินเฟ้อน่าจะกลับมาหลอกหลอน
แต่สหรัฐมีจุดอ่อนที่ว่าเนื่องจากหนี้ในระบบมาก หากเงินเฟ้อกลับมา สหรัฐอาจไม่สามารถจัดการกับเงินเฟ้อได้ เพราะ การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้
เศรษฐกิจที่เปราะบางที่กำลังก่อตัวล้มลงอีกที่ก็เป็นได้
เพื่อเป็นการสังเกตุแนวโน้มการฟื้นตัว ต่อจากนี้ไปเราควรสังเกตุตัวเลขเศรษฐกิจสองตัวเป็นหลัก
1) การลงทุนของภาคเอกชน
2) อัตราการว่างงาน
เพราะว่าถ้าการลงทุน และ อัตราการว่างงานไม่ฟื้นแสดงว่าเงินที่อัดฉีดเข้ามานั้น พวกนักลงทุนเอามาเก็งกำไรกัน
ไม่ยอมเอาไปสร้างผลผลิต เนื่องจาก DEMAND ในตลาดยังอ่อนตัว และกำลังการผลิตเดิมยังคงเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก
หากสภาพคล่องที่แบงค์ชาติแต่ละประเทศอัดฉีดเข้าถูกเอาไปใช้ในการเก็งกำไรเป็นหลัก ทำให้เกิดฟองสบู่ของการปั่นราคาขึ้นมาอีกรอบ
จนฟองสบู่นั้นแตกอีกครั้ง เราคงจะต้องเผชิญกับสภาวะถดถอยต่อเนื่องยาวนานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนนะครับ
การพลิกตัวกลับของตลาดหุ้นในเอเซียครั้งนี้ รวดเร็วและรุนแรงเฉกเช่นเดียวกับตอนที่ดิ่งตัวลงมาเมื่อปลายปีที่แล้ว
แต่ครั้งนี้ กระดานหกได้ดีดกลับไปอีกด้านหนึ่ง การลงมาแรงเมื่อปีที่ผ่านมามีเหตุผลหลักมาจากการขาดสภาพคล่อง
อัตราการกู้ยืมระหว่างธนาคารขึ้นไปสูง ทำให้ต้องเอาสินทรัพย์ออกมาขายเพื่อดำรงสภาพคล่องของบริษัท
แต่ตอนนี้หนังเรื่องนั้นจบลงไปแล้วเพราะว่า ธนาคารกลางของหลายๆประเทศร่วมใจอัดฉีดเงินเข้าระบบ พร้อมทั้งลดอัตราดอกเบี้ย
ทำให้สภาพคล่องกลับมาเป็นปกติ เมื่อเงินกลับมาในระบบ แต่ดอกเบี้ยต่ำเหลือเกิน เงินทั้งหลายจึงพากันวิ่งเข้าไปใน ASSET CLASS ต่างๆ
โดยมีเอเซียเป็นเป้าหมายหลักเนื่องจากนักลงทุนกลัวว่า USD จะอ่อนค่า เพราะ หนี้ในระบบนั้นมหาศาล และ อัตราเงินเฟ้อน่าจะกลับมาหลอกหลอน
แต่สหรัฐมีจุดอ่อนที่ว่าเนื่องจากหนี้ในระบบมาก หากเงินเฟ้อกลับมา สหรัฐอาจไม่สามารถจัดการกับเงินเฟ้อได้ เพราะ การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้
เศรษฐกิจที่เปราะบางที่กำลังก่อตัวล้มลงอีกที่ก็เป็นได้
เพื่อเป็นการสังเกตุแนวโน้มการฟื้นตัว ต่อจากนี้ไปเราควรสังเกตุตัวเลขเศรษฐกิจสองตัวเป็นหลัก
1) การลงทุนของภาคเอกชน
2) อัตราการว่างงาน
เพราะว่าถ้าการลงทุน และ อัตราการว่างงานไม่ฟื้นแสดงว่าเงินที่อัดฉีดเข้ามานั้น พวกนักลงทุนเอามาเก็งกำไรกัน
ไม่ยอมเอาไปสร้างผลผลิต เนื่องจาก DEMAND ในตลาดยังอ่อนตัว และกำลังการผลิตเดิมยังคงเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก
หากสภาพคล่องที่แบงค์ชาติแต่ละประเทศอัดฉีดเข้าถูกเอาไปใช้ในการเก็งกำไรเป็นหลัก ทำให้เกิดฟองสบู่ของการปั่นราคาขึ้นมาอีกรอบ
จนฟองสบู่นั้นแตกอีกครั้ง เราคงจะต้องเผชิญกับสภาวะถดถอยต่อเนื่องยาวนานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนนะครับ