Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เริ่มเล่นไม่นาน เป็นเงินเย็นครับ กันไว้เพื่อหุ้นอย่างเดียว

คือว่าผมไม่ชอบการเล่นเดย์เทรดครับคือเครียดกับการขึ้นลงแบบ...เร้าใจ
เลยตั้งใจจะลงทุนบ้าง แต่ผมดูพวกงบอะไรไม่เป็นเลย
ตอนนี้ผมมีทุนอยู่8แสน แต่ซื้อแบบทะยอยมีแค่2ตัวคือccet  hmpro
ccet .........10,000 หุ้นที่ 3.48
hmpro......9,000 หุ้นที่ 4.44

คือซื้อรอบแรก10%ของพอร์ต  ไม่ซื้อไม่ขายตอนนี้ลงมาเยอะแต่ผมไม่ค่อยเครียด
เหมือนตอนเล่นเดย์เทรด ไม่คิดว่าซื้อผิดจังหว่ะอะไร เพราะซื้อน้อยด้วยแล้วตั้งใจ
ที่จํานวนหุ้นมากกว่า ผมคิดว่าจะซื้ออีกทีเมื่อตอนที่มีสัญญาณดีขึ้น เช่นตัวอย่างนะ
ccet .........30000 หุ้นที่ 2.0 (สมมุติ) จะได้เฉลี่ยมาที่ 40000 หุ้นที่ 2.37
hmpro......30000 หุ้นที่ 3.0 (สมมุติ) จะได้เฉลี่ยมาที่ 40000 หุ้นที่ 3.34

เหลือเงินราวๆห้าแสน คิดจะซื้อเฉลี่ยครั้้งเดียวเท่านั้น
***ถ้าลงอีกคงต้องถือเพราะว่าคงมองภาพผิดจริงๆ***
แต่คิดว่าบ.คงไม่ล้มหายตายจากไป แต่ถ้ากลับเป็นขาขึ้น จะค่อยๆซื้อเพิ่มอีกทีละ10%
เป้าหมายตัวละหนึ่งแสนหุ้น

ผมคิดอย่างนี้ผิดมั้ย หรือว่าตอนนี้เป็นขาลงแน่ๆแล้ว ขายตอนนี้ไปก่อนแล้วค่อย
มารับใหม่สิ ปัญหาคือไม่มีใครรู้ว่าต่ําสุดสูงสุดมันตรงไหน
ตอนนี้ผมเฉยๆนะ ไม่เครียดไม่ค่อยสนราคาเท่าไร เป็นเมื่อก่อน3%ก็คัตทิ้งไปแล้ว



ขอโทษที่อาจจะผิดหลักการการลงทุนระยะยาวไปหลายข้อ
ปัญหาคือตอนนี้ผมใจเย็นผิดเวลามั้ยครับ แล้วหุ้นที่เลือกมากะลงทุนสัก5ปีครบ40พอดี
แล้ว2ตัวนี้เหมาะที่จะลงทุนยาวมั้ย

ขอบคุณครับ

เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณอะไรในนี้ที่ประสพความสําเร็จในการลงทุน
ที่บอกว่าถ้ามั่นใจแล้วซื้อแล้วปิดคอมไปเลยอย่าดูมันจะเครียด
ถ้าหุ้นดีจริงมันจะกลับมาเอง ทีแรกผมทําไม่ได้เกาะหน้าจอแล้วพลาดตลอด ใจไม่แข็ง

จนผมเบื่อแล้วรู้สึกว่าแบบนั้นมันไม่ใช่ เล่นแล้วเครียดเล่นแล้วเหมือนเข้าบ่อน แต่ผมไม่เล่นหุ้นปั่นนะ
แต่เอาจริงๆมันก็ปั่นเกือบทุกตัว ลับลวงพรางเยอะจริงๆตลาดบ้านเรา

ตอนนี้ผมรู้สึกไม่เครียดเท่าไร หลังจากมองหุ้นเป็นการลงทุนระยะยาว แต่ไม่รู้ว่ามาผิดจังหว่ะ
หรือเปล่า555 แต่รู้อยู่อย่างว่าคิดว่าลงทุนแล้วมันสบายใจกว่าเดิมเยอะจริงๆ แม้จะมีคิดๆบ้าง
แต่นอนหลับสนิทกว่าเดิม
ติดตามข่าวตลอดนะเปิดดูราคาตอนเย็นรอบเดียวว่าอยู่ที่เท่าไร แล้วทําอย่างอื่นไป

lolicon เขียน:เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณอะไรในนี้ที่ประสพความสําเร็จในการลงทุน
ที่บอกว่าถ้ามั่นใจแล้วซื้อแล้วปิดคอมไปเลยอย่าดูมันจะเครียด
ถ้าหุ้นดีจริงมันจะกลับมาเอง ทีแรกผมทําไม่ได้เกาะหน้าจอแล้วพลาดตลอด ใจไม่แข็ง

จนผมเบื่อแล้วรู้สึกว่าแบบนั้นมันไม่ใช่ เล่นแล้วเครียดเล่นแล้วเหมือนเข้าบ่อน แต่ผมไม่เล่นหุ้นปั่นนะ
แต่เอาจริงๆมันก็ปั่นเกือบทุกตัว ลับลวงพรางเยอะจริงๆตลาดบ้านเรา

ตอนนี้ผมรู้สึกไม่เครียดเท่าไร หลังจากมองหุ้นเป็นการลงทุนระยะยาว แต่ไม่รู้ว่ามาผิดจังหว่ะ
หรือเปล่า555 แต่รู้อยู่อย่างว่าคิดว่าลงทุนแล้วมันสบายใจกว่าเดิมเยอะจริงๆ แม้จะมีคิดๆบ้าง
แต่นอนหลับสนิทกว่าเดิม
ติดตามข่าวตลอดนะเปิดดูราคาตอนเย็นรอบเดียวว่าอยู่ที่เท่าไร แล้วทําอย่างอื่นไป

ช่วงที่ผมลงทุนในหุ้นใหม่ๆ ก็เป็นครับ
พอร์ตลดแล้วเครียด ...

ลงทุนมาได้สักระยะ พอมีโอกาสได้เรียนรู้การเงินการลงทุน
ก็มีโอกาสเรียนรู้ตัวเองไปด้วย

หุ้นตก ตกที่ตลาด แต่ใจเราอยู่กับตัว ไยต้องไปตกตามหุ้นด้วย
หุ้นก็ส่วนหุ้น เงินก็ส่วนเงิน พวกนี้เป็นของนอกกาย
ตายไปก็เอาไปไม่ได้

ส่วนใจ ก็อยู่ส่วนใจ ถ้ารู้เท่าทันใจของตนเองแล้ว
เวลาหุ้นลง ก็รู้ว่าหุ้นลง เวลาหุ้นขึ้น ก็รับรู้ว่าหุ้นขึ้น
แต่ใจอยู่กับเรา ไม่ต้องไปขึ้นตามหุ้น หรือตกตามหุ้น
ลงทุนด้วยเหตุผล ลงทุนด้วยสติ
ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ทั้งหมดที่จะตอบต่อจากนี้คือคงวามเห็นส่วนตัวนะครับ
หุ้นตัวแรกคือ ccet เป็นหุ้นอีเลกทรคนิคส์ ซึ่งผมไม่ค่อยเข้าใจลึกซึ้ง ว่าบริษัททำกำไรอย่างไร ทำกำไรยั่งยืนไหม และราคาที่เหมาะสมคือเท่าไหร่ ดังนั้นผมไม่ซื้อครับ
ตัวที่สองคือหุ้นhmpro ผมไม่ทราบว่าคุณซื้อเมื่อไร แต่ก่อนถึงราคา สิ่งที่ผมบอกได้เลยคือ ว่าบริษัทนี้เป็นบริษัทที่ดีมากทั้งในแง่กิจการ และการเติบโต ถ้าคุณซื้อตอนก่อนแจกหุ้นปันผล คุณเป็นนักลงทุนที่สุดยอด แต่ถ้าวื้หลังแจกหุ้นปันผล แสดงว่าคุณกล้าซื้อที่ราคา P/e มากกว่า 16 เท่า ซึ่งถือว่าแพงไปนิด แต่ก็ไม่เลวร้ายอะไร สามารถถือต่อได้แต่คราวหน้าควรซื้อหุ้นตัวนี้ที่ราคาถูกกว่านี้ครับ และนี้เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ผมมีเช่นกัน
แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความคิดส่วนตัวของผมที่เพิ่งหัดเล่นไม่นาน สิ่งที่สำคัญสำหรับการลงทุนแบบ vi คือคุณต้องวิเคราะห์เองครับ ค่อยๆเรียนรู้ไปครับ ลงทุนใหม่ๆถ้ายังไม่แน่ใจอย่าเพิ่งลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก ยอมกำไรน้อยดีกว่าขาดทุนครับ หวังว่าคงเป็นประโยชน์นะครับ

แหม ที่พี่ ส.สลึงพูดนี่ มาแนวธรรมมะเลยนะครับ ดีครับ สามารถ apply ได้กับหุ้นได้

สิ่งที่พี่ viหัดคลานพูดนั้นถูกครับ อันดับแรกต้องเข้าใจธุรกิจก่อนอ่ะครับ รายได้มายังไง ตลาดของธุรกิจเป็นไง มันเชื่อมกันหมดน่ะครับ นอกจากนี้บางูธุรกิจมันมี cycle ของมันด้วยน่ะครับ จากนั้นค่อยมาดูตัวเลขในงบการเงินวิเคราะห์อีกทีว่าเป็นไง อนาคตจะไปได้สวยเหรอเปล่า แต่ทั้งนี้ระยะทางเป็นเครื่องพิสูจน์นะครับ ต้องอดทนสูง

ที่สำคัญ เว็บนี้มีมูลค่ามหาศาลมาก ควรใช้เวลาอ่านกระทู้ที่ดีในเว็บนี้บ่อย  ๆนะครับ ช่วยได้เยอะเลย

เริ่มเล่นถ้ายังไม่เข้าใจอะไรมาก แนะนำอย่างนี้เลยครับ

มี 800000
1. ให้ไปซื้ออะไรก็ได้ที่เสียเงินต้นยาก เช่น หุ้นกู้ พันธบัตร cpnrf tfund
2. สมมุติ เราได้ ดอก 5% ปีนึงจะได้ 40000 บาท
3. เลือกหุ้นสามัญที่จะซื้อ เช่นน้องซื้อ hmpro ก็ซื้อเลย
4. ต้นทุนน้อง = 0 จ่ายแต่ค่าคอม
5. เงินต้นไม่เสีย แต่อาจเสียมูลค่าของเงินตามภาวะเงินเฟ้อ

สบายสุดๆ ไม่เครียด สมมุติ 5 ปีได้สักสองเด้ง เอ้า งเินเราจะงอกมา

800000 + 40000x5x3 = 1,400,000 บาท

ทบต้นทบดอกไปเรื่อย รวย เชื่อสิ  

ผมว่าศึกษาก่อนดีกว่าครับ เงินเยอะมาแบบไม่มีคนรู้ก็หมดได้ ถึงจะได้เยอะ

ให้เปรียบคงเหมือน เรือรบแต่ไม่มีหางเสือ

gold saint เขียน:แหม ที่พี่ ส.สลึงพูดนี่ มาแนวธรรมมะเลยนะครับ ดีครับ สามารถ apply ได้กับหุ้นได้...

ความจริง ธรรมะ ใช้ได้กับทุกเรื่องครับ ...

แม้แต่การลงทุนอะไรก็ตาม ถ้าเราใช้ตัณหาเป็นแรงขับ
เช่น เห็นเขาทำได้ปีละ 25 % เราก็อยากทำได้บ้าง หรือ
เมื่อเรามีเงิน 100 ล้าน เราจะเป็นอิสระภาพทางการเงิน ฯลฯ

ชีวิตเราก็จะเหนื่อยครับ เพราะเราพยายามทำให้โลกหนุมรอบๆ ตัวเรา

ส่วนทุกวันนี้ผมพยายามลงทุนด้วยฉันทะครับ
เลิกตั้งเป้าที่ก่อให้เกิดตัณหา แต่ใส่ใจกับคุณค่าของกิจการที่เราลงทุนแทน
ราคาหุ้นลงก็สบายใจ เพราะได้ซื้อของถูก
หรือพอราคาหุ้นขึ้นก็สบายใจ เพราะพอร์ตของเราเติบโต
เหมือนเห็นเด็กเล็กๆ กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่น่ะครับ

ส.สลึง เขียน: ความจริง ธรรมะ ใช้ได้กับทุกเรื่องครับ ...

แม้แต่การลงทุนอะไรก็ตาม ถ้าเราใช้ตัณหาเป็นแรงขับ
เช่น เห็นเขาทำได้ปีละ 25 % เราก็อยากทำได้บ้าง หรือ
เมื่อเรามีเงิน 100 ล้าน เราจะเป็นอิสระภาพทางการเงิน ฯลฯ

ชีวิตเราก็จะเหนื่อยครับ เพราะเราพยายามทำให้โลกหมุนรอบๆ ตัวเรา

ส่วนทุกวันนี้ผมพยายามลงทุนด้วยฉันทะครับเลิกตั้งเป้าที่ก่อให้เกิดตัณหา แต่ใส่ใจกับคุณค่าของกิจการที่เราลงทุนแทน
ราคาหุ้นลงก็สบายใจ เพราะได้ซื้อของถูก
หรือพอราคาหุ้นขึ้นก็สบายใจ เพราะพอร์ตของเราเติบโต
เหมือนเห็นเด็กเล็กๆ กำลังเติบโตเป็นผู้ใหญ่น่ะครับ

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมผมรู้สึกถูกจริตกับการนำเสนอของพี่ ส. สลึง
มากกว่า อ่าน brandage หรือ หนังสือพิมพ์ธุรกิจ  

ตอนเรียนหนังสือ ก็จะกระตือรือร้นที่จะฟัง ปรัชญา/ศาสนา ที่ครูสอดแทรกเข้ามา มากกว่า วิชาหลักที่เรียนอยู่เสียอีก

รู้สึกว่า เมื่อเข้าใจแล้ว  ใจตัวเองมันปรับสภาวะให้สมดุลได้เร็ว  โดยที่
ไม่รู้สึกว่าต้องตรากตรำ ซ้อมทำโจทย์  ซ้อมอ่านหนังสือ เหมือนวิชาอื่นๆ

อะไรที่จำได้ว่า  ทุกครั้งที่คิด ใจเราห่อเหี่ยว  มันก็เหมือนเราจะ switch ข้ามช่องนี้ไปโดยอัตโนมัติอ่ะครับ  

สรุปคือ ตอนนี้รู้สึกแย่น้อยลงกว่าเดือนที่แล้ว  แต่ไม่ถึงกับรู้สึกดีกับตัวเองมากนักครับ

หากไม่รังเกียจ ผมขอ pm ไปหานะครับ พี่ ส. สลึง

ยินดีที่รู้จักนะครับ

พี่ลูกอีสาน ก็อยู่หาดใหญ่ น่าจะไป Join Meeting VI กันนา  :lol:

Voldtrest เขียน:หากไม่รังเกียจ ผมขอ pm ไปหานะครับ พี่ ส. สลึง
ยินดีที่รู้จักนะครับ

แต่ผมมั่วไปเรื่อยๆ :lol:
ยินดีที่รู้จักครับ

ไม่ผิดหรอกครับ แต่ควรจะใฝ่เรียนรู้ และศึกษากิจการที่เราลงทุน
ควรรู้ข้อดีและข้อเสีย แนวโน้มในอนาคต

อ่านหนังสือการลงทุนให้มากๆ หนังสือของ อ นิเวศน์
หนังสือแปลของ ปีเตอร์ ลินซ์
หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนของ วอเรน บัฟเฟต์

ลองไปดูหมวด ร้อยคนร้อยเล่ม List หนังสือ VI

คุณ lolicon ครับ Value Investment ต้องประเิมินมูลค่าหุ้น
เทียบกับราคานะครับ แล้วก็ซื้อเวลาที่มี Magin of Safety
เพียงพอจากราคาที่ประเมินได้ ถ้าจะให้ดีก็น่าจะ 20% ขึ้นไป
ซื้อแล้วถือ ต้องศึกษาดีๆ ทั้งเรื่องธุรกิจ การเงิน บัญชี นี่ต้องรู้
มากพอสมควรที่จะติดตามเข้าใจหุ้นที่เราลงทุน เริ่มต้นที่เงินน้อยๆ
ก่อนดีกว่าครับ อย่าเพิ่งลงเงินทั้งหมดมา ผมว่าลองสัก 10-30%
ของเงินทั้งหมดก่อน ตลาดปีนี้ขึ้นมาเยอะ ผมคิดว่าโชคดีเท่านั้น
ปีหน้านี่ต้องระมัดระวังมากขึ้นครับ