Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

สวัสดีครับ รบกวนสอบถามหน่อย ตอนนี้ผมกำลังทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ "งบกระแสเงินสด" อยู่ แต่มีบางส่วนยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ

ก่อนจะเข้าสู่คำถาม ผมขอปูพื้นความเข้าใจของผมเกี่ยวกับ "งบกระแสเงินสด" ก่อน ว่าผม ณ ตอนนี้ เข้าใจอะไรบ้าง

งบกระแสเงินสด มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า "งบดุล" , "งบกำไรขาดทุน"
งบกระแสเงินสดจะทำให้เราทราบว่า เงินสด ณ ปลายงวด จนมาถึง ต้นงวดปัจจุบัน ทางบริษัทได้ ได้มา/จ่ายไป ซึ่งจำนวนเงิน ในทางไหนบ้าง

งบกระแสเงินสดแบ่งออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ
1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
2. กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
3. กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน

ข้อที่ผม "ไม่เข้าใจ" คือข้อ 1.  ดังนั้นผมขอพูดถึงข้อที่เหลือก่อน ดังนี้

ข้อ 2. กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
ลงทุนในแง่ ได้เงินสดมา เช่น ขายเงินลงทุน
ลงทุนในแง่ ใช้เงินสดไป เช่น ลงทุนเครื่องจักร ซื้อที่ดิน เป็นต้น

ในส่วนนี้ ถึงแม้บางครั้งจะ "ติดลบ" ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดี นั่นคือ เราต้องเจาะลึกลงไปในรายละเอียด
(ข้อนี้ผมคิดว่าผมเข้าใจ ไม่มีปัญหาครับ)

ข้อ 3. กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
จ่ายเงินสดไป ในรูป จ่ายปันผล , ชำระดอกเบี้ย
รับเงินสดมา ในรูป กู้เงินจากสถาบันการเงิน เป็นต้น

ในส่วนนี้ ก็ต้องพิจารณาเป็นส่วนๆ เช่นกัน เพราะถึงแม้บางครั้งบริษัทได้เงินสดเพิ่มขึ้นมาก็จริง
แต่เป็นเงินสดที่มาจากการ "กู้เงิน" นั่นก็คิดเป็นความเสี่ยงได้มากเช่นเดียวกัน
(ข้อนี้ผมคิดว่าผมเข้าใจ ไม่มีปัญหาครับ)


ข้อ 1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
สำหรับข้อนี้ ผมอ่านหนังสือเท่าไหร่ ผมก็ไม่เข้าใจ
ผมไม่เข้าใจว่า เขาใช้หลักเกณฑ์ยังไงว่ารายการนี้ ติดลบ รายการโน้น ติดบวก

หลักการคือ รายการนี้จะยกยอด "กำไรสุทธิ" ของปลายงวดมา
เสร็จแล้วก็จะตามมาด้วยรายการในงบดุลต่างๆ ว่ามีการเคลื่อนไหวของกระแสเงินสดอย่างไรบ้าง (ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า?)

 ที่ผมงงคือ เขาใช้หลักเกณฑ์อะไร ว่ารายการไหนคือการเพิ่มเงิน และรายการไหนคือการลดเงินสดน่ะครับ  เช่น

ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ทำไมถึงทำให้ตัวเลขในรายการ "เพิ่มขึ้น" น่ะครับ
เพราะผมเข้าใจว่า ค่าเสื่อมราคา คือการที่เราเสียเงินจากการเสื่อมสภาพไป ดังนั้น มันควรจะเป็นส่วนที่เราต้องจ่ายไป (หรือว่าผมเข้าใจผิดครับ)

กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ อย่างรายการนี้ ทำไมติดลบล่ะครับ ในเมื่อเราได้กำไร ก็น่าจะหมายความว่าเราได้เงินสดมา ?


สินทรัพย์ดำเนินงานลดลง(เพิ่มขึ้น)
ลูกหนี้การค้า

                             Q3/52         51
  ลูกหนี้การค้า           (20,339)      (93,133)


ทำไมลูกหนี้การค้าเขาถึงให้เอาไปลบจากยอดบนล่ะครับ (คือผมไม่เข้าใจจริงๆครับ  :'O  :'O )
แล้วอย่างนี้ จากข้อมูลด้านบน เราจะสรุป/ตีความได้อย่างไรครับ  ผมไม่เข้าใจ ?

คือหากให้ผมวิเคราะห์จากงบดุลน่ะ ผมดูได้ครับ แต่พอมาเป็นการวิเคราะห์ในรูป "กระแสเงินสด" แล้วผม งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ








สุดท้่าย  พอเราจับบวก ลบ ทั้งสามรายการของงบกระแสเงินสดเรียบร้อยแล้ว
เราจะต้องสามารถ "กระทบยอดเงินสด" ให้ตรงกับ "เงินสด" ณ ต้นงวดของไตรมาสใหม่ให้ได้


นั่นคือสิ่งที่ผมเข้าใจคร่าวๆครับ  แต่ผมไม่เข้าใจในข้อ 1. เลยครับ  งงจริงๆ
รบกวนพี่ๆช่วยให้คำอธิบายหน่อยนะครับ  ผมจะได้วิเคราะห์งบกระแสเงินสดได้อย่างสนุกและมีความสุขซักที  

ขอบคุณมากๆครับ

ตัวอย่างที่ผมยกมาเป็นของ PB ครับ  :D

บริษัท เพรซิเดนท์เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)
งบกระแสเงินสด
สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และ 2551

งบการเงินที่แสดง
เงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย
2552 2551
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
กำไรสุทธิก่อนภาษี 444,911 317,987
รายการปรับกระทบยอดกำไรสุทธิก่อนภาษีเป็นเงินสดรับ(จ่าย)
  จากกิจกรรมดำเนินงาน
  ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย 219,489 193,203
  กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (795) (410)
  ส่วนแบ่ง(กำไร)ขาดทุนจากเงินลงทุนในการร่วมค้า (1,568) 62
  หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ(โอนกลับ) 74 (87)
  (กำไร)ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (127) 211
  ดอกเบี้ยรับ (816) (8,400)
  ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 6,429 6,792
กำไรจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงใน
  สินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงาน 667,597 509,358
สินทรัพย์ดำเนินงานลดลง(เพิ่มขึ้น)
  ลูกหนี้การค้า (20,339) (93,133)
  สินค้าคงเหลือ 5,037 (10,222)
  สินทรัพย์หมุนเวียนอื่น (7,774) (2,653)
  สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่น (1) (70)
หนี้สินดำเนินงานเพิ่มขึ้น(ลดลง)
  เจ้าหนี้การค้า (36,947) 91,239
  เจ้าหนี้อื่น 5,579 (2,903)
  หนี้สินหมุนเวียนอื่น 44,011 23,071
  หนี้สินไม่หมุนเวียนอื่น 191 (57)
เงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน 657,354 514,630
  จ่ายดอกเบี้ย (6,429) (6,792)
  จ่ายภาษีเงินได้ (89,704) (64,725)
เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 561,221 443,113

หมายเหตุประกอบงบการเงินเป็นส่วนหนึ่งของงบการเงินนี้


บริษัท เพรซิเดนท์เบเกอรี่ จำกัด (มหาชน)
งบกระแสเงินสด (ต่อ)
สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และ 2551

งบการเงินที่แสดง
เงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย
2552 2551
กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
เงินลงทุนในการร่วมค้า - (5,850)
ซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (582,468) (368,843)
เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 1,060 1,501
เงินจ่ายล่วงหน้าค่าก่อสร้างและค่าซื้อสินทรัพย์ลดลง(เพิ่มขึ้น) 20,196 (1,056)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนเพิ่มขึ้น - (900)
ดอกเบี้ยรับ 816 8,400
เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน (560,396) (366,748)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน
เงินเบิกเกินบัญชีและเงินกู้ยืมระยะสั้นจาก
  สถาบันการเงินเพิ่มขึ้น(ลดลง) 335 (10)
หนี้สินตามสัญญาเช่าการเงินลดลง (32,765) (44,559)
เงินกู้ยืมระยะยาวจากกรรมการเพิ่มขึ้น 16,222 6,496
เงินกู้ยืมระยะยาวจากพนักงานเพิ่มขึ้น 22,805 4,778
เงินปันผลจ่าย (129,150) (161,550)
เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงิน (122,553) (194,845)
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดลดลงสุทธิ (121,728) (118,480)
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดต้นงวด 152,453 359,935
เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดสิ้นงวด 30,725 241,455

คือเห็นว่ายังไม่มีคนเข้ามาตอบก็เลยเข้ามาตอบแบบกร้อมแกร้มไปก่อนนะครับเพราะว่าผมก็ยิ่งไม่เก่งเรื่องดูงบเข้าไปใหญ่ ^^"

ตรงค่าเสื่อมราคานี่สาเหตุที่มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าสมมติบ.ซื้อเครื่องจักรมา1ตัวราคา 10 ล้านบาท เค้าซื้อปุ๊ปเค้าก็จ่ายเงินไปทั้งหมดเลยทั้ง10ล้านบาทนั่นแหล่ะครับ แล้วในปีถัดๆมาแม้จะบันทึกว่ามีค่าเสื่อมราคาแต่มันเหมือนแค่วิธีการที่จะเฉลี่ยราคาค่าเครื่องจักรสมมติตั้งไว้10ปีก็เฉลี่ยเกลี่ยให้เท่าๆกัน10ปี แต่ความจริงของกระแสเงินก็คือไม่มีการจ่ายค่าเสื่อมราคาเป็นตัวเงินในปีนั้นๆหรอกครับ แค่เป็นวิธีการลงบันชีเท่านั้นเอง

ตอบไปตามความรู้อันน้อยนิด หากผิดพลาดอย่างไรรอท่านอื่นๆมาแก้ให้ละกันนะครับ

งบกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจริงจริงมันไว้ใช้ดูที่ไปที่มาของกระแสเงินสดที่ใช้ดำเนินงานน่ะครับ(เพื่อจะได้รู้ว่ามีรายการจ่ายเงินและรับเงินจากรายการใดใดอย่างไรบ้างและกระทบกับกระแสเงินสดหรือไม่อย่างไร ) ดังนั้น จึงต้องบวกรายจ่ายที่ไม่ได้จ่ายเงินสดออกไป และ หักรายได้ที่ไม่ได้รับเงินออกเช่นกันครับ เพื่อแสดงกระแสการไหลเวียนที่แท้จริงของกระแสเงินสดครับ ผิดถูกต้องรอท่านถัดไปนะครับผมเองก็ประสบการณ์น้อยเหมือนกัน เห็นยังไม่มีใครตอบเลยตอบมั่งครับ  :lol:

ก็อย่างที่ก่อนหน้านี้ได้ตอบกันไปแหละครับ ว่ามันใช้ดูการเคลื่อไหวของเงินที่จ่ายออกไป/รับมาจริงในรอบบัญชีนั้นๆ
ซึ่งตัวเลขจากงบกำไรขาดทุนที่เห็นกันนั้นมันยังไม่ใช่เงินสดที่มีการรับเข้า หรือจ่ายออกไปจริงๆในงวดนั้น
ผมขออธิบายในส่วน "กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์" ดังนี้ครับ
ลองนึกภาพนะครับ สมมติเรามีที่ดินที่เราซื้อมา 10ล้านบาท เราขายไปได้ 15ล้านบาท
เราได้กำไร 5 ล้านบาท (15-10) ใช่ไหมครับ
ถามว่าตอนนี้เรามีเงินสดจากการขายที่ดินเพียงแค่ 5ล้านหรือเปล่า?
ไม่เลย เงินสดจริงๆจากการขายที่ดินก็คือเรารับมา 15ล้านบาทใช่ไหมครับ
เพื่อสะท้อนตัวเลขตัวนี้จึงหักเลข 5ล้านบาทออกไป
แล้วจึงนำตัวเลข 15ล้านบาทมาแสดงที่ "กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน "
ซึ่งจะอยู่ในรายการ "เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ "
อย่างในกรณี PB ที่แสดงมานั้น
กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (795)
ตัวเลข 795 ถูกหักออกไป แล้วนำไปแสดงว่าได้รับเงินมาทั้งหมดจริงๆเท่าไหร่ที่
เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 1,060
จากตัวอย่างมันแปลว่า เขาซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ มา (1060 -795) = 265
และขายไปได้กำไร 795 และได้เงินสดมา 1060 ล้านบาทครับ
อีกสาเหตุนึงที่เขาต้องหักออกเพราะเขาต้องการให้รายการนี้ไปแสดงในส่วนของ"กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน "ครับ
เพราะมันไม่ใช่กำไรจากการดำเนินงานปกติครับ
ในทางกลับกันถ้าขายที่ดินแล้วขาดทุน เช่นขาดทุนไป 2ล้านบาท
แปลว่าเราได้เงินสดมา 8 ล้านบาท (10-2)
เราจึงต้องบวกกลับ เงิน 2ล้านบาท เข้าไป แล้วนำไปแสดงที่"กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน "
ซึ่งจะอยู่ในรายการ "เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ "คือ 8 ล้านบาทครับ

อธิบายเพิ่มอีกหน่อยครับในส่วน"กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์"
การบวกกลับ หรือหักออกในส่วนนี้ก็เพื่อที่จะตัดกำไรหรือขาดทุนจากรายการนี้ออกจากกำไรจากการดำเนินงานครับ
แล้วนำมันไปแสดงในส่วนของ"กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน "

ฉะนั้น ถ้าขายแล้วมีกำไร ก็ให้หักออกจากกำไรปกติ
ถ้าขายแล้วขาดทุน ก็ให้บวกกลับเข้าไปในกำไรปกติ

เช่น จากตัวอย่างก่อนหน้านี้ ถ้ากำไรสุทธิก่อนหักภาษี คือ100 ล้าน
ใน 100ล้านนี้ ถ้ามีกำไรจากการขายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 5ล้านบาท
ก็ให้เอา 5ล้านไปหักออกจาก 100ล้านบาท
แสดงว่ากำไรปกติคือ 95 ล้านบาท

5 ล้านก็ไม่ได้หายไปไหนแต่นำไปแสดงใน"เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ " คือ 15 ล้านบาทครับ

ถ้าขาดทุนจากการขายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 2ล้านบาท
ก็ให้เอา 2ล้านไปบวกกลับเข้าไปใน 100ล้านบาท
แสดงว่ากำไรปกติคือ 102 ล้านบาท

ส่วนการขาดทุน 2ล้านบาทซึ่งที่จริงก็คือเราได้รับเงินมา 8 ล้านบาท (10-2)
ก็จะไปแสดงใน"เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ "ครับ

ไม่ทราบว่าทมี่ผมอธิบายไปพอจะทำให้เข้าใจบ้างไหมครับ
เพราะผมเอง ยิ่งอธิบายมากผมก็งงเหมือนกันแฮะ

เป็นความเห็นที่ผมอ่านรอบเดียวแล้วได้แต่เกาหัว (เพราะไม่รู้เรื่อง)   ต้องรวบรวมสมาธิขั้นสูงแล้วกลับมาอ่านอีกครั้ง

กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (795)
ตัวเลข 795 ถูกหักออกไป แล้วนำไปแสดงว่าได้รับเงินมาทั้งหมดจริงๆเท่าไหร่ที่
เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 1,060
จากตัวอย่างมันแปลว่า เขาซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ มา (1060 -795) = 265
และขายไปได้กำไร 795 และได้เงินสดมา 1060 ล้านบาทครับ

ขออธิบายตามความเข้าใจของผมดังนี้นะครับ
สำหรับรายการประเภทนี้ (จำพวกขายที่ดิน หรืออุปกรณ์)
จริงๆเราเริ่มดูที่ กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงุทนก่อน หรือว่า ไปดูที่กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินก่อน
จะเริ่มต้นตรงจุดไหนก็ได้ใช่ไหมครับ เพราะว่ายังไงเราก็เห็นหัวข้อของ "การจำหน่ายที่ดิน/อุปกรณ์" อยู่ดี
แล้วเราค่อยมาดูย้อนหลังก็ได้ ว่าเขาขายไปในราคาที่กำไรหรือขาดทุน (ดูตามที่พี่บอก ผมเข้าใจแล้วครับ)  

เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน 1,060 บาท
กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน (795) บาท
นั่นคือเราซื้อมาในราคา 265 บาท ...................  ตามที่ผมเข้าใจ ไอ้ 265 บาท สุดท้ายมันจะถูกเป็นอีกหนึ่งรายการ ที่รอรวมเป็นเงินสด ปลายงวด ใช่ไหมครับ ?



รบกวนพี่ sathaporne อีกนิด

กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน
เงินลงทุนในการร่วมค้า - (5,850)
ซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (582,468) (368,843)
เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 1,060 1,501
เงินจ่ายล่วงหน้าค่าก่อสร้างและค่าซื้อสินทรัพย์ลดลง(เพิ่มขึ้น) 20,196 (1,056)
สินทรัพย์ไม่มีตัวตนเพิ่มขึ้น - (900)
ดอกเบี้ยรับ 816 8,400
เงินสดสุทธิใช้ไปในกิจกรรมลงทุน (560,396) (366,748)


อย่างเงินสดที่จ่ายไปในการซื้อที่ดิน จำนวน 582,468 บาทนั้น ผมสามารถเข้าใจได้ว่า
จวบจน ณ ถึง Q3/52 นั้น  บริษัทได้จ่ายเงินเพื่อซื้อที่ดินไปทั้งสิ้น 582,468 บาท (มันเป็นจำนวนเงินรวมจนถึง ณ ตอนนั้น ใช่ไหมครับ ?)


แต่ผมไม่เข้าใจ ในส่วนของค่า "เงินจ่ายล่วงหน้าค่าก่อสร้าง"
สำหรับค่านี้คือผมเข้าใจว่าเราจ่ายเงินออกไป  แต่ในฐานะผู้ถือหุ้น เราจะรับรู้ได้ก็ต่อเมื่อ รายการมันแสดงอยู่ในกระแสเงินสด ใช่ไหมครับ ?
(กำลังจะบอกว่า มันเป็นรายการที่ไม่ตายตัว ใช่ไหมครับ ?)


เอาเท่านี้ก่อนครับ  เดี๋ยวจะพาลงงไปทั้งคู่
แต่ถึงตอนนี้ ผมเข้าใจขึ้นเยอะแล้วครับ  ว่าตัวเลขที่เขายกมา มันมีที่มาที่ไป และบางครั้งมันต้องหักล้างกัน
นั่นคือ ต้องดูเป็นรายการๆไป  :D

ขอบคุณครับ รอฟังพี่ต่ออยู่นะครับ

sathaporne เขียน:อธิบายเพิ่มอีกหน่อยครับในส่วน"กำไรจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์"
การบวกกลับ หรือหักออกในส่วนนี้ก็เพื่อที่จะตัดกำไรหรือขาดทุนจากรายการนี้ออกจากกำไรจากการดำเนินงานครับ
แล้วนำมันไปแสดงในส่วนของ"กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน "

ฉะนั้น ถ้าขายแล้วมีกำไร ก็ให้หักออกจากกำไรปกติ
ถ้าขายแล้วขาดทุน ก็ให้บวกกลับเข้าไปในกำไรปกติ

เช่น จากตัวอย่างก่อนหน้านี้ ถ้ากำไรสุทธิก่อนหักภาษี คือ100 ล้าน
ใน 100ล้านนี้ ถ้ามีกำไรจากการขายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 5ล้านบาท
ก็ให้เอา 5ล้านไปหักออกจาก 100ล้านบาท
แสดงว่ากำไรปกติคือ 95 ล้านบาท

5 ล้านก็ไม่ได้หายไปไหนแต่นำไปแสดงใน"เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ " คือ 15 ล้านบาทครับ

ถ้าขาดทุนจากการขายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ 2ล้านบาท
ก็ให้เอา 2ล้านไปบวกกลับเข้าไปใน 100ล้านบาท
แสดงว่ากำไรปกติคือ 102 ล้านบาท

ส่วนการขาดทุน 2ล้านบาทซึ่งที่จริงก็คือเราได้รับเงินมา 8 ล้านบาท (10-2)
ก็จะไปแสดงใน"เงินสดรับจากการจำหน่ายที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ "ครับ

ไม่ทราบว่าทมี่ผมอธิบายไปพอจะทำให้เข้าใจบ้างไหมครับ
เพราะผมเอง ยิ่งอธิบายมากผมก็งงเหมือนกันแฮะ

งงโว้ยยยยยยยยยยยยยยย  :wall:  :wall:  :wall:  :wall:  :wall:  :wall:  :wall:

ขอบคุณมากนะครับพี่  ความเห็นพี่ไม่เปล่าประโยขน์แน่ แต่ตอนนี้สมองผมเบลอ  
เดี๋ยวเอาไว้อาบน้ำสบายๆ สมองปลอดโปร่ง แล้วจะกลับมาอ่านข้อความนี้ใหม่อีกครั้ง  

ตอนนี้ ปวดหัวอย่างแรง (โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย)  :'O

ผมไม่ได้อ่านทั้งหมดในกระทู้นะครับ แต่ขออนุญาตกล่าวสั้นๆ อีกทีว่า

เวลาจ่ายเงินซื้อสินทรัพย์ถาวร เงินก้อนใหญ่ก็จะเป็นขาออกจากกิจการ แสดงอยู่ในกระแสเงินสดส่วนของการลงทุน

เมื่อสินทรัพย์นั้นเริ่มใช้ประโยชน์ มีการตัดค่าเสื่อมราคา มันก็หักไว้แล้วในกำไรสุทธิของงวด จึงแสดงบวกกลับเข้ามา ในกระแสเงินสดส่วนของการดำเนินงาน (มันอาจจะเป็นของสินทรัพย์ตัวเดียว หรือคนละตัวกับที่แสดงในส่วนของการลงทุนในงวดนั้นก็ได้)

แต่ถ้าเป็นเงินจ่ายล่วงหน้า... แบบนี้แสดงว่าจ่ายแล้วเราเป็นเจ้าหนี้คนอื่น เงินที่จ่ายยังไม่ได้ประโยชน์กลับคืนมา มันถึงยังไม่ใช่ค่าใช้จ่าย รายการพวกเงินจ่ายล่วงหน้านี้จึงถูกแสดงในส่วนของกระแสเงินสดส่วนของการลงทุน (เพราะจ่ายไปล่วงหน้าเพื่อหวังประโยชน์แม้จะยังไม่ได้ก็ตาม เป็นการลงทุน)

เมื่อไหร่ที่มันเกิดประโยชน์กับเรา เงินล่วงหน้านี้ก็ถูกตัดไปเป็นค่าใช้จ่าย (อาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด) ซึ่งจะไปหักอยู่ในกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน ส่วนของกระแสเงินสดในการดำเนินงานนั่นเอง

สั้นๆ แบบนี้ไม่รู้จะช่วยอะไรได้นิดหน่อยหรือเปล่านะครับ  

[quote]งงโว้ยยยยยยยยยยยยยยย

ผมไม่สามารถอธิบายได้เพราะยังวิเคราะห์ได้ไม่คล่อง และอ่านที่แต่ละท่านที่หวังดีตอบมาก็งงเช่นเดียวกันกับคุณวินคุง แต่ลองไปอ่านหนังสือ ฉลาดรู้ทางการเงิน (Financial Intelligence) ดูนะครับ ผมว่าเขาอธิบายเรื่องพวกนี้ (บวกเข้า ลบออก ที่ดูแล้วขัดแย้งกับความรู้สึกของคนที่ไม่ใช่นักบัญชี) ได้เข้าใจง่ายๆเลยทีเดียว

งบกระแสเงินสดนั้น เป็นงบที่ใช้เกณฑ์ต่างจากงบดุล งบกำไรขาดทุน

คืองบนี้ใช้เกณฑ์เงินสดในการจัดทำงบ
เกณฑ์เงินสดคือ รับเข้า และ จ่ายออกเงินสด

สิ่งนี้เองที่ ช่วงแรกของงบกระแสเงินสดในกิจกรรมการดำเนิน ต้องบวกและลบ ในส่วนที่บริษัทไม่ได้จ่ายหรือรับเงินสด จริงในส่วนของการดำเนิน
เพื่อดูว่า จริงๆ บริษัทได้รับเงินหรือ จ่ายเงินก่อน

จากนั้นจึงดูว่า บริษัทนี้ ได้รับเงินหรือจ่ายเงินจากกิจการดำเนินงานอะไรบ้าง

ส่วนกิจกรรมการลงทุน อันนี้คือ ซื้อ หรือ รับเงินจากการขายสินทรัพย์ที่ถืออยู่ หรือ ซื้อเข้ามาเป็นสินทรัพย์เพื่อลงทุนต่อไป (อันนี้ถ้าไปใครไปดูงบพวกบริษัทประกันภัย เห็นชัดหน่อย ว่าเพื่อค้ากับเพื่อขายเป็นอย่างไง)

ส่วนกิจกรรมการสรรหา นั้นเกี่ยวข้องกับเรื่อง จ่ายปันผล หาเงินมาหมุนในกิจการทั้งระยะสั้น (กู้จากสถาบันการทางเงินด้วยการเบิกเกินบัญชี /ตั๋วแลกเงินหรืออื่นๆ) กู้ระยะยาว หรือ จ่ายคืนเงินกู้ รับเงินจากการขายหุ้น
พวกนี้อยู่ในกิจกรรมนี้

ตอนท้ายของงบมีหมายเหตนิดหน่อย ลองอ่านดูว่า มีกิจกรรมอะไรเกิดหลังจากงบนี้บ้างหรือเปล่า

ผลสรุปของงบกระแสเงินสดนั้น ไปอยู่ที่บรรทัดแรกของงบดุล คือ เงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสด

ปัญหาของงบกรระแสเงินสดคือ รายการที่ลง ว่าลงผิดกิจกรรม
อันนี้ต้องอ่านอย่างดีๆๆ ถึงเห็น เพราะ โดยทั่วไปจัดกันยากไล่กันไม่ทัน
ไม่เหมือนที่งบดุลที่พอมีอะไรใบ้ได้บ้าง

ส่วนท้ายระวังเรื่องกับดักงบกระแสเงินสดไว้นิดหน่อย
คือ พวก ค้าปลีกที่ กระแสเงินสดกิจกรรมการดำเนินงานติดลบ
ซึ่งที่จริงมันดีเพราะ เอาเงินจาก suppiler มาหมุนในตัวเองก่อน

บ้างคงเห็นมันติดลบก็ไม่เอาแล้ว เพ่นดีกว่า
ซี่งทำให้มันเสียของไปโดยใช่เหตุเลยล่ะ

[quote="winkung"]เป็นความเห็นที่ผมอ่านรอบเดียวแล้วได้แต่เกาหัว (เพราะไม่รู้เรื่อง)

ศึกษาด้วยคนครับ  เพราะงงเหมือนกัน  

sathaporne เขียน:ไม่ทราบว่าทมี่ผมอธิบายไปพอจะทำให้เข้าใจบ้างไหมครับ
เพราะผมเอง ยิ่งอธิบายมากผมก็งงเหมือนกันแฮะ

ขอบคุณพี่ sathaporne มากครับ ถึงแม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็ต้องขอบคุณสำหรับน้ำใจดีๆที่มอบให้กันครับ
เอาเป็นว่า ผมจะทำการบ้านโดยการอ่านงบการเงินล่วงหน้า
เสร็จแล้ว วันงานจิบเบียร์  ผมจะรบกวนให้พี่สอนผมหน่อยสักเล็กน้อย
หวังว่าคงไม่รบกวนจนเกินไปนะครับ  (มัดมือชก)  :lovl:  :lovl:

miracle เขียน:มาตอบให้ล่ะกัน

ขอบคุณพี่ miracle มากๆครับ  จำได้ว่าสมัยแรกๆที่ผมเข้ามาบอร์ดนี้ ก็มีพี่ที่คอยให้คำแนะนำผม
ที่พี่อธิบายมา ทำให้ผมเข้าใจได้ขึ้นเยอะเลยครับ  

winkung เขียน:

ขอบคุณพี่ miracle มากๆครับ

ข้อ 1. กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน
สำหรับข้อนี้ ผมอ่านหนังสือเท่าไหร่ ผมก็ไม่เข้าใจ
ผมไม่เข้าใจว่า เขาใช้หลักเกณฑ์ยังไงว่ารายการนี้ ติดลบ รายการโน้น ติดบวก

ถ้าเงินสดเข้ากระเป๋าเป็น +  ครับ ถ้าเงินสดออกจากกระเป๋าเป็น -


หลักการคือ รายการนี้จะยกยอด "กำไรสุทธิ" ของปลายงวดมา
เสร็จแล้วก็จะตามมาด้วยรายการในงบดุลต่างๆ ว่ามีการเคลื่อนไหวของกระแสเงินสดอย่างไรบ้าง (ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่า?)

งบกระแสเงินสด บอกเงินที่มีอยู่ในมีได้ค่อนข้างชัดเจนครับ ถ้าดูในงบปี จะดูง่ายขึ้น ถ้าดูในงบปีจะเห็นว่า

เงินสดต้นปี + เงินสดที่ได้จากการดำเนินการ ปีนี้  = เงินสดตอนสิ้นปี

เช่น ปีที่แล้วบริษัทมีเงินสดในมือ 100 ล้าน ปีนี้ หาเงินสดได้ 50 ล้าน สิ้นปีนี้เงินสดในมือ ก็จะมี 150 ล้าน

และ เงินสดต้นปีนี้ จะเท่ากับเงินสดตอนสิ้นปีที่แล้ว ( ยกยอดมา )

ขอบคุณ คุณ LittleChicky มากๆครับ  เข้าใจมากขึ้นแล้วครับ  :D

ไม่ทราบว่า คุณ Winkung พอเข้าใจยัง ผมจะอธิบายเพิ่มนิดหน่อยนะครับ เเบบเด็กวิศวะ ต้องอธิบายเเบบ Logic เเบบนี้ครับ

ถ้าเราไปดูงบกำไรขาดทุน มันจะมีกำไรจากการขายที่ดินหรืออุปกรณหรือเครืองจักรใช่ไหมครับ เป็นรายรับ

ดังนั้นกระเเสเงินสดจากการดำเนินงาน ซิ่งเอากำไรสุทธิเป็นตัวตั้ง จึงต้องเอากำไรจากการขายอันนั้นมา ลบออก  เเต่กระเเสเงินสดไหลเข้าจะไปอยู่ ในกิจการการลงทุนครับ ถ้าไม่ลบออกเงินสดจะมากผิดปกติเเละผิดครับ


ส่วนค่าเสื่อม ทำไมต้องบวกกลับที่กระเเสเงินสดจากการดำเนินงาน ก็เหตุผลเดียวกัน คือเราเอาค่าเสื่อมไปเป็นค่าใช้จ่ายเป็นงวดๆ ในงบกำไรขาดทุน
พอเราคิดกระเเสเงินสดจากการดำเนินงาน จึงบวกกลับเข้ามา เพราะในงวดนั้น เราไม่ได้จ่ายเงินสดค่าเสื่อมไปจริงๆ ครับ  เเต่เราจ่ายไปตอนก่อนหน้างวดนี้เเต่ไม่รู้งวดไหน ซึ่งต้องย้อนไปดูจากงบกระเเสเงินสดจากการลงทุน ในการซื้อเครื่องจักรเเละอุปกรณ์ในงวดก่อนๆเอาครับ

พอได้ไหมครับ อธิบายเเบบนี้  

ขอบคุณพี่ Mr.Robot มากครับ  เข้าใจแล้วครับ  :8)
ปล. ตอนนี้ผมกำลังศึกษาเรื่อง DCF อยู่  พึ่งเริ่มต้น
ว่าจะลองนำมาประยุกต์ใช้กับหุ้นที่มีรายได้เติบโตอย่างสม่ำเสมอดู (อย่างเช่น TPAC)
ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า  :roll:
แต่ ............. คาดว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำความเข้าใจได้
ถึงตอนนั้น  หุหุ  

[quote="winkung"]ขอบคุณพี่ Mr.Robot มากครับ

[quote="MrRobot"][quote="winkung"]ขอบคุณพี่ Mr.Robot มากครับ

[quote="Belffet"][quote="MrRobot"][quote="winkung"]ขอบคุณพี่ Mr.Robot มากครับ

[quote="MrRobot"][quote="Belffet"][quote="MrRobot"][quote="winkung"]ขอบคุณพี่ Mr.Robot มากครับ

ตอนนี้มีหนังสือการประเมินมูลค่าหุ้น ของ SET ออกมาครับ 200  บาทเอง ครบทุกวิธีเลย ละเอียดเเละเข้าใจง่ายครับ  ลองไปหามาอ่านครับ

ผม serch ไม่เจอครับ รบกวนขอชื่อหนังสือหรือรหัสหนังสือด้วยครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ชื่อหนังสือ   -  การประเมินมูลค่าตราสารทุน
ISBN: 978-974-8280-91-2

ตามลิ้งข่างล่างนี้ครับ

http://www.setfinmart.com/shop.do?cID=5&pID=145

:lol: