Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ไม่ทราบว่ามีหนังสือพิมพ์ออกมาขายหรือยัง
(จะได้ซื้อมาอ่าน)

หากยังไม่มีหนังสือขาย
ขอทุกท่านให้แนวคิด

มีครับ ของ Jim Rogers

หนังสือชื่อ "a gift to my children"

ผมซื้อมาจาก Asia book แต่เป็นภาษาอังกฤษนะครับ

ไม่ได้รู้สึกว่าอยากให้ลูกเป็นนักลงทุนครับ แต่ถ้าเป็นได้ก็ดี
ที่อยากให้เป็นคืออยากให้มีวินัยทางการเงิน รู้จักใช้เงิน รู้จักหาเงิน
กล้าพูด กล้าแสดงออก แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ

ลูกชายพี่เรียนชั้นไหนแล้วครับ ตอนนี้กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยหรือเปล่า

ผมว่าจำเป็นที่สุดคือภาษาอังกฤษครับ ฟังพูดอ่านเขียนได้ดีนั้นทำให้เรียนรู้อะไรๆได้ดีขึ้นกว้างขวางขึ้น จำได้ว่าพี่เคยส่งไปซัมเมอร์ต่างประเทศ เห็นด้วยมากๆ

เพราะว่า หนังสือที่จะแนะนำ เป็นหนังสือสอนการลงทุนสำหรับวัยรุ่นชื่อ Learn to Earn โดย Peter Lynch ครับ ไม่น่าจะมีใครแปลเป็นไทย เขียนอ่านง่าย แต่เนื้อหาบางส่วนอาจจะเยิ่นเย้อไปหน่อย

เอ็นปีนี้แล้วครับ

คงเลือกคณะไม่ทันแล้วครับ(เพราะเลือกเรียบร้อยแล้ว)
เลยขอฟังความเห็น
ของนักลงทุน  รุ่นใหม่  รุ่นเก่า  
หรือนักลงทุนกลางใหม่กลางเก่า

มีแนวคิดกับ การวางแนวทางชีวิต  
ในอนาคต  อย่างไรที่ดีที่สุด

ผมว่าโลกในยุคปัจจุบันเป็นยุคทองของการลงทุนนะครับ
บิลเกตและบัฟเฟตต์ ต่างก็รวยจากหุ้นนะครับ

ผมว่า Little Book That Beat the Market นี่ก็ดีนะครับ
คนเขียนเค้าตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อให้สอนลูกตัวเอง ภาษาเข้าใจง่ายดี

กระทู้นี้น่าสนใจ อยากให้ผู้มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟังมากกว่า

ผมเองก็อยากให้ลูกรู้จักการลงทุน แต่ไม่ได้อยากให้เป็นนักลงทุน (มันเร็วไป) ผมเองก็พยายามเล่าเรื่องในตลาดหุ้น ธุรกิจ การตลาดให้ลูกฟัง (ผมไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจ)

คิดอยากให้เงินลูกสักเล็กๆน้อยๆไปเปิดพอร์ตเอง มีคำแนะนำมั้ยครับว่าอายุเท่าไหร่จึงจะเหมาะสม

ตอนแรกผมซื้อพ่อรวยสอนลูกให้เขาอ่านเขาไม่แตะเลย
     ผมเลยต้องอ่านซะเอง...ฮ่า...
     ผมเป็นนักอ่านหนังสือๆเต็มชั้นไปหมดทุกแนว
     ไม่เห็นเขาหยิบหนังสือของผมไม่ว่าเกี่ยวกับการลงทุนหรือไม่เกี่ยวอ่านซะเล่มนึง
     อือม..จะว่าเขาไม่สนใจอ่านหนังสือจริงๆก็ไม่ได้
     เขาซื้อหนังสือของวินทร์เลียววารินทร์อ่าน
     ไปงานก็ซื้อโน่นนี่มาบ้างเหมือนกันแต่ไม่มาก
     เขาเรียนวิศวะจะจบแล้ว
     ผมว่าเรียนโทอะไรต่อดี
     เขาว่าอยากเรียนอีโคโนมิค
     อยากได้ภาษาอังกฤษเก่งๆ

     อีค่อนเหรอ
     ผมมีหนังสือของเฮียนรินทร์ โอฬารกิจอนันต์ทุกเล่ม
     ก็เลยยกให้เขาดู...ลองคนนี้มั๊ย
     พ่อรับประกันว่าเจ๋งและอ่านไม่ยากนัก
     เขายอมอ่านครับ เห็นหนีบไปมหาลัย หนีบขึ้นห้องนอนอ่าน
     ผมว่าดี๊ดีละครับ หนังสือของท่านแม่ทัพนี้
     โชคดีของเขาที่เขาก็ชอบด้วยเหมือนกัน
     ได้อะไรเยอะละครับแ่น่นอน
     ส่วนตัวผมเห็นว่าอีค่อนนี่แหละ
     ปลูกฝังพื้นฐานแน่นปึ๊กเลยสำหรับการลงทุน
     ส่วนตัวผมรบทัพจับศึกกับคนไม่เก่ง
     สร้างกิจการยาก
     ลงทุนเล่นหุ้นอย่างนี้แหละเหมาะกับจริตผมนัก
     ส่วนตัวเขาก็ต้องแล้วแต่เขาละครับ
     

     เฮียมาตั้งกระทู้นี้ผมเลยได้อีกหลายเล่มเชียว

ตอนไปงาน ตลาดนัดลงทุน 5 ธันวาคม
ได้ยินว่าอาจารย์ ไพบูลย์ จะเปิดหลักสูตร การสอนลูกลงทุน จะทำอย่างไรดี
แต่ตอนนี้ยังไม่กำหนดว่าจะสอนเมือ่ไหร่ ตอนนี้ก็ลองกับลูกๆไปก่อนและมีดึงลูก ดร.นิเวศน์
เขาด้วย  ส่วนกำหนดการอาจารย์บอกว่าเดี่ยวถ้าพร้อมจะแจ้งอีกครั้ง  

[quote="RONNAPUM"]ตอนไปงาน ตลาดนัดลงทุน 5 ธันวาคม
ได้ยินว่าอาจารย์ ไพบูลย์ จะเปิดหลักสูตร การสอนลูกลงทุน จะทำอย่างไรดี
แต่ตอนนี้ยังไม่กำหนดว่าจะสอนเมือ่ไหร่ ตอนนี้ก็ลองกับลูกๆไปก่อนและมีดึงลูก ดร.นิเวศน์
เขาด้วย

I think the most important is motivation.The motivation has two types the first one is internal motivation and the second one is external motivation.If the children have the first one it is very easy to persuade.If the children have not internal motivation parent should persuade by creating need.Demonstrate the important of investment which can change life.Initiate investment by reading simple invesment book,obseving investment opportunity in daily life activity,trying invest with amall amount of money.The sucessful strategy  is continuing, the need eventually will happend.

มีใครอ่าน "ครอบครัวตึ๋งหนืด" มั้ยครับ

เห็นเด็กๆที่บ้านอ่านแล้วติดกันงอมแงม

พี่ปรัชญาครับ ส่วนตัวชง ตอนนี้สอนเขาเรื่องแนวคิดให้เขารู้จักคุณค่าของสิ่งต่างๆรอบตัวเขาเป็นพื้นฐานก่อนครับ และถ้าตามแผนปีหน้าจะเริ่มให้เขาเลือกหุ้นในพอร์ตเขาเองโดยเราใส่เข้าไปให้เป็นเงินเก็บเขาเดือนละ1-2หมื่นบาท โดยให้เขาเลือกหุ้นจากความรู้สึกชอบในตัวธุรกิจนั้นๆเป็นที่ตั้ง และชงจะคอยบอกแต่พื้นฐานคร่าวๆ เช่นบอกค่าPEโดยแปลงเป็นผลตอบแทนที่จะได้ ให้เขาตัดสินใจเอง โดยเราเป็นพี่เลี้ยงให้ข้อมูลพื้นฐาน โดยจะไม่ตัดสินใจให้....เพียงแต่จะสอนแนวคิดที่สำคัญๆ....ชงคิดว่าภายใน10ปีนี้ เขาจบมหาลัยพอดี น่าจะเป็นนักลงทุนที่พอเอาตัวรอดได้ครับ

ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่านะครับ  ท่านเซียนหุ้นทั้งหลาย

ลูกผมยังอายุค่อนข้างน้อย 10 ขวบ แนวคิดของผมคือ เริ่มสอนให้เค้ารู้จักการออม โดยการให้เก็บเงินค่าขนมส่วนหนึ่งใส่กระปุก สอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน ผมเชื่อว่าต่อไปต้องสอนให้เด็กมีความฉลาดทางการเงินครับ รู้จักหา รู้จักใช้ รู้จักออม และรู้จักให้งอกเงยเพิ่ม อนาคตไม่ว่าเค้าจะเรียนอะไร ทำงานอะไร ความฉลาดทางการเงินจะทำให้เค้าอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก

ผมคิดว่าสมัยนี้โชคดีมาก ๆที่มีหนังสือดี ๆอ่านสำหรับเด็กตั้งแต่เด็กเล็ก ถึงเด็กโต ทั้งเรื่องเศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ความรู้รอบตัว ผมคิดว่าการค่อย ๆป้อนความรู้ตั้งแต่ยังเด็กไปเรื่อย ๆจนโตจะทำให้เค้าสามารถเป็นนักลงทุนที่ดีได้

moneytalk daily ก่อนปิดฉากเปลี่ยนไปเป็น moneytalk weekly
จะมีตอน สอนลูกลงทุน
ผมจะแจ้งวันอีกทีนะครับ

ผมว่าสิ่งที่พ่อทำคงได้แค่แนะนำ
ส่วนลูกจะเดินทางไหน ก็ต้องให้เขาเลือกทางที่เขาถนัดเอง

ลูก ๆ ทุกคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเอง
ใครที่ไม่เข้าใจคำนี้ ผมว่าทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีใครมีความสุขครับ

ผมมองในมุมมองของเด็ก

ผมว่าควรจะสอนโดยปลูกฝังไปเรื่อยๆ ทำให้เขาเห็น ทำให้เขารู้ เมื่อเขาสนใจทุกอย่างก็จะดีเอง

ไม่ควรกำหนดแนวทางของเด็กอย่างเคร่งคัด อย่าตีกรอบให้ลูก ข้อนี้ถือว่าสำคัญมาก

ค่อยๆสอน ค่อยๆทำ แล้วทุกอย่างก็จะดีเองครับผม

ลูกผมยังเพิ่ง 2 ขวบ อีกคนจะคลอดเดือน กพ
ก่อนมีลูกผมก็ตั้งใจอยากให้เค้าเป็นนักลงทุน
ตอนนี้ คิดได้ว่า เราสอนเค้าและแนะนำให้ดีที่สุด
แต่จะไม่คาดหวัง วาดความฝัน สร้างกรอบ
สุดท้ายให้เค้าตัดสินใจเองจะไม่บังคับ
เพราะพอมองดูตัวผมเองแล้ว โดนพ่อแม่คาดหวัง
ทำตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ คือ กลายเป็นเรียนเพื่อให้พ่อแม่ได้คุยอวด

ผมจบปริญญามาหลายใบ แต่กลายเป็น ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักจะทำงานอะไร มีความสุขกับอะไร นอกจาก เรียนเพื่อให้พ่อแม่มีความสุข

แล้วก็กลับมาทำธุรกิจที่บ้านแบบซังกะตาย จนค้นใจตัวเองได้ว่า
ชอบเป็นนักลงทุน ถึงค่อยรู้สึกมีความสุขขึ้นมา

ก่อนหน้านั้น เวลาไปดูดนตรีเล่นดนตรี เห็นเค้าเล่นอย่างมีความสุข ทั้งๆเค้ากำลังทำงานอยู่ ก็รู้สึกยินดีกับเค้าจังได้ทำงานที่ตัวเองรัก ไม่เหมือนเราหาตัวเองไม่เจอ

การลงทุน  ผมมองว่าไม่ใช่แค่การหามาได้เท่าไหร่  แต่รวมไปถึงการจ่ายออกไปอีกด้วย

เหมือนกับว่าคนหนึ่งคนหาเงินเก่งมากใช้เก่ง  แปปเดียวก็หมด แต่อีกคนอาจหาได้น้อยกว่า แต่เก็บได้เก่งกว่า

 :D  :D

ปล. อีกนานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนเลยครับกว่าผมจะมีลูก อิอิ  ตอนนี้ 24 อ่ะครับแอบมาฟังความคิดเห็นพี่ๆๆครับ

^
^
^
ว่าง่ายๆว่า  หยุดรายจ่ายก็คือเพิ่มรายได้ครับ  นั่งเรียบเรียงคำพูดตั้งนาน ^_^

vivitawin เขียน:ลูกผมยังเพิ่ง 2 ขวบ อีกคนจะคลอดเดือน กพ
ก่อนมีลูกผมก็ตั้งใจอยากให้เค้าเป็นนักลงทุน
ตอนนี้ คิดได้ว่า เราสอนเค้าและแนะนำให้ดีที่สุด
แต่จะไม่คาดหวัง วาดความฝัน สร้างกรอบ
สุดท้ายให้เค้าตัดสินใจเองจะไม่บังคับ
เพราะพอมองดูตัวผมเองแล้ว โดนพ่อแม่คาดหวัง
ทำตามสิ่งที่พ่อแม่ต้องการ คือ กลายเป็นเรียนเพื่อให้พ่อแม่ได้คุยอวด

ผมจบปริญญามาหลายใบ แต่กลายเป็น ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักจะทำงานอะไร มีความสุขกับอะไร นอกจาก เรียนเพื่อให้พ่อแม่มีความสุข

แล้วก็กลับมาทำธุรกิจที่บ้านแบบซังกะตาย จนค้นใจตัวเองได้ว่า
ชอบเป็นนักลงทุน ถึงค่อยรู้สึกมีความสุขขึ้นมา

ก่อนหน้านั้น เวลาไปดูดนตรีเล่นดนตรี เห็นเค้าเล่นอย่างมีความสุข ทั้งๆเค้ากำลังทำงานอยู่ ก็รู้สึกยินดีกับเค้าจังได้ทำงานที่ตัวเองรัก ไม่เหมือนเราหาตัวเองไม่เจอ

                                         

ผมแนะนำหนังสือ

The richest man in Babylon
(มีแปลเป็นภาษาไทยแล้ว)

ประเด็นที่น่าสนใจในหนังสือ คือ การทำงานให้มีความสุขและการรู้จักเก็บเงินออมครับ

vivitawin เขียน: ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักจะทำงานอะไร มีความสุขกับอะไร นอกจาก เรียนเพื่อให้พ่อแม่มีความสุข

แล้วก็กลับมาทำธุรกิจที่บ้านแบบซังกะตาย จนค้นใจตัวเองได้ว่า
ชอบเป็นนักลงทุน ถึงค่อยรู้สึกมีความสุขขึ้นมา

ก่อนหน้านั้น เวลาไปดูดนตรีเล่นดนตรี เห็นเค้าเล่นอย่างมีความสุข ทั้งๆเค้ากำลังทำงานอยู่ ก็รู้สึกยินดีกับเค้าจังได้ทำงานที่ตัวเองรัก ไม่เหมือนเราหาตัวเองไม่เจอ

ย่อหน้าสุดท้าย  อารมณ์เดียวกันเลยครับ พี่  ผมไปฟัง pop fest ที่โคราชมา
เมื่อต้นเดือนนี้  รู้สึกดีไปกับความสุขของศิลปิน  
งานของศิลปิน คือ การทำให้ผู้ชมเข้าถึงอรรถรสของดนตรีที่เขาแสดง ก่อให้เกิดความสนุก  เมื่อได้เห็นผู้ชมสนุก  ศิลปินก็มีความสุขตามมานั่นเอง

เรื่องราวของพี่ กับของผม เกือบจะทาบกันได้สนิท  

ต่างกันตรงที่  พ่อแม่ผมไม่เคยคาดหวังว่าต้องเรียนอะไร  แต่ก็ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ไม่ค่อยพาไปลองอะไรใหม่ๆ ในช่วงวัยเด็ก

ต่างกันตรงที่  ผมไม่มีแฟน 555+  ก็เพราะไม่เคยถามตัวเองว่าชอบผู้หญิง
แบบไหน  และก็มัวแต่คิดว่า ตัวเองไม่ดี ไม่คู่ควรกับใคร

ทั้งหลายทั้งปวงนี่  ผมมองว่า สาเหตุหลักเกิดจากตัวผมเอง

ที่แน่ๆ คือ ไม่กล้าคิด ไม่กล้าฝัน ไม่กล้าถามใจตัวเองว่าอยากทำอะไรกันแน่ๆ และก็ไม่เคยวางแผนที่จะทำอะไรมากกว่า เรียนให้เกรดสูงๆ เพื่อให้ได้การยอมรับจากคนรอบข้าง (ที่ไม่เคยได้รับตอนเด็กมากๆ) เพื่อให้ได้ทุนการศึกษาทุกปี (ชอบเก็บตังค์ตั้งแต่เด็ก)  

ไม่มีใครได้/เสียไปหมดทุกอย่าง  อย่างผม ชินกับการเก็บตังค์ตั้งแต่เด็ก  จนมองว่าการเก็บตังค์ 70 % ของรายได้ เป็นเรื่องปกติ และยังคงเป็นกิจกรรมที่
สนุกที่สุด 5 อันดับแรก

ในขณะที่ผมเองก็พลาดโอกาสที่จะลองอะไรใหม่ๆ หลายอย่าง เพราะไม่ได้
ออกไปกิจกรรมนอกบ้าน  ทำให้ต้องพึ่งพาการอ่านค่อนข้างมาก
กว่าจะได้ออกผจญภัยก็ ตอนที่ทำงานต่างจังหวัดนี่เอง  

ตอนนี้ ส่วนใหญ่ผมทำตามใจตัวเอง อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  
อะไรที่ผมไม่อยากทำ หากเลี่ยงได้  ก็จะไม่ฝืนใจตัวเอง
อยากรู้อะไร  ก็ลุยกับมันไปเลย  ไม่ต้องเสียใจกับวันเวลาเก่าๆที่เอาคืนไม่ได้

INVEST FIRST  INVESTIGATE LATER  นะครับ ทุกคน

รูปที่พี่ปรัชญา Post เอาไว้เป็นรูปเดียวกับที่ติดฝาบ้านผมตั้งแต่เกิดเลยครับ...คิดถึงพ่อจัง

ผมว่านะสอนเขาเขาจะชอบหรือไม่ก็ปล่อยเขา
สนับสนุนเขา ให้เขาทำในสิ่งที่เขารักดีกว่าครับ
เขาอยู่ต่อไปได้อย่างมีความสุข เมือเราไม่อยู่ น่าจะเป็นสิ่งที่เราต้องการมากกว่านะครับ

เด็ก17ขอแจมครับ

การตูนให้ความรู้เกี่ยวกับการออมและเศรษฐศาสตร์

ชุดครอบครัวตึ๋งหนืด

http://www.se-ed.com/eShop/Search/Searc ... ctType=All

สุดป่วนก้วนกระเป๋าตุง

http://www.se-ed.com/eshop/Search/Searc ... ctType=All

ถ้าลูกพี่เข้ามหาลัยน่าจะเป็นคนที่โตพอที่จะมีความคิดแล้วถ้าเป้นผม ผมจะเรียกมานั่งคุยเลยครับ ว่าเป้าหมายในชีวิตเขาคืออะไรคนเราควรจะมีเป้าหมายที่ที่ชัดเจนครับ ถ้าไม่มีชีวิตมันจะกวัดแว่งน่าเสียดายเวลาครับ....ซึ่งผมว่าเป้าหมายของคนส่วนใหญ่ก็น่าจะหนีไม่พ้น มีความสุข ทำงานที่รัก มีอิสรภาพทางการเงิน ซึ่งเงินสามารถทำให้เรามีทุกอย่างได้ครับ(แม้นในเรื่องความสุขมันจะไม่ช่วย100% แต่อย่างน้อยก็กว่า80%แหละครับอิอิ)
      ผมจะสอนว่าคนเรามีมืออยู่สองมือ...มือขวาเพื่อหาเงินทำงานประจำหรืออะไรก็ได้ที่เรียกว่างานออกแรงแลกกับเงิน พอเรามีเงินแล้วเราก็ย้ายเงินนั้นมาที่มือซ้ายแล้วบริหารมันอย่างเช่นการลงทุนในหุ้นอิอิ
     พี่น่าจะเปิดพอร์ทให้ลูกของเทรดเล่นๆดูนะครับซัก1-2หมื่นก็ได้ครับขำๆ แต่สิ่งที่เน้นคือเราจะดูกำไรขาดทุนกันเป็น%เท่านั้น แล้วพี่ก็อาจเล่นแข่งกับลูกพี่น่าจะช่วยสายสัมพันครอบครัวมีมากขึ้นด้วยนะครับ555+