Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

"ถ้าไม่ได้ใส่เงินเพิ่มเข้าไปในพอร์ต"

ผลตอบแทนจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน
ผ่านทางเงินปันผลทั้งประจำปีและระหว่างกาล บวกเครดิตภาษี
เป็นอย่างไรบ้างครับ

ดีกว่าปีกอน

แย่กว่าปีก่อน

ใกล้เคียงกับปีก่อน

ของผมดีขึ้นประมาณ ยี่สิบเปอร์เซนต์
เป็นผลมาจากการเปลี่ยนหุ้น  
แบบยีลด์แลกยีลด์ ในราคาหุ้นที่ใกล้เคียงกัน


VI  ตามดูการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน

VS  ตามดูการกระทำของคนในตลาดหุ้น

VSOP  ตามดูอะไรก็ได้  ที่ให้ประโยชน์กับการลงทุนของตัวเอง

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

       

มี VR  Value Reflexivity ไหมครับ ประมาณว่า  ตามทันอารมณ์ตนเอง ครับ
   

    สวัสดีครับพี่ พีสบายดีครับ  
    แบบไหนดีที่สุดในสถานการร์ปัจจุบันครับ
 หรือว่าแล้วแต่จังหวะครับ
ขอบคุณครับ  

[quote="humdrum"]

ขอบคุณครับพี่

A. มีเงิน และมีความสุข  เกรด เอ
B. ไม่มีเงิน แต่มีความสุข  เกรด บี
C. มีเงิน  แต่ไม่มีความสุข  เกรด ซี
D. ไม่มีเงิน และไม่มีความสุข  เกรด ดี

 ไม่ทราบว่า
  คนกลุ่มไหนข้างบน ลงทุนในตลาด SET มากที่สุดครับ

สวัสดีครับเฮียคลายเครียด  ของผมปันผลและเครดิตภาษีปีนี้เพิ่ม100กว่า% แต่มีเพิ่มเงินเข้าไปบ้าง  เสียดายตอนหุ้นถูกปลายปีที่แล้วพนักงานbankมาชวนซื้อหุ้นกู้,พันธบัตรเกาหลีและอื่นๆ  ภรรยาผมนำไปลงไว้เยอะเลยพลาดโอกาสและเราก็ไม่ทราบอนาคตว่ามันจะกลับตัวมาเร็วอย่างนี้  
  แต่ปีหน้าผมคิดว่าปันผลของผมคงเพิ่มขึ้นมากกว่า300%จากหุ้นตัวหนึ่งซึ่งเฮียคงทราบแล้วว่าหุ้นไหนไม่ทราบว่าเฮียมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ อยากฟังความเห็นของเฮียบ้าง ขอบคุณเฮียล่วงหน้าครับ   ปีหน้าเฮียจะไปประชุมบ.ไหนบ้างครับเผื่อจะได้เจอและขอคำแนะนำจากเฮียอีกครับ

       

มาตอบท่านจ้าวสำนักครับ  :D

- ผลตอบแทนดีกว่าปีก่อนครับ
- มีความสุขกับการอ่านหนังสือ และได้ทำสิ่งที่เราชอบมากกว่าปีก่อน
- อยู่หน้าจอน้อยกว่าปีก่อน
(ใน vi know how คงบอกว่า ผมอยู่หน้าจอน้อยลงแล้ว จริงหรือ 555)

              บุญรักษาครับ / หมอนุ่นครับ  :D

[quote="คลายเครียด"][quote="humdrum"]

คำนวณไม่ถูกเลยครับ

ใส่เงินเข้าตลอด

ปันผล + ลดหย่อนดีขึ้น 30% ครับขนาดยังไม่ครบปี

แต่คนละตัวกับปีที่แล้วเกินครึ่ง  :oops:  :oops:  :oops:

[quote="humdrum"]ขอบคุณครับพี่

A. มีเงิน และมีความสุข

พี่คลายเคลียดครับ ผลประกอบการของผมลุ่ม ๆ ดอน ๆ ครับ


ปีที่แล้ว เข้า Rehap    
(กลัว)

ปีนี้ เป็น Turnaround  :D
(โลภ สลับกับ กลัว)

ปีหน้าหวังว่า จะเป็น Growth Company  :nm:
(โลภล้วน ๆ ครับ)

******

แต่ที่โชคดีคือช่วงปีที่แล้วของผมเป็น แบบ B  เนื่องจาก

ผมแยกเงิน ลงทุน และ เงินเก็บ ออกจากกัน

ทำให้เมื่อเงินลงทุนเสียหาย เงินคงคลังก็ไม่กระทบ ทำให้ชีวิตยังคงดำเนินต่อไปได้ (ด้วยความไม่ประมาท)




ตามไปดูรูปมาแล้วครับ สรุปตามความคิดของผมได้ว่า

คุณค่าของทุกสิ่งนั้นแต่ละคนมองในมุมที่ต่างกันครับ

หวัดดีครับเฮียคลายเครียด
การแบ่งเกรดตัวเองตามอันนี้

ลองแบ่งคุณภาพชีวิตของคนเมือง

มีเงิน และมีความสุข  เกรด เอ
ไม่มีเงิน แต่มีความสุข  เกรด บี
มีเงิน  แต่ไม่มีความสุข  เกรด ซี
ไม่มีเงิน และไม่มีความสุข  เกรด ดี

จะว่ามีเงินก็พูดได้ไม่เต็มปาก แต่จะว่าไม่มีก็คงไม่ใช่
ส่วนความสุขตอบได้เต็มปากว่ามีแน่ๆครับ
ดังนั้นผมขอเป็นเกรด B+ แล้วกันครับ :lol:

สวัสดีค่ะ  :D

สวัสดีครับ เฮียคลาดเครียด ขอบคุณสำหรับคำถามครับ

พอร์ตผมปีนี้โต 16 + กว่าๆ ครับ

มากกว่าปีที่แล้วครับ

ถ้าแบ่งเกรดตาม เฮียคลาดเครียด ผมไม่เกรดเอ ก็ เกรดบีครับ

ยิ่งตอนนี้กำลังจะมีลูกด้วย ยิ่งสุขมากเลยครับ

และมีความสุขเสมอ ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่มีเงิน เพราะความสุขสำหรับผมไม่ depentdent กับ ปริมาณเงินครับ

จริงๆ ทุกวันนี้ ถ้าถูกถามว่า มีเงินหรือเปล่า คนส่วนใหญ่มักจะต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

ถ้าคนส่วนใหญ่ที่เรารู้จักมีเงินมากกว่า  ก็หมายความว่า   เราไม่มีเงิน
ถ้าคนส่วนใหญ่ที่เรารู้จักมีเงินน้อยกว่า  ก็หมายความว่า  เรามีเงิน


จริงๆ ปริมาณเงินน่าจะถูกวัดเป็น absolute value มากกว่า relative value นะครับ

เดี๋ยวนี้เวลาพูดถึง releative ผมมักคิดถึง Theory of Relativity และ Theory of Reflexivity

คนส่วนใหญ่มักมองการเปรียบเทียบและมองตัวเองหลังจากมองคนอื่นแล้ว ทฤษฏีพวกนี้ มีความเป็น fact สูง

แต่มีคนแย้งว่า ความไม่แน่นอน เป็นความจริงอย่างหนึ่งในชีวิต และบางทีไม่สามารถหลีกหนีได้ คิดแบบนี้จะเพิ่มปริมาณความสุขได้ทั้งๆที่ปริมาณเงินไม่เพิ่มครับ

กระทู้ของเฮีย2ค. มักจะทำให้ผมได้คิด มากกว่าจะตอบได้ในทันทีครับ

ผมคิดว่าผมนั้นอยู่ในเกรด C นั่นคือไม่เป็นสุข ถ้าวัดด้วยสเกลความสุขจริงๆ ไม่ใช่ความสนุก

ไม่นานมานี่ ผมเพิ่งล้มวูบลงไป เคราะห์ดีที่หัวไม่ได้ฟาดแรงๆกับของแข็ง ไม่งั้นก็อาจจะไม่ได้มาตอบเฮียซะแล้ว ผมไม่อยากจะเชื่อว่าอายุเท่านี้จะมีอาการแบบนี้

อีกเรื่องก็คือ อาการที่หู แบบเดียวกับพี่ปรัชญา ผมรักษามานานพอสมควร กินยาสเตียรอยด์จนบวมไปแล้ว เสียงรบกวนที่ว่าก็ค่อยๆลงไปบ้าง ก็ลดยาลงมา แต่ก็ยังไม่เงียบสนิทเหมือนแต่ก่อนครับ  

พอมีเวลามานั่งดูตัวเอง ว่าใช้งานร่างกายนี้อย่างไร ก็พอจะเข้าใจครับ สรุปว่าเงินกับความสุขไมได้มาพร้อมกันเสมอไป ให้คะแนนอย่างที่เฮียว่าถือว่าถูกต้องที่สุดครับ

ขอบคุณสำหรับคำถามดีๆครับ

ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นที่ดีๆครับ


น่าจะสรุปได้ประมาณว่า

คนมีเงิน แต่สุขภาพกาย สุขภาพใจแย่
สู้คนไม่ค่อยมีเงิน  แต่สุขภาพกาย  สุขภาพใจดีไม่ได้

อิสรภาพทางการเงิน
คงขึ้นอยู่กับความต้องการความสะดวกสบายทางร่างกายของแต่ละคน
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนแต่งหนังสือที่ยกย่องให้พ่อคนอื่นรวย  พ่อตัวเองจน

ไม่มีใครตอบแทนใครได้ว่า  
ต้องเท่าไรจึงจะมีอิสรภาพทางเงิน
บางคนต่อให้มีเงินพันล้าน  ก็ยังไม่มีอิสรภาพทางเงิน
เป็นคนจนเพราะไม่รู้จักพอ

แต่พ่อแม่ผม แม่ยายผม  มีเงินใช้แค่เดือนละห้าพัน
ก็มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว  

ที่แน่ๆก็คือ   ไม่มีใครกล้าบอกว่า

บิล เกตต์   วอเรน บุฟเฟต์  ฯลฯ
เป็นคนที่มีความสุขมากที่่สุดในโลก
ยอดคนเหล่านี้
เป็นได้แค่  คนที่สามารถซื้อความสะดวกสบายทางร่างกาย
ได้มากกว่าเกือบทุกคน บนโลกใบนี้เท่านั้น

:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:

ขอบคุณพี่คลายเครียดครับ สำหรับบทความดี ๆ เหมือนเคย

ผมไม่ยอมสูญเสียอิสรภาพในด้านอื่น เพื่อแลกกับอิสรภาพทางการเงินหรอกครับ

ปันผลก็เยอะขึ้นทุกปีครับ เป็น kpi ที่สำคัญของผมอยู่แล้ว

แต่ให้เกรดยากจังครับ มันวิ่งไปมาตั้งแต่ A ยัน D ตลอดเวลาเลย

จิตมันเหมือนลิงจริง ๆ

เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับ เฮียคลายเครียดครับผม

อ่านที่ pantip ตลอด ได้ทั้งความรู้ทั้งทางหุ้นและการใช้ชีวิตของเฮียแล้ว
ได้นำมาปรับใช้ในชีวิตได้มากทีเดียวครับผม นับถือเฮียเป็นทั้งครูผู้ให้ความ
รู้ทางการลงทุนและการดำเนินชีวิตที่เข้าถึงแก่นแท้แห่งความสุขครับผม

ส่วนตัวเองผ่านปีที่แล้วมาทำให้ ต้องพยายาม จนหาทางตัวเองเจอจนได้
ถึงจะเป็นทางที่ต้องเหนื่อยหน่อยแต่ก็มีความสุขครับผม

ส่วนเรื่องพอร์ต ฟื้นจากตอนที่โดน subprime ปีที่แล้วขึ้นเยอะ แต่สิ่งที่ได้มา
จากเหตุการณ์นี้คือแนวทางใหม่ที่เหมาะกับตัวเองและทำให้มีความสุขกับ
การลงทุนในสไตล์ของตัวเองจนได้  

ขอบคุณมากครับเฮีย

ไม่ได้เพิ่มเงินเข้าตลาดเลยครับเฮีย

แอบชักเงินออกจากตลาดมาตลอด

เงินปันผลรับน้อยลง  พออยู่ได้

เฮียปรัชญาว่าพออยู่ได้
ผมเอง พอได้อยู่ครับ
มาคารวะเฮีย2ค.
ไปอ่านในพันทิพเห็นว่าเพิ่งไปเที่ยวยุ่นมา
ผมเป็นแฟนติดตามเหลี่ยมมุมที่เฮียมองหุ้นมองโลกและสังคมมาตลอด
ชอบมากมายครับ
ผมว่าเฮียมองได้มากมิติดีจังครับ

ขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาร่วมออกความเห็นอีกรอบครับ


:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:


เนื่องจากผมชักเงินลงทุนหรือคลายเครียดเรโชมหภาค
ผ่านทางเงินปันผลรับมาได้ ๓ ปีแล้ว
จึงเน้นไปที่ค่าเลี้ยงดู ที่จะได้จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน


หุ้นในฝันของผม  เคยโพสต์ไว้ที่พันทิพ


แล้วอะไรคือหุ้นในฝัน

หุ้นในฝันของผมก็คือ
หุ้นที่การกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน
จะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้เราและญาติสืบสายเลือดไปได้่เรื่อยๆ
ไม่ว่าคนในตลาดหุ้นจะให้ราคามันอย่างไร
ไม่ว่าผู้ถือหุ้น  จะอยู่หรือตายไปแล้ว

เมื่อไรที่ผมมีหุ้นในฝันมากพอ
ผมก็คงจะเลือกใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง  
และนอนตายตาหลับ
โดยไม่สนใจเลยว่า



คนในตลาดหุ้น  ให้ราคากับหุ้นในฝันของผมที่ราคาเท่าไร



ใครจะมีอิสรภาพทางการเงินได้
ถ้าไม่สามารถมีอิสรภาพ  จากความโลภที่ไม่รู้สิ้นสุดของตัวเอง


:lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol:  :lol: