หุ้นเข็นครกลงภูเขา
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 10, 2009 5:45 pm
ไม่เคย post เลยครับแต่เห็นมีคนพูดถึง การซื้อหุ้นที่เป็น Maga trend เป็นเหมือนการซื้อหุ้นที่เข็นครกลงเขา ผมเลยคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้การเข็นครกของเราเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลองอ่านและวิจารณ์ได้นะครับ
****************************************************
หุ้นเข็นครกลงภูเขา
หนึ่งในวิธีการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพของผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบในจำนวนเม็ดเงินเท่า ๆ กันจำนวนหนึ่ง คือการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่เป็นแนวโน้มใหญ่ของการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคต (Mega trend) ซึ่งการลงทุนซื้อหุ้นในกลุ่มนี้บางคนเปรียบเทียบว่าเป็นการซื้อหุ้นแบบเข็นครกลงภูเขา เพราะตัวรูปแบบธุรกิจ (business model) นั้นมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้าเปรียบตัวธุรกิจเป็นครก โดยมีผู้บริหารบริษัทนั้นๆ เป็นผู้ออกแรงเข็นครก การที่ออกแรงเข็นครก (หุ้น) ลงเขานั้น จะสามารถประหยัดแรง ไม่ต้องออกแรงให้มากเหมือนเข็นครกขึ้นเขา ดังนั้นการซื้อหุ้นที่เป็นแนวโน้มของการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคตจึงน่าจะปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวมากกว่าหุ้นที่ไม่ใช้แนวโน้มของอนาคต เช่น กลุ่มตะวันตกดิน (Sunset) ที่นับวันผลดำเนินงานทางธุรกิจมีแต่จะลดน้อยถอยลง ถึงแม้จะมีคนเข็นครกที่เก่ง มีพลังมา แต่ก็ต้องออกแรงมหาศาลในการขึ้นครกเพราะมันมีแต่จะสูงชันไปเรื่อย ๆ ถ้าหมดแรงเมื่อไหร ครกก็จะไหลกลับตกลงสู่ก้นเห็วทันที
อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นกลุ่มที่เป็นแนวโน้มใหญ่ของการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคต (Mega trend)นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องได้กำไรเสมอไป เพราะเราควรต้องทราบถึงระดับความแข็งแกร่งของบริษัทและ ความโปร่งใสของผู้บริหารบริษัทที่เราสนใจด้วย ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบถึงการเข็นครกลงเขา การที่จะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการเข็นครกให้ถึงจุดหมายปลายทาง เราควรต้องพิจารณา ถึงอะไรบ้างก่อนที่จะเริ่มเข็นครกลงเขา
1) การเข็นครกที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องออกแรงตรง ๆ ในทิศทางเดียวกันกับทิศทางลงเขา ถ้าออกแรงเข็นครกในแนวอื่น ๆ เช่น ผลักข้าง ๆ หรือผลักขึ้นเขา แทนที่ครกจะไหลลงอย่างง่าย ๆ กลับต้องเสียเวลา เสียแรง ไปในทิศทางที่ไม่ต้องการ ทิศทางของการออกแรงเข็นครกเปรียบเสมือนบริษัทมีคณะผู้บริหารที่เก่ง มุ่งมั่น มีความโปร่งใส ในการนำพาธุรกิจให้เติบโตในทิศทางที่ต้องการได้เสมอต้นเสมอปลาย
2) วัสดุที่ใช้ทำครกนั้นต้องทำด้วยวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานเพียงพอต่อการกลิ้งไหลลงเขา เวลาเข็นกลิ้งลงเขา อาจจะต้องเจอความสูงชันของเขาต่าง ๆ กัน หรือเจออุปสรรคของเนินหรือหลุมขนาดเล็ก ใหญ่ระหว่างทางตลอดเวลา ครกจะต้องไม่แตกหรือหมดสภาพ ก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางเสียก่อน ความแข็งแกร่งทนทานของครกนั้นเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งของบริษัทในกลุ่มหรือประเภทธุรกิจนั้น ๆ (business model) ถ้าจะให้มั่นใจในความแข็งแกร่ง ควรต้องเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในระดับ 1 หรือ 2 หรือมี brand name ที่แข็งแกร่งไม่ถูก copy หรือล้มหายตายจากไปง่าย ๆ เท่านั้น
3) การเข็นครกให้ดีต้อง ผู้ที่เข็นต้องมีความรู้ ความสามารถของการควบคุมจังหวะการเข็น ไม่เร่งความเร็วจนเหนื่อยตายระหว่างทาง หรือช้าจนคนอื่นเขาแซงไปหมด รู้ว่าจังหวะเวลาว่าช่วงไหนต้องออกแรงมากน้อยต่างกันอย่างไร ช่วงไหนมีอุปสรรคที่เป็นเนินหรือหลุมก็ยังควบคุมครกอยู่ได้ ไม่หลุดมือให้ครกไหลเองอย่างไร้การควบคุม ความรู้ ความสามารถในการเข็นครกนั้นเปรียบเสมือนการที่ผู้บริหารรู้จักใช้ทรัพยากรที่เรียกว่า เงิน เวลา พนักงานของบริษัทอย่างเต็มประสิทธิภาพตามสภาพตลาดหรือการแข่งขันที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ผู้บริหารยังมีความสามารถในการเตรียมพร้อมทรัพยากรต่าง ๆ ได้ก่อนคู่แข่งอยู่เสมอ ๆ
4) ยิ่งสภาพเขาสูงชันมากขึ้นเท่าไหร ครกยิ่งมีเพิ่มอัตราเร่งของหมุนมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าเขามีความชันจนถึง 90องศานั้น จะกลายเป็นสภาวะครกตกลงมาเอง เป็นจุดที่ดูเหมือนว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด แต่จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นจุดที่อันตรานสูงสุดเช่นกัน เพราะครกไร้การควบคุม เมื่อตกถึงพื้นเมื่อไร ก็จะมีแรงกระแทกกลับสูงมาก ครกมีโอกาสที่จะแตก เสียหายได้สูง ในเชิ่งธุรกิจก็คือในสภาวะที่ตลาดขาดแคลนสินค้าและบริการ มีความต้องการสูงมาก จนบริษัทนั้นต้องเพิ่มผลผลิตอย่างรวดเร็วให้ทันกับความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของตลาด ต้องซื้อเครื่องจักร โรงงาน จ้างคนงานอย่างมากและรวดเร็ว จนคุณภาพของผลผลิตและบริการยากที่จะควบคุมให้ได้มาตราฐานเดิมที่เคยเป็น และแล้ววันหนึ่งความต้องการสินค้าและบริการนั้น ๆ ก็อิ่มตัว หายไปอย่างกระทันหัน ทำให้บริษัทนั้นต้องแบกภาระของทุนที่เพราะขึ้นก่อนหน้านี้แต่ไม่มีความต้องการเข้ามา เป็นอันตรายถึงขั้นล้มละลายได้ เพราะยังต้องมีหนี้สินที่ต้องจ่ายจากการซื้อและจ้างจากเครื่องจักร วัตถุดิบ โรงงาน และแรงงานต่าง ๆ สภาวะความสูงชันของภูเขานั้นเปรียบเสมือนสภาวะความต้องการของตลาดในสินค้าและบริการนั้น ๆ บริษัทที่ดี ที่แข็งแกร่งนั้น ควรเติบโดได้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด แต่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดและทำกำไรได้ในระดับสูง ๆ เหนือกว่าคู่แข่งในธุกิจประเภทเดียวกัน (ROE ควรสูงในระดับ 20 ขึ้นไป)
5) เนื่องจากเราเป็นนักลงทุน เราจึงไม่ใช่ผู้เข็นครกเอง (ผู้บริหาร) ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกเชียร์ว่าเราจะอยู่กับครกลูกไหน คนเข็นครกคนไหน เราควรต้องเรียนรู้ ลักษณะภูมิประเทศของเนินเขาที่กำลังจะแข่งขัน ประวัติและผลงานจากครกและผู้เข็นครกในอตีต ซึ่งเราสามารถนำไปใช้คาดการณ์ผลงานของการเข็นครกได้ มีโอกาสทายผลถูกต้องกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลย (ซึ่งอาจจะเดาได้ถูกในบางครั้งเหมือนกัน) เครื่องมือที่ใช้ในการทายผลก็คือผลประกอบการในอดีต (ควรเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี) ประวัติของผู้บริหารที่โปร่งใส ไม่ทำธุรกิจที่เป็นสีเทา
สุดท้ายนั้น การเลือกหุ้นที่เป็น Mega trend หรือหุ้นเข็นครกลงเขานั้น ในช่วง 10-20 ปีต่อจากนี้ น่าจะยังอยู่ในกลุ่มของ Model Trade ทั้งสินค้าบริโภค อุปโภคต่าง ๆ, โรงพยาบาลชั้นนำที่มีลักษณะเป็นเคลือข่ายต่าง ๆ, ร้านอาหารที่เป็นเคลือข่ายที่ยังขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ซึ่งถ้าเราเลือกหุ้นเข็นครกลงเขา ได้ถูกตัว ในราคาที่สมเหตุ สมผล และถือมันไว้อย่างยาวนานเพียงพอแล้ว ผมคิดว่าเรามีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนในระดับที่สูงเลยทีเดียว
****************************************************
หุ้นเข็นครกลงภูเขา
หนึ่งในวิธีการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพของผลตอบแทนสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบในจำนวนเม็ดเงินเท่า ๆ กันจำนวนหนึ่ง คือการลงทุนในกลุ่มหุ้นที่เป็นแนวโน้มใหญ่ของการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคต (Mega trend) ซึ่งการลงทุนซื้อหุ้นในกลุ่มนี้บางคนเปรียบเทียบว่าเป็นการซื้อหุ้นแบบเข็นครกลงภูเขา เพราะตัวรูปแบบธุรกิจ (business model) นั้นมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยตัวมันเองอยู่แล้ว ถ้าเปรียบตัวธุรกิจเป็นครก โดยมีผู้บริหารบริษัทนั้นๆ เป็นผู้ออกแรงเข็นครก การที่ออกแรงเข็นครก (หุ้น) ลงเขานั้น จะสามารถประหยัดแรง ไม่ต้องออกแรงให้มากเหมือนเข็นครกขึ้นเขา ดังนั้นการซื้อหุ้นที่เป็นแนวโน้มของการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคตจึงน่าจะปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวมากกว่าหุ้นที่ไม่ใช้แนวโน้มของอนาคต เช่น กลุ่มตะวันตกดิน (Sunset) ที่นับวันผลดำเนินงานทางธุรกิจมีแต่จะลดน้อยถอยลง ถึงแม้จะมีคนเข็นครกที่เก่ง มีพลังมา แต่ก็ต้องออกแรงมหาศาลในการขึ้นครกเพราะมันมีแต่จะสูงชันไปเรื่อย ๆ ถ้าหมดแรงเมื่อไหร ครกก็จะไหลกลับตกลงสู่ก้นเห็วทันที
อย่างไรก็ตามการซื้อหุ้นกลุ่มที่เป็นแนวโน้มใหญ่ของการใช้ชีวิตของผู้คนในอนาคต (Mega trend)นี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องได้กำไรเสมอไป เพราะเราควรต้องทราบถึงระดับความแข็งแกร่งของบริษัทและ ความโปร่งใสของผู้บริหารบริษัทที่เราสนใจด้วย ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบถึงการเข็นครกลงเขา การที่จะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของการเข็นครกให้ถึงจุดหมายปลายทาง เราควรต้องพิจารณา ถึงอะไรบ้างก่อนที่จะเริ่มเข็นครกลงเขา
1) การเข็นครกที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำเป็นต้องออกแรงตรง ๆ ในทิศทางเดียวกันกับทิศทางลงเขา ถ้าออกแรงเข็นครกในแนวอื่น ๆ เช่น ผลักข้าง ๆ หรือผลักขึ้นเขา แทนที่ครกจะไหลลงอย่างง่าย ๆ กลับต้องเสียเวลา เสียแรง ไปในทิศทางที่ไม่ต้องการ ทิศทางของการออกแรงเข็นครกเปรียบเสมือนบริษัทมีคณะผู้บริหารที่เก่ง มุ่งมั่น มีความโปร่งใส ในการนำพาธุรกิจให้เติบโตในทิศทางที่ต้องการได้เสมอต้นเสมอปลาย
2) วัสดุที่ใช้ทำครกนั้นต้องทำด้วยวัสดุที่แข็งแกร่งทนทานเพียงพอต่อการกลิ้งไหลลงเขา เวลาเข็นกลิ้งลงเขา อาจจะต้องเจอความสูงชันของเขาต่าง ๆ กัน หรือเจออุปสรรคของเนินหรือหลุมขนาดเล็ก ใหญ่ระหว่างทางตลอดเวลา ครกจะต้องไม่แตกหรือหมดสภาพ ก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางเสียก่อน ความแข็งแกร่งทนทานของครกนั้นเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งของบริษัทในกลุ่มหรือประเภทธุรกิจนั้น ๆ (business model) ถ้าจะให้มั่นใจในความแข็งแกร่ง ควรต้องเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำในระดับ 1 หรือ 2 หรือมี brand name ที่แข็งแกร่งไม่ถูก copy หรือล้มหายตายจากไปง่าย ๆ เท่านั้น
3) การเข็นครกให้ดีต้อง ผู้ที่เข็นต้องมีความรู้ ความสามารถของการควบคุมจังหวะการเข็น ไม่เร่งความเร็วจนเหนื่อยตายระหว่างทาง หรือช้าจนคนอื่นเขาแซงไปหมด รู้ว่าจังหวะเวลาว่าช่วงไหนต้องออกแรงมากน้อยต่างกันอย่างไร ช่วงไหนมีอุปสรรคที่เป็นเนินหรือหลุมก็ยังควบคุมครกอยู่ได้ ไม่หลุดมือให้ครกไหลเองอย่างไร้การควบคุม ความรู้ ความสามารถในการเข็นครกนั้นเปรียบเสมือนการที่ผู้บริหารรู้จักใช้ทรัพยากรที่เรียกว่า เงิน เวลา พนักงานของบริษัทอย่างเต็มประสิทธิภาพตามสภาพตลาดหรือการแข่งขันที่เป็นอยู่ นอกจากนี้ผู้บริหารยังมีความสามารถในการเตรียมพร้อมทรัพยากรต่าง ๆ ได้ก่อนคู่แข่งอยู่เสมอ ๆ
4) ยิ่งสภาพเขาสูงชันมากขึ้นเท่าไหร ครกยิ่งมีเพิ่มอัตราเร่งของหมุนมากขึ้นเท่านั้น แต่ถ้าเขามีความชันจนถึง 90องศานั้น จะกลายเป็นสภาวะครกตกลงมาเอง เป็นจุดที่ดูเหมือนว่ามีประสิทธิภาพสูงสุด แต่จริง ๆ แล้วน่าจะเป็นจุดที่อันตรานสูงสุดเช่นกัน เพราะครกไร้การควบคุม เมื่อตกถึงพื้นเมื่อไร ก็จะมีแรงกระแทกกลับสูงมาก ครกมีโอกาสที่จะแตก เสียหายได้สูง ในเชิ่งธุรกิจก็คือในสภาวะที่ตลาดขาดแคลนสินค้าและบริการ มีความต้องการสูงมาก จนบริษัทนั้นต้องเพิ่มผลผลิตอย่างรวดเร็วให้ทันกับความต้องการที่ไม่สิ้นสุดของตลาด ต้องซื้อเครื่องจักร โรงงาน จ้างคนงานอย่างมากและรวดเร็ว จนคุณภาพของผลผลิตและบริการยากที่จะควบคุมให้ได้มาตราฐานเดิมที่เคยเป็น และแล้ววันหนึ่งความต้องการสินค้าและบริการนั้น ๆ ก็อิ่มตัว หายไปอย่างกระทันหัน ทำให้บริษัทนั้นต้องแบกภาระของทุนที่เพราะขึ้นก่อนหน้านี้แต่ไม่มีความต้องการเข้ามา เป็นอันตรายถึงขั้นล้มละลายได้ เพราะยังต้องมีหนี้สินที่ต้องจ่ายจากการซื้อและจ้างจากเครื่องจักร วัตถุดิบ โรงงาน และแรงงานต่าง ๆ สภาวะความสูงชันของภูเขานั้นเปรียบเสมือนสภาวะความต้องการของตลาดในสินค้าและบริการนั้น ๆ บริษัทที่ดี ที่แข็งแกร่งนั้น ควรเติบโดได้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด แต่สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดและทำกำไรได้ในระดับสูง ๆ เหนือกว่าคู่แข่งในธุกิจประเภทเดียวกัน (ROE ควรสูงในระดับ 20 ขึ้นไป)
5) เนื่องจากเราเป็นนักลงทุน เราจึงไม่ใช่ผู้เข็นครกเอง (ผู้บริหาร) ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกเชียร์ว่าเราจะอยู่กับครกลูกไหน คนเข็นครกคนไหน เราควรต้องเรียนรู้ ลักษณะภูมิประเทศของเนินเขาที่กำลังจะแข่งขัน ประวัติและผลงานจากครกและผู้เข็นครกในอตีต ซึ่งเราสามารถนำไปใช้คาดการณ์ผลงานของการเข็นครกได้ มีโอกาสทายผลถูกต้องกว่าคนที่ไม่รู้อะไรเลย (ซึ่งอาจจะเดาได้ถูกในบางครั้งเหมือนกัน) เครื่องมือที่ใช้ในการทายผลก็คือผลประกอบการในอดีต (ควรเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี) ประวัติของผู้บริหารที่โปร่งใส ไม่ทำธุรกิจที่เป็นสีเทา
สุดท้ายนั้น การเลือกหุ้นที่เป็น Mega trend หรือหุ้นเข็นครกลงเขานั้น ในช่วง 10-20 ปีต่อจากนี้ น่าจะยังอยู่ในกลุ่มของ Model Trade ทั้งสินค้าบริโภค อุปโภคต่าง ๆ, โรงพยาบาลชั้นนำที่มีลักษณะเป็นเคลือข่ายต่าง ๆ, ร้านอาหารที่เป็นเคลือข่ายที่ยังขยายตัวในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ซึ่งถ้าเราเลือกหุ้นเข็นครกลงเขา ได้ถูกตัว ในราคาที่สมเหตุ สมผล และถือมันไว้อย่างยาวนานเพียงพอแล้ว ผมคิดว่าเรามีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนในระดับที่สูงเลยทีเดียว