ปตท.เยี่ยม ขึ้นอันดับ32 ฟอร์บส์เอเชีย
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 26, 2009 12:53 pm
ปตท.เยี่ยม ขึ้นอันดับ32 ฟอร์บส์เอเชีย
วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552
โพสต์ทูเดย์ ปตท. ผงาดขึ้นอันดับ 32 บริษัทจดทะเบียนผลงานเตะตาของเอเชีย
บริษัท ปตท. สามารถเบียดบริษัทชั้นนำทั่วเอเชีย ผงาดสู่อันดับที่ 32 ในการจัดอันดับ 50 บริษัทจดทะเบียนที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในเอเชียประจำปี 2552 ไปได้สำเร็จ โดยนับเป็นบริษัทของไทยเพียงแห่งเดียว และยังเป็นครั้งแรกของปตท.ที่ติดโผดังกล่าวด้วย หลังจากที่ทำรายได้และกำไรต่อหุ้นสูงทำสถิติตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
ฟอร์บส์ ระบุว่า แม้ราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งลงจะฉุดให้กำไรของปตท. ลดลงถึง 49% ในปีที่แล้ว ทว่าบริษัทกลับมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 30% และทำให้ปตท.เป็นบริษัทขนาดใหญ่สุดอันดับ 2 ในโผครั้งนี้ เป็นรองเพียงบริษัท หง ไห่ จากไต้หวัน
ปตท. ยังได้ลงทุนถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.4 หมื่นล้านบาท) สร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ลงทุน 880 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) กับโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว และทุ่มงบอีก 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.4 หมื่นล้านบาท) สร้างโรงงานปิโตรเคมิคอล 2 แห่ง
สำหรับบริษัทอื่นๆ ที่ติดโผนั้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากจีน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 16 แห่ง จาก 13 แห่งในปีที่แล้ว ขณะที่บริษัทอินเดียตามมา 13 แห่ง ไต้หวัน 5 แห่ง ญี่ปุ่นและออสเตรเลียประเทศละ 4 แห่ง โดยที่อันดับ 1 คือ บริษัทคอมพิวเตอร์ เอเซอร์ จากไต้หวัน
ขณะที่ธนาคารกสิกรไทยซึ่งเคยติดอันดับที่ 28 และเป็นบริษัทไทยเพียงแห่งเดียวในปีที่แล้วกลับหลุดจากโผในปีนี้
วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552
โพสต์ทูเดย์ ปตท. ผงาดขึ้นอันดับ 32 บริษัทจดทะเบียนผลงานเตะตาของเอเชีย
บริษัท ปตท. สามารถเบียดบริษัทชั้นนำทั่วเอเชีย ผงาดสู่อันดับที่ 32 ในการจัดอันดับ 50 บริษัทจดทะเบียนที่มีผลงานโดดเด่นที่สุดในเอเชียประจำปี 2552 ไปได้สำเร็จ โดยนับเป็นบริษัทของไทยเพียงแห่งเดียว และยังเป็นครั้งแรกของปตท.ที่ติดโผดังกล่าวด้วย หลังจากที่ทำรายได้และกำไรต่อหุ้นสูงทำสถิติตลอด 5 ปีที่ผ่านมา
ฟอร์บส์ ระบุว่า แม้ราคาน้ำมันโลกที่ดิ่งลงจะฉุดให้กำไรของปตท. ลดลงถึง 49% ในปีที่แล้ว ทว่าบริษัทกลับมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 30% และทำให้ปตท.เป็นบริษัทขนาดใหญ่สุดอันดับ 2 ในโผครั้งนี้ เป็นรองเพียงบริษัท หง ไห่ จากไต้หวัน
ปตท. ยังได้ลงทุนถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.4 หมื่นล้านบาท) สร้างท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ลงทุน 880 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) กับโครงการก๊าซธรรมชาติเหลว และทุ่มงบอีก 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 4.4 หมื่นล้านบาท) สร้างโรงงานปิโตรเคมิคอล 2 แห่ง
สำหรับบริษัทอื่นๆ ที่ติดโผนั้น ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากจีน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 16 แห่ง จาก 13 แห่งในปีที่แล้ว ขณะที่บริษัทอินเดียตามมา 13 แห่ง ไต้หวัน 5 แห่ง ญี่ปุ่นและออสเตรเลียประเทศละ 4 แห่ง โดยที่อันดับ 1 คือ บริษัทคอมพิวเตอร์ เอเซอร์ จากไต้หวัน
ขณะที่ธนาคารกสิกรไทยซึ่งเคยติดอันดับที่ 28 และเป็นบริษัทไทยเพียงแห่งเดียวในปีที่แล้วกลับหลุดจากโผในปีนี้