หน้า 1 จากทั้งหมด 2

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 2:27 pm
โดย zhuge_liang1234
เมื่อสี่ปีที่แล้ว เดือนวาดได้รับมรดกก้อนหนึ่งจากบิดา มันอาจไม่ใช่เงินจำนวนมากนักสำหรับใครหลายๆ คน แต่สำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยอย่างเธอแล้ว ถือว่ามากโขทีเดียว เธอหวังจะใช้มันเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้กับเธอ

ดอกเบี้ยเงินฝากในเวลานั้นต่ำมาก เธอจึงยังไม่สามารถอยู่เฉยๆ ได้ด้วยดอกเบี้ยจากเงินก้อนนี้ล้วนๆ เธอจึงมองหาวิธีอื่นที่จะทำให้เงินก้อนนี้ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า เธอได้ยินมาว่า ตลาดหุ้นให้เงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยธนาคารมาก

เธอไม่ใช่คนที่ชอบความเสี่ยง เธอเคยได้ยินคนเจ๊งหุ้นมาเยอะมาก เธอจึงตัดสินใจว่า การซื้อหุ้นครั้งนี้ของเธอ จะต้องอนุรักษ์นิยมให้มากที่สุด เธอหาหนังสือเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นมาอ่าน 3-4 เล่ม และยังเข้าร่วมฟังสัมมนาหุ้นอีกหลายครั้ง ในที่สุด เธอก็ได้พบเคล็ดลับมาว่า หุ้นที่ปันผลสูงๆ และมีพีอีและพีบีต่ำมากๆ เป็นหุ้นราคาถูก เธอจึงคัดเลือกหุ้นที่มีลักษณะดังกล่าว 10 ตัว แล้วใช้เงินมรดกทั้งหมดที่ได้มาซื้อหุ้นเหล่านั้น

อัตราเงินปันผลเฉลี่ยของตลาดหุ้นในเวลานั้น สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากค่อนข้างมาก ด้วยเหตุนี้ ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา เธอจึงได้รับเงินปันผลในระดับที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอย่างมีนัยสำคัญ เงินปันผลจำนวนนี้ช่วยค่าใช้จ่ายประจำวันของเธอได้มาก แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้สามารถลาออกจากราชการไปอยู่บ้านเฉยๆ ได้ แต่อย่างน้อยมันก็สร้างความอุ่นใจให้กับเธอได้มาก เธอถึงกับกล่าวกับตัวเองว่า "เรามาถูกทางแล้ว"

แต่เรื่องที่ดูจะแย่หน่อยก็คือว่า หลายปีที่ผ่านไป หุ้นที่เธอซื้อไว้หลายตัว กลับมีราคาในกระดานที่ลดลงเรื่อยๆ จนทำให้พอร์ตของเธอติดตัวแดง เธอแปลกใจมากที่ทำไมซื้อหุ้นที่พีอีต่ำมากขนาดนั้นแล้ว ราคาหุ้นก็ยังตกต่อไปได้อีก นี่คงจะเป็นเพราะว่า ตลาดไม่มีเหตุผลอย่างที่ตำราว่าไว้  เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อย เพราะตลอดชีวิตเธอยังไม่เคยเห็นเงินก้อนใหญ่ต้องขาดทุนเป็นสีแดงขนาดนี้มาก่อน แต่เธอก็พยายามบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร เพราะเราซื้อหุ้นเพื่อกินเงินปันผลเป็นหลัก เราควรมองระยะยาว ตราบใดที่ยังไม่ได้ขายออกมา ยังถือว่า ไม่ขาดทุน เธอไม่แน่ใจว่าคิดอย่างนี้ได้หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ วิธีคิดแบบนี้ ช่วยทำให้เธอสบายใจได้มาก

เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอได้ชักชวนให้เธอไปเซ้งทำเลเปิดร้านขายของกระจุ๊กกระจิกซึ่งเป็นสิ่งที่เธอรัก เดี๋ยวนี้เธอมีความกล้ามากกว่าเมื่อสี่ปีที่แล้วมาก เธอจึงตัดสินใจที่จะลองทำการค้าดูสักตั้ง ครั้งหนึ่งเธอเคยอ่านเจอในหนังสือการลงทุนว่า เวลาซื้อหุ้นให้คิดเหมือนกับเวลาลงทุนทำกิจการ เธอคิดต่อไปว่า ถ้าอย่างนั้นเวลาจะลงทุนทำกิจการก็ควรคิดให้เหมือนกับเวลาซื้อหุ้นด้วย เธอหวังว่าความรู้เรื่องการลงทุนในหุ้นที่เธอมีจะช่วยเธอในการลงทุนทำกิจการครั้งนี้ได้ด้วย

คิดได้ดังนั้น เธอจึงรีบไปติดต่อศูนย์การค้าแห่งหนึ่งเพื่อขอเลือกเซ้งพื้นที่ทำร้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายขายพาเธอไปยังโซนร้านขายของกระจุ๊กกระจิกของทางห้างฯ ซึ่งมีบูทขนาดเล็กให้ผู้เช่ารายย่อยเช่าขายของอยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้เธอดูบูทที่กำลังว่างอยู่บูทหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างจะดีมาก เพราะอยู่ใกล้กับบันไดเลื่อนทำให้มี Traffic ผ่านตลอด แต่ยังไม่ทันที่เจ้าหน้าที่จะหยิบเอกสารที่แสดงสถิติของจำนวนลูกค้าที่เดินผ่านบูทนี้ในแต่ละวันออกมาอธิบาย เดือนวาดก็ถามตัดบทขึ้นว่า "เจ้าของบูทคนเดิม ปีที่แล้ว บริษัทเขาปันผลเท่าไร?"

เจ้าหน้าที่ฟังแล้วก็รู้สึกงงๆ กับคำถาม "ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะเป็นเรื่องภายในของลูกค้าเอง แต่ถ้าให้ผมคิดเอาเอง ผมว่าเขาคงแทบจะไม่ได้ปันกำไรออกมาใช้เลย เมื่อปีที่แล้ว เพราะเขาพึ่งจะย้ายไปอยู่อีกมุมหนึ่ง ที่ค่าเช่าแพงกว่านี้มาก แล้วขยายร้านให้ใหญ่ ขึ้นเป็นสองเท่า เขาคงต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเยอะมากทีเดียว ผมเลยเดาว่า เมื่อปีที่แล้วสงสัยบริษัทของเขาคงจะไม่ได้ปันผลเลยสักบาท และน่าจะต้องเอาเงินใหม่ใส่ลงไปอีกด้วยซ้ำ" เดือนวาดพังแล้วก็ส่ายหัวทันที

เจ้าหน้าที่พูดกับเดือนวาดต่อไปว่า เขามีข้อมูลที่แจกแจงกลุ่มลูกค้าที่เดินผ่านบูทนี้โดยแยกตามเวลา วันของสัปดาห์ เพศ อายุ และยอดใช้จ่าย ซึ่งเขาสามารถอธิบายรายละเอียดของข้อมูลให้เดือนวาดฟังได้ แต่พอเจ้าหน้าที่จะเริ่มอธิบาย เดือนวาดก็ตัดบทอีกว่า เรื่องพวกนั้นไม่จำเป็น  

เธอสอบถามเจ้าหน้าที่เรื่องค่าเช่าต่อตรม. เธอพบว่า บูทนี้ค่อนข้างจะแพงมากทีเดียว เจ้าหน้าที่อธิบายว่าเป็นเพราะทางห้างจะคิดค่าเช่าไปตามจำนวน Traffic ที่ผ่านหน้าบูทในแต่ละวันเป็นหลัก บูทนี้ Traffic ค่อนข้างมาก ค่าเช่าก็เลยสูง เธอส่ายหัวอีกครั้ง แล้วขอให้เจ้าหน้าที่เอาค่าเช่าต่อตรม.ของทุกบูทที่ยังว่างอยู่ออกมาดูให้หมดทุกบูท

เมื่อเธอดูเสร็จ เธอก็ตัดสินใจเลือกเซ้งบูทที่มีค่าเช่าต่อตรม.ต่ำที่สุด บูทนี้ตั้งอยู่ในช่องสุดท้ายของแถวสุดท้ายซึ่งเป็นแถวที่เป็นทางตันไม่มีทางทะลุออกไปยังอีกด้านอื่นของชั้น เจ้าหน้าที่ได้แต่งง ที่เธอรีบตัดสินใจอย่างนั้น เขารู้สึกอยากจะแย้งเธอ เพราะประสบการณ์ของเขาบอกว่า วิธีเลือกบูทของเธอนั้นไม่เวิร์ค แต่เขาเห็นเธอยืนกรานอย่างแข็งขันมาก ก็เลยคิดว่า อย่าขัดใจลูกค้า จะดีกว่า เราเป็นแค่เจ้าหน้าที่ มีหน้าที่ทำให้ลูกค้าพอใจ

เดือนวาดตัดสินใจขายหุ้นทั้งพอร์ตออกมาทั้งที่ยังแดงอยู่ แล้วนำเงินทั้งหมดที่ได้ไปเซ้งบูทที่เธอเลือกด้วยตนเอง เธอมั่นใจและตั้งคาดหวังกับการลงทุนครั้งนี้ของเธออย่างมาก เพราะบูทที่เธอค้นพบเป็นบูทที่มีค่าเช่าต่อตรม.ที่ต่ำที่สุดในห้างฯ เท่าที่เธอเคยได้ยินมา เธอดีใจมากที่ได้เจอเข้ากับของถูกสุดๆ เข้าแล้ว เธอคิดว่าไม่เสียแรงที่เธอศึกษาหาความรู้เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้น เงินส่วนที่ขายหุ้นขาดทุนไปถือว่าเป็นค่าครู

ดึกแล้ว แต่เดือนวาดยังนอนไม่หลับ เธอรอไม่ไหวแล้วที่พรุ่งนี้ เธอจะได้ไปขายของที่เธอรักที่ห้างฯ แห่งนั้นเป็นวันแรก เธอคิดว่างานนี้มีแต่ได้กับได้...



ที่มา : http://portal.settrade.com/blog/1001ii/2009/10/20/634

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 5:41 pm
โดย akekarat
อ่านตอนแรก ก็เฉย ๆ ธรรมดา ๆ
อ่านไปอ่านมาถึงตอนกลาง เกี่ยวอะไรกันวะเนี่ย
อ่านถึงตอนจบ ... เยี่ยมไปเลย  :wink:

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 6:00 pm
โดย นักดูดาว
"เจ้าของบูทคนเดิม ปีที่แล้ว บริษัทเขาปันผลเท่าไร?"
บูทนี้ตั้งอยู่ในช่องสุดท้ายของแถวสุดท้ายซึ่งเป็นแถวที่เป็นทางตันไม่มีทางทะลุออกไปยังอีกด้านอื่นของชั้น
สถานการณ์การเช่าบูท ไม่ค่อยสมจริงนะครับ ทั้่งคำถาม ทั้งการวางบูทของห้าง :)

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 6:14 pm
โดย อะไรดีละ
ไม่ชอบบทความนี้ครับ..
เพราะเคยมีบทวิจัยว่าไว้ว่า  เฉลี่ยซื้อหุ้นมั่วๆ ที่กลุ่ม p/e ต่ำกว่า  ก็ยังให้ผลตอบแทนสูงกว่าหุ้นที่มี p/e สูงอยู่ดี

ผมคิดว่า "เดือนวาด" ฉลาดในระดับหนึ่งที่ซื้อถัวๆ ไปยังหุ้นพีอีต่ำ  ซึ่งยังอิงตามบทวิจัยด้านตลาดทุนในอดีต
ขณะที่ผู้เขียน  พยายามสร้างภาพให้เธอเป็นคนโง่ๆ คนหนึ่ง  เท่านั้นเองครับ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 7:57 pm
โดย reiter
เดือนวาดเธออาจจะกำไรก็ได้นะครับ

คิดดูว่าต้นทุนขายเธอต่ำที่สุด อาจจะต่ำกว่าคยทั่วไป 20 - 30% ทำให้เธอตั้งราคาขายได้ต่ำกว่าร้านอื่น อาจจะสัก 10 - 15%


แรกๆ เธออาจจะขายไม่ดี แต่ต่อมา เริ่มมีคนณุ้จักร้านเธอมากขึ้นและเอาไปพูดปากต่อปาก ว่าร้านนี้ขายถูก แล้วก็มีคนมาซื้อของร้านเธอมากขึ้นเรื่อยๆ  :D  :D

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 8:55 pm
โดย woody
[quote="อะไรดีละ"]ไม่ชอบบทความนี้ครับ..
เพราะเคยมีบทวิจัยว่าไว้ว่า

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:04 pm
โดย kurapica
[quote="reiter"]เดือนวาดเธออาจจะกำไรก็ได้นะครับ

คิดดูว่าต้นทุนขายเธอต่ำที่สุด อาจจะต่ำกว่าคยทั่วไป 20 - 30% ทำให้เธอตั้งราคาขายได้ต่ำกว่าร้านอื่น อาจจะสัก 10 - 15%


แรกๆ เธออาจจะขายไม่ดี แต่ต่อมา เริ่มมีคนณุ้จักร้านเธอมากขึ้นและเอาไปพูดปากต่อปาก ว่าร้านนี้ขายถูก แล้วก็มีคนมาซื้อของร้านเธอมากขึ้นเรื่อยๆ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:07 pm
โดย Undertaker
ผมไม่ทราบเหมือนกันครับ เพราะเป็นเรื่องภายในของลูกค้าเอง แต่ถ้าให้ผมคิดเอาเอง ผมว่าเขาคงแทบจะไม่ได้ปันกำไรออกมาใช้เลย เมื่อปีที่แล้ว เพราะเขาพึ่งจะย้ายไปอยู่อีกมุมหนึ่ง ที่ค่าเช่าแพงกว่านี้มาก แล้วขยายร้านให้ใหญ่ ขึ้นเป็นสองเท่า เขาคงต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเยอะมากทีเดียว ผมเลยเดาว่า เมื่อปีที่แล้วสงสัยบริษัทของเขาคงจะไม่ได้ปันผลเลยสักบาท และน่าจะต้องเอาเงินใหม่ใส่ลงไปอีกด้วยซ้ำ
เสียค่าเช่าแพง แต่ถ้าขายของได้ในปริมาณที่มาก คนรู้จักมาก ก็ทำให้มีอำนาจต่อรองกับ suppier ได้มาก ส่งผลมาทำให้มีกำไรได้มากขึ้น (ต้นทุนค่าเช่าเป็น Fixed cost) ประวัติการเติบโตของเจ้าของเดิมเป็นสิ่งที่น่านำมาอ้างอิง  ความเสี่ยงคือ จะต้องไปแข่งกับเจ้าของเดิมที่มีร้านใหญ่กว่าของเดือนวาดเป็น 2 เท่านี่สิ ลำบาก

เปรียบเหมือนซื้อหุ้นที่แพง แต่ในอนาคตสามารถทำกำไรได้มากขึ้น ในอนาคตก้อาจเป็นหุ้นที่ราคาถูกก็ได้
เมื่อเธอดูเสร็จ เธอก็ตัดสินใจเลือกเซ้งบูทที่มีค่าเช่าต่อตรม.ต่ำที่สุด บูทนี้ตั้งอยู่ในช่องสุดท้ายของแถวสุดท้ายซึ่งเป็นแถวที่เป็นทางตันไม่มีทางทะลุออกไปยังอีกด้านอื่นของชั้น
เสียค่าเช่าถูก แต่ถ้าขายของไม่ได้ ไม่มีคนสนใจ จะมีประโยชน์อะไร

เปรียบเหมือนซื้อหุ้นที่ถูก แต่ไม่มีความสามารถทำกำไร ในอนาคตอาจเป็นหุ้นที่มีราคาแพงก็ได้

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:11 pm
โดย Alastor
ของกระจุ๊กกระจิ๊กอาจจะเป็น sex toy ก็ได้ครับ ไม่ต้องการ traffic หน้าร้านมาก ขนาดซ่อนๆอยู่ในมุมมืดก็มีคนเดินเข้าร้าน อัตราส่วน คนซื้อของ/คนเดินเข้าร้าน สูงด้วยเพราะตั้งใจไป

อย่าคิดว่าเค้าโง่จิ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:20 pm
โดย นักดูดาว
Alastor เขียน:ของกระจุ๊กกระจิ๊กอาจจะเป็น sex toy ก็ได้ครับ ไม่ต้องการ traffic หน้าร้านมาก
:rofl:  :rofl: :rofl:  :rofl:

ธุรกิจบางอย่างก็ไม่ชอบความพลุกพล่าน

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 10:39 pm
โดย SunShine@Night
ของกระจุ๊กกระจิ๊กอาจจะเป็น sex toy ก็ได้ครับ ไม่ต้องการ traffic หน้าร้านมาก ขนาดซ่อนๆอยู่ในมุมมืดก็มีคนเดินเข้าร้าน อัตราส่วน คนซื้อของ/คนเดินเข้าร้าน สูงด้วยเพราะตั้งใจไป

อย่าคิดว่าเค้าโง่จิ
Thump Up ครับ :)

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 08, 2009 11:04 pm
โดย sai
Alastor เขียน:ของกระจุ๊กกระจิ๊กอาจจะเป็น sex toy ก็ได้ครับ ไม่ต้องการ traffic หน้าร้านมาก ขนาดซ่อนๆอยู่ในมุมมืดก็มีคนเดินเข้าร้าน อัตราส่วน คนซื้อของ/คนเดินเข้าร้าน สูงด้วยเพราะตั้งใจไป

อย่าคิดว่าเค้าโง่จิ
แสดงว่าพี่ alastor ต้องเชี่ยวชาญเรื่องทำเลที่ตั้งร้านของสินค้าประเภทนี้เป็นพิเศษ เอ่ รู้ได้ไงหว่า ครายช่วยผมคิดที อิอิ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 5:55 am
โดย กุหลาบงามหลังฝน
Alastor เขียน:ของกระจุ๊กกระจิ๊กอาจจะเป็น sex toy ก็ได้ครับ ไม่ต้องการ traffic หน้าร้านมาก ขนาดซ่อนๆอยู่ในมุมมืดก็มีคนเดินเข้าร้าน อัตราส่วน คนซื้อของ/คนเดินเข้าร้าน สูงด้วยเพราะตั้งใจไป

อย่าคิดว่าเค้าโง่จิ
มุมมองจากนักธุระกิจตัวจริง :bow:  :bow:

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 7:55 am
โดย wasan_yu
ความคิดพี่ Alastor  สุดยอดเสมอ   :lol:

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 8:19 am
โดย por_jai
:8) เรื่องนี้เป็นบทความของท่านแม่ทัพสุมาอี้ที่เขียนไว้ในบล็อกเซดเทรดนี่นา
     ส่วนคนที่วิจารณ์
     ผมว่านัท อลาสเต้อร์ เก่งมากครับ
     คิดไปได้ไกลขนาดนั้น
     แต่เดือนวาดฟังชื่อแล้วน่าจะเป็นคนไทย
     มีห้างไหนในเมืองไทยหรือที่เปิดเซ็กส์ช้อปได้
     
     การตลาดขายปลีก
     มี3ข้อควรจำเกี่ยวกับสิ่งสำคัญที่สุดในการเปิดกิจการดังกล่าว
     1.ทำเล
     2.ทำเล
     ข้อ3.ก็ยังเป็นทำเลอีกอยู่ดี
     ดังนั้นน้องเดือนวาด น่าจะต้องเหนื่อยพอสมควรในกิจกรรมนี้

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 9:14 am
โดย chatchai
[quote="por_jai"]

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 9:37 am
โดย nanchan
ผมว่าบทความนี้ เค้าก็บอกแล้วว่าขายของกระจุ๊กกระจิ๊ก ผมว่าไม่ควรไปตีความว่าเค้าควรไปขายของอย่างอื่น เช่นไปขายยาบ้า(ถ้าขายได้) 555

ซื้อหุ้นpeต่ำได้ผลตอบแทนต่ำหรือสูงกว่า เค้าก็ไม่ได้บอกนะในบทความว่าจะต่างกันอย่างไร

สรุปสั้นๆ ตามความเข้าใจผม โดยไม่ได้แต่งเติมเสริมบทความผู้แต่ง
1.เดือนวาด ซื้อหุ้นPeต่ำ Peต่ำ มีปันผล แต่ก็ใช่ว่า ระยะยาว จะมีการเติบโต
2.เดือนวาดไม่เคยเข้าใจเรื่องหุ้น และผลตอบแทน ว่าการเติบโตของราคาหุ้นจะมาจากไหน
3.แม้แต่จะขายของเดือนวาดยังทำไม่เป็น หวังแต่จะได้ปันผล ผมว่าเดือนวาดแทบไม่เคยศึกษาหุ้นตัวนั้นเหมือนกันว่าทำธุรกิจอะไร ทำอย่างไร หรือไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกะธุรกิจเพราะไม่เคยทำมาก่อน

ความคิดส่วนตัวเรื่องpeสูงและต่ำ
ผมว่ามันจะต่ำหรือสูง ผมว่าไม่ใช่สิ่งที่จะบอกว่าหุ้นจะขึ้นได้ไม๊ในอนาคต (ยกเว้นมีคนมาปั่น) ผลตอบแทนจะมากหรือน้อยต่างกันอย่างไร ผมว่าคงไม่ได้ดูที่pe pbต่ำ ปันผลสูง เพียงอย่างเดียว ถ้าดูแค่นี้แล้วเล่นหุ้นรวย ก็รวยกันทั้งประเทศ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 9:37 am
โดย killyz
[quote="chatchai"][quote="por_jai"]

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 10:12 am
โดย Linzhi
เวลาผมซื้อบ้าน ถ้าซื้อทำเลที่ราคาถูก ต้องถูกเพราะคน(ยัง)ไม่เห็นคุณค่าของมัน

เวลาซื้อหุ้น ถ้าซื้อหุ้นที่ pe ต่ำ ต้องต่ำ เพราะคน(ยัง)ไม่เห็นคุณค่าของมัน

ดีกว่านั้น คือเข้าใจด้วยว่า ทำไมคนที่ยังไม่เห็น ให้ pe มันต่ำซะขนาดนั้น

ถ้าหาไม่ได้ ผมก็ผ่านตลอด

แนวทางลงทุน vi มีมากมาย แยกย่อย ใครถนัดแบบไหน ก็เอาแบบนั้น

ผมชอบบทความลักษณะนี้ เป็นนิทาน เนื้อหาก็แล้วแต่คนตีความ มันสนุกกว่า
บอกคำตอบออกมาเป็นไหน ๆ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 10:48 am
โดย pat4310
ผมว่าถ้าสินค้าที่เขาขาย เป็นนีชมาเก็ต หรือมีจุดเด่นที่ไม่ธรรมดา ผมว่าคุ้มนะ  ตลาดเป็นของผู้ขายเ ลูกค้าจะมาหาเอง เพื่อนผม รับตัดชุดหนัง ถักแส้ ไม่เคยโฆษณาเลย ลูกค้ามาหาเอง ง้อให้ทำด้วย :shock:

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 11:23 am
โดย chatchai
ผมชอบความเห็นของผู้บริหารท่านหนึ่งที่บอกว่า

การสร้างแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ  (ตามยุคสมัยนี้ที่ฮิตกัน)  แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ  คุณภาพสินค้า  และราคาที่ยุติธรรม

ถ้าบริษัทไหน  ผู้บริหารมัวแต่ทำการตลาด  สร้างแบรนด์  ทำ CSR  โดยไม่กลับมาพัฒนาคุณภาพสินค้า  ระยะยาวก็คงลำบาก  อย่าคิดว่าผู้บริโภคจะโดนหลอกตลอดไป

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 11:38 am
โดย superboy
แบบนี้ เดือนวาด คงจะหมดตัวในไม่ช้า อิอิอิอิอิ

ทำเล สำคัญ ที่สุด เลย  อย่างอื่นผมคิดว่า มาที่หลัง

สินค้าเหมือนๆๆกัน สู้ที่ทำเล และ ราคา

ใครๆๆ ก้อทำได้ เรื่องราคา แต่ทำเล อยู่ติดตลอด สู้ไม่ได้

ร้านทำเลดีทั้งคู่ อยู่ตรงข้ามกัน ขายของเหมือนกัน สู้ที่ราคา และ บริการ

ขนาดร้านทำเล ริมถนน เปิดใหม่ เทียบกับร้านเก่าอยู่ในซอยที่คนเดินเยอะ

ร้ามริมถนน ยังสู้ไม่ได้เลย ครับ เจอมากับตัวเลย ง่ะ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 12:15 pm
โดย por_jai
[quote="chatchai"][quote="por_jai"]

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 12:44 pm
โดย chatchai
[quote="por_jai"][quote="chatchai"][quote="por_jai"]

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 1:12 pm
โดย กูรูขอบสนาม
ยังไม่รู้ว่าเดือนวาดจะค้าขายอะไร
แต่ถ้าได้ที่ราคาถูกขนาดนี้
เอามาให้เช่าต่อล่ะก้อ
ลองดูธุรกิจที่ไม่ต้องการคนพลุกพล่าน
ทั้งผู้ให้และผู้ใช้บริการต้องการสมาธิ
แต่เรียกร้องค่าตอบแทนได้สูง
อย่าง....

รูปภาพ

ก็ไม่เลวนัก

ถ้าแม่นจริง
คนจะบอกต่อๆกันเอง

หากบริการมากขึ้น
อาจต้องมีฉากกั้นด้วยซ้ำ :wink:

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 1:15 pm
โดย kmphol
nanchan เขียน:ผมว่าบทความนี้ เค้าก็บอกแล้วว่าขายของกระจุ๊กกระจิ๊ก ผมว่าไม่ควรไปตีความว่าเค้าควรไปขายของอย่างอื่น เช่นไปขายยาบ้า(ถ้าขายได้) 555

ซื้อหุ้นpeต่ำได้ผลตอบแทนต่ำหรือสูงกว่า เค้าก็ไม่ได้บอกนะในบทความว่าจะต่างกันอย่างไร

สรุปสั้นๆ ตามความเข้าใจผม โดยไม่ได้แต่งเติมเสริมบทความผู้แต่ง
1.เดือนวาด ซื้อหุ้นPeต่ำ Peต่ำ มีปันผล แต่ก็ใช่ว่า ระยะยาว จะมีการเติบโต
2.เดือนวาดไม่เคยเข้าใจเรื่องหุ้น และผลตอบแทน ว่าการเติบโตของราคาหุ้นจะมาจากไหน
3.แม้แต่จะขายของเดือนวาดยังทำไม่เป็น หวังแต่จะได้ปันผล ผมว่าเดือนวาดแทบไม่เคยศึกษาหุ้นตัวนั้นเหมือนกันว่าทำธุรกิจอะไร ทำอย่างไร หรือไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกะธุรกิจเพราะไม่เคยทำมาก่อน

ความคิดส่วนตัวเรื่องpeสูงและต่ำ
ผมว่ามันจะต่ำหรือสูง ผมว่าไม่ใช่สิ่งที่จะบอกว่าหุ้นจะขึ้นได้ไม๊ในอนาคต (ยกเว้นมีคนมาปั่น) ผลตอบแทนจะมากหรือน้อยต่างกันอย่างไร ผมว่าคงไม่ได้ดูที่pe pbต่ำ ปันผลสูง เพียงอย่างเดียว ถ้าดูแค่นี้แล้วเล่นหุ้นรวย ก็รวยกันทั้งประเทศ
ชอบความเห็นนี้ครับ

กับดัก vi ล้วนล้วน

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 1:40 pm
โดย nanchan
4 P ครับ
product price place promotion

เดี่ยวนี้เค้ามีเพิ่มให้เป็น 6 Pด้วย

people president

ถ้าให้ดีมี อีก1 D ก็ง่ายขึ้น

Differentiation

สินค้าไม่ดีแต่ไม่ถึงกะเลว  บางทีโปรโมชั่นดีๆการนำเสนอดีๆคนก็ซื้อ
หรืออาจจะเลว อย่างแชร์ลูกโซ่ก็ไม่เห็นมันดี แต่มันก็หลอกขายได้
ผมว่าถ้าไม่ผิดกฏหมาย คงมีคนทำต่อไปเรื่อยๆ

สินค้าดี โปรโมชั่นไม่ดี ก็ขายไม่ออกเยอะไป อย่างหนังดีๆ ก็เห็นขายไม่ได้เยอะ

เคยไปกินอาหารบางร้าน ไม่เห็นจะอร่อย แถมแพงด้วย แต่มันก็ตอบโจทย์คนบางกลุ่มได้

ถ้าจะให้มันดีจริง ก็ให้มันครบ ก็น่าจะดีกว่า ระยะยาวก็จะดีกว่า
แต่หลักๆคือโจทย์มันอยู่ที่ผู้บริโภค

คล้ายหุ้นเหมือนกัน ของดีราคาถูก บางทีมันก็ถูกอยู่วันยังค่ำ ไม่ค่อยจะเห็นมันไปไหน จนกว่าใครบางคนหรือหลายคน จะมาช่วยโปรโมชั่นเยอะๆ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 4:06 pm
โดย baby-investor
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเจ้าของไม่ควรสร้างศูนย์การค้าให้มีจุดอับ เพราะจะทำให้เก็บค่าเช่าได้ต่ำ  :D  แถมภาพโดยรวมดูเงียบเหงาอีกด้วย (ทำให้คิดถึงเจ้าของหุ้นซึ่งก็ไม่ต่างกันนะครับ)

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 7:17 pm
โดย chatchai
[quote="baby-investor"]นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเจ้าของไม่ควรสร้างศูนย์การค้าให้มีจุดอับ เพราะจะทำให้เก็บค่าเช่าได้ต่ำ

เรื่องของเดือนวาด

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 09, 2009 11:07 pm
โดย baby-investor
[quote="chatchai"][quote="baby-investor"]นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเจ้าของไม่ควรสร้างศูนย์การค้าให้มีจุดอับ เพราะจะทำให้เก็บค่าเช่าได้ต่ำ