หน้า 1 จากทั้งหมด 2

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 2:05 pm
โดย winkung
13,14 ตุลาคม 2552 ผมจะขอจดจำมันเอาไว้ในความทรงจำของการเป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นของผม

Panic sell เป็นอย่างไร  ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้ว (สารภาพด้วยว่าหลวมตัวเป็นไปกับเขาด้วย )

ตลาดหุ้น เป็นตลาดที่อ่อนไหว เล่นอยู่บนพื้นฐานของจิตใจคน ใครใจไม่แข็ง ไม่มีจุดยืน
เจออย่างสองวันนี้เข้าไป อาจมีสิทธิ์ล้มทั้งยืนก็เป็นได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำหรับผู้อยู่รอดได้มากทีเดียว

ในสิ่งที่เลวร้าย หากปล่อยให้มันเกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยผ่านไป โดยให้เหตุผลว่า "มันได้ผ่านไปแล้ว"
มันจะฟังดูแย่มากๆ หากเราไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลยในภาวะวิกฤตเช่นนั้น สิ่งที่ควรได้รับกลับมานั่นคือ "บทเรียน"


1. ผมลงทุนในแนว VI ผมซื้อหุ้นเมื่อเห็นว่าราคามันถูก (นัยหนึ่งคือมันต่ำกว่ามูลค่าความเป็นจริง)
  แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมต้องขายหุ้นที่ผมอุตส่าห์เลือกสรรมาอย่างดีไปสองตัว
  เหตุผลที่ขายมันคือ "อารมณ์" ซึ่งขัดแย้งกับเหตุผลที่ผมเลือกซื้อหุ้นนั้นอย่างสิ้นเชิง !  เสียดายจริงๆครับ

:!:  ซื้อหุ้นด้วยเหตุผลไหน คุณก็ต้องขายด้วยเหตุผลนั้น



2. ในความผิดหวังก็ยังคงมีเรื่องที่ดีหลงเหลืออยู่ อย่างน้อยที่สุด ผมก็ไม่ได้ "ตกใจ" ขายหุ้นที่ผมรักมากอีกสองตัวไป
   เมื่อมานั่งคิดทบทวนดูแล้ว พบว่าอะไรที่ทำให้ผมไม่ได้ตกใจขายหุ้นสองตัวนั้นไป
   คำตอบก็คือ หุ้นสองตัวนั้นมี Margin of safety มากเพียงพอ

  ในที่สุด ผมก็ได้เห็นถึงความสำคัญของค่า MOS ว่ามันมีความสำคัญมากขนาดไหน เพราะเหตุใด นักลงทุนแนว VI
  ถึงให้ความสำคัญกับการพิจารณาค่า MOS ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้นๆ  ... ตอนนี้ผมได้คำตอบจากบทเรียนจริงแล้ว

:!:  ควรซื้อหุ้นในกิจการที่กำลังไปได้ด้วยดี ในราคาที่ถูก รวมถึงมีค่า MOS ที่มากเพียงพอ



3. ซื้อหุ้นเฉลี่ยในขาขึ้น อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป ถึงแม้บางครั้งเราอาจคิดว่า "ต้นทุนของหุ้น มันน้อยเกินไป"
   ข้อนี้ผมยังทำไม่ค่อยได้  เวลาที่ผมตัดสินใจจะซื้อหุ้นตัวใดๆครั้งแรก ผมมักไม่กล้าทุ่มอย่างสุดตัว เพราะผมกลัวพลาด
   ผมมักจะกล้าตัดสินใจทยอยซื้ออีกครั้ง เมื่อราคาหุ้นมันได้ปรับตัวขึ้นไปแล้ว
   เหตุผลที่ผมต้องซื้ออีก เพราะผมยังไม่ได้จำนวนหุ้นครบตามที่ต้องการ ...
   ด้วยวิธีดังกล่าวนี้ มันจะเป็นการดึงค่าเฉลี่ยของหุ้นของผมให้สูงขึ้นไป ซึ่งจะทำให้ค่า MOS มีค่าลดลงตามไปด้วย

:!:  พยายามอย่าทยอยซื้อหุ้นในช่วงขาขึ้นให้มากเกินไป ต้องเผื่อค่า MOS ไว้ด้วย ยามเกิดภาวะที่ผิดปกติ



4. ผมซื้อหุ้น ผมไม่ได้ซื้อ set index  แต่ทำไมผมถึงชอบมองภาพรวมของ set มากกว่าที่ผมจะเจาะลึกไปมองที่ตัวธุรกิจหุ้นของผม
   มันเป็นความโง่เขลงของผมเอง  ตัวธุรกิจมันยังคงดำเนินกิจการต่อไป ผลประกอบการกำลังไปได้สวย กำไรเติบโตขึ้นทุกวัน
   เหตุผลเพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอเพื่อการันตีว่า ราคาหุ้นมันต้องไปได้มากกว่านี้
   แต่ผมกลับเอา "อารมณ์" ของผมมาตัดสิน เพียงเพราะผมยึดภาพหลักของดัชนี set อีกแล้ว ทั้งๆที่กิจการมันก็ยังคงดำเนินต่อไป

:!:  เราซื้อหุ้นเพราะเราดูผลประกอบการของกิจการ ดังนั้นเราควรเอาตัวเองออกมาจากดัชนี set ที่ปรับตัวขึ้นลงในแต่ละวัน


5. แปลกแต่จริง เมื่อใดที่ราคาหุ้นลดต่ำลงมากๆ บางครั้งเกือบจะใกล้ราคาเฉลี่ยนของหุ้นที่เรามี  ทำไมในใจผมคิดแต่อยากจะขาย
  ผมกลัวขาดทุน  แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ผมกลับมานั่งคิด หากเราแน่ใจแล้วว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นที่ดี กิจการมันไม่ได้เจ๊ง
  การที่ราคาปรับตัวลงอย่างไม่มีนัยยะสำคัญ  ทำไมเราถึงไม่ "กล้า" ที่จะซื้อหุ้นนั้นเพิ่ม เพราะราคาที่มันตกต่ำลงมานั้น
  หากเราตั้งตัวไปตอนที่ยังไม่ได้ถือหุ้นตัวนั้นอยู่  แน่นอนว่าเราต้องซื้อ  แต่ ณ ตอนนั้น ทำไมถึงมีแต่ความคิดว่าอยากจะขาย ?

:!: หากพื้นฐานของบริษัทยังไม่ได้เปลี่ยน การที่ราคาหุ้นตกต่ำลงมาก แม้บางครั้งจะต่ำกว่าราคาเฉลี่ยหุ้นของเรา ก็ควรต้องซื้อเพิ่มโดยไม่ต้องลังเล



6. สุดท้าย ... หุ้นมีขึ้น และก็มีลง จริงๆครับ

:!:  ไม่มีคำว่า "สาย" สำหรับการเข้าสู่ตลาดหุ้น ขอให้มีความอดทนในการรอคอย เมื่อเราเจอหุ้นที่ดี ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานก็พอ

------------------------------------------------------------------------------------------

:!:  ในช่วงเวลาที่หุ้นกำลังโดนทุบอย่างหนัก หลายคนบอกว่าอย่าเอามือไปรับมีดที่กำลังหล่นลงพื้น เพราะมันอาจจะหล่นได้มากกว่านั้นอีก ให้อยู่เฉยๆ

:!:  ในช่วงที่ไต่ขึ้นเพราะมีแรงซื้อเข้ามา หลายคนกลับแสดงตัวแล้วบอกว่า เมื่อวานผมช้อนตัวนั้นมา ตัวนี้มา  รอมานานนนนนน

ผมกำลังมองว่า คนที่โชคดีในเหตุการณ์ใดๆ ก็จะกล้าเปิดเผยตนเพื่อบอกในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปแล้วได้ผลดีกลับมา
ในขณะที่อีกหลายๆคน ต้องหลบหายไป เพราะดูเหมือนว่าเขาได้ "ตัดสินใจพลาด" ในช่วงเวลาที่ผ่านมา

ผมขอเป็นกำลังใจให้บุคคลกลุ่มหลังนะครับ  สู้ๆนะครับ  เราจะสู้ไปด้วยกัน

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 2:08 pm
โดย winkung
จากบทความที่ผมได้เขียนไป
อยากให้พี่ๆช่วยให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองในการลงทุนของผมหน่อยครับ

ผมจิตใจยังไม่แข็งแกร่งพอ  ยอมรับว่าสองวันที่ผ่านมานั้น
ผมตกอยู่อาการ "คนตื่นกลัว" มากพอสมควร   ไม่ดีเลยครับ  :cry:

ผมเสียใจที่ผมต้องตัดใจขาย MCS และ SPALI ไป
แต่ก็ต้องขอบคุณความหนักแน่นของผมที่ทำให้ผมได้มีโอกาสถือ CPF , TPAC และ KYE ของผมต่อไปครับ  :wink:

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 2:18 pm
โดย newbie_12
คือผมมองว่ามันไม่ได้เป็นวิกฤติอะไรเลยนะ ตลาดลงแค่นิดหน่อยประมาณ 2 วัน เทียบกับที่ขึ้นไปเยอะมากจากต้นปี

ถ้าจะบอกว่าวิกฤติ ต่อจากนี้ต้องลงต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน vol หาย ภาวะหมีเข้าครอบงำ

ยืนยันว่าลงแค่สองวันนี่ น้ำจิ้มครับ

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 2:34 pm
โดย austin_bd
ผลกระทบจากรถไฟตกรางหรือป่าวคับ หรือว่าฝนตกหนัก น้ำท่วม

:D


อย่าคิดมากนะคับ ผมมาแค่ขำๆ

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 2:37 pm
โดย KB
เหตุการณ์ครั้งนี้คงทำให้หลายคนจิตใจเข้มแข็งขึ้นจากการได้บทเรียน หรือบางคนก็กลัวหนักไปเลย แล้วแต่จะหยิบมาเป็นโอกาสหรือวิกฤต

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 2:48 pm
โดย charnengi
ผมออก global ไปเข้า spali ตกแค่นี้ สิวๆครับ เดี๋ยวก็ชิน

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 4:17 pm
โดย akekarat
ถ้าคุณ winkung เข้าตลาดมาเลยว่านี้ซักปีนึง (ตั้งแต่ตุลาปีที่แล้ว) หรือสมัย อุ๋ย 108
ผมว่าแค่นี้ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยครับ ส่วนตัวผมไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดครับ เราแค่ปรับตัวตามและใช้สมองมากกว่าอารมณ์ก็พอ
อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเท่านั้นเอง

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 5:28 pm
โดย SEHJU
ดีใจด้วยครับ ที่ได้บทเรียนไปอีกหนึ่งบท

ส่วนผมก็ถือโอกาสลองฝึกใช้สเต็ป short against port ดู ปรากฎว่าเจอเซิฟเว่อร์ดาวน์  :?  จะทำไรก็เสียจังหวะไปหมด นี่ก็เป็นอีกบทเรียนหนึ่งของผมเช่นกัน

(โถ ตลท.  แล้วก็สนับสนุนให้นักลงทุนเข้ามาเทรดหุ้นกันมากๆ โดยเฉพาะทางเน็ต แล้วดูสิ....)

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 6:01 pm
โดย SV2
ใจหวิวๆไปเหมือนกัน กำไรที่มีอยู่หายไปเกือบ 30 %

พอตั้งสติได้เลยถือโอกาสปรับพอร์ท ขายตัวที่ลงน้อย (grammy) ไปเข้า mcs กับ kye เพราะลงเป็นเปอร์เซนต์ที่มากกว่า

พอถึงวันศุกร์กำไรหายไปน้อยลงเหลือ 19 %  

ได้บทเรียนสำหรับการเตรียมตัวครั้งต่อไปว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกจะทำอย่างไร

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 6:07 pm
โดย winkung
[quote="SV2"]ใจหวิวๆไปเหมือนกัน กำไรที่มีอยู่หายไปเกือบ 30 %

พอตั้งสติได้เลยถือโอกาสปรับพอร์ท ขายตัวที่ลงน้อย (grammy) ไปเข้า mcs กับ kye เพราะลงเป็นเปอร์เซนต์ที่มากกว่า

พอถึงวันศุกร์กำไรหายไปน้อยลงเหลือ 19 %

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 7:15 pm
โดย กุหลาบงามหลังฝน
ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้
อย่างแรกที่ผมอยากให้พี่winkungทำคือ

ตั้งสติ เพราะเหตุการณ์อย่างนี้มักจะมีเกิดขึ้นเสมอ
ลองมองกับไป
คิดให้ได้ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยมีผลในระยะสั้น หรือระยะยาว
แล้วเหตุการณ์เหล่านี้มันกระทบต่อบริษัทที่เราลงทุนมากน้อยแค่ไหน

แล้วคิดโดยมีสติว่าเราจะทำอย่างไร ขายทิ้ง เปลี่ยนตัว ซื้อเพิ่ม

ส่วนเรื่องอื่นผมเห็นว่ามันไม่เกี่ยวเท่าไร

ลงทุนโดยมีสติ

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 10:21 pm
โดย ส.สลึง
เย็นวันศุกร์ เดินทางกลับจาก ตจว.
พอถึงบ้าน ประโยคแรกที่แม่ถามผมคือ...

"ขายหุ้นไปหรือยัง..?"

ผมทำหน้างงเล็กน้อย
ถึงที่ผ่านมาคนที่บ้านจะยอมรับได้ว่าผมน่าจะพอเอาตัวรอดได้
แต่คนที่บ้านก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมกำลังทำ

ผมตอบแม่ของผมไปว่า "เปล่า..."

แม่ผมถามต่อว่า "แล้วลงไหม..?"

"ไม่ลงครับ เท่าเดิม"

หลังจากนั้นถึงได้คุยขยายความต่อ ว่าผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย
นอกจากเอาเงินสดติดปลายไม้จิ้มฟัน
ทิ่มไปหน่อยเมื่อเย็นวันพฤหัส

เมื่อนายตลาดเสนอ
ผมก็พร้อมจะสนองครับ
เลยจิ้มเงินสดติดปลายไม้จ้มฟันของผมลงไปที่พุงของนายตลาด
จึกๆๆๆ :lol: ...

ผมว่าเหตุการณ์ 2 วันนั้นเรื่องธรรมดามากเลย
คราวตอนที่มีนโยบายกันสำรองฯ น่ากลัวกว่ามาก
แต่นักลงทุนหลายคนก็ผ่านมาได้ :wink:

ประเด็นคือ ถ้าใน 2 วันนั้น เราไม่ได้อยู่ที่หน้าจอ
เราจะทำอย่างไร ก่อนหน้านั้นเราเตรียมตัว และมีความพร้อมอะไร
ที่จะรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันบ้าง

วอร์เรน บัฟเฟต เคยสอนเราว่า "ซื้อหุ้นทางไปรษณีย์ก็ยังทัน"
ในมุมกลับกัน ผมก็ค้นพบว่า "ขายหุ้นทางไปรษณีย์ ก็ยังทันพอๆ กัน" :8)

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 10:33 pm
โดย kurapica
ถ้ามวยวัดผมแกร่งกล้ามากกว่านี้ คงฉวยโอกาสจากวิกฤตครั้งนี้ได้
ก่อนหน้านั้นผมเห็นราคาหุ้นของผมขึ้นมาเยอะมาก ตอนเช้าวันที่มันเริ่มลงผมเลยมาเปิดกราฟดูราคา เพื่อวิเคราะห์ตามแนวทางของตัวเอง
ระหว่างนั้นผมสังเกตราคาไปด้วย เห็นมันเริ่มลงอย่างรวดเร็ว กราฟแท่งเทียนเริ่มเปลี่ยนสี จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมกับหุ้นตัวนี้ สัญชาติญาณบอกให้ผมขายทันที
เพื่อเก็บเงินไว้รอช้อน เพราะผมถือหุ้นเต็ม 100% ถ้ามันลงมาเยอะ จะไม่มีเงินไปเก็บมัน
แต่ด้วยวินัยแบบ VI และความเชื่อมั่นบอกให้ผมถือต่อไป ผมลังเลสักพัก แล้วก็ปิดจอ ออกไปทำอย่างอื่น เลยไม่ได้ขายอะไรออกไปเลย
วันที่สองหุ้นลงมาเยอะมาก แต่ผมไม่มีเงินไปเก็บมัน
วิกฤตครั้งนี้เลยกลายเป็นอากาศสำหรับผม เพราะไม่มีเงินไปเก็บหุ้นถูก
แถมกำไรส่วนหนึ่งก็หายไปกับอากาศด้วย มันผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

สรุปว่า กำไรหายไปเกือบครึ่ง แถมมีบางตัวขาดทุนด้วย

จึงได้บทเรียนมวยวัดว่า ถ้าไม่แน่ใจควรทำครึ่งหนึ่ง คือตอนที่ผมลังเล เมื่อสังเกตเห็นหุ้นเริ่มลงจากที่ขึ้นมาเยอะมาก ผมควรขายหุ้นไปครึ่งหนึ่ง เพื่อจะได้มีเงินสดไว้รองรับโอกาส

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 10:55 pm
โดย Ani
เลือกหุ้นบริษัทที่แข็งแกร่ง มีอนาคต  ในราคาที่เหมาะสม และมี MOS

แล้วผมได้ยิน ดร. พูดบ่อยๆ ว่าให้พยายามมองเศรษฐกิจภาพใหญ่

ส่วนพี่วิบูลย์  ไม่สนใจความผันผวนของราคาในระยะสั้น ครับ

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 11:01 pm
โดย winkung
ขอบคุณทุกๆท่านมากเลยครับ
ผมเองมือใหม่ พึ่งลงทุนในหุ้นได้สองเดือนกว่าๆ
เคยได้ยินแต่ความหายนะของวิกฤตเมื่อครั้งอดีต

อย่างที่หลายคนว่า "ไม่เจอกับตัวเอง ไม่มีวันรู้สึก"
คนภายนอกมองเข้ามา หากเทียบอารมณ์กับคนที่อยู่ภายในนั้น  มันจะคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิง

ผมต้องนิ่งให้มากกว่านี้
ผมว่าผมน่าจะนิ่งกว่าแต่ก่อนแล้วนะ  สุดท้ายก็ยังเป็นกระต่าย(โง่)ที่ตื่นตูมอยู่ดี  :wall:  :wall:

ไม่เป็นไรครับ ถือว่าเป็นบทเรียน   เจ็บแล้วจำคือคน เจ็บแล้วทนคือ ควายยยยย  :shock:   (เกี่ยวไหมเนี่ย อิอิ)

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 17, 2009 11:08 pm
โดย ส.สลึง
kurapica เขียน:ถ้าไม่แน่ใจควรทำครึ่งหนึ่ง คือตอนที่ผมลังเล เมื่อสังเกตเห็นหุ้นเริ่มลงจากที่ขึ้นมาเยอะมาก ผมควรขายหุ้นไปครึ่งหนึ่ง เพื่อจะได้มีเงินสดไว้รองรับโอกาส
ถือหุ้น 100% ตลอดเวลาเหมือนกันครับ
เวลาเกิดอารมณ์กระสันต์อยากได้เงินสดไปซื้อหุ้น
ก็แค่แบ่งขายหุ้นที่พิจารณาแล้วว่า Upside เหลือน้อยออกไป
แต่เหตุการณ์เมื่อ 2-3 วันก่อน ผมไม่มีความรู้สึกอย่างนั้นน่ะครับ :roll:

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 12:28 am
โดย vi_tal signs
บทเรียนในครั้งนี้คือ

พอราคามันลงแล้ว ดันไม่มีเงินซื้อ    :oops:  :cry:  :oops:  :cry:

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 5:10 am
โดย sai
[quote="vi_tal  signs"]บทเรียนในครั้งนี้คือ

พอราคามันลงแล้ว ดันไม่มีเงินซื้อ

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 9:21 am
โดย SoLid_frOg
พอร์ทผมเหมือนเดิม 100 เปอร์เซนต์เลยอะครับ

ช่วงนั้นงานหนักไม่ได้ดูจอเลย

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 9:27 pm
โดย sorawut
การอยู่เฉยๆก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายนะครับ :8)

ไม่จำเป็นต้องโลภ อยากได้ไปทุกจังหวะที่นายตลาดมาเสนอหรอก :lol:  :lol:  :lol:

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 9:38 pm
โดย SoLid_frOg
ฮ่าๆ ผมไม่เล่นทุกสนามครับ

อีกอย่างผมก็ไม่สามารถคาดการณ์ทิศทางของตลาดได้ว่าต่อไปจะขึ้นหรือลงหนัก  แต่ผมรู้พื้นฐานหุ้นที่ถือครับ  :D

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 10:07 pm
โดย vacuum_car
ผมซื้อเพิ่มในเช้าวันพฤ. เพราะคิดว่ามันจะรีบาวน์แล้วไปต่อ แต่กลับผิดคาด

บทเรียนของผมคือ ต้องอดทนและใจเย็นๆครับ

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 10:22 pm
โดย ถุงเงินเก่า
สองวันนั้น ผมนอนกลางวันครับ วันพุธไม่รู้สึกจึงไม่ได้ทำอะไร ส่วนพฤหัสบดี ตอนที่ได้เห็นว่าดีชนีลบไปเยอะ เลยหาข้อมูลว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่เจอข้อมูลอะไรที่เป็นข่าวร้ายมีตัวตน แถมประเทศอื่นยังเป็นข่าวดีอีกแน่ะ เลยไม่ทำอะไรอีกวัน นอนกลางวันอีกครั้ง แต่ก็โดนที่บ้านเป็นห่วงนะ
บทเรียน เป็นการยำอีกครั้งว่าผมไม่เหมาะกับการเล่นสาย VS (Value Speculator) จริง ๆ นั้นแหละ

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 10:24 pm
โดย yoyo
เล่นหุ้นมาไม่นาน เจอแบบนี้บทเรียนนี้เข้าไปแล้วเรียนรู้ได้ขนาดนี้ผมว่าก็เยี่ยมแล้วครับ ที่เขียนสรุปออกมานั้นทำได้ดีมาก

ไม่ต้องห่วงครับว่าฝีมือจะไม่พัฒนา เพราะเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวคงได้เจออยู่บ่อยๆ มีทุกปี มีประจำ เรียนรู้จากความผิดพลาดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งครับ

ฝากไว้ 1 เรื่อง "ลืมต้นทุนให้ได้ครับ"

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 10:34 pm
โดย nathapon_m
วันนั้น panic กัน ผมยังไม่ได้ซื้อเลยอ่ะ  เพราะคิดว่ามันยังไม่ถึงราคาที่ตั้งไว้

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ต.ค. 18, 2009 10:39 pm
โดย winkung
yoyo เขียน:เล่นหุ้นมาไม่นาน เจอแบบนี้บทเรียนนี้เข้าไปแล้วเรียนรู้ได้ขนาดนี้ผมว่าก็เยี่ยมแล้วครับ ที่เขียนสรุปออกมานั้นทำได้ดีมาก

ไม่ต้องห่วงครับว่าฝีมือจะไม่พัฒนา เพราะเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวคงได้เจออยู่บ่อยๆ มีทุกปี มีประจำ เรียนรู้จากความผิดพลาดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งครับ

ฝากไว้ 1 เรื่อง "ลืมต้นทุนให้ได้ครับ"
หวัดดีครับพี่โย (เมื่อวานผมพึ่งได้มีโอกาสดูคลิป MONEY TALK - คาถาลงทุนหุ้นคุณค่า)
ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าพี่โย แล้วก็คุณพี่ลูกอีสานแล้ว  :D

ยอมรับว่าเรื่อง "ลืมต้นทุน" มันทำได้ยากมากๆสำหรับผมตอนนี้
แต่จะพยายาม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับผม  :cool:

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 19, 2009 4:30 am
โดย support
yoyo เขียน:เล่นหุ้นมาไม่นาน เจอแบบนี้บทเรียนนี้เข้าไปแล้วเรียนรู้ได้ขนาดนี้ผมว่าก็เยี่ยมแล้วครับ ที่เขียนสรุปออกมานั้นทำได้ดีมาก

ไม่ต้องห่วงครับว่าฝีมือจะไม่พัฒนา เพราะเหตุการณ์แบบนี้เดี๋ยวคงได้เจออยู่บ่อยๆ มีทุกปี มีประจำ เรียนรู้จากความผิดพลาดไปเรื่อยๆเดี๋ยวเก่งครับ

ฝากไว้ 1 เรื่อง "ลืมต้นทุนให้ได้ครับ"
งั้นผมถือเงินสดรอเหตุการณ์แบบนี้อย่างเดียวเลยได้ไหมครับ ในเมื่อปี ๆ มันจะมาบ่อย ๆ ...         :lol:

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: จันทร์ ต.ค. 19, 2009 9:49 pm
โดย tum_H
[quote="winkung"]

ยอมรับว่าเรื่อง "ลืมต้นทุน" มันทำได้ยากมากๆสำหรับผมตอนนี้
แต่จะพยายาม ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับผม

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 20, 2009 2:04 am
โดย Juninho
หุ้นก็ขึ้น ๆ ลง ๆ ให้ปวดหัวเล่นงี้ละครับ แต่ทุกอย่าง
มันก็จะผ่านไป
ซีพีเอฟ ก็กลับมาเยอะเลย นี่ครับ

เพิ่งรู้ว่า คุณวินคุง คือ คนจนที่อยากรวย ในพันทิพย์
สงสัยชอบโดเรม่อน มีในบล็อกเต็มเลย  :D

บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์ครั้งนี้

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 20, 2009 8:57 am
โดย Hwamei
มันก็ไม่แน่หรอกครับถ้ามันยังคงลงต่อไปเรื่อยๆ คุณก็จะคิด อีกแบหนึง