Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

รบกวนปรึกษาหน่อยครับ

ตอนนี้ทำงานประจำ เป็นเจ้าหน้าที่การตลาดอยู่ที่บ. หนึ่ง (รายได้ ~ 30k) แต่พึ่งสอบ SL ได้ จึงไปสมัครงานที่บ.หลักทรัพย์ และทางบ. ก็รับเข้าทำงานเพื่อเป็นโบรกเกอร์แล้ว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำดีไหม ขอความเห็นผู้ที่ทำงานเป็นโบรกเกอร์หน่อยครับ ว่าสถานการณ์ขณะนี้ดีหรือไม่ น่าเปลี่ยนสายอาชีพไปหรือไม่ครับ และข่าวพอร์ตเสรี มีผลกระทบเยอะมากน้อยหรือไม่ครับผม

ปล. ไม่มีฐานลูกค้า แต่มีลูกอึดของเซลเป็นทุนครับ

ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้าครับ

SL  นี้คืออะไรหรือครับแล้วทำไมต้องสอบด้วยครับ 30k = 300,000 บาทเหรอครับ แสดงว่าโบรกเกอร์เขาได้เงินเดือนกัน 3 หมื่นขึ้นเหรอครับ  
เท่าที่ผมทราบมาถ้าเปิดเสรี คอม  จะมีการควบรวมองค์กรครับและก็ต้องปรับลดพนักงานตาม step จะเหลือโบรกเกอร์ที่มีความสามารถที่น่าจะอยู่รอด พนักงานใหม่ ๆ คงต้องเจอมรสุมแน่นอนครับ  

[quote="support"]SL

[quote="support"]SL

อนาคตคนเล่นหุ้นอายุน้อยลงเรื่อยๆ ,ช่องทางซื้อขายผ่านอิเตอร์เน็ตมากขึ้น ,โปรแกรมช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิคมากขึ้นทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น(ผิดถูกรู้ๆกัน) ,เปิดเสรีคอมฯ และอื่นๆ สรุปว่าโปรกเกอร์ถูกใช้งานน้อยลง ลดจำนวน ไล่ออก ตกงาน ครับ  

[quote="phakphum"]อนาคตคนเล่นหุ้นอายุน้อยลงเรื่อยๆ ,ช่องทางซื้อขายผ่านอิเตอร์เน็ตมากขึ้น ,โปรแกรมช่วยวิเคราะห์ทางเทคนิคมากขึ้นทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้น(ผิดถูกรู้ๆกัน) ,เปิดเสรีคอมฯ และอื่นๆ สรุปว่าโปรกเกอร์ถูกใช้งานน้อยลง ลดจำนวน ไล่ออก ตกงาน ครับ

เพื่อนผมเคยทำงาน บ.เอกชนแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนประมาณเกือบๆสองหมื่น ไม่รวมเิงินพิเศษ ต่อมาเขาไปทำงานเป็นมาร์เก็ตติ้งที่ บล. แห่งหนึ่ง ได้เงินรวมทั้งเดือนหมื่นนิดๆ เพราะความคิดขัดกับงานครับ เขาอยากรักษาประโยชน์ให้ลูกค้า ไม่อยากเชียร์ให้ซื้อขายแบบไร้เหตุผลอันสมควร ผลก็เลยได้เงินแค่นิดเดียว

ไปสมัครเป็นนักวิแคะ น่าจะดีกว่ามาร์นะ

kurapica เขียน:เพื่อนผมเคยทำงาน บ.เอกชนแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนประมาณเกือบๆสองหมื่น ไม่รวมเิงินพิเศษ ต่อมาเขาไปทำงานเป็นมาร์เก็ตติ้งที่ บล. แห่งหนึ่ง ได้เงินรวมทั้งเดือนหมื่นนิดๆ เพราะความคิดขัดกับงานครับ เขาอยากรักษาประโยชน์ให้ลูกค้า ไม่อยากเชียร์ให้ซื้อขายแบบไร้เหตุผลอันสมควร ผลก็เลยได้เงินแค่นิดเดียว

ผมก็เคยเป็นจาก Engineer แล้วไปเป็น Marketing ที่ บล.แห่งหนึ่ง การที่เราจะได้ค่าคอมเยอะๆก็คือการที่เราเชียร์ลูกค้าซื้อๆขายๆบ่อยๆ ผลสุดท้ายลูกค้าก็ได้กำไรนิดเดียวหรือบางคนขาดทุนไปเลยก็มี ถามว่าคุณเป็น Marketing ที่ไม่เก่งหรือป่าว คำตอบก็แล้วแต่ว่ามองในมุมไหน ถ้ามองในมุม Marketing คือเก่งที่ทำยอดได้เยอะ แต่มองในมุนลูกค้าคือไม่เก่ง แนะนำไรว่ะลูกค้าขาดทุน ดังนั้นผมเลยออกมาเป็น Engineer เหมือนเดิม แปดเดือนที่ทำงานได้ความรู้มาพอสมควร ความรู้ที่ว่าการซื้อหุ้นให้ได้กำไรเยอะคือ การลงทุนถือนานๆ(เคยซื้อ BANPU 86 บาท แล้วไปขายที่ 96 บาท) อารมณ์ตลาดพาไป
ตอนที่จะออกมาพี่ๆที่ บล. เค้าก็แนะนำว่าออกไปเป็น ENgineer เหมือนเดิมน่ะดีแล้ว Marketing รายได้มีแต่จะลดลงจากเหตุผลที่ข้างบนเค้าบอกมานั่นเอง

ผมเคยเป็นโบรกเกอร์แต่ตอนนี้ออกมาแล้วครับ.....มันเริ่มจากที่เพื่อนผมแนะนำการเล่นหุ้นแบบของคุณโยโย่ เริ่มจาก snc, mcs, siam, ticon, ilink, ait......,etc  จากที่เล่นแต่แบบ ซื้อๆขายๆ เกร็งกำไร นั่งตัวเกร็ง ทำ volume ไปวันๆ  พอมาได้กำไรจากพวกหุ้น VI ผมก้อเริ่มเปลี่ยนสัดส่วนไปเรื่อยๆ จนมาเล่นแบบ VI ซะหมด เพราะผลตอบแทนมันมากกว่าเยอะเลย.....
ผมก็เริ่มชวนลูกค้าให้เล่นแบบ VI  แล้วก้อเริ่มเห็นว่าบางทีคนก้อรักสนุกมากกว่ารักเงิน บางทีก้อขี้เกียจมานั่งอธิบายทุกวันว่าดียังไง แล้วถ้าดีทำไมมันไม่ขึ้น พอผมมาลงทุนแบบนี้ ผมก้อไม่ค่อยอยากให้ลูกค้าเล่นซื้อๆขายๆไปวันๆ ให้ถือรอ....แล้ว volume ก้อค่อยๆหายไป นี่แหล่ะครับจุดจบของmarketing 555
หน้าที่การงานมันขัดแย้งกับการลงทุนในหุ้นให้ประสบความสำเร็จครับ แต่ถ้าอยากลองเพื่อเป็นประสบการณ์ก้อโอเคครับ แต่ระยะยาวคงไม่ไหว ช่วงตลาดดีๆก้อได้เยอะจริงครับ แต่พอตลาดเงียบนี่มนุษย์ทองคำนี่กลายเป็นมนุษย์ทองลอกเลยน่ะครับ  ^^ แล้วอีกหน่อยก็จะเปิดค่าคอมเสรีแล้ว marketing ก้ออาจจะไม่ได้ค่าคอมจากลูกค้า internet อีกด้วย ใครฐานลูกค้าไม่แข็งพอคงได้ไส้แห้งกันแน่