Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

หากเราต้องการเข้าถึงอิสรภาพทางการเงินอย่างปลอดภัย + ถึงเร็วที่สุด

ภายใต้สมมติฐาน  

1. กำหนดเวลา 10 ปี หามาให้ได้ 100 ล้านบาท
2. ผลตอบแทน/เงินลงทุน เฉลี่ยเพียง 7 % ต่อปี (ไม่ใช่ทบต้น)

และคนๆนั้น

- เป็นคนที่เคยทำงานประจำมาอย่างน้อย 2 ปี ปัจจุบันอาจทำหรือไม่ทำแล้วก็
 ได้
- มีรายได้ประจำต่อเดือน หรือรายได้ครั้งสุดท้ายก่อนออกจากงาน 15,000
 บาท ขึ้นไป    

ปล. ท่านที่ไม่ได้ทำงานประจำแล้ว  ขอให้นึกย้อนเวลากลับไปในวันนั้น
      แล้ว สมมติว่า ท่านตัดสินใจที่จะทำงานประจำต่อไป+ลงทุนในหุ้นด้วย

หากเป็นท่าน  ท่านจะเลือกทุ่มเทให้กับสิ่งใดอันดับแรกมากสุด ??  

        A.  มุ่งที่จะเพิ่มรายได้จากงานหลักให้ได้มากที่สุด จ่ายให้
             พอร์ตลงทุนก่อนจ่ายเรื่องอื่นๆ (กรณีปกติ)

             - อาจต้องเรียนต่อเพื่อเปลี่ยนอาชีพ
             - อาจต้องหางานเสริม/ทำธุรกิจ
             
        B.  เราเลือกการลงทุนที่ไม่เกินความสามารถของเรา
             ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอทุกปี ในระดับที่เรา ok
             (กรณีที่ไม่มีเวลาติดตามเท่าไร)
               
จริงๆทุกคนก็ทำมันไปทั้ง 2 อย่างแหละครับ    

แต่ถ้าจะให้จัดอันดับจริงๆ  อยากทราบว่าแต่ละท่านให้ความสำคัญกับอย่างไหนมากกว่ากัน

ผมฝีมืองั้นๆๆ ยังรู้ไม่ลึก หลักยังไม่นิ่ง ไม่กล้าเลือกหุ้นที่รายได้แกว่งไปมา

ผมให้  A. NO.1
         B NO.2  

[quote="Voldtrest"]...หากเป็นท่าน

ผมทำงานมาประมาณ 8-9 ปี
- ทำงานที่ บริษัทของอาจารย์ตอนเรียนอยู่วิศวะ 2 ปี
- ทำงาน บมจ. หลังเรียนจบประมาณ 7 ปี

ตั้งแต่เรียนจบมาผมได้คิดทฤษฎีเรื่อง "เครื่องสร้างเงิน" ซึ่งหลักการคือ คนเราแม้จะเก่ง-รอบรู้ขนาดไหนก็ไม่สามารถสร้างรายได้มากมายหากต้องทำเองทุกอย่าง ดังนั้นเราควรจะสร้างช่องทาง(เครื่อง)สร้างรายได้ที่แข็งแกร่งหลายๆช่องทาง(เครื่อง) และให้มันทำงานแทนเรา ... แต่หาเท่าไร ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่พบซักที... จนคิดจะเรียนต่อเพื่อหาทางอื่น
หลังจากที่ได้ศึกษาหลักงานของ VI ผมคิดว่าการลงทุนในหุ้นโดยใช้หลักการลงทุนแบบ Value Investment คือการสร้างเครื่องสร้างเงินดีๆนี่เอง ผมจึงยกเลิกความคิดจะเรียนต่อ และหันมาศึกษาการลงทุนอย่างจริงจัง โดยทำงานหลัก+งานเสริมที่ถนัดเท่านั้น

เวลาลงทุนผมจะเก็บเงินรายได้ทุกส่วนลงพอร์ต(หลังจากหักรายจ่ายแล้ว) และนำเงินในพอร์ตไปลงในหุ้นให้มันสร้างรายได้ให้ผมด้วยผลตอบแทนที่คาดหวังได้จากขอบเขตความรู้ของตัวเอง

[quote="Voldtrest"]หากเราต้องการเข้าถึงอิสรภาพทางการเงินอย่างปลอดภัย + ถึงเร็วที่สุด

ภายใต้สมมติฐาน

สมมติฐาน กับ เป้านี่สุดยอดจะไม่สมเหตุสมผลเลยครับ...

ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี นี่หมายความว่าอัตราผลตอบแทนทบต้นอยู่ที่ประมาณ 5.45% ต่อปี

ดังนั้นจะต้องลงทุนปีละ 7 ล้านกว่าบาทต่อปีเพื่อทำให้ถึง 100 ล้านใน 10 ปี ซึ่งหมายความว่าต้องลงทุนเดือนละ 6 แสนกว่าบาทต่อเดือน

อาชีพที่ได้เงินเดือนมากกว่า 6 แสนบาทต่อเดือนในเมืองไทยนี่... หาได้ยากมากครับ และถ้าหาได้... คนๆ นั้นรายจ่ายก็จะมากตามสถานะสังคมก็ไปด้วย

ทางแก้ไม่ 2 ทางครับ... ตั้งเป้าหมาย หรือเปลี่ยนสมมติฐานใหม่ดีกว่าครับ

[quote="Voldtrest"]หากเราต้องการเข้าถึงอิสรภาพทางการเงินอย่างปลอดภัย + ถึงเร็วที่สุด

ภายใต้สมมติฐาน

ขอขอบคุณในความกรุณาของทุกท่านที่ให้ความสนใจกระทู้นี้นะครับ

ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ที่ว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

แต่ท้ายที่สุด ผมก็ตัดสินใจที่จะให้มันออกมาแบบนี้

ด้วยแรงดลใจบางอย่างที่ผมเองไม่สามารถอธิบายมันด้วยคำพูด จริงๆ  

ยังไงก็ตาม  การถามครั้งนี้ของผมไม่สูญเปล่าเลย  

ผมได้ข้อมูลบางส่วนสำหรับตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิต  :o


ทุกท่านสามารถให้ความเห็นเพิ่มเติมอีกนะครับ...

เลือกข้อ 1 นะครับ หาทางเพิ่มรายได้ก่อน เพราะเวลาทำงานมีจำกัด เดี๋ยวอายุมาก โดนให้ออกเอาซะง่ายๆ อีกอย่างเงินน้อย พอเกิดเหตุฉุกเฉิน จะมีความเครียดในการลงทุนได้  :lol:

การลงทุนผมว่าก็คล้ายๆกับการปลูกต้นไม้นะครับ

การที่เรากำหนดกรอบของเวลา หรือยึดติดกับเป้าหมายมากเกินไป

อาจทำให้เราเครียดมากกับการลงทุน เราปลูกต้นไม้ เราก็บอกไม่ได้ว่า

ตันไม้จะโตสูงเท่าไหร่ ออกลูกเยอะไหม

การที่นักลงทุนรายย่อยจะกำไรจากตลาดหุ้นได้ ก็เป็นเพราะเงินผู้อื่นที่จะมา

ไล่ซื้อดันราคาหุ้นขึ้นไป ถามว่าเมื่อไหร่จะมีคนมาไล่ซื้อ ไม่มีใครรู้หรอกครับ

ดังนั้นผมว่าการกำหนดว่าปีนี้จะตั้งเป้ากำไรเท่านั้นเท่านี้ เป็นเรื่องยาก

ขอเพียงแต่เราสนใจใฝ่หากิจการที่มีการบริหารจัดการที่ดี หมั่นหาความรู้ความเข้าใจในกิจการนั้นๆ เช่นเดียวกันกับการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ต้นไม้
เป็นเรื่องของเรา แต่เรื่องโตเร็ว โตช้านั้นเป็นเรื่องของต้นไม้

แล้วสักวันกระแสเงินก็จะพาหุ้นนั้นๆไปสู่ที่ที่ควรจะเป็น

ขออภัยถ้าท่านเจ้าของกระทู้รู้สึกว่าตอบนอกเรื่องไป

ด้วยโจทย์นี้ และคำตอบที่เป็น choice เป็นไปไม่ได้ครับ เสียใจด้วย

ถ้าจะให้ถึงร้อยล้านมีทางเดียวคือสร้างธุรกิจครับ แล้วเอาเงินมาลงทุนครับ
ถ้าเป็นลูกจ้าง แล้วลงทุน ได้ผลตอบแทนขนาดนั้นเป็นไปไม่ได้ครับ

เคยคิดดูเล่นๆ ลงทุน 10 ปีได้ 10 เท่านี่ก็สุดยอดจะเก่งแล้วครับมีหุ้นไม่กี่ตัวที่โตเร็วขนาดนั้น

หุ้นที่โตเร็วทั่วไปน่าจะได้ 2 เท่าใน 5 ปี

เห็นหัวข้อแล้ว นึกว่า จะถามว่า ใครมีสัดส่วนรายได้หลักต่อรายได้จากการลงทุน เป็นสัดส่วนเท่าไหร่ซะอีก

[quote="Voldtrest"]

ขอขอบคุณในความกรุณาของทุกท่านที่ให้ความสนใจกระทู้นี้นะครับ

ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ที่ว่ามันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

แต่ท้ายที่สุด ผมก็ตัดสินใจที่จะให้มันออกมาแบบนี้

ด้วยแรงดลใจบางอย่างที่ผมเองไม่สามารถอธิบายมันด้วยคำพูด จริงๆ

ข้อมูลต่างๆที่ผมกำหนดขึ้นมาอย่างสุดโต่ง   ก็เพื่อที่จะได้ตัดสินใจเลือกที่จะทุ่มเทให้กับกิจกรรมใดมากกว่ากัน  ง่ายขึ้น  โดยที่ยังคงทำทั้ง 2 อย่างไปพร้อมๆกันได้อย่างมีความสุข  

กระทู้นี้ถูกตีความไปต่างๆนานา  เพราะผมเองไม่มีความชัดเจนทั้ง A และ B

ซึ่งอย่างน้อย ผมก็สบายใจไปเปราะนึงว่า ในที่สุดผมก็มีความกล้า
ที่จะวางแผนชีวิต ที่จะมีผลกับอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว  

เป้าหมายเป็นเพียงจุดเริ่ม ให้ผมได้บอกกับตัวเองว่า จะทำยังไงต่อครับ

ทั้งปี 2009 นี้  ผมเบื่อกับการที่ไม่รู้ว่า เราต้องการอะไรกันแน่

จึงมีกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อให้ผมได้ตั้งหลักครับ  :D

ตอบจากโจทย์เลือกข้อ 1

ตอบจากใจเลือกข้อ 2

ถ้าน้องทำข้อ 1 ได้สำเร็จจริงๆ น้องจะมีเงินเก็บ 100 ล้านภายใน 10 ปี แต่น้องจะขาดทุกอย่างที่ใช้เงินนิดหน่อยซื้อได้ตอนนั้น แต่เงินมหาศาลซื้อมันตอนนี้ไม่ได้

พี่ว่าระหว่างทางชมนกชมดอกไม้บ้างก็ได้มั้งจ้ะ

ผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับเพื่อนๆหลายคนที่แนะนำว่า  อย่ารีบร้อนเกินไป  อย่ากำหนดระยะเวลาที่ตายตัวมากนัก

แน่นอนว่า  เมื่อเราเพิ่งค้นพบเส้นทางสายหนึ่งที่เรามั่นใจมากๆ  จิตใจเราย่อมฮึกเหิม  แต่พอระยะเวลาผ่านไป  เราอาจจะพบว่าเส้นทางสายนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบไปตลอดทาง

การกำหนดเป้าหมายที่สูงเกินไป  อาจทำให้เราต้องเข้าสู่สนามที่มีความเสี่ยงมากขึ้น  เพื่อหวังที่จะได้ผลลัพธ์ที่มากขึ้น  จนบางครั้งทำให้เราได้รับความเสียหายก็ได้  และสิ่งที่ตามมาก็คือกำลังใจของเราจะถดถอย

ชีวิตคงไม่มีอะไรง่ายๆหรอกครับ  ไม่งั้นก็คงมีมหาเศรษฐีมากมายไปแล้ว

อย่าให้ความสำคัญกับเป้าหมายมากเกินไป

แต่ให้ความสำคัญกับวิถีที่เราจะเดินไปให้ถึงเป้าหมาย

แม้ที่สุดเราจะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ถ้าเราได้เดินในวิถีที่เราศรัทธา นั่นก็น่าจะพอใจแล้ว

สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกเราคือความไม่แน่นอน

ตอนแรกๆ ผมก็ตั้งเป้าหมายไว้ จะต้องไปถึงในระยะเวลากี่ปี

แต่ปัจจุบัน ผมคิดว่า ผมเลือกวิธีที่จะเดินไปถึงเป้าหมาย แล้วมีความสุขกับทุกขณะที่เราเดินไปสู่เป้าหมาย ทีละก้าว ทีละก้าว

ใครจะรู้ ก่อนเราจะมีร้อยล้าน อาจจะเกิดอุบัติเหตุอะไรก็ได้ ผมเห็นชีวิตมามาก เห็นความสูญเสียมามาก

ไม่มีอะไรเป็นไปตามแผนของเราเสมอหรอกครับ

chatchai
ชีวิตคงไม่มีอะไรง่ายๆหรอกครับ  ไม่งั้นก็คงมีมหาเศรษฐีมากมายไปแล้ว

ตอบสั้นแต่คมคายมากครับ เพราะตอนแรกที่ผมเริ่มลงทุนก็ได้ดูตัวอย่างจากพี่เขาที่นี่แหละครับ

อ่านโจทย์แล้วสุดโต่งจริงๆครับ

ถ้าตามสมมติฐานของ คุณ Voldtrest แล้วล่ะก็

คงต้องตอบเหมือนกับพี่ sunrise แหละครับว่าคงต้องสร้างธุรกิจเท่านั้นถึงจะสามารถทำได้

แต่อย่าลืมนะครับว่าการสร้างธุรกิจย่อมต้องมีความเสี่ยงซึ่งผมว่าความเสี่ยงนั้นมากกว่า การลงทุนให้ได้ผลตอบแทน 7% แบบที่ จขกท ตั้ง สมมติฐานไว้อีกนะครับ ซึ่งถ้าตามสมมติฐานแบบนี้ โอกาสการสร้างธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ คุณ Voldtrest จะประเมินให้ซักกี่เปอเซ็นดีล่ะครับ?

ปล. ขอบคุณพี่ฉัตรชัยมากครับ สำหรับคำคมๆเพื่อเด็กใหม่ๆเช่นผมจะได้ไม่เหลิง  

100 ล้านบาท ใน 10 ปี

ด้วยผลตอบแทนปีละ 7%

น่าจะเริ่มด้วยเงิน 50 ล้านบาทแล้วล่ะครับโจทย์แบบนี้  :8)

ส่วนตัวผมมองว่า Profile การทำงานของเราสำคัญที่สุด และใช้หากินได้จนกว่าจะทำงานไม่ไหวครับ เงินเดือน6-7หลักผมมองว่าจิ๊บๆ เพราะบริษัทต่างชาติเริ่มจะให้เงินเดือนเป็นยูโรในเรต high-cost country แล้ว

ส่วนเรื่องลงทุนผมเอาไว้เป็นงานเสริมหลัก ที่จะทำให้มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะกอบโกยได้เยอะ แต่ตลาดไทยก็เคยซาไป5ปี sideway อีก 5 ปี   มีขาขึ้นแค่ปี2003 และก็ปีนี้อีกปีเดียว เพราะฉะนั้นผมไม่คิดว่ามีอะไรที่แน่นอนและตายตัว  

แต่ตอนนี้น้ำขึ้น โบราณท่านว่าให้รีบตัก เศรษฐกิจไม่ดีงานประจำค่อนข้างว่าง เลยเน้นลงทุนพอสมควรครับ

[quote="Narongsak_rat"]ส่วนตัวผมมองว่า Profile การทำงานของเราสำคัญที่สุด และใช้หากินได้จนกว่าจะทำงานไม่ไหวครับ เงินเดือน6-7หลักผมมองว่าจิ๊บๆ เพราะบริษัทต่างชาติเริ่มจะให้เงินเดือนเป็นยูโรในเรต high-cost country แล้ว

ส่วนเรื่องลงทุนผมเอาไว้เป็นงานเสริมหลัก ที่จะทำให้มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะกอบโกยได้เยอะ แต่ตลาดไทยก็เคยซาไป5ปี sideway อีก 5 ปี

เงินเดือน/ค่าจ้างตอบแทน ที่สูงกว่าปกติ  มีไว้สำหรับคนที่สามารถให้บางสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถให้กับบริษัทได้ครับ  ไม่ได้เกี่ยวกับว่ามีตำแหน่งงานนั้นน้อย  
 
  ผมเองก็ยังหาตัวเองไม่เจอว่า อยากทำอาชีพอะไร ก่อนที่จะไปเรียนต่อโท  ทุกวันนี้รายได้/เดือน ก็ยังไม่ไปไหน  อยากได้เยอะเหรอ ก็ถึกเก็บเอา 65- 70 % รอลงทุนอย่างเดียว ทำแบบนี้มาเกือบ 2 ปีเข้าก็ล้าเป็นเหมือนกันครับ...อาจหนักเกินไปสำหรับค่าครองชีพแบบนี้  เลยเป็นที่มาว่าต้องเพิ่มรายได้หลักให้จงได้

  ในขณะที่การลงทุนนั้น  ผมไม่เคยแม้แต่คิด ที่จะบีบบังคับให้ตัวเองทำให้ได้ผลตอบแทน เท่านั้น เท่านี้ ทุกๆปี  เรื่องผลตอบแทนทบต้นนี่ ยังไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะผมมีความรู้ที่จำกัดกับธุรกิจที่มีรายได้แน่นอน  ผมต้องศึกษาอีกมาก และอาจใช้เวลานานกว่าท่านอื่นๆด้วย

ตอนนี้ผมพอเห็นภาพคร่าวๆ แล้วว่า จะจัดลำดับความสำคัญอย่างไร

ส่วนใหญ่ล้วนมีความเห็นพ้องต้องกัน...ทำให้ผมตัดสินใจง่ายขึ้น

คุณ Voldtrest ครับ
ผมเอาใจช่วยน๊ะครับ

ที่ผมบอกว่าเงินเดือนหลายๆหลักเนี่ยผมมองเหมือนกับที่ทุกคนบอกว่าถ้าเงินต้น x บาท เอาไปลงทุนให้ได้กำไรทบต้น 5-10% ต่อปีก็จะรวยมากในปีที่ 20-30  
แต่ทุกคนส่วนใหญ่จะลืมว่า เงินเดือนเราก็ทบต้น 5% ต่อปี  แถมยังจะมีการซื้อตัวและการเลื่อนตำแหน่งอีก  

ส่วนเรื่องการหาตัวเองไม่เจอผมก็เป็นครับ ผมเรียนวิศวะโยธามา10ปี มารู้ว่าตัวเองไม่ชอบก็ตอนทำงานไป1ปี
ตอนนี้จับพลัดจับโผลมาเป็นกุนซืออยู่บ.ต่างชาติในวงการรถยนต์ และตอนนี้ก็รู้ว่าไม่ชอบอีกเหมือนกัน ก็เลยลองหางานอดิเรกมาลงทุนแทนแก้เบื่อครับ

สู้ๆน๊ะครับ

ผมรู้จักอาชีพที่ประสบการณ์ทำงานสัก 5-6 ปีแล้วสามารถทำรายได้รวมโบนัสถึง 7 หลักครับ... สนใจไหมครับ...














Agel, Amway และบรรดา MLM ทั้งหลายเลยครับ...
มาร่วมสร้างธุรกิจกับเราสิครับ...  :lol:  :lol:  :lol:

[quote="picatos"]ผมรู้จักอาชีพที่ประสบการณ์ทำงานสัก 5-6 ปีแล้วสามารถทำรายได้รวมโบนัสถึง 7 หลักครับ... สนใจไหมครับ...

Agel, Amway และบรรดา MLM ทั้งหลายเลยครับ...
มาร่วมสร้างธุรกิจกับเราสิครับ...

ผมว่าทำแบบผ่อนคลายดีกว่าครับ บางทีการตั้งเป้าที่สูงเกินก็กดดันเราจนอาจทำให้ตัดสินใจอะไรพลาดไปได้ง่าย ๆ

จริง ๆ ผมก็เคยตั้งเป้าหมายเหมือนกัน ว่าผลตอบแทนต้องเท่านั้นเท่านี้ ทำไปทำมา เหนื่อยแฮะ
จะโฟกัสที่งานที่ทำอย่างเดียวก็ไม่ไหวในระยะยาว หรือจะเลือกลงทุนอย่างเดียวก็เสี่ยงไป และผลตอบแทนยังน้อยอยู่ (ปริมาณเงินลงทุน)
สุดท้ายก็มาลงตัวตรงที่ ตัวเองก็ทำงานไปเรื่อย ๆ ทำให้ดี
พอได้เงินจากการทำงานมา ก็เอามาลงทุนแบบเลือกรับเงินปันผล และเครดิตภาษี
ทีนี้ก็เริ่มดีขึ้น เพราะการลงทุนแบบนี้แทบจะไม่กระทบกับงานส่วนตัวที่ทำเลย ทำให้มีเวลาทำงานได้ดี ได้รายได้เต็มที่
เงินที่ได้มาก็เอามาลงทุนต่อ ทีนี้ปันผลก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ๆ กระบวนการก็วนไปเรื่อย ๆ แบบนี้

ตอนนี้ก็สบายแล้ว ไม่ได้มีพอร์ตร่ำรวย แต่ก็พอมีพอกินล่ะครับ

ไม่ลบของเก่า เขียนใหม่เลย

ไม่กลัวขายหน้า เพราะไม่มีหน้าให้ขาย


เป้าหมาย  

1. มีความสุข/ความหวัง/ความสนุก กับชีวิตให้ได้ทุกวัน
2. 15 ปี 100 ล้าน  (อายุ 40 ยังหนุ่มอยุ่ใช่ไหมครับ พี่ๆๆ)
3. ผลตอบแทน/เงินลงทุน  ตามผลประกอบการ + ราคาที่นายตลาดให้

แนวทาง

1. เติมความคิดบวกให้ตนเอง & ขจัดความคิดลบออกไปให้ได้ทุกวัน
2. ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 4 วัน/วันละ 30 นาที
3. เตรียมตัวเรียนต่อโท&ชิงทุนให้ได้ภายใน 2 ปี + ทำงานเดิมไปก่อน&เก็บ
   ออม 65-70 %
4. ศึกษาแนวทาง VI ต่อไป & เลือกการลงทุนที่ไม่เกินความสามารถของตน
   เอง  


มาช่วยกันเติมได้นะครับ  หลายหัวดีกว่าหัวเดียว

1. เติมความคิดบวกให้ตนเอง & ขจัดความคิดลบออกไปให้ได้ทุกวัน
2. ออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 4 วัน/วันละ 30 นาที

อันนี้หล่ะเยี่ยมที่สุดเลยครับ

ไม่ต้อง port ร้อยล้านก็มีความสุขได้เพราะ

ข้อ 1 สุขใจ
ข้อ 2 สุขกาย

ต้องเสริมหน่อย รักษาศีล 5 และทำบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา เพื่อตุนทรัพย์สิน ไว้กินช่าติหน้าบางครับ

กำหนดทางการเงินกันแล้ว ก็กำหนดเป้าหมายทางจิตใจกันบ้าง
ก็ดีนะครับ เผื่อจะได้คืนสิ่งดีๆแก่สังคมบ้างก็จะดีมากครับ