Female Economy : เมื่อเศรษฐกิจโลกอยู่ในมือผู้หญิง
โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 31, 2009 7:13 am
รบกวน Mod ย้ายเข้าห้องร้อยเล่มด้วย
ขอบคุณมาก
ใครว่าเศรษฐกิจโลกจะขับเคลื่อนด้วย New Economy
หรืออย่างบ้านเราที่กำลังฮือฮาคือ Creative Economy
แต่เทรนด์ที่มาแรงตลอดไม่ตกคือ ไม่ต้องแปลก็คือ
Female Economy ต่างหาก
มีโอกาสได้อ่านบทความคัดย่อของหนังสือเล่มหนึ่ง
Women Want More: How to Capture Your Share of the World's Largest, Fastest-Growing Market
ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review ฉบับกันยายน
เป็นข้อเขียนของ Michael Silverstein (ผู้ชายตัวจริง)และ Kate Sayre
ทั้งคู่ทำงานอยู่ในบริษัทที่ปรึกษา Boston Consulting Group
เนื้อหาของหนังสือดังกล่าวเป็นผลสรุป
จากการวิจัยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยุคใหม่
ที่ไม่ไช่เป็น New Economy
แต่เป็น Female Economy ต่างหาก
Women Want More : How to Capture Your Share of the Worlds Largest, Fastest-Growing Market
เป็นหนังสือประมวลวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคหญิงเล่มล่าสุด
ที่เพิ่งตีพิมพ์ออกเผยแพร่ว่าด้วยผลสำรวจของผู้หญิงจำนวน 12,000 คน
ใน 22 ประเทศครอบคลุมทั่วโลก
ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการและพฤติกรรมค่อนข้างตรงกันนั่นก็คือ
ผู้หญิงได้กลายเป็นพลังสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจระดับโลก
หรือที่เราเรียกแนวโน้มมาแรงนี้ว่า Female Economy
กลุ่มตัวอย่างจากการวิจัยทั้งหมดสะท้อนออกถึงสถานภาพผู้หญิง
ที่นับวันจะโอกาสพัฒนาตัวเองทัดเทียมชายมากขึ้น
มีโอกาสรับการศึกษาสูงขึ้น มีรายได้ดีและตำแหน่งงานที่สูงขึ้นตามลำดับ
(จำนวน CEO หญิงในบริษัทใหญ่ๆพิสูจน์ถึงศักยภาพนี้)
เหนืออื่นใดมีความเป็นตัวของตัวไม่ต้องพึ่งพิงใคร
คำนวณกันว่าภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ จะมีจำนวนผู้หญิง
ออกทำงานนอกบ้านเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านคนเป็น 1.2 พันล้านคน
ด้วยรายได้ทั้งหมดรวมกันสูงถึง 18 ล้านล้านเหรียญ($18,000,000,000,000)
จาก 12 ล้านล้านเหรียญ ($12,000,000,000,000)
โอ้โฮ ตัวเลขศูนย์เยอะไปหมดเลย
กระนั้นก็ตาม
ทุกคนมีความรู้สึกไม่พึงพอใจกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาด
เพราะไม่สามารถนำเสนอหรือตอบสนองวิถีชีวิตของตัวเองได้
ผู้หญิงรุ่นใหม่เห็นสอดคล้องกันว่า
ภารกิจแต่ละวันที่ยุ่งเหยิง และมีบทบาทหลายด้าน
ทำให้ไม่สามารถจัดการกับเวลาส่วนตัวได้
หากมีข้อเสนอใดที่ทำให้ชีวิตของพวกเธอง่ายขึ้น
สะดวกสบายมากขึ้น มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น
พวกเธอยินดีที่จะใช้บริการนั้น
ตย.บริษัทที่ประสบความสำเร็จอันเนื่องมาจากเข้าใจความต้องการของเธอ
ก็คือ
Trader Joes ผู้ผลิตอาหารประหยัดเวลาพร้อมปรุง
( time saving prepared food) อุอุ บ้านเรามีเยอะแยะ
บริษัท Banana Republic เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Gap
ที่ทำให้การช้อปปิ้งเลือกซื้อเสื้อผ้าดูง่าย ไม่วุ่นวายเสียเวลามากนัก
ผู้หญิงหลายคนล้วนมีความไม่พอใจตรงกันในเรื่องบริการภาคการเงิน (Financial Service)
ดูเหมือนบรรดาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินเงินทองที่เสนอบริการอยู่นั้น
ยังติดกรอบภาพลักษณ์ลูกค้าที่เป็นแม่บ้านสมบูรณ์แบบ อยู่เหย้าเฝ้าเรือน
มีลูกเล็กที่ต้องเตรียมอนาคตให้ ทำไมไม่หันมาดูบ้างว่า
ยังมีกลุ่มผู้หญิงโสด(และจะโสดอีกนาน) ผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้าง
ผู้หญิงเลี้ยงลูกคนเดียว (Single Parent) ซึ่งรออยู่ว่า
จะมีบริการทางการเงินใดที่สามารถตอบสนองวิถีชีวิตของพวกเธอเหล่านี้ได้
เศรษฐกิจของผู้หญิง Female Economy
ถ้าใครมองเห็นโอกาสนี้ก่อน
ก็ย่อมเป็นขุมทองของนักการตลาดในทศวรรษนี้
ว่าแล้วก็รอว่าเมื่อไหร่หนังสือเล่มนี้จะมาวางขายในบ้านเรา
ขอบคุณมาก
ใครว่าเศรษฐกิจโลกจะขับเคลื่อนด้วย New Economy
หรืออย่างบ้านเราที่กำลังฮือฮาคือ Creative Economy
แต่เทรนด์ที่มาแรงตลอดไม่ตกคือ ไม่ต้องแปลก็คือ
Female Economy ต่างหาก
มีโอกาสได้อ่านบทความคัดย่อของหนังสือเล่มหนึ่ง
Women Want More: How to Capture Your Share of the World's Largest, Fastest-Growing Market
ตีพิมพ์ใน Harvard Business Review ฉบับกันยายน
เป็นข้อเขียนของ Michael Silverstein (ผู้ชายตัวจริง)และ Kate Sayre
ทั้งคู่ทำงานอยู่ในบริษัทที่ปรึกษา Boston Consulting Group
เนื้อหาของหนังสือดังกล่าวเป็นผลสรุป
จากการวิจัยถึงแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยุคใหม่
ที่ไม่ไช่เป็น New Economy
แต่เป็น Female Economy ต่างหาก
Women Want More : How to Capture Your Share of the Worlds Largest, Fastest-Growing Market
เป็นหนังสือประมวลวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภคหญิงเล่มล่าสุด
ที่เพิ่งตีพิมพ์ออกเผยแพร่ว่าด้วยผลสำรวจของผู้หญิงจำนวน 12,000 คน
ใน 22 ประเทศครอบคลุมทั่วโลก
ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการและพฤติกรรมค่อนข้างตรงกันนั่นก็คือ
ผู้หญิงได้กลายเป็นพลังสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจระดับโลก
หรือที่เราเรียกแนวโน้มมาแรงนี้ว่า Female Economy
กลุ่มตัวอย่างจากการวิจัยทั้งหมดสะท้อนออกถึงสถานภาพผู้หญิง
ที่นับวันจะโอกาสพัฒนาตัวเองทัดเทียมชายมากขึ้น
มีโอกาสรับการศึกษาสูงขึ้น มีรายได้ดีและตำแหน่งงานที่สูงขึ้นตามลำดับ
(จำนวน CEO หญิงในบริษัทใหญ่ๆพิสูจน์ถึงศักยภาพนี้)
เหนืออื่นใดมีความเป็นตัวของตัวไม่ต้องพึ่งพิงใคร
คำนวณกันว่าภายใน 5 ปีข้างหน้านี้ จะมีจำนวนผู้หญิง
ออกทำงานนอกบ้านเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ล้านคนเป็น 1.2 พันล้านคน
ด้วยรายได้ทั้งหมดรวมกันสูงถึง 18 ล้านล้านเหรียญ($18,000,000,000,000)
จาก 12 ล้านล้านเหรียญ ($12,000,000,000,000)
โอ้โฮ ตัวเลขศูนย์เยอะไปหมดเลย
กระนั้นก็ตาม
ทุกคนมีความรู้สึกไม่พึงพอใจกับบริการหรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาด
เพราะไม่สามารถนำเสนอหรือตอบสนองวิถีชีวิตของตัวเองได้
ผู้หญิงรุ่นใหม่เห็นสอดคล้องกันว่า
ภารกิจแต่ละวันที่ยุ่งเหยิง และมีบทบาทหลายด้าน
ทำให้ไม่สามารถจัดการกับเวลาส่วนตัวได้
หากมีข้อเสนอใดที่ทำให้ชีวิตของพวกเธอง่ายขึ้น
สะดวกสบายมากขึ้น มีเวลาเป็นของตัวเองมากขึ้น
พวกเธอยินดีที่จะใช้บริการนั้น
ตย.บริษัทที่ประสบความสำเร็จอันเนื่องมาจากเข้าใจความต้องการของเธอ
ก็คือ
Trader Joes ผู้ผลิตอาหารประหยัดเวลาพร้อมปรุง
( time saving prepared food) อุอุ บ้านเรามีเยอะแยะ
บริษัท Banana Republic เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Gap
ที่ทำให้การช้อปปิ้งเลือกซื้อเสื้อผ้าดูง่าย ไม่วุ่นวายเสียเวลามากนัก
ผู้หญิงหลายคนล้วนมีความไม่พอใจตรงกันในเรื่องบริการภาคการเงิน (Financial Service)
ดูเหมือนบรรดาบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินเงินทองที่เสนอบริการอยู่นั้น
ยังติดกรอบภาพลักษณ์ลูกค้าที่เป็นแม่บ้านสมบูรณ์แบบ อยู่เหย้าเฝ้าเรือน
มีลูกเล็กที่ต้องเตรียมอนาคตให้ ทำไมไม่หันมาดูบ้างว่า
ยังมีกลุ่มผู้หญิงโสด(และจะโสดอีกนาน) ผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้าง
ผู้หญิงเลี้ยงลูกคนเดียว (Single Parent) ซึ่งรออยู่ว่า
จะมีบริการทางการเงินใดที่สามารถตอบสนองวิถีชีวิตของพวกเธอเหล่านี้ได้
เศรษฐกิจของผู้หญิง Female Economy
ถ้าใครมองเห็นโอกาสนี้ก่อน
ก็ย่อมเป็นขุมทองของนักการตลาดในทศวรรษนี้
ว่าแล้วก็รอว่าเมื่อไหร่หนังสือเล่มนี้จะมาวางขายในบ้านเรา