หน้า 1 จากทั้งหมด 1
อยากทราบเรื่องราวของ บง.เอกธนกิจ (Fin1) ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 21, 2009 12:15 am
โดย Prelude
พอดีเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีคนรู้จักพูดถึง บง.เอกธนกิจ หรือ Fin-1
ผมก็เลยอยากรู้จัก (คล้ายๆกับอยากรู้จักอาณาจักร อินคา ประมาณนั้นครับ)
ลองหาประวัติใน Internet ก็เจอแต่ข่าว ร่องรอยความยิ่งใหญ่ในอดีต
แล้วก็ข้อมูลการล้มละลาย รวมถึงถูกฟ้องร้องของผู้บริหาร
รวมถึงข่าวความขัดแย้งกับเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับหึ่ง จนถูกลงข่าว Discredit อย่างต่อเนื่องจากหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ส่งผลให้ผู้คนแห่กันไปถอนเงินจนขาดสภาพคล่องแล้วล้มละลาย
จึงอยากทราบเรื่องราวต่างๆของบริษัทนี้ ทั้งแง่ + และ -
ถ้าบริษัทนี้สามารถผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายตอนค่าเงินบาทลอยตัวได้ ทุกวันนี้จะยิ่งใหญ่ได้ประมาณหุ้นตัวไหนในปัจจุบันครับ (หรือจะราคา 1 สตางค์อย่างหุ้นบางตัวปัจจุบัน)
และทุกวันนี้ คุณปิ่น จักกะพาก อยู่ในสถานะไหน และอยู่ที่ใดครับ
ขอบคุณครับ
อยากทราบเรื่องราวของ บง.เอกธนกิจ (Fin1) ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 21, 2009 2:36 pm
โดย leksmile
มันนานมาแล้วนะครับ ถ้าผิดถูกอะไรก็แย้งได้นะครับ
ตอนนั้น fin1 คือ บง. โดยถือหุ้นใน s-one บล.(ตอนนี้คือ KGI) สมัยนั้น Research ของ S-one ถือว่ามีคุณภาพมาก มี แล้ว fin1 ก็ค่อยๆเพิ่มทุนเเอาเงินไปซื้อกิจการต่างๆแล้วดันเข้าตลาดหุ้น เพื่อสร้างมูลค้าให้ fin1 จำไม่ได้ล่ะมีบริษัทอะไรบ้าง เอกธนา , One Holding ...
พอมีปัญหาก็ล้มเป็นลูกโซ่....
อยากทราบเรื่องราวของ บง.เอกธนกิจ (Fin1) ครับ
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 21, 2009 8:08 pm
โดย chatchai
King of Pin คิดว่าปัจจุบันคงพำนักอยู่ที่ประเทศอังกฤษครับ
ยุคสมัยนั้น คุณปิ่นเป็นนักการเงินที่ยิ่งใหญ่มาก มีความฝันที่จะเป็นเจ้าของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งก็เกือบจะได้เป็นเจ้าของธนาคารเอเชียในอดีต
ถ้าไม่ล้มซะก่อน ก็คงได้เป็นเจ้าของธนาคารพาณิชย์ของไทยซักแห่งแน่ๆ
อยากทราบเรื่องราวของ บง.เอกธนกิจ (Fin1) ครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 23, 2009 8:24 am
โดย Prelude
ขอบคุณครับ :D
อยากทราบเรื่องราวของ บง.เอกธนกิจ (Fin1) ครับ
โพสต์แล้ว: พุธ ธ.ค. 23, 2009 7:04 pm
โดย LittleChicky
ผมอ่านเจอในหนังสือ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเล่นหุ้นให้รวย เห็นเล่มนี้มีบรรยายเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของตลาดหุ้นไทยตั้งแต่เริ่มก่อตั้งยันปัจจุบันเลยซื้อกลับมาอ่าน
หน้า 96-99 จะมีกล่าวถึงบริษัทเอกธนกิจ ไปยืนอ่านเอาในร้าน SE-ED ก็ได้แค่ 4 หน้าเอง ถ้าจะให้ดีก็อุดหนุนเค้าหน่อย :lol:
http://www.se-ed.com/eshop/Products/Det ... 9742126179
รวมๆก็คือ เอกธนกิจเงินทุนหลักทรัพย์ยังเป็นบริษัทโฮลดิ้ง ไล่เทคโอเวอร์บริษัทในตลาดหุ้นทั้งในธุรกิจเดียวกันและไม่เกี่ยว ในช่วงนั้น ตลาดหุ้นกำลังบูมเป็นฟองสบู่ ทำให้หุ้นที่เทคโอเวอร์มามีราคาในตลาดสูงขึ้นมาก ทำให้ FIN-1ได้กำไร(ทางบัญชีเยอะ) ทำให้คนซื้อหุ้นFIN-1 แห่กันมาไล่ราคา จนเจอวิกฤตปี 40+ลดค่าเงินบาทเข้าไปบริษัทที่เทคมา ส่วนใหญ่มีปัญหาบวกกับการซื้อขายหลักทรัพย์เงียบเหงา FIN-1 สุดท้ายก็ไปไม่รอด
แถมอีก 2 อัน
http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=6505
http://www.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=4309
อยากทราบเรื่องราวของ บง.เอกธนกิจ (Fin1) ครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ธ.ค. 24, 2009 4:59 pm
โดย anakinnet
ผมเกิดไม่ทัน.. แต่ผ่านไปเห็นกระทู้ของพี่ IH เลยเอามาแปะให้นะครับ
ถ้าจะไม่พูด ถึงเลยคงไม่ได้คือ หุ้นไฟแนนซ์ เป็นสุดยอดหุ้น blue chip สมัยนั้นไม่ว่าจะเป็น FIN1 DS CMIC NFS p/e ก็ 30-50 เท่าตลอด และคงไม่มีใครที่เล่นหุ้นช่วงนั้นจะไม่เคยมีหุ้น finance เหล่านี้อยู่ในพอร์ต อย่างน้อยต้องมีไม่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ดังนั้นใครที่ท่องหลักการว่า “ ไม่ขาย ไม่ขาดทุน ” ขอให้ดูประวัติศาสตร์ดีๆ ด้วยครับ
สมัยนั้นหุ้น Fin1 นั้นกลุ่มเค้ามีหลายตัว ถ้าเป็นหลักทรัพย์ก็มี Fin1 S-one FAS ซึ่งถือหุ้นโดย ONE ซึ่งอยู่กลุ่มสิ่งทอ ทำเหมือนเป็น holding company หุ้นกลุ่มนี้ติด top active อยู่เป็นประจำต่อเนื่อง ถ้าไม่ล้มไปก่อนไม่ทราบจะเหมือน Berkshire รึเปล่านะครับ ช่วงซักปี 37-38 ก็เล่นข่าวกันว่า Fin1 จะ takeover ธ. ไทยทนุ แล้วยกระดับเป็นธนาคาร แต่ตอนปี 39 เริ่มมีปัญหา ก็มีข่าวว่า ธ. ไทยทนุ จะไปช่วยเหลือ Fin1 กลับตาลปัตรภายในเวลาอันรวดเร็ว
หุ้นธนาคาร ช่วงนั้นเหมือนโดนรัศมีหุ้น finance กลบไปเยอะครับ หุ้นธนาคารที่เหมือนจะ hot สุดคงจะหนีไม่พ้น BBC หรือ ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการครับ ถ้าตอนนี้หุ้นแขกเป็นที่นิยม ตอนนั้นเค้าก็เล่นหุ้นแขกกันเหมือนกันครับ แต่แขกที่ว่านั้นคือ ราเกซ สักเสนา ครับ แต่ใครถือหุ้นแขกก็อย่าตกใจครับมันคงจะต่างกันครับ หุ้นธนาคารเล็กๆ หลายแห่งเช่น BMB LTB นครธน สหธนาคาร ไทยทนุ IFCT ปัจจุบันถูกลดทุนเหลือ 1 สต. ไปรวมกับอะไรต่ออะไรไปเสียหมดแล้วครับ จริงๆ แล้วสัญลักษณ์ของ ธ. กรุงเทพพาณิชยการนั้นคือ สตางค์แดง เค้าเลยเรียกว่าแบงค์สตางค์แดง เหมือนคนคิดสัญญลักษณ์นั้นมี six sense ว่าท้ายสุดแล้วมันจะเหลือ 1 สตางค์จริงๆ ครับ
เรื่องเพิ่มทุนของหุ้นในตลาดทำกันเป็นว่าเล่น ตอนนั้นไม่ต้องเพิ่มทุนบวกวอร์แรนท์ให้เมื่อย แค่ประกาศเพิ่มทุนหุ้นก็วิ่งทั้งก่อนและหลังประกาศแล้ว XR เสร็จหุ้นก็วิ่งต่อ ยิ่งอัตราเพิ่มทุน “ สวย ” เท่าไหร่หุ้นยิ่งวิ่งแรง คำว่า “ สวย ” สมัยนั้นกับสมัยนี้ไม่เหมือนกันแน่นอนครับ สวยสมัยนั้นต้องประมาณ 1: 2 หรือ 1: 3 ผมไม่ได้เขียนสลับนะครับ 1 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นใหม่ ถ้าขืนเพิ่มแบบเขียมๆ แบบปัจจุบันประเภท 2: 1 หรือ 3: 1 หุ้นไม่วิ่งหรอกครับ ยุคสมัยเปลี่ยนไป คำว่าสวยก็เปลี่ยนไปครับ ผมดูภาพวาด Impressionist ของยุโรปสมัยศตวรรษที่ 18 ผู้หญิงสวยๆ ของเค้าต้องอ้วนๆ หน่อยมีพุง สมัยนี้ต้องผอมบางถ้าไปอยู่ยุคอดีตเค้าคงคิดว่าเป็นโรค ดังนั้นเวลาเปลี่ยน อะไรๆ ก็เปลี่ยน ผู้หญิงคนไหนที่ตัวใหญ่หน่อยก็มองโลกในแง่ดีครับว่าเราเกิดช้าไปแค่ 200 ปีเอง
http://bbznet.pukpik.com/scripts3/view. ... r=numtopic