สิ่งที่เว็บบอร์ดต้องการ
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 30, 2009 9:48 am
สวัสดีครับ.....
ผมมีนิทานเรืองหนึ่งสอนในโรงเรียนศาสนาเล่าให้ฟังครับ....
ขี้เมาโต๋เต๋กลิ่นตัวคละเคล้าบุหรี่ กลิ่นเหล้าฟุ้ง และน้ำหอมผู้หญิง เดินลากรองเท้าบู๊ตขึ้นรถเมล์กลับบ้านยามเช้า รถว่างมาก แต่มีบาทหลวงท่านนั่งหลังสุด ขี่เมาบินโบกกระเพกโซเซไปทางหลังรถแล้วทิ่งร่างดั่งใบไม้ร่วงนั่งแปะข้างหลวงพ่ออย่างไม่ลังเล หลวงพ่อท่านทั้งสุภาพและอ่อนโยน อีกทั้งกลิ่นตัวท่านยังหอมกลิ่นกำจายยิ่งนัก ขี้เมาก้ม ๆ เงยอยู่สองสามครั้ง ขยอกเศษอาหารมากองข้างนอก โ ห.... ร ะ เ บิ ด โ จ๊ ก ! ! ! ! หลวงพ่อท่านรีบอุดจมุก แต่กริวัตรท่านยังงดงามยิ่งนัก ขี้เมาค่อยๆ เงยหน้าอย่างช้าๆ แล้วถามหลวงพ่อว่า.....
เอี๊กกกก ......หลวงพ่อครับ อะไรครับที่ทำให้คนเรา เอิ๊กกกกก...เปนโรคไขข้อกระดูกอักเสบได้ขอรับ
หลวงพ่อท่านตอบแบบหยั่งรู้ นั่นเปนการ กินเหล้า ดุดบุหรี่ และ มั่วซำซ่อนสตรีเพศ
โอย.....ตูละว่าแล้ว! เอิ๊กกกก ขี้เมาอุทาน
พลันหลวงพ่อท่านตะหนักรูตนเอง ท่านนั่งคิด เหนได้ชัดดว่า ชายผูนี้กำลังต้องการความเมตตา ไฉนเลยเราจึงพุดแดกดันเขาเช่นนั้น คิดได้จึงพูดไปว่า...
ลุกทรมานจากโรคร้ายนี้มากใช่ไหมลูก ลุกเปนมานานเท่าใดแล้วละ
ทรมานอะไรหลวงพ่อ ผมไมได้เปนครับ ..ผมได้ยินข่าวตอนเช้า เขาว่า พระสันตะปาปา เปนครับหลวงพ่อ
เรื่องปรัชญาใช้สอนในเรื่องการลงทุนได้ดี เรียนเรื่องบัญชี เรียนเรื่องเทคนิคคอล เรื่องไหนๆ ถือเปนการลงทุนกับตัวเองกับการพัฒนาความคิด ชำระล้าง และต่อสู้กับความจำเจ
เรื่องข้างบน ขี้เมามีสติ แต่ไม่มี expectation ส่วนบาทหลวงท่านมี expectation แต่ไม่มีสติ
บาทหลวงท่านมีฉลาก ท่านมีวัฒนธรรม ท่านมีแบบแผนปฎิบัติ ท่านเคร่งปฎิบัติในสิ่งที่ท่านเชื่อ ท่านมีศาสนาไว้ยึดเหนี่ยวในจิตใจ นักลงทุนที่มีแบบแผนปฎิบัติ ไม่ต่างอะไรจากบาทหลวงที่คิดว่าสิ่งที่ตัวเองเชื่อนั้นศักสิทธิ์ไม่มีสิ่งใดที่ต้องพิสูจน์ความจริง
หลวงพ่อท่านเหนขี้เมาด้วยตา ด้วยกลิ่น ด้วยใจ ด้วยหู เหนแล้วท่านพิพากษาทันที
ท่านมีตา มีหู แต่ท่านกลับพูดอย่างไม่ลืมหูลืมตา เหนแล้วท่านมี expectation มีสมมุติฐานซึ่งมาก่อนคำพิพากษา แต่ท่านตะหนักรู้ทันตัวเอง จึงกล่าววาจาด้วยความเหนใจครั้งที่สอง แต่ก็ยังเปนคำพิพากษาอยู่ดี แถมยังเปนคำพิพากษาที่อยู๋บนข้อสมมุติฐานอันเดิมที่ผิด การตะหนักรู้ของท่านหรือที่เรียกว่าสติของท่านจึงผิดถึงสองครั้ง สติไม่ใช่สื่งที่ถูกเสมอไป ท่านจะแน่ใจได้อย่างไร
ในการลงทุน ข้อสมมุมติฐานนั้นจำเปนอย่างมาก แต่ข้อสมมุติฐานที่ดีที่สุดคือ.....
"ไม่ควรยอมรับโดยไม่รู้จักคิด"
แม้บทบัญญัติเรื่องการลงทุนที่สำคัญที่สุดที่ท่านต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด ต่อให้มันใช้ได้เกือบทุกครั้ง เรายังต้องพยายามทำความเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังบทบัญญัติเหล่านั้น อย่าง อย่าขาดทุน นั่นเปนความเชื่อทีแพร่หลายไปทั่ว ไม่มีใครอยากขาดทุน ยอมรับกันหมด เราหัวอ่อนกันขนาดนั้นหรือ เราจะหลับหูหลับตาเชื่อกันเหมือนบาทหลวงที่เหนขี้เมาแล้วพิพากษาไปเลยหรือ ไม่มีอะไรที่ต้องพิสูจน์อีกแล้ว
ผมยกตัวอย่างนักลงทุนท่านหนึ่งชื่อพี่ ฉ. พี่ ฉ . เปนตัวอย่างที่ดีในการตอบคำถามด้วยคำถาม พี่ ฉ. กระตุ้นให้นักลงทุนตั้งคำถามและหาคำตอบด้วยตัวเอง พี่ ฉ. มีข้อได้เปรียบในด้านภูมิปัญญาเหนือกว่าผู้อื่นเพราะพี่ ฉ.ได้เรียนรู้เรื่องการลงทุนมากที่สุดจากเพื่อนสมาชิกที่พี่ ฉ. ตอบคำถาม
พี่ ฉ. เปนนักลงทุนที่โชคดีที่สุด เพราะ ในขณะที่พี่ ฉ. ช่วยให้นักลงทุนเหล่านั้นมีโอกาสดึงศักยภาพตัวเองออกมาพัฒนาความคิดตัวเองให้เฉียบแหลม พี่ ฉ. ก็มีโอกาสเรียนรู้จากตอบกลับจากนักลงทุนเหล่านั้น นี่คือเหตุผลที่เว็บบอร์ดมีความสำคัญ มันเปนงานที่ไม่มีจุดเริ่มต้นหรือสิ้นสุด ไม่มีคำตอบสุดท้าย ทุกคนสามารถเริ่มต้นถกเถียงจากประเด็นไหนก็ได้แม้แต่ประเด็นทีทุกคนยอมรับกันหมดแล้ว กระผมขอยกอย่าง อย่างประโยคที่ว่า...อย่าขาดทุน นักลงทุนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะยอมรับหรือปฎิเสธคำอธิบายที่อยู่เบื้องหลังสมมุติฐานเหล่านั้น การเรียนรู้เรื่องการลงทุนไม่ใช่การท่องจำเรื่องราวในอดีต แต่เปนการเชื้อชวนให้มาถกเถียงเรื่องราวในอนาคตที่แตกต่างไปจากเดิมต่างหาก
บางทีสิ่งที่เว็บบอร์ดต้องการ อาจไม่อยู่ที่การพัฒนาเวบ แต่อยู่ที่การพัฒนาคน หรือว่า เราต้องหาคนอย่างพี ฉ.ให้เจอ!!!
ข้อสมมุตฺฐานอาจเปนต้นเหตุของความวุ่นวาย ถ้าเอาไปใช้ไม่ถูก อย่าเชืออะไรโดยไม่รู้จักคิด พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ไม่ใช่หรือครับ ถ้าท่านเปนพุทธ ท่านคงทราบดีกว่ากระผม มีสมมุติฐานแล้ว อย่าพึ่งพิพากษา ตรวจสอบ ตั้งคำถาม ค้นคว้า อย่าศัทธาโดยไม่พิจารณาให้ลึกซึ้ง ท่านอาจลงเอยด้วยความเข้าใจผิด เรื่องทีท่านคิดว่าท่านรู้ แต่ที่จริงท่านอาจไม่รู้อะไรเลย เหมือนที่กระผมไม่รู้อะไรเลยเช่นกัน
ดูทีวีโคดสะนา แม่ทอดไข่ เด็กถามทำไม ทำไม ทำไม ผู้ใหญ่ดูท่ารำคาญไม่น้อย กระผมขออนุญาตพิพากษาไปก่อน 555555555 แต่เพราะลูกสาวดู เลยมาถามผมว่า ทำไมแม่เขาทำหน้าอย่างนั้น เรื่องนี้ เปนเรื่องที่ต้องอธิบาย ความไร้เดียงสามีค่ายิ่ง มีค่าขนาด โสกราติส ต้องมีตลอดชีวิต มีค่าอย่างมากขนาดที่ Einstein บอกว่าที่เขาคิดเรื่อง relativity ได้เพราะความเปนเด็กของเขาที่คิดจะวิ่งเล่นไปคู่กับแสง มีค่าอย่างมากขนาดที่ สตีฟ จ๊อบ บอกว่า "จงหิวและไร้เดียงสาอยู่เสมอ"
ผมมีเรื่องตลกเล่าให้ฟังเกี่ยวกับพ่อกับลูกสาว.....
เด้กหญิงอายุ 8 ขวบ มีนิสัยชอบถามยันสากกระบือยันเรือรบ วันหนึ่งพ่อนั่งอ่าน นสพ. ก็เลยวิ่งถือใบไม้มาถามพ่อว่า พ่อค่ะ ทำไมใบไม้เปนสีเขียว
พ่อก็ตอบว่า เอ....ไม่รูสิลูก อีกไม่กี่นาที ถามพ่ออีกว่า พ่อค่ะ พ่อค่ะ ทำไมช้างไม่มีหกขา
พ่อตอบไปว่า เอออ....พ่อก๋ไม่ทันคิด พ่อไม่รู้อีกจริงๆค่ะ
อีกไม่กี่นาที ถามอีกว่า พ่อค่ะ พ่อค่ะ พ่อค่ะ ทำไมผู้หยิงต้องนั่งฉี่
พ่อมีมองหน้าตอบไปว่า เรื่องนั้น พ่อไม่รู้เหมือนกันลุก
ในที่สุดเด็กจ้องหน้าพ่อ แล้วถามพ่ออีกครั้งว่า .... พ่อค่ะ พ่อค่ะ พ่อค่ะ พ่อรำคาญหนูหรือปล่าวที่หนูถามมาก พ่อรีบหันขวับ วาง นสพ. แล้วตอบไปว่า...
ไม่หรอกค่ะ ถ้าลุกไม่ถาม แล้วลุกจะรูได้อย่างไรค่ะ
ขอบพระคุณและสวัสดีครับ.....