หน้า 1 จากทั้งหมด 1

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 10:55 am
โดย vivitawin
พอดี search หาอะไรอยู่ แล้วบังเอิญเจอครับ
นอกจากเรื่อง margin of safety แล้วก็มีเรื่องอื่นอีกเยอะทีเดียว
อ่านแล้วเอาไปคิดใคร่ครวญได้ประโยชน์มากๆ
น่าจะเหมาะกับราคาหุ้นช่วงนี้ :lol:

If you understood a business perfectly and the future of the business, you would need very little in the way of a margin of safety. So, the more vulnerable the business is, assuming you still want to invest in it, the larger margin of safety you'd need. If you're driving a truck across a bridge that says it holds 10,000 pounds and you've got a 9,800 pound vehicle, if the bridge is 6 inches above the crevice it covers, you may feel okay, but if it's over the Grand Canyon, you may feel you want a little larger margin of safety...
1997 Berkshire Hathaway Annual Meeting

You leave yourself an enormous margin of safety. You build a bridge that 30,000-pound trucks can go across and then you drive 10,000-pound trucks across it. That is the way I like to go across bridges.
Financial World, June 13, 1984.

เห็นภาพชัดเจน :D

source: http://en.wikiquote.org/wiki/Warren_Buffett

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 11:13 am
โดย Quadrifoglio Verde
หมายความว่า ถึงบริษัทจะดีมากๆ แต่ถ้า MOS ต่ำ เราก็ควรคิดให้หนัก

ผมเข้าใจถูกไหมครับ?

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 12:53 pm
โดย leotis
หมายความว่า ถึงบริษัทจะดีมากๆ แต่ถ้า MOS ต่ำ เราก็ควรคิดให้หนัก

ผมเข้าใจถูกไหมครับ?
ก็ประมาณนั้นแหล่ะคัฟฟฟ ผิดเปล่าเรา :oops:

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 1:43 pm
โดย vivitawin
ช่วยแปลให้หน่อยล่ะกันครับ  :8)
If you understood a business perfectly and the future of the business, you would need very little in the way of a margin of safety.
ถ้าคุณเข้าใจธุรกิจและอนาคตของมันอย่างสมบูรณ์แบบ คุณจะจำเป็นต้องใช้ส่วนเผื่อความปลอดภัยนิดหน่อย
So, the more vulnerable the business is, assuming you still want to invest in it, the larger margin of safety you'd need.
ดังนั้น หากธุรกิจยิ่งมีความไม่มั่นคงมาก/โจมตีได้ง่ายเท่าไหร่ คุณยิ่งจำเป็นต้องมีส่วนเผื่อความปลอดภัยในการลงทุนมากขึ้นเท่านั้น

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 1:45 pm
โดย i_sarut
หุ้นดีแต่ไม่มี margin of safety ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ดีครับ

แต่ในกรณีที่จะถือยาวนานมากๆแบบปู่บัฟ ถ้าธุรกิจยอดเยี่ยมมากๆขายในราคาที่เหมาะสมก็อาจจะเป็นข้อยกเว้นนะครับ

แต่ยังไงก็ต้องไม่แพงไปอยู่ดี  :lol:
หุ้นที่ห้ามซื้อ
นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์


ในวิชาการทางด้านการพนัน มีศัพท์เทคนิคอยู่คำหนึ่งคือคำว่า Parimutuel

การพนันบางอย่างเป็นการพนันแบบ Parimutuel หมายความว่า คุณจะได้ผลตอบแทนเท่าไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณแทงถูกหรือไม่อย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับว่ามีคนอื่นที่แทงถูกเหมือนคุณมากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าคุณแทงถูก แต่คนส่วนใหญ่ก็แทงเหมือนกับคุณ อัตราต่อรองจะถูก bid ขึ้นไปสูงเสียจนคนที่แทงถูกแทบจะไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย ตัวอย่างของการพนันแบบ Perimutuel ก็คือ ม้าแข่ง รวมถึงการพนันฟุตบอลแบบที่อัตราต่อรองไหลไปเรื่อยๆ ด้วย

ที่พูดถึงคำๆ นี้ก็เพราะอยากจะบอกคุณว่า ตลาดหุ้น ก็มีลักษณะเป็น Parimutuel ด้วย การเลือกหุ้นของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีที่สุด ยังไม่สามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ เพราะถ้าหากนักลงทุนคนอื่นๆ ในตลาดก็รู้เหมือนกับคุณ ราคาหุ้นจะ bid ขึ้นไปจนเกินพื้นฐานเสมอ การซื้อหุ้นเหล่านั้นที่ราคาเกินพื้นฐานจึงทำให้ขาดทุนมากกว่าที่จะกำไร ทั้งที่หุ้นเหล่านั้นเป็นหุ้นพื้นฐานดี

พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ การลงทุนในตลาดหุ้นไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเปรียบกับคณิตศาสตร์ก็เหมือนเป็นสมการสองชั้น นอกจากกิจการที่ลงทุนจะเป็นกิจการที่พื้นฐานดีแล้ว นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดจะต้องยังไม่เห็นความดีนั้นด้วย มิฉะนั้นลงทุนไปก็ไม่ได้อะไร เพราะราคาหุ้นที่ลงทุนจะไม่ถูกเมื่อเทียบกับพื้นฐานที่ดีของมัน

ในตลาดหุ้น หุ้นที่เป็นหลุมพรางของนักลงทุนจึงได้แก่หุ้นของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับกันเป็นการทั่วไปในตลาดว่ากิจการของหุ้นดีมากเสียจนหาข้อเสียใดๆไม่ได้เลย ปกติแล้วหุ้นทุกตัวในตลาดจะมีข้อเสียบางอย่างอยู่ ข้อเสียคือสิ่งที่ช่วยทำให้ราคาหุ้นมีแนวต้าน เมื่อใดก็ตามที่หุ้นตัวใดก็ตามในตลาด สามารถสร้างสตอรี่เพื่อแก้ต่างจุดอ่อนที่อยู่ในความรู้สึกของนักลงทุนทั่วไปในตลาดได้หมดทุกจุด ราคาของหุ้นตัวนั้นก็จะทะยานขึ้นทันทีอย่างกับติดเทอร์โบเนื่องจากหุ้นตัวนั้นจะไม่มีอะไรเป็นแนวต้านอีกต่อไป โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว พื้นฐานของหุ้นจะไร้ที่ติขนาดนั้นจริงหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แค่ไร้ที่ติในความคิดของนักลงทุนทั่วไปในตลาด ราคาหุ้นก็จะไร้แนวต้านทันที

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้พบเห็น หุ้นจรวด เหล่านี้อยู่เป็นระยะๆ โดยมากแล้วมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดกำลังวิตกกังวลเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ หุ้นบางตัวจะถูกมองและเชียร์กันบ่อยๆ ว่าเป็นหุ้นเพียงไม่กี่ตัวในตลาดที่ธุรกิจของมันจะไม่ได้ผลกระทบใดๆ จากเรื่องที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่นั้น เมื่อกระแสจุดติด ราคาของหุ้นเหล่านี้จะวิ่งเร็วยิ่งกว่าติดเทอร์โบกลายเป็นว่าวที่ติดลมบน ยิ่งเรื่องที่ตลาดกังวลทำให้ดัชนีปรับตัวลงมากเท่าไรก็จะยิ่งทำให้หุ้นตัวนั้นมีราคาเพิ่มขึ้นสวนตลาดมากขึ้นไปอีก เมื่อราคาหุ้นแข็งมาก นักลงทุนส่วนหนึ่งจะเข้ามาหลบภัยในหุ้นตัวนั้นเพื่อให้พอร์ตของตัวเองชนะตลาด ทำให้ราคาหุ้นตัวนั้นยิ่งแข็งขึ้นไปอีกเป็นปฏิกิริยาย้อนกลับในเชิงบวก ความที่ราคาหุ้นไม่ลงเลย ทำให้ยิ่งมีนักลงทุนที่อยากเป็นเจ้าของหุ้นตัวนั้นเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นหุ้นแต่ถือแล้วสบายใจยิ่งกว่าพันธบัตร เวลานี้ฟองสบู่ได้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว

การซื้อหุ้นเหล่านั้นในช่วงเวลาแบบนั้นเป็นเรื่องอันตรายที่สุด ราคาหุ้นอาจแข็งแกร่งอยู่อย่างนั้นได้เป็นปีๆ แต่ในวันที่ทุกอย่างปรากฏขึ้นมาว่ากิจการของหุ้นนั้นดีจริง แต่ไม่ดีมากขนาดที่จะ justify ราคาหุ้นที่สูงลิ่วขนาดนั้นได้ หุ้นมักจะปรับตัวลงอย่างรุนแรงม้วนเดียวจบจนตั้งตัวไม่ทัน พูดง่ายก็คือตัวใครตัวมันล่ะครับ (the party is over)

ในตลาดหุ้น หุ้นที่ห้ามซื้อเด็ดขาดจึงได้แก่ หุ้นที่ไม่มีข้อเสียใดๆเลย เหมือนการแทงม้าตัวที่ทุกคนเชื่อว่าจะเข้าวินจะไม่ได้ประโยชน์อะไร วิธีการเล่นหุ้นแบบหนึ่งที่จะล้มเหลวเสมอคือ ซื้อหุ้นที่นักวิเคราะห์ทุกสำนักแนะนำให้ ซื้อ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ทุกคนในตลาดเห็นด้วยว่าดีแล้ว ย่อมไม่เหลือใครในตลาดอีกที่อยากได้หุ้นตัวนั้นแต่ยังไม่ได้ซื้อ หุ้นจึงแทบไม่เหลือแรงส่งขึ้นไปได้อีกแล้ว นอกจากรอเวลาที่จะร่วงลงมาเมื่อใครสักคนที่มีหุ้นนั้นเริ่มอยากขายทำกำไรออกมา

นักลงทุนที่ดีต้องทำตัวเหมือนคนที่ยึดอาชีพเป็น แมวมอง แมวมองเลือกที่จะทุ่มให้กับคนที่ยังไม่ดังแต่มีแววว่าจะดังเท่านั้น เมื่อคนนั้นกลายเป็นคนดังขึ้นมาชั่วข้ามคืน แมวมองก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างมหาศาลจากความ ตาถึง ของเขา ในขณะที่ คนดู สนใจกันแต่ดาราที่ดังแล้ว ยิ่งดังเท่าไรยิ่งชอบ คนดูจึงต้องเป็นฝ่ายเสียเงินตลอด (ค่าบัตรคอนเสิร์ต ค่าตั๋วหนัง ฯลฯ) หุ้นที่น่าลงทุนกว่าคือหุ้นที่ยังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ดีอยู่ แต่เราเชื่อมั่นว่าสิ่งเหล่านั้นสามารถแก้ไขให้ดีขึ้นได้ในอนาคต ถ้าเราเลือกซื้อแต่ดอกไม้ที่มีคนคัดมาให้เราแล้วเราจะได้ดอกไม้ที่ดีก็จริง แต่เราจะต้องเป็นฝ่ายเสียเงินให้คนคัดดอกไม้เสมอ สู้ทำตัวเป็นคนคัดดอกไม้ในตลาดหุ้นไม่ดีกว่าหรือครับ

จบข่าว

นรินทร์  โอฬารกิจอนันต์
Wednesday , 25 February 2009

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 3:38 pm
โดย humdrum
สวัสดีครับ
  ผมมีเรื่องเล่าให้ฟังครับ
  เรื่องนี้เกี่ยว MOS  เกี่ยวกับเรืองการอุปมาสะพานที่กล่าวถึงข้างบน
 
   มีใครเคยอยู่สังคมที่เราถูกเยียดยามไหมครับ
  เหมือนที่ผมเห็นคนไทยบางท่านเหยียดยามคนขะแมร์ หรือเหยียดยามคนอีสาน  ถ้าเราไปอยู๋ในอเมริกา ท่านต้องเจอการเหยียดยามไม่มากกน้อย
 ผมโดนบ่อยครับ พนักงานเคยไม่ขายของให้ผม ผมเคยโดนขับรถผ่านแล้วมันกระจกมาด่าว่า Fuc U แล้วมันขับรถไป  เคยโดนถ่มน้ำลายใส่ เคยโดนอาจารย์ไม่สนใจในคำตอบเรา ผมโดนมาเยอะพอสมควรครับ
   ลูกจ้างพม่า ลูกจ้างต่าด่าวพวกนี้ มีสัญชาติญาณของการเอาตัวรอดสูงมาก  การทีเราอยูในสังคมทีเป็นปฎิปักากับเรามันทำให้เราเดาคนได้อย่างถูกต้องว่าเขามาจากชาติอะไร ทำงานอะไร ดูการแต่งตัว มองแวบเดียว เราก็เดาได้ เรื่องของการจดจำรายละเอียดต่างๆ การวิเตราะห์คน ลูกจ้างพม่าเก่งเรื่องพวกนี้ เหมือนผมที่ต้องพัฒนาการเอาใจใส่ในรายละเอียดต่างๆ ด้วยเหตุผลเพื่อรับมือกับเหตุการร์และสถานการร์ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่าวงไรก็ได้ เหมือนที่ผมเคยไปซื้อบุหรี่ตอนเที่ยงคืน แล้วโดนตำรวจสั่งให้ยืนชิดหน้าเข้ากำแพง แล้วเข้าค้นตัวหาอาวุธ  เหมือนตอนขับรถที่นิวยอร์ค ผมโดนประกบหน้าหลังด้วยมอเตอร์ไซค์ตำรวจ  

 คุณลักษณะการเอาตัวรอให้ได้ เกี่ยวข้องกับ MOS อย่างมากครับ ดั้งนั้นความรูสึกสะดวกสบายจึงไม่เคยอยู๋ในควาคิดผมเลย  การใช้ชีวิตอยู๋ในอเมริกา เราต้องตืนตัวเสมอ ถ้าท่านไปกวางเจา ไปเรียกรถ taxi เราต้องใช้ทั้งไหวพริบอย่างมาก  ถ้าแบบคนไทยไปยืนข้างถนนแล้วโบกรถ พอรถมาจอดหน้าท่าน ถ้าท่านไม่รีบขึ้น จะมีคนวิ่งตดหน้าท่านไปเลย  ผมเคยไปยืนสั่งแฮมเบอร์เกอร์ ยืนเว้นห่างพอมีที่แทรกได้ พี่ท่านแทรกผมไปเลยครับ ถ้าไปจีนบ่อยๆ จะเห็นว่า คนเขาเยอะ เขาต้องดินรนแย่งกันกิน แย่งกันเอาชีวิตให้รอด เพราะฉะนั้นวิวิตเขาจะแกร่งกับคนไทยมาก นั่น MOS ครับ ภายใต้ความกดดันต่างๆ มันมีความเสี่ยงตลอด เราต้องมีปฎิกริยาที่รวดเร็วต่อสิ่งต่างๆ ทีมีความไม่แน่นอนในชีวิต ความคิดและการโต้ตอบอบ่างรวดเร็วอย่างนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก ภาวะการดำรงชีวิตที่ยากลำบากอย่างนี้ มันบังคับให้เราต้องคิดล่วงหน้าสองสามขั้นเสมอ อย่างที่ท่านสุมาอี้พุดข้างบน เหมือนการเรียกแทกซี่ในกวางเจาอย่างไรอย่างนั้น

   แต่การมี MOS หรือ สัญชาติญาณของการเอารอดให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มันต้องมีความคิดทีเปิดกว้าง มันต้องไม่เชื่อในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำ เราต้องเคลื่อนไหวก้าวหน้าทุกวันทั้งร่างกายและความคิด ที่ว่าความคิดนี่คิอเราต้องทันใจตัวเอง เพราะคนเราชอบความสบาย ถ้าเราสบายกับสิ่งใดก็ตาม  เราจะเริ่มยอมรับสิ่งต่างๆ ตามสภาพ เราจะหยุดคิด หยุดตั้งคำถามต่างๆ เราจะเป็นเพียงใบหน้าหนึ่งในฝูงชน ทำได้เพียงคล้อยตามกับทุกสิ่งที่คนอื่นกำลังทำอยู๋ ถ้าพวกเขาไปทางไหน ท่านก็ไปทางนั้น
 
 ถ้าท่านไม่มี MOS  ท่านจะไม่เห็นสิ่งใหม่ เมื่อท่านอยู๋ที่ไหนนานๆ ท่านจะไม่มีแรงกระตุ้น ประสาทการรับรู้มันจะเฉื่อยฉาลงเรื่อยๆ

   MOS คือ ทำอย่างไรอย่าให้ขาดทุน เหมือนผมอยู๋ในอเมริกาทำอย่างไรให้อยู๋รอดให้ได้ ยิ่งเรายึดติดกับวัตถุมากเท่าใด ท่านยิ่งมี MOS น้อยเท่านั้น อย่ายึดติดความสะดวกสบาย ทั้งทางร่างกายและจิตใจครับ

 ผมฝึกทุกวัน ฝึกแบบเราก็ถือศีลห้า อดข้าวมิอเย็น นั่นฝีก MOS ได้เยอะ ถ้าท่านยิ่งจำกัดตัวเองให้น้อยเท่าใด ท่านจะยิ่งเข้าใจ MOS มากเท่านั้นครับ

     กูญแจสำคัญในการลงทุน คือ เราต้องรู้ว่าจะอยู๋รอดอย่างไร มันหมายถึงถ้าเราทำได้ไม่ดี เราต้องยอมรับตัวเองและถอนตัวออกอย่างรวดเร็ว ถ้าเราข้ามสะพาน 10000 ปอนด์อย่าง Buffett ว่า ถ้าข้ามแล้วสะพานมันพัง วันนั้นมันเกิดทรุดลงพอดี เพราะอายุการใช้งานมันเก่าแล้ว  ท่านตกลงไป ท่านว่ายน้ำได้ไหม ถ้าท่านแน่ใจ รอให้คนอื่นข้ามก่อนดีไหม หรือจะลองคิดหาวิธีอื่น  ถ้าเราก้าวขาข้ามไปได้สามก้าว สะพานมันทรุดเราต้องเตียมโดดกลับอบ่างเร็ว  เราต้องมีสมุติฐานก่อน และทดสอบมันว่าสะพานมันแข็งแรงจริงๆ
 
 แต่ การที่เราจะมี MOS ได้ เราต้องแยกอารมณ์ออกจากการตัดสินใจก่อน ต้องมีวินัย ต้องทมองทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริง

 สำหรับในตลาดหุ้นแล้ว เราต้องเข้าใจก่อนว่า อะไรมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น นอกจากหุ้นเองแล้ว มันมีอารมณ์ของตลาดเข้าไปเกี่ยวด้วย ผมให้น้ำหนัก 70:30 คือ ตลาด : หุ้น  ตัวมันเองมันขึ้นเองไม่ได้ มันต้องมีการรับรู้จากตลาด  การเข้าใจจิตวิทยาการอยู๋ร่วมกันเป็นฝูง นั่นสำคัญกับ MOS

 MOs มันต้องลับสมองทุกวัน ถ้าเราอยากซื้อ เราต้องถามตัวเองว่า จะขายดีไหม ถ้าไม่ขายจะซื้อเพิ่มเท่าไหร่ มันต้องคิด invert ตลอดเวลา เหตุผลคือ นั่นคือทักษะของการเอาตัวรอดในตลาดและผมคิดว่ามันเป็นศิลปะมากกว่าที่จะอธิบายด้วยหลัก logic ทั้งหมดได้
มันมีทั้ง สมอง ความกล้าหาญ  เหตุผลเหนืออารมณ์ และสัญชาติฐานในการตั้งคำถาม ในการตั้งสมมุติฐาน

   การลงุทนน้อยๆ เพือตรวจสอบสถานการณ์ สร้างสมุติฐานขึ้นมาสักอย่างแล้วดูว่าที่เราคิดจริงหรือไม่ มาดูว่าตลาดมีปฎิกีริยาอย่างไรบ้าง ดูว่าตลาดรูสึกอย่างไร ถ้าเราขาย เราจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเราซื้อเราจะรู้สุกอย่างไร ลองผิดลองถุกในสมองตัวเองก่อนที่ซื้อ/ขายจริง  ผมลองทุกอย่างในหัว ก่อนที่ผมจะซื้อ/ขายห้นจริงในตอนเช้า ผมเตรียมทุกอย่างเป็นแผนผังต้นไม้ในหัวเสร็จเรียบร้อยก่อนลงทุนทุกครั้ง เวลามีอะไรผิดพลาด เราต้องเปลี่ยนแปลงได้  ถ้าเราข้ามถนนแล้วรถบรรทุกวิ่งมา เราต้องหลบให่ได้ ถ้าท่านไม่เตรียมคิดเรื่องพวกนี้ เวลาหุ้นตก ท่านจะเหมือนยืนแช่แข็งกลางถนนให้รถบรรทุกวิ่งทับท่าน ท่านต้องมีสติตลอด

 คนส่วนใหญ่เข้าใจผืดเกี่ยวกับความสารถ Buffett  อย่างมาก เขาทำผิดพลาดเหมือนพวกเราครับ แต่สิ่ที่เขาเก่งกว่าพวกเราคือ เขายอมรับความผิดลพลาดของเขา เขาจดจำความผิดพลาดของเขา และเขามีวิวัฒนาการตลอด การลงทุนมันต้อง evolve ตลอดเวลา ไม่มีใครหยุดนิ่งกับที่

      MOS มันเป้นศิลปะครับ มันต้องมีการปรับปรุงให้ทันตามสถานการณ์เช่นเดียวกันครับ

 ผมอาจผิด อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 4:02 pm
โดย vivitawin
humdrum เขียน:ถ้าท่านไม่รีบขึ้น จะมีคนวิ่งตดหน้าท่านไปเลย
น่ากลัวมากเลยครับ
แซวเล่นน้า.. :lol:

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 5:52 pm
โดย choochart
[quote="i_sarut"]หุ้นดีแต่ไม่มี margin of safety ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ดีครับ

แต่ในกรณีที่จะถือยาวนานมากๆแบบปู่บัฟ ถ้าธุรกิจยอดเยี่ยมมากๆขายในราคาที่เหมาะสมก็อาจจะเป็นข้อยกเว้นนะครับ

แต่ยังไงก็ต้องไม่แพงไปอยู่ดี

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 12, 2009 7:52 am
โดย IMAGINATION
MARGIN OF SAFTY.PROBABLY THE MOST SINGLE PRICIPLE OF SUCCESSFUL INVESMENT.

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 12, 2009 10:11 am
โดย baby-investor
[quote="i_sarut"]หุ้นดีแต่ไม่มี margin of safety ก็ไม่ใช่การลงทุนที่ดีครับ

แต่ในกรณีที่จะถือยาวนานมากๆแบบปู่บัฟ ถ้าธุรกิจยอดเยี่ยมมากๆขายในราคาที่เหมาะสมก็อาจจะเป็นข้อยกเว้นนะครับ

แต่ยังไงก็ต้องไม่แพงไปอยู่ดี

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 12, 2009 11:15 am
โดย Linzhi
คติคุณปู่ ที่ผมใช้อยู่เสมอ นอกจากกฏเรื่องห้ามขาดทุนแล้ว

หุ้นสุดยอดคือ

หุ้นที่มี MOS สูง คือเรามองเห็นและ valuation ในสิ่งที่ตลาดไม่เห็น

และเป็นหุ้นที่มีคุณภาพสูงมาก มี DCA มีอนาคตที่เ้ข้มแข็ง และยาวไกล

ถ้าไม่มีทั้งสองอย่าง ก็ trade off กันเองครับ

ส่วนการลงทุนสุดยอด คือ

การซื้อหุ้นสุดยอด ในราคายุติธรรม และทำในสิ่งที่ตลาดไม่เคยทำ

คือการถือหุ้นยาวพอ จนเปรียบเสมือนเราเป็นเจ้าของธุรกิจ

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 14, 2009 11:16 am
โดย Onokung
[quote="humdrum"]สวัสดีครับ

Warren Buffett's quote on margin of safety

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 14, 2009 12:16 pm
โดย newbie_12
port ของพี่สุมาอี้นี่ ใครพอรู้บ้างครับ ว่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีเป็นเท่าไหร่