หน้า 1 จากทั้งหมด 1

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 04, 2009 11:31 am
โดย อะไรดีละ
การที่รัฐบาลเข้าประกันราคาข้าวโดยอาศัยราคาอ้างอิงนั้นได้สร้างปัญหามากมาย  และ ทำให้รัฐบาลต้องขาดทุนเป็นยอดเงินหลายหมื่นล้านบาท  แนวคิดนี้ก็ยังคงไม่ต่างอะไรกับการรับจำนำนัก  ในประเด็นที่เหมือนกันก็คือ ขาดทุนของรัฐบาลไทย คือ กำไรของชาวนาและโรงสี  เป็นการโยนเงินงบประมาณของคนทั้งประเทศไปเพื่อใส่เงินในกระเป๋าของเกษตรกร และโรงสี  ซึ่งพวกเขาพยายามทำให้ราคาต่ำเข้าไว้  และ เอาเงินส่วนต่างจากรัฐบาล
ในความเป็นจริงแล้ว  รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เงินมาเพื่อสนับสนุนราคาข้าว  เงินตรงนี้ก็คือ เงินในอนาคตของรุ่นลูกหลานนั่นเอง   หากลูกของคุณถามว่า พ่อครับ  ทำไมต้องเอาเงินในอนาคตของผมไปให้ชาวนาและโรงสีด้วย  แล้วรัฐบาลทำไมไม่ขออนุญาตผมสักคำเลย  มันยุติธรรมแล้วหรือครับ   เจอคำถามแบบนี้พวกคุณจะตอบว่าอย่างไร  หยุดการกระทำที่โยนภาระให้รุ่นลูกหลานได้แล้วครับ
แล้วจะให้ทำอย่างไรละ...ในเมื่อสินค้าเกษตรราคาตกต่ำเช่นนี้   นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจมาก  และ คำตอบในเกือบทุกเรื่องของปัญหาเศรษฐกิจมีอยู่ใน เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก  หลักการที่เน้นการยืมพลัง และ การรักษาสมดุลหยินหยาง  โดยไม่ต้องใช้เงินงบประมาณเลยแม้แต่น้อย  เรื่องการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำนี้เป็น 2 กระบวนท่าใน 18 กระบวนท่าเศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก  
อังค์ถัดกล่าวว่า ปัจจุบัน เศรษฐกิจบนกระดาษนั้นมีสัดส่วนถึง 89%  ขณะที่เศรษฐกิจจริงนั้นมีสัดส่วนเพียง 11%  เท่านั้นเอง  ตอนนี้ ข้าว เป็นสินค้าเกษตรเพื่อการบริโภคเท่านั้น   เราควรยืมพลังของเศรษฐกิจบนกระดาษมาช่วยเหลือด้วย   คือ  ต้องจัดตั้ง กองทุนรวม สินค้าเกษตรโดยเฉพาะ ข้าว ขึ้นมา โดยยึดหลักการของการเปลี่ยน สินค้า ให้เป็น สินทรัพย์   วิธีนี้จะช่วยเพิ่มอุปสงค์ได้อีกมาก  เพราะ คนหนึ่งคนจะบริโภคข้าวได้เพิ่มไม่เท่าไหร่  แต่คนหนึ่งคนจะสามารถลงทุนในข้าวเพิ่มได้อย่างมากมาย  แนวคิดนี้ก็คงไม่แตกต่างจาก กองทุนรวมน้ำมัน และ กองทุนรวมทองคำ เท่าใดนัก  มีการลงทุนในทองคำมากกว่าการซื้อทองคำเป็นเครื่องประดับ  ในสัดส่วนที่เทียบกันไม่ได้เลย  ทองคำ และ น้ำมัน ได้ถูกแปรสภาพจาก สินค้า เพื่อการบริโภค  ไปเป็น สินทรัพย์ เพื่อการลงทุนไปแล้ว   เราก็จะทำแบบเดียวกันนี้สินค้าเกษตรของไทยเช่นเดียวกัน
เมื่อจัดตั้งกองทุนรวมสินค้าเกษตรไทยเรียบร้อยแล้ว.... ก็ออกกฎให้กองทุนบำนาญทุกกองทั้งประเทศ (กบข. ประกันสังคม  สำรองเลี้ยงชีพ และ ประกันชีวิต รวมสินทรัพย์ 2.5 ล้านล้านบาท)  ต้องลงทุนในกองทุนรวมสินค้าเกษตรไทย หรือ สัญญาซื้อล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า  ไม่ต่ำกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของสินทรัพย์  ด้วยวิธีง่ายๆ เช่นนี้เอง ก็จะเพิ่มอุปสงค์ขึ้นมาเป็นเงินถึง 1.25 แสนบาท เพื่อสนับสนุนราคาข้าวและสินค้าเกษตรต่างๆ  และยอดเงินนี้จะเพิ่มทุกปีตามขนาดของกองทุนบำนาญ
ไม่เพียงแต่ ยืมพลัง กองทุนบำนาญเท่านั้น  หากยอดเงินตรงนั้นไม่เพียงพอ  ไทยควรให้ ธปท.จัดตั้ง กองทุนรวมมั่งคั่งแห่งชาติ  (SWF :Sovereign Wealth Fund)  ขึ้นมาโดยเจียดเงินเพียง 1 หมื่นล้านเหรียญ สรอ.จากยอดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศถึง 1.3 แสนล้านเหรียญ สรอ. ก็เป็นเงินถึง 3.4 แสนล้านบาทแล้ว  ไม่ใช่เพื่อลงทุนหุ้นแบบที่ประเทศอื่นๆ ทำ  แต่นำไปเพื่อลงทุนในสินค้าเกษตรซึ่งเป็นสินทรัพย์เพื่อความมั่งคั่งของเกษตรกรไทย  ดังนั้น กองทุนนี้ก็จะมีสินทรัพย์เป็นสินค้าเกษตรซึ่งราคาสูงขึ้นตลอด  และ ยังผลต่อเนื่องให้เกิดความมั่งคั่งต่อเกษตรไทยอีกด้วย  
แน่นอนว่าในลักษณะเช่นนี้  ไทยเราอาจขอความร่วมมือจากพันธมิตรอาเซียน  ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของทั้ง ข้าว และ ยาง  โดยเฉพาะจากประเทศเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย  ประเทศละ 1 หมื่นล้านเหรียญ สรอ. ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนราคาสินค้าเกษตรอาเซียน  ปริมาณยอดเงินก็อาจสูงขึ้นได้เป็น 4 เท่า  หรือสูงกว่า 1.3 ล้านล้านบาท หากเงินจำนวนนี้เปลี่ยนไปเป็นอุปสงค์ของสินค้าเกษตรเพื่อการลงทุนแล้วละก็   เราก็อาจเห็นราคาข้าว และ ยางสูงขึ้นเท่าตัวได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย  เพราะยอดเงินนี้สูงกว่าการส่งออกข้าว และ ยาง ของทั้งภูมิภาคนี้รวมกันเสียอีก
และในท้ายที่สุด  ไทยเรายังขอความร่วมมือจากประเทศจีน และ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียนี้  รวมไปถึงประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก  ให้เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร  เนื่องจากภูมิอากาศแปรปรวนจากสภาวะโลกร้อน  พวกเขาก็เริ่มจะต้องกังวลในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย  ด้วยการซื้อกองทุนรวมสินค้าเกษตรอาเซียน  จำนวนเม็ดเงินมหาศาลจากทั้ง  กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ  กองทุนบำนาญ และ เฮดจ์ฟันด์ จากทั่วโลก  ยิ่งจะสนับสนุนราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นกว่าระดับนี้ได้อีกมากมาย
 สิ่งที่ผมอยากขอร้องก็คือ หยุด ยืมเงินรุ่นลูกหลานทั้งประเทศมาเพื่อให้กับคนแค่ 1 ใน 3 ของประเทศได้แล้ว  แต่เปลี่ยนไปใช้การ ยืมพลัง แทนที่การใช้งบประมาณของภาครัฐใส่ลงไปตรงๆ ซึ่งก็พบว่าไม่ได้ช่วยต่ออุปสงค์ที่แท้จริง และ ราคาตลาดที่แท้จริงเท่าใดนัก  
หากจะมีคำตอบสำหรับคำถามที่ว่า ทำอย่างไรจะให้ข้าวราคาดีได้  โดยรัฐบาลไม่ขาดทุน  ผมก็คิดว่าแนวคิดนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ดี   เศรษฐศาสตร์ไท้เก๊ก ยังช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจทั้งด้านปัญหาหนี้สิน ปัญหาการท่องเที่ยว และอื่นๆ     จึงอยากขอร้องให้ผู้กำหนดนโยบายได้ไปศึกษาในเรื่องนี้ด้วยครับ

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 06, 2009 4:05 pm
โดย Chopin
ด้วยความเคารพคคับ

ผมเห็นด้วยว่า การยืมเงิน ลูกหลาน มาละลายแบบนี้ ไม่ดีเลย

แต่่มันเป็นปัญหาที่แก้ยากจริงๆ


วิธีที่คุณพิมพ์มาก็โอเคครับ แต่ช่องโหว่ยังมีอยู่มากเลย
อันแรก เป็นเรื่องของ main idea ก่อน
ที่เอาไปเทียบกับน้ำมัน และทอง

ในข้อนี้ ต้องเข้าใจนะครับว่า ข้าวเป็น soft commodity และมีคุณสมบัติหลายๆ อย่างต่างจากน้ำมัน / ทอง

-น้ำมัน - สินค้าทดแทน ที่มีราคาถูก หาได้ยากมากครับ + ทรัพยากรมีจำกัด
-ทอง - ไม่มีวันเน่าเปื่อย และมีคุณสมบัติในตัวต่างจากโลหะชนิดอื่น มากมาย (รบกวนกด google ละกันนะครับ) ทั้งยังมีปริมาณที่ไม่น้อยเกินไป อย่างพวกแพลตตินัม ทำให้มันมีค่าในตัว เหมาะสมกับการที่จะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากๆ

สำหรับข้าว คงจะเอา  investment demand มาจับยาก เพราะมันเน่าเปื่อยได้ค่าเก็บรักษาสูง + สินค้าทดแทนมีมาก + ผลผลิตไม่คงที่ คาดเดาลำบาก
- ถ้าผลิตมาเยอะไป ไม่มีคนกินแล้วทำไง...
- ถ้าตปท ซื้อล่วงหน้าเยอะ เราดันผลิตได้น้อยในปีนั้น ก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนมาให้เค้าครับ (จะบอกว่า อีก 5 เดือน รอผลผลิตได้ก่อน คงจะไม่ได้...)





ถ้าจะบอกว่าขอความร่วมมือ ประเทศผลิตข้าว
งั้น จับมือกัน ขึ้นราคาข้าว อาจจะง่ายกว่า
(แต่ก็ยังยากเกินไป เพราะว่า ตลาดมีการแข่งขัน รวมทั้งมีสินค้าทดแทนมากมาย...)

ส่วนการบังคับ povident ฯลฯ  มนุษย์เงินเดือนหลายล้านคนคงไม่เห็นด้วยอ่ะครับ..


สุดท้าย เพิ่มเติมนิดนึงครับ
พวกกองทุน commodity ที่ซื้อพวก crop พวก grain ก็มีอยู่เหมือนกันครับ ในต่างประเทศ แต่คงหากองทุนข้าวอย่างเดียวยาก  ผมว่าความเสี่ยงเยอะเกินไป คงขายยากครับ...

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 06, 2009 4:41 pm
โดย นักดูดาว
ก็ออกกฎให้กองทุนบำนาญทุกกองทั้งประเทศ (กบข. ประกันสังคม  สำรองเลี้ยงชีพ และ ประกันชีวิต รวมสินทรัพย์ 2.5 ล้านล้านบาท)  ต้องลงทุนในกองทุนรวมสินค้าเกษตรไทย หรือ สัญญาซื้อล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
กฏนี้น่าจะขัดกับหลักการปกครองนะครับ คือการบังคับให้เพิ่มความเสี่ยงของหลักทรัพย์ โดยที่เจ้าของเงินไม่ยินยอม เท่าที่ผ่านมาเราทำได้เพียงเปิดโอกาสให้ลงทุนได้ ไม่ใช่บังคับให้ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

เชื่อได้ว่าหากกฏนี้ออกมา สำนักงาน กลต. ต้องฟ้องศาลปกครองเป็นอันดับแรกเพื่อพิทักษ์สิทธิของนักลงทุนครับ ไม่สวยเลย หากรัฐโดน กลต.ฟ้องเสียเอง  และเจ้าของทุนนั้นมีสิทธิโดยชอบธรรมที่จะฟ้องศาลปกครองเพื่อพิทักษ์สิทธิของตน  เชื่อว่าไม่มีรัฐบาลใดกล้าทำแน่ๆ เพราะถึงกับเสียหายทางการเมืองและมีคดีฟ้องร้องและไม่ไว้วางใจกันเต็มไปหมดแน่

คุณอะไรดีละ หากจะเสนออะไรให้เป็นรูปธรรมปฏิบัติได้จริงตามระบอบประชาธิปไตย ควรพิจารณาเรื่องการปกครองประกอบด้วยครับ  เพราะแนวคิดการใช้ทรัพย์ของผู้อื่นด้วยการออกกฏหมายบังคับ เพื่อผลประโยชน์ใดๆโดยเจ้าของไม่เต็มใจ ดูเหมือนจะเป็นระบอบการปกครองอื่นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย

และนั่นจะทำลายประเทศนี้มากกว่าเป็นการช่วยเหลือครับ

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 06, 2009 9:59 pm
โดย gradius173
ลดการปลูกข้าวลงไม่ง่ายกว่าหรือครับ
ให้ไปปลูกอย่างอื่นแทน ใครปรับตัวไม่ได้ก็ล้มหายตายจากไปเอง

ข้าวเป็นอะไรที่ผลิตได้เรื่อยๆ ไม่เหมือนน้ำมันหรือทองที่มีจำกัดหมดแล้วหมดเลย
ผูกขาดก็ยาก เป็นเรื่องละเอียดอ่อน

การซื้อขายข้าวล่วงหน้า ต่างชาติก็ซื้อของประเทศที่ขายถูกกว่าเช่นเวียดนามไม่ดีกว่าหรือ

อีกอย่างผมว่าเราคิดไปเองหรือเปล่าว่าข้าวเราคุณภาพดีกว่าเพื่อนบ้านเรามาก
ผมว่าต่างชาติเช่นตะวันออกกลาง หรือฟิลิปปินส์ เขาแยกความต่างไม่น่าจะออกหรอก

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 07, 2009 7:38 am
โดย อะไรดีละ
กองทุนบำนาญ...มีหน้าที่ลงทุนอยู่แล้ว  การออกกฏเพื่อให้ลงทุนในสินค้าเกษตรจะมีผล 2 ต่อ คือ เงินกองทุนที่เพิ่มขึ้น และ ได้ช่วยเหลือเกษตรกรด้วย
แจ๋วไหมละ

ไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตยครับ  รัฐบาล และกลต. หากเห็นด้วย ทุกอย่างจบ...
ถ้าไม่งั้น  คนไม่เห็นด้วยกับภาษีสรรพสามิตน้ำมัน  ก็ออกมาโวยกันหมด  สมควรยกเลิกนะสิครับ...เรื่องของกฎหมายภาษีไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย
เกี่ยวกับว่า ครม.เห็นสมควรว่าไง...เท่านั้นเอง   แค่ 5 เปอร์เซนต์ของกองทุนไม่มีผลกระทบอะไรเท่าไหร่หรอกต่อผลตอบแทนรวม....อิๆ  

นี่เป็นการยกระดับราคาข้าวทั้งหมด...เวียดนามย่อมยินดีด้วยแน่  คงนำเงินจำนวนหนึ่งมากระตุกราคาด้วยซ้ำไป   การเปลี่ยน "สินค้า" เป็น "สินทรัพย์" แบบนี้จะช่วยได้ครับ

ขอบคุณสำหรับความเห็น  ผมอยากชี้ประเด็นให้เห็นว่า  วิธีนี้ก็คือ การสร้างสต๊อคและดีมานด์จำนวนมาก  อย่างยั่งยืน  ซึ่งจะส่งผลต่อราคาในระยะยาวได้นะครับ

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 07, 2009 6:12 pm
โดย นักดูดาว
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และประกันชีวิต เป็นนิติบุคคล ซึ่งมีอิสระในการเลือกสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงตามความต้องการของนิติบุคคล

การก้าวล่วงเข้าไปบังคับให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้น อันอาจเป็นเหตุให้ขาดทุนเป็นที่เสียหายแก่กิจการ ก็สามารถฟ้องให้ระงับกฏหมายได้แล้วครับ
หากผู้บริการกองทุนประกันสังคม หรือ กบข. ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มความเสี่ยง ก็สามารถฟ้องศาลปกครองได้เช่นกัน

ไม่ต้องห่วงครับว่าผมจะพูดไม่จริง ใครคิดว่าบังคับได้ ก็ลองออกกฏหมายแบบนี้มา ผมจะฟ้องศาลปกครองให้ดู ถ้ามันมากระทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ผมมีส่วนรับผิดชอบอยู่

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 8:57 am
โดย อะไรดีละ
อ้อ..คิดกันแบบนี้หรือครับ  อะไรก็ฟ้องศาลปกครอง  ประเทศถึงไม่ไปไหน...
อยากรู้เหมือนกันจะรับฟ้องหรือเปล่า

ศก.ตกต่ำ...มันมีแค่ 2 ทางเลือกเท่านั้นในการฟื้นฟู  
วิธีแรก คือ ยืมเงินลูกหลานมาผลาญ  ตอนนี้รัฐบาลกำลังเลือกใช้วิธีนี้อยู่  อนาคตให้พวกเขาไปคิดวิธีแก้ไขเอาเอง  เคนส์ก็สนับสนุนวิธีนี้
วิธี 2 คือ เอาเงินรุ่นเรานี่แหละมาเสี่ยงเพิ่มขึ้น....ยอมจะรับความเสี่ยงนี้เอง เพราะ คนรุ่นเราสร้างปัญหาเอง ก็น่าจะแก้ไขกันเอง  

ถ้าไม่ยอมรับวิธี 2 .... แต่จะเลือกวิธีแรก  ปล่อยให้เป็นภาระคนรุ่นลูกหลาน  ผมคิดว่าเห็นแก่ตัวเกินไปนะครับ
:wink:

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 9:10 am
โดย อะไรดีละ
อันที่จริงแล้ว...ความเสี่ยงแทบไม่มี
เพราะ ไม้แรก  รัฐบาลจะให้กองทุนบำนาญเข้าซื้อก่อน 1.25 แสนล้าน
แล้ว ไม้สอง จึงให้ SWF ที่ระดมเงินจากอาเซียน เข้าซื้ออีก 1.3 ล้านล้าน
โดยคงไม่ซื้อทั้งหมด
เพราะ ตลาดส่งออกข้าวของทั้งภูมิภาคนี้อยู่ราว 3 แสนล้านเท่านั้นเอง

มันเหมือนกับ เรารู้ดีว่าหุ้นตัวนี้มี มาร์เก็ตแคปเท่านี้ ต้องใส่เงินเท่าไหร่ ถึงจะปั่นราคาขึ้นได้....
ดังนั้น วิธีแบบนี้จะปั่นราคาข้าวขึ้นได้แน่ เมื่อยกระดับราคาให้สูงน่าพอใจก็จะหยุด  แบบนั้นเลยละครับ  
เมื่อสร้างราคาให้สูงได้แน่นอน...นั่นหมายถึง กำไรของกองทุนบำนาญแน่นอนด้วย เพราะ เริ่มเข้าซื้อตั้งแต่ราคาต่ำไงครับ

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 9:44 am
โดย นักดูดาว
[quote="อะไรดีละ"]อ้อ..คิดกันแบบนี้หรือครับ

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:01 am
โดย อะไรดีละ
ตอนนี้ กลต.มีกฎเกณฑ์มากมายอยู่แล้วในการกำหนดขอบเขตการลงทุนของกองทุนบำนาญต่างๆ  ทำไมไม่ฟ้องศาลครับ

ตอนนี้รัฐบาลเอาเงินลูกหลานมาผลาญอยู่แล้ว

ตอนนี้รัฐบาลเก็บเงินสรรพสามิตน้ำมันอย่างไม่เป็นธรรมอยู่แล้ว

ทำไมไม่ไปฟ้องศาลปกครองบ้างละครับ  .... ฮาๆๆ  :wink:

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:51 am
โดย นักดูดาว
ความเสี่ยงไงครับ หากมีความเสี่ยงที่เจ้าของเงินยอมรับได้ ก็ไม่มีปัญหา
อีกอย่าง กลต. ให้ขอบเขตครับ ไม่ใช่คำสั่งให้ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างใดอย่างหนึ่ง

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:54 am
โดย อะไรดีละ
ก็บอกแล้วไงครับ...ว่าความเสี่ยงแทบไม่มี...รัฐบาลแทบจะรับประกันได้เลย
:)

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 11:10 am
โดย นักดูดาว
อะไรดีละ เขียน:ก็บอกแล้วไงครับ...ว่าความเสี่ยงแทบไม่มี...รัฐบาลแทบจะรับประกันได้เลย
:)
ตกลงรัฐบาลต้องกลับมารับประกัน ธุรกรรมแล้วเหรอครับ ?

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 11:20 am
โดย อะไรดีละ
ธุรกรรมนี้...รัฐอาจเข้ามารับประกันได้...
สามารถแทรกแซงผ่าน  ราคาในตลาดล่วงหน้าก็ได้นี่ครับ  
เพราะ เป็นการสร้างความมั่งคั่งให้กับกองทุนบำนาญ และ เกษตรกร
ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว    แต่นี่เป็นการสร้างดีมานด์จริง  ไม่ใช่วิธีปัจจุบันที่เอาเงินลูกหลานมาผลาญ  และ ราคาข้าวในตลาดจริงก็ไม่ได้สูงอะไร

หยุดรับจำนำ หยุดประกันราคาได้แล้ว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ย. 20, 2009 6:47 pm
โดย ปรัชญา
แต่นี่เป็นการสร้างดีมานด์จริง