Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

มนุษย์หุ้นอย่างพวกเรา  ถือว่าเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษ  ที่สามารถรู้เห็นอนาคตล่วงหน้าได้  เพราะ แค่บวก 3 เดิอน  ไปกับดัชนีหุ้น ก็ทำให้คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ .... หุ้นต่ำสุดเดือน มี.ค. ฟันธงได้เลย เดือน มิย. ศก.จะเริ่มฟืนตัว...  นี่ไม่ใช่ความรู้ระดับเซียน  แต่เด็ก ป.4 ก็ทำได้  
เดือน 3 หุ้นเริ่มฟื้น  ดังนั้น  เดือน 3+3  (มิ.ย) ศก.จะเริ่มฟื้นตัว
เดือน 6-9 หุ้นค่อนข้างดี  ดังนั้น  ไตรมาส 4 ศก.ไทยสดใส
เดือน 9 หุ้นเริ่มตก  ดังนั้น  เดือน 9+3 (ธค.) ศก.จะเริ่มต้นมีปัญหา
เรื่องมันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ....พวกเราเห็นอนาคตได้  เพราะ leaing indicator นั่นเอง  "ดัชนีหุ้น" เป็นหนึ่งในนั้น

แล้วถ้าจะคาดการณ์ดัชนีหุ้นละ...ต้องใช้ Super Leading Indicators ซึ่งผมขอเสนอตามนี้...ใครมีเพิ่มก็ช่วยๆ กันเสริม
1. ดัชนีหุ้นจีน  ซึ่งเป็นตลาดครึ่งปิดครึ่งเปิด  ทำให้รับผลกระทบระดับโลกไม่เต็มที่ จะอิงกับสภาพภายในอยู่เยอะกว่า  ทำให้จีนฟื้นตัวทาง ศก.ได้เร็วกว่าปท.อื่นในโลก   และ  หุ้นจีนเริ่มลงมาตั้งแต่ต้น ส.ค. ดังนั้นปลายเดือน กย. หุ้นโลกก็คงลง.... ดัชนีนี้บอกล่วงหน้า 1.5-2 เดือน
2. ดัชนีหุ้น NASDAQ  เพราะ ตลาดนี้มี เบต้า ที่สูงกว่าตลาดรวม  เมื่อเสี่ยงมากกว่า  การรับรู้ข้อมูลต้องรวดเร็กกว่า และ ตอบสนองเร็วกว่า  มันจะเคลื่อนไหวและบอกได้ก่อนดัชนี S&P ราว 1-2 วัน  
3. ตลาด commodity  ซึ่งมีการเก็งกำไร และ ใช้ leverage สูงกว่าตลาดหุ้น ดังนั้น ข้อมูลจะรวดเร็วกว่า  อีกระดับหนึ่ง  ราคาน้ำมันที่ดิ่งลงบอกก่อนแล้วว่าตลาดหุ้นจะลงราว 1-2 วัน
4. ตลาด forex เป็นตลาดที่สะท้อนข่าวสารได้รวดเร็วมากๆ  แถม leverage ก็สูงมากๆ  ต้องเร็วจริงๆ  หากตลาดนี้ค่าเงินดอลลาร์ หรือ dollar index อ่อนตัวต่อเนื่องก็แปลว่า  ตลาดหุ้นยังดีอยู่  
แต่ตอนนี้  ค่านี้กลับแข็งค่าขึ้น  หมายถึง  เริ่มมีการคืนสภาพ carry trade ออกมาแล้ว... คืนเงินดอลล์ และ ถอนการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง (เงินออสซี่, น้ำมัน, หุ้น)  กำลังดำเนินอยู่  สิ่งนี้บอกล่วงหน้าได้ 1-2 วัน

ดังนั้นจาก 4 ข้อนี้  ก็อาจทำให้เกิดมนุษย์พันธุ์ใหม่ล่าสุด  ที่สามารถคาดการณ์ตลาดหุ้นได้  ค่อนข้างแม่นยำ
แล้วถ้าใครทำกำไรร่ำรวยมากๆ  จากตลาดล่วงหน้า TFEX  จากสิ่งบ่งชี้ทั้ง 4 ประการนี้ก็อย่าลืมมาแบ่งๆ ผมบ้างนะครับ  

เมื่อก่อนเวลาคุณ hong โพสจะชอบนำภาพมาแปะให้ดูว่าแต่ละตัว
ชี้นำ set ยังไง แกนซ้ายแกนขวายังไง

พี่เฟยหง พอจะมีภาพให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับว่าความเคลื่อนไหว
ถ้าทำเป็นกราฟมาใส่ excel หรือตัดมาจาก research ว่าที่พี่ว่ามา
มันเคลื่อนไหวตามกันมากน้อยแค่ไหน

กราบแทบเท้าท่านเฟยหงผู้เป็นเทวดากลับชาติมาเกิดครับ

พี่เฟยหงบอกว่า 4 ตัวนี้สามารถใช้คาดการณ์ตลาดได้ค่อนข้างแม่นยำ

ถ้างี้พี่เฟยหง ช่วยบอกหน่อยสิครับว่าตลาดหุ้นในเดือนหน้าจะเป็นยังไง
ลงไม่น่าจะเกินกี่จุด แล้วจะเด้งซักกี่จุด

เห็นด้วยครับ

ถ้าว่างๆ ก็ช่วยทำให้ผมหน่อยนะ  
ผมเชื่ออยู่แล้วไม่ต้องพิสูจน์  ใครไม่เชื่อก็ไปพิสูจน์ดูครับ

ถ้าผมเป็น  นักวิเคราะห์กลยุทธ์  วันศุกร์ที่ผ่านมาก็จะบอกแบบนี้

"ตลาดน้ำมัน  ได้เปลี่ยนทิศเป็นขาลง  สะท้อนว่าตลาดหุ้นน่าจะอ่อนตัวลง  และ ดัชนีเงินดอลลาร์ได้เปลี่ยนเป็นแข็งค่าขึ้น  สัญญาณอันตรายต่อตลาดหุ้น ซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงอาจถูกขายออก  
สำหรับระยะยาวแล้ว  ดัชนีหุ้นโลก  ถูกชี้นำโดยตลาดหุ้นจีน  ดังนั้น ดูแล้วอาจมีการปรับตัวลงได้ราว 20`% เป็นอย่างน้อยในเวลา 2 เดือน  ซึ่งทำให้เราอาจเห็นดัชนีต่ำกว่า 600 จุดได้  เราจะติดตามการเคลื่อนไหวของหุ้นจีนต่อไป  เพื่อดูว่าขาลงรอบนี้จะลึกขนาดไหนครับ"

อย่างไรก็ดี  เราเชื่อว่าจะมีการปรับสมดุลของ P/E และ P/BV  ของตัวเล็กและตัวใหญ่  โดยตัวใหญ่จะปรับ ลงจาก 20 เท่าเหลือ 15 เท่า และ 2.5 เท่าเหลือราว 2 เท่าตามลำดับ  ซึ่งสิ่งนี้จะกระทบต่อดัชนหุ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ขณะที่ตัวเล็ก  จะปรับจากค่าพีอี 5 เท่าเป็น 7.5 เท่า และ พีบุ๊ก จาก 0.5 เท่าเป็น 0.75 เท่า  ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นขึ้นได้อีกราว 50 เปอร์เซนต์  
เราเชื่อว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไปเพื่อปรับสมดุล  

ที่จริงผมน่าจะไปเป็น strategist นะเนี่ย.....

มีอีกเรื่อง  สำหรับตลาด forex นั้น
เงินเยน...ถ้าแข็งขึ้นคือ สัญญาณอันตราย คล้ายๆ กับ _dollar index
เพราะ 2 สกุลนี้  เงินเยน ถูกยืมเพราะ ดบ.ต่ำมาก
ดอลลาร์ ถูกยืม เพราะ ดบ.ต่ำ และ คาดหวังว่าค่าเงินจะอ่อนลงระยะยาว

ถ้าเมื่อใดที่เงิน 2 สกุลนี้ดีดกลับ...นั่นหมายถึง  มีการขายสินทรัพย์เสี่ยง และ คืนเงินกู้  หรือว่า unwind carry trade
ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นครับ  

เข้ามาดู  :8)

ผมเองก้อชอบการวิเคราะห์ทางเทคนิคเหมือนกัน
(แต่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องมากเท่าไหร่)

เพราะกองทุนส่วนใหญ่ ก้ออาศัยเทคนิคเหล่านี้ในการทำกำไรหรือเก็งกำไร
ก็ว่าได้ เราเองก็ถือโอกาสนี้ในการเกาะเป็นเหาฉลาม ตามกองทุนได้เช่นกัน

แต่ประเด็นคือ เงินที่ขายออกไปก่อนหน้านี้ ไปอยู่ที่ไหน หากกลับเข้ามาจะ
เป็นอย่างไร? ความเสี่ยงเมื่อเทียบกับวิกฤต มากน้อยแคไหน?

ระยะสั้นตามข่าว ระยะยาวตามผลประกอบการณ์ครับ

:lol:

เข้ามาดูด้วยคับ ติดตามพี่อะไรดีล่ะ อยู่เหมือนกันคับ

ทางเทคนิค มันเข้าเขตซื้อมากเกินไปตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แล้วนี่ครับ

ลากมาจน port trade broker ทิ้งโชว์ล่วงหน้า 2 วัน จนวันจันทร์

รวม 3 วัน

อังคารมีเด้ง ให้คนที่ซื้อวันจันทร์ออกได้

ปัญหาที่น่าจะดูคือ เมื่อไหร่เขาจะแยก port trade ออกจากกองทุนไทยซะที

รอไรไม่รู้

    เป็นมุมมองที่น่านำไปศึกษาต่อมากๆครับ


ขอบคุณ

2 วันนี้..ทำให้ผมเพิ่งพบความจริงว่า
ดัชนีหุ้นไทย ของเรานี่แหละ ... คือตัวบอกนำหน้า ดัชนีหุ้นโลก อย่างดี
..... มองหาไกลสุดขอบฟ้า  ที่แท้อยู่ใกล้แค่ตา  

บอกได้เร็วกว่า  ราคาทองคำ หรือ ราคาน้ำมัน
บอกได้เร็วกว่า  ดัชนีค่าดอลลลาร์  
นี่แหละ super leading indicator ตัวจริงเลยละครับ

โหราศาสตร์ เป็นเครื่องบ่งชี้ที่ดีชั้นนำ
http://www.markettiming.nl/en_comments/20100405.php



[/img]

ไม่รู้ดิ หลังๆก็เดาถูกแต่ไม่ค่อยได้เงิน กำลังแก้ปัญหาอยู่  :x

[quote="อะไรดีละ"]มนุษย์หุ้นอย่างพวกเรา

[quote="happiness"][quote="อะไรดีละ"]มนุษย์หุ้นอย่างพวกเรา

ไม่ได้เห็น คุณ " อะไรดีล่ะ" ตั้งนาน เงียบเหงาไปเยอะเลยคับ  :welcome:


- ไม่เก่งเรื่อง Macro Eco  แต่ชอบวิเคราะจิตวิทยา ผมว่าสัญญาณอย่างนึง คือ ดอกเบี้ย ตราบใดที่ยังให้ผลตอบแทนต่ำ หุ้นคงยังเป็นแหล่งลงทุนที่ดี
ตลาดหุ้น เอเซี่ยที่ยังขึ้นเอาๆ ผมมองว่า เพราะ มีโอกาสทางเศรษกิจเติบโตและได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิยน้อย และ ตลาดหุ้นยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดย ฝั่ง เมกา ยุโรป ยังมีปัญหาและยัง recovering กันอยู่  ฉะนั้น เงินทุน fund flow น่าจะยังไหลเข้ามาเรื่อยๆ ตราบใดที่ดอกเบี้ยยังต่ำ และเศรษกิจฝั่งตะวันตก ยัง ค่อยๆฟื้นตัวอยุ่

ฉะนั้น fundflow ก็จะมาสะท้อนในเรื่องของ ค่าเงินที่แข็งค่า จากการมีเงินทุนเข้ามาในตลาด และการเกงกำไรในค่าเงิน และตลาดหุ้น

-ทีนี้จาก ที่พี่ " อะไรดีหละ" บอกว่าถ้า ค่าเงินเยน และ ดอลล่า ดีดกลับเมื่อไหร่ก็น่าจะเป็นสัญญาณของการเคลื่อนย้าย fund outflow ไปยังแหล่งที่ให้ผลตอบแทนใกล้เคียง ความเสี่ยงน้อยกว่า



ที่เหลือพอ ดัชนีหุ้น ขึ้นลง 800 จุด 700 จุด 600 จุด ก็จะค่อยๆstory คงมีเหตุผลเป็นร้อย ถ้าหุ้นจะขึ้นลง แต่ผมเดาไม่ค่อยถูกเลยว่าดัชนีจะตกไปเท่าไหร่ขึ้นเท่าไหร่   เพราะโลกเราเดี๋ยวนี้มันเชื่อมกันหมด ข่าวสารเร็วกันไปหมด   ตลาดไทย ตลาดเดียว ภาวะการลงทุนยังเชื่อมโยง ไปกับ ตลาดทั่วโลก.   นักเทคนิคทั้งหลายก็พยายามเชื่อมต่อตัวเอง ไปกะนักลงทุนในตลาดเมกา ยุโรป   ฮ่องกง  เลยทำให้บางครั้งภาวะอารม ความโลภ และ ความกลัว ของนักลงทุนทั่วโลกเชื่อมต่อกัน อย่างแยกไม่ได้   นักเทคนิคหลายๆคน คงน่าจะเป็น ตื่นขึ้นมา ต้องมานั่ง " ส่องดาว "  ผมแต่ก่อนก็เคย

แต่  leading Indicators ต่างๆที่เราจะพยายามหานั้นมันเยอะมาก  หัวผมคงรับไม่ไหว ดูทุกตัว คง ไม่ได้ ซื้อหุ้นสักที    แต่ถ้ามีบางคนที่ทำได้ ต้องเป็น Super Investor ที่กลั่นกรอง indicators และสังเคราะข้อมูลออกมาได้ถูกต้องแม่นยำ จริงๆคับ

เขียนซะเมื่อยไม่รู้งง ป่าว ผมยังงง -*-

อ่าว กระทู้นานแล้วนิมีคนขุดขึ้นมา

อ่านแล้วได้ความรู้มากครับ

เดือนก่อนได้มีโอกาสอ่านหนังสือพี่เฟยหง !ดีมากคับ

หลบอยู่ในมุมหลืบๆห้องสมุดจุลา-_-" แต่ผมก็ไปเจอจนได้