++ 18@หุ้นเงา เดือนนี้ออกแล้ว ร้อนๆ เลย ++
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 8:21 pm
++ คือว่าพรุ่งนี้ผมคงไม่ว่างนักตอนเช้า เลยมาลงวันนี้เสียเลยครับ
ทบทวนอดีต...
SET ได้ติดลบไปเล็กน้อยคือ ติดลบไป 0.3% ขณะที่หุ้นเงาทั้ง 18 ตัว ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4.5% เกือบหนึ่งเดือน (22 ตค.ถึง 17 พย.) นับว่าชนะตลาดได้ 4.8% ในเกือบ 1 เดือน โดยหุ้นที่แพ้ตลาดมี 6 ตัว ขณะที่หุ้นชนะตลาดมี 12 ตัว เป็นความผิดพลาดสำหรับหุ้นที่แพ้ตลาดทั้ง 6 ตัว ขออภัยด้วยโดยเฉพาะ TRC นี่หนักเลย โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10 เปอร์เซนต์ ก็เช่น AIT, SYNTEC, GFPT และ STA ถ้าหากได้นำเอาหุ้นตกสำรวจอย่าง SYNEX หรือ TAPAC เข้าไปใส่ไว้ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้อีกไม่น้อย
Stock Selection ของบัฟเฟต์ นักลงทุนชื่อก้องโลกนั้น ชนะตลาดหรือดัชนี S&P500 ราว 12% ต่อปี หรือ 1% ต่อเดือน ดังนั้นถือได้ว่า การเลือกหุ้นด้วย ตะแกรงหุ้น แค่ 1 แผ่น คือ P/E ต่ำกว่า 5 ปีหน้า ทำได้ดีกว่าบัฟเฟต์เสียอีก ซึ่งถือว่าใช้ได้ผลดีเกินคาด ลบคำสบประมาทตามบทความ เดือนวาด ที่เย้ยหยันการเลือกหุ้นพีอีต่ำไปได้อย่างสวยงาม และ เป็นบทพิสูจน์สะท้อนความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดหุ้นไทย ที่ปล่อยให้หุ้นใหญ่เติบโตต่ำ ยืน P/E สูง ขณะที่หุ้นเล็กเติบโตสูง ยืน P/E ต่ำ
ปรับเปลี่ยนปัจจุบัน....
ขอเปลี่ยนจาก 1 ตะแกรงร่อนหุ้นเงา เป็น 8 ตะแกรง เพื่อสร้างความแม่นยำ และน่าเชื่อถือในการลงทุนยิ่งขึ้น
1. หุ้นเล็ก : ต้องมีขนาดเล็กกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อในเข้าข่าย หุ้นเงา ที่แท้จริง ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะตัดเอาหุ้นอย่าง ESSO, BCP, SPALI ออกไป เพราะหุ้นพวกนี้ใหญ่เกินไป
2. หุ้นโต : ต้องมีการเติบโตของผลกำไรในปีหน้า
3. หุ้นคล่อง : ต้องมีสภาพคล่องพอตัว มีซื้อขายได้ทุกวัน กรณีนี้จึงตัดเอา SMK ออกไปเลย
4. หุ้นสลัว : ราคาหุ้นต้องไม่ขึ้นมากกว่า 25% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ถ้ามากกว่านั้นถือว่าไม่สลัวแล้ว แต่เป็นหุ้นสว่างที่หลายๆ คนได้รับรู้ไปมากแล้ว เราจึงไม่ใส่ TAPAC เข้าไปในลิสต์ครั้งนี้ด้วย เพราะ บวกถึงกว่า 40% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึง AIT ด้วยที่ต้องหลุดไปอย่างน่าเสียดาย
5. หุ้น P/E ต่ำกว่า 6 เท่าในปีหน้า เราขยับขึ้นมาอีกนิด เพื่อชดเชยกับราคาหุ้นที่หลายตัวบวกสูงขึ้นมา
6. หุ้น P/B ต่ำกว่า 2 เท่า ราวๆ นี้ก็น่าจะแพงแล้ว
7. หุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงกว่า 3% ต่อปี (เพื่อให้มากกว่า ดอกเบี้ยพันธบัตร)
8. หุ้นที่มีเฟยหง เรโชสูงกว่า 10% (ไหนๆ ก็คิดขึ้นมาแล้ว เอามาใช้ซะหน่อย : ตัวเลขนี้คิดจากกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร ต่อ มาร์เก็ตแคป) คือ ถ้า บ.จ่ายเท่าที่จ่ายได้ทั้งหมด จะจ่ายเงินปันผลได้กี่เปอร์เซ็นต์ของราคาหุ้น เพื่อกรองหุ้นที่มีขาดทุนสะสมออกไปด้วย
ก็หวังว่าด้วยตะแกรงทั้ง 8 นี้จะทำให้คัดสรรหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อนาคตอันใกล้น่าจะปรับให้ เติบโต นั้นสูงกว่า 15% และปรับ P/E ไปที่ 7.5 เท่า หรือ PEG ต่ำกว่า 0.5 เท่า น่าจะได้ผลลัพธ์ดีกว่านี้ โดยหุ้นอสังหาฯ น่าไม่เข้ามามากแบบนี้ เพิ่งคิดออกไม่นานแต่ยังทำไม่ทัน...เอาไว้รอบหน้าครับ
สอดส่องอนาคต.....
ผมเชื่อว่า เรื่องราว ของปีหน้า มี 3 เรื่อง คือ ไทยเข้มแข็ง หยวนเข้มแข็ง และ 3G คือ บริษัทซึ่งได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง และ บริษัทซึ่งได้รับประโยชน์จากเงินหยวนที่จะแข็งค่าขึ้นมาก รวมทั้งบริษัทซึ่งจะได้ประโยชน์จากการลงทุน 3G จะเป็นกลุ่มบริษัทที่น่าสนใจในการลงทุนครับ
ซึ่งหลังจากกรองหุ้นผ่าน 8 ตะแกรงได้ 18 หุ้นเงา แล้ว หากจะตัดสินใจลงทุนจริงๆ กรุณาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนครับ ไม่น่าเชื่อว่าหุ้นกระจายอยู่ใน 4 กลุ่มเท่านั้น .... วิจารณ์กันได้เต็มที่ เช่น ตะแกรงนี้ไม่ดี ตัวนี้ไม่ควรอยู่นะ..หรือเสนอตัวอื่นๆ ก็ดี...เพื่อสร้างภูมิปัญญาเพิ่มขึ้นครับ
แปลกมากที่พบหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ มีจำนวนมากที่สุดถึง 8 ตัว ดังรายชื่อ
PF ได้ประโยชน์จากสายสีแดง และ ม่วง ปีหน้าคาดยอดขายโตถึง 50% รวมการขายที่ดินเปล่าด้วยอีกพันล้าน กำไรต่อหุ้นอาจจะทำได้ถึง 0.9 บาท ซึ่งทำให้ P/E ต่ำ P/BV ต่ำ
NOBLE มี แบ็กล็อคสูงถึง 2.5 เท่าของมาร์เก็ตแคป มากที่สุดบริษัทหนึ่งในตลาด อัตรากำไรสุทธิดี ค่า P/B ยังต่ำมากๆ และ เหลือเชื่อที่ว่า เฟยหง เรโข สูงถึงกว่า 100%
PRIN ยังคงมียอดขายและแบ็กลอคที่น่าสนใจ มีโครงการทั้งคอนโดฯ ที่จะรับรู้ได้อีกไม่น้อย ราคาขนาดนี้ไม่แพงนัก อาจทำกำไรต่อหุ้นได้ถึง 0.45 บาท P/E จึงต่ำ 5 ได้เลย
SC ยอดขายและแบ็กลอกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี P/BV ก็ไม่สูงมากนัก ขายแนวราบ และคอนโดฯ ต่อเนื่อง ถ้าไม่โดนปัจจัยการเมืองเล่นงานหนักๆ เสียก่อน ก็นับว่าเป็นหุ้นที่ถูกทีเดียวจากกำไรต่อหุ้นที่ 2.5 บาท ราคานี้ถูกครับ
MK ยอดขายและกำไรเติบโตต่อเนื่อง จากบ้านเดี่ยว และ ทาวน์โฮม กำไรต่อหุ้นอาจได้ถึง 0.6 บาท...ยังน่าสน
MJD รับรู้รายได้คอนโดฯ ในปีหน้าเพิ่ม กำไรต่อหุ้นที่ 0.7 บาท...ดังนั้นราคาหุ้นแบบนี้จัดได้ว่าถูก
SENA เป็นหุ้นใหม่ที่รุกตลาดหนัก ด้านคอนโดฯ .... มีมูลค่าที่น่าสนใจ อาจทำกำไรต่อหุ้นได้สูงถึง 0.46 บาท (โบรกเกอร์)
CI แม้จะประกาศงบชาดทุน...ราคาหุ้นได้ตอบสนองไปบ้างแล้ว มีแบ็กลอคที่สูงมาก 2.5 เท่าของมาร์เก็นแคปได้ ค่า P/BV ต่ำดี
หุ้นกลุ่มรับเหมาอีก 2 ตัว ซึ่งรับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง และ ยังมีราคาหุ้นถูกอยู่
PYLON รับทำเสาเข็มเจาะ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่บริษัท รับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง รถไฟฟ้า หลายสี ยอดขายน่าจะโตได้อีกมาก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพงนัก
SYNTEC เป็นบริษัทรับเหมาที่มียอดรายได้ต่อ มาร์เก็ตแคปสูงมากแห่งหนึ่งถึง 6 เท่า P/BV ต่ำมาก คาดจะมีกำไรต่อหุ้นราว 0.15 บาท ซึ่งทำให้ราคาขนาดนี้ต่ำเหลือเชื่อ
หุ้นกลุ่มเกษตรอีก 2 ตัว ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากเงินหยวนเข้มแข็ง
STA เป็นรายใหญ่ของธุรกิจค้ายาง...กำไรเยอะมากๆ P/BV ก็ต่ำมาก
GFPT เป็นขาใหญ่ขายไก่ส่งออกและในปท. รองจาก CPF กำไรต่อหุ้น และค่า P/BV อยู่ในเกณฑ์ที่น่าจับตา
หุ้นกลุ่มสื่อสารอีก 6 ตัว ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากไทยเข้มแข็ง และ 3G น่าจะเติบโตได้สูง
ILINK ปีหน้ารับงานจากไทยเข้มแข็ง และ 3G เต็มๆ การเติบโตอาจสูงกว่า 30% เช่นกัน
SYNEX ผู้ขายชิ้นส่วนและอุปกรณ์สื่อสาร อิเลกฯ เจ้ายักษ์ของไทย อัตรากำไรสุทธิเริ่มดีขึ้น ราคาไม่แพงนัก
SIS ก็เป็นแนวคิดเดียวกัน...ยังจัดว่าเป็นหุ้นที่ถูกสำหรับในกลุ่มนี้
JAS น่าจะได้ประโยชน์จาก 3G มาบ้าง ราคาหุ้นยังถูกทั้ง P/E และ P/BV
JMART P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ ขายเจโฟน เป็นเฮ้าส์แบรนด์ และ รับทวงหนี้ น่าจะกำไรดี
MLINK P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ ยักษ์ใหญ่เกาหลียอมจ่ายถึงหุ้นละ 2 บาท...ยังไงเขาก็แพงกว่าเรา
จบครับ.....พบกันใหม่กับ 18@หุ้นเงา เดือนหน้า หวังว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างนะครับ
ทบทวนอดีต...
SET ได้ติดลบไปเล็กน้อยคือ ติดลบไป 0.3% ขณะที่หุ้นเงาทั้ง 18 ตัว ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4.5% เกือบหนึ่งเดือน (22 ตค.ถึง 17 พย.) นับว่าชนะตลาดได้ 4.8% ในเกือบ 1 เดือน โดยหุ้นที่แพ้ตลาดมี 6 ตัว ขณะที่หุ้นชนะตลาดมี 12 ตัว เป็นความผิดพลาดสำหรับหุ้นที่แพ้ตลาดทั้ง 6 ตัว ขออภัยด้วยโดยเฉพาะ TRC นี่หนักเลย โดยหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 10 เปอร์เซนต์ ก็เช่น AIT, SYNTEC, GFPT และ STA ถ้าหากได้นำเอาหุ้นตกสำรวจอย่าง SYNEX หรือ TAPAC เข้าไปใส่ไว้ก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้อีกไม่น้อย
Stock Selection ของบัฟเฟต์ นักลงทุนชื่อก้องโลกนั้น ชนะตลาดหรือดัชนี S&P500 ราว 12% ต่อปี หรือ 1% ต่อเดือน ดังนั้นถือได้ว่า การเลือกหุ้นด้วย ตะแกรงหุ้น แค่ 1 แผ่น คือ P/E ต่ำกว่า 5 ปีหน้า ทำได้ดีกว่าบัฟเฟต์เสียอีก ซึ่งถือว่าใช้ได้ผลดีเกินคาด ลบคำสบประมาทตามบทความ เดือนวาด ที่เย้ยหยันการเลือกหุ้นพีอีต่ำไปได้อย่างสวยงาม และ เป็นบทพิสูจน์สะท้อนความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดหุ้นไทย ที่ปล่อยให้หุ้นใหญ่เติบโตต่ำ ยืน P/E สูง ขณะที่หุ้นเล็กเติบโตสูง ยืน P/E ต่ำ
ปรับเปลี่ยนปัจจุบัน....
ขอเปลี่ยนจาก 1 ตะแกรงร่อนหุ้นเงา เป็น 8 ตะแกรง เพื่อสร้างความแม่นยำ และน่าเชื่อถือในการลงทุนยิ่งขึ้น
1. หุ้นเล็ก : ต้องมีขนาดเล็กกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อในเข้าข่าย หุ้นเงา ที่แท้จริง ผมจึงไม่ลังเลเลยที่จะตัดเอาหุ้นอย่าง ESSO, BCP, SPALI ออกไป เพราะหุ้นพวกนี้ใหญ่เกินไป
2. หุ้นโต : ต้องมีการเติบโตของผลกำไรในปีหน้า
3. หุ้นคล่อง : ต้องมีสภาพคล่องพอตัว มีซื้อขายได้ทุกวัน กรณีนี้จึงตัดเอา SMK ออกไปเลย
4. หุ้นสลัว : ราคาหุ้นต้องไม่ขึ้นมากกว่า 25% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ถ้ามากกว่านั้นถือว่าไม่สลัวแล้ว แต่เป็นหุ้นสว่างที่หลายๆ คนได้รับรู้ไปมากแล้ว เราจึงไม่ใส่ TAPAC เข้าไปในลิสต์ครั้งนี้ด้วย เพราะ บวกถึงกว่า 40% ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา รวมถึง AIT ด้วยที่ต้องหลุดไปอย่างน่าเสียดาย
5. หุ้น P/E ต่ำกว่า 6 เท่าในปีหน้า เราขยับขึ้นมาอีกนิด เพื่อชดเชยกับราคาหุ้นที่หลายตัวบวกสูงขึ้นมา
6. หุ้น P/B ต่ำกว่า 2 เท่า ราวๆ นี้ก็น่าจะแพงแล้ว
7. หุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงกว่า 3% ต่อปี (เพื่อให้มากกว่า ดอกเบี้ยพันธบัตร)
8. หุ้นที่มีเฟยหง เรโชสูงกว่า 10% (ไหนๆ ก็คิดขึ้นมาแล้ว เอามาใช้ซะหน่อย : ตัวเลขนี้คิดจากกำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร ต่อ มาร์เก็ตแคป) คือ ถ้า บ.จ่ายเท่าที่จ่ายได้ทั้งหมด จะจ่ายเงินปันผลได้กี่เปอร์เซ็นต์ของราคาหุ้น เพื่อกรองหุ้นที่มีขาดทุนสะสมออกไปด้วย
ก็หวังว่าด้วยตะแกรงทั้ง 8 นี้จะทำให้คัดสรรหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อนาคตอันใกล้น่าจะปรับให้ เติบโต นั้นสูงกว่า 15% และปรับ P/E ไปที่ 7.5 เท่า หรือ PEG ต่ำกว่า 0.5 เท่า น่าจะได้ผลลัพธ์ดีกว่านี้ โดยหุ้นอสังหาฯ น่าไม่เข้ามามากแบบนี้ เพิ่งคิดออกไม่นานแต่ยังทำไม่ทัน...เอาไว้รอบหน้าครับ
สอดส่องอนาคต.....
ผมเชื่อว่า เรื่องราว ของปีหน้า มี 3 เรื่อง คือ ไทยเข้มแข็ง หยวนเข้มแข็ง และ 3G คือ บริษัทซึ่งได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐผ่านโครงการไทยเข้มแข็ง และ บริษัทซึ่งได้รับประโยชน์จากเงินหยวนที่จะแข็งค่าขึ้นมาก รวมทั้งบริษัทซึ่งจะได้ประโยชน์จากการลงทุน 3G จะเป็นกลุ่มบริษัทที่น่าสนใจในการลงทุนครับ
ซึ่งหลังจากกรองหุ้นผ่าน 8 ตะแกรงได้ 18 หุ้นเงา แล้ว หากจะตัดสินใจลงทุนจริงๆ กรุณาหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุนครับ ไม่น่าเชื่อว่าหุ้นกระจายอยู่ใน 4 กลุ่มเท่านั้น .... วิจารณ์กันได้เต็มที่ เช่น ตะแกรงนี้ไม่ดี ตัวนี้ไม่ควรอยู่นะ..หรือเสนอตัวอื่นๆ ก็ดี...เพื่อสร้างภูมิปัญญาเพิ่มขึ้นครับ
แปลกมากที่พบหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ มีจำนวนมากที่สุดถึง 8 ตัว ดังรายชื่อ
PF ได้ประโยชน์จากสายสีแดง และ ม่วง ปีหน้าคาดยอดขายโตถึง 50% รวมการขายที่ดินเปล่าด้วยอีกพันล้าน กำไรต่อหุ้นอาจจะทำได้ถึง 0.9 บาท ซึ่งทำให้ P/E ต่ำ P/BV ต่ำ
NOBLE มี แบ็กล็อคสูงถึง 2.5 เท่าของมาร์เก็ตแคป มากที่สุดบริษัทหนึ่งในตลาด อัตรากำไรสุทธิดี ค่า P/B ยังต่ำมากๆ และ เหลือเชื่อที่ว่า เฟยหง เรโข สูงถึงกว่า 100%
PRIN ยังคงมียอดขายและแบ็กลอคที่น่าสนใจ มีโครงการทั้งคอนโดฯ ที่จะรับรู้ได้อีกไม่น้อย ราคาขนาดนี้ไม่แพงนัก อาจทำกำไรต่อหุ้นได้ถึง 0.45 บาท P/E จึงต่ำ 5 ได้เลย
SC ยอดขายและแบ็กลอกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี P/BV ก็ไม่สูงมากนัก ขายแนวราบ และคอนโดฯ ต่อเนื่อง ถ้าไม่โดนปัจจัยการเมืองเล่นงานหนักๆ เสียก่อน ก็นับว่าเป็นหุ้นที่ถูกทีเดียวจากกำไรต่อหุ้นที่ 2.5 บาท ราคานี้ถูกครับ
MK ยอดขายและกำไรเติบโตต่อเนื่อง จากบ้านเดี่ยว และ ทาวน์โฮม กำไรต่อหุ้นอาจได้ถึง 0.6 บาท...ยังน่าสน
MJD รับรู้รายได้คอนโดฯ ในปีหน้าเพิ่ม กำไรต่อหุ้นที่ 0.7 บาท...ดังนั้นราคาหุ้นแบบนี้จัดได้ว่าถูก
SENA เป็นหุ้นใหม่ที่รุกตลาดหนัก ด้านคอนโดฯ .... มีมูลค่าที่น่าสนใจ อาจทำกำไรต่อหุ้นได้สูงถึง 0.46 บาท (โบรกเกอร์)
CI แม้จะประกาศงบชาดทุน...ราคาหุ้นได้ตอบสนองไปบ้างแล้ว มีแบ็กลอคที่สูงมาก 2.5 เท่าของมาร์เก็นแคปได้ ค่า P/BV ต่ำดี
หุ้นกลุ่มรับเหมาอีก 2 ตัว ซึ่งรับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง และ ยังมีราคาหุ้นถูกอยู่
PYLON รับทำเสาเข็มเจาะ ซึ่งมีอยู่ไม่กี่บริษัท รับประโยชน์จาก ไทยเข้มแข็ง รถไฟฟ้า หลายสี ยอดขายน่าจะโตได้อีกมาก ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพงนัก
SYNTEC เป็นบริษัทรับเหมาที่มียอดรายได้ต่อ มาร์เก็ตแคปสูงมากแห่งหนึ่งถึง 6 เท่า P/BV ต่ำมาก คาดจะมีกำไรต่อหุ้นราว 0.15 บาท ซึ่งทำให้ราคาขนาดนี้ต่ำเหลือเชื่อ
หุ้นกลุ่มเกษตรอีก 2 ตัว ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากเงินหยวนเข้มแข็ง
STA เป็นรายใหญ่ของธุรกิจค้ายาง...กำไรเยอะมากๆ P/BV ก็ต่ำมาก
GFPT เป็นขาใหญ่ขายไก่ส่งออกและในปท. รองจาก CPF กำไรต่อหุ้น และค่า P/BV อยู่ในเกณฑ์ที่น่าจับตา
หุ้นกลุ่มสื่อสารอีก 6 ตัว ซึ่งน่าจะได้ประโยชน์จากไทยเข้มแข็ง และ 3G น่าจะเติบโตได้สูง
ILINK ปีหน้ารับงานจากไทยเข้มแข็ง และ 3G เต็มๆ การเติบโตอาจสูงกว่า 30% เช่นกัน
SYNEX ผู้ขายชิ้นส่วนและอุปกรณ์สื่อสาร อิเลกฯ เจ้ายักษ์ของไทย อัตรากำไรสุทธิเริ่มดีขึ้น ราคาไม่แพงนัก
SIS ก็เป็นแนวคิดเดียวกัน...ยังจัดว่าเป็นหุ้นที่ถูกสำหรับในกลุ่มนี้
JAS น่าจะได้ประโยชน์จาก 3G มาบ้าง ราคาหุ้นยังถูกทั้ง P/E และ P/BV
JMART P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ ขายเจโฟน เป็นเฮ้าส์แบรนด์ และ รับทวงหนี้ น่าจะกำไรดี
MLINK P/E และ P/BV ยังอยู่ในระดับต่ำ ยักษ์ใหญ่เกาหลียอมจ่ายถึงหุ้นละ 2 บาท...ยังไงเขาก็แพงกว่าเรา
จบครับ.....พบกันใหม่กับ 18@หุ้นเงา เดือนหน้า หวังว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้างนะครับ