Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

อาจจะไม่ถูกห้องซักทีเดียว แต่ขออนุญาตนะครับ

บังเอิญช่วงนี้ว่างบ่อยๆ ได้มานั่งเฝ้าจอบ้างเป็นพักๆ เห็นหุ้นหลายๆตัวโดยเฉพาะที่การซื้อขายน้อยๆ พวกที่วันนึงมีการซื้อขายไม่กี่สิบ deals บางทีเหมือนจะเจอเหมือนจะมีบางคนจงใจคอยเคาะขวาทีละ 100 หุ้นเพื่อที่พยายามทำให้หุ้น (เข้าใจว่าถืออยู่เอง) มีราคาเป็นบวก และทำทุกครั้งเมื่อราคาเป็นลบ บางทีช่อง Bid กับ Offer ต่างกันมากๆ เพราะว่าสภาพคล่องไม่ดี ก็จะเห็นหุ้นกระพริบไปๆมาๆระหว่าง -0.06 อีกไม่เกินห้านาทีก็จะเห็นกลายเป็น +0.10 เพราะคนเคาะขวาร้อยหุ้นนี่แหละครับ

แล้วก็ตอนเปิดตอนปิด วันสองวันนี้ก็เห็นหลายที (ขออนุญาตไม่บอกว่าตัวไหน) แต่อันนี้เคยโดนกับตัวเองด้วย คือพยายามไปชุลมุน"ซื้อ"ตามเพื่อที่จะให้ราคาเกินที่เขา match  กันไปซักร้อยหุ้น อย่างสมมติมีคน ATC มา 15000 สมมติว่าเราก็ตั้งซื้อ ATC 14000 คนอื่นๆซื้อที่ราคาต่ำลงซักช่องนึง 200 ต่ำอีกช่อง 700 (ถ้าปิดไปเลยก็จะได้ราคาถูกไปสามช่อง) พอใกล้ๆจะปิดจริง จะมีมือดีใส่ Bid เข้ามาอีกพอดีที่ 200 ที่ช่องลบสอง ทำให้ทุกคนต้องซื้อแพงไปช่องนึงเพราะว่าตาคนนี้อยากให้หุ้นปิดสูงขึ้นอีกช่องนึง ที่คิดอย่างนี้ เพราะว่าถ้าเขาอยากได้หุ้นจริงๆ น่าจะใส่ขึ้นไปสูงขึ้นอีกช่องนึง ก็จะได้หุ้นไปครบ 200 หุ้น ไม่ใช่พยายามทำราคา บางทีตั้งซื้อไปต้องมานั่ง cancel เพราะว่าหมั่นไส้คนพยายามทำราคาปิด ทำให้หลังๆผมไม่ค่อยได้ซื้อปิด ขี้เกียจเล่นเกมเดา

สงสัยครับ ถึงในใจผม อยากจะให้หุ้นมันปิดสูงๆทุกวันจะได้รวยๆ แต่การมาแหย่ๆ ให้ปิดสูงขึ้นช่องนึง สองช่องนี่ มันจะมีประโยชน์อะไรหรือครับ ในใจตัวเองก็รู้ว่าราคามันเท่าไรก่อนที่จะซื้อ 100 หุ้นนั้น  หรือว่าเขาคิดว่าทำแบบนี้แล้วทำให้ผลประกอบการณ์ดีขึ้น ราคาสูงขึ้น หุ้นน่าซื้อขึ้น ในอนาคตหุ้นขายได้ราคาขึ้น ไม่ค่อยเข้าใจ บางทีทำให้ผมสงสัยตัวเองเหมือนกันว่านี่เราอยู่ในตลาดลงทุน หรือทั้งหมดนี้มันเป็นแค่เกมแบบนึงกันแน่

เขียนไปเขียนมาชักฟังสำนวนตัวเองเหมือนพันทิพแฮะ

น่าจะย้ายไปห้องนั่งเล่นมากกว่านะครับ

ตักเตือนโบรก-ลูกค้า คีย์ N-PARK 100 หุ้น
ตลาดเตือนโบรกเกอร์ไม่ให้ลูกค้าส่งออร์เดอร์แตกย่อย
( 30 มิถุนายน 2554 )

นายศักรินทร์ ร่วมรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานตรวจสอบ ตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า
ตลาดหลักทรัพย์ได้ตรวจสอบรายการซื้อขายหุ้นบริษัท แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อขาย
(ออร์เดอร์) เข้ามารายการละ 100 หุ้น จำนวนหลายร้อยรายการนับรวมหุ้นกว่า 9 หมื่นหุ้น ซึ่งผลตรวจ
สอบพบว่าเป็นออร์เดอร์ที่ส่งจากลูกค้าอินเทอร์เน็ต ถือเป็นรายการที่ไม่เหมาะสม และได้ตักเตือน
โบรกเกอร์ไปแล้ว ไม่ให้ส่งรายการลักษณะนี้อีก ซึ่งโบรกเกอร์รับปากแล้วว่าจะไม่ทำอีก

สำหรับผม ไม่รู้สึกอะไรกับพวกนี้ครับ เพราะมันไม่ได้ส่งผลถึงพื้นฐานครับ การซื้อของเขาอาจเป็นผลทางจิตวิทยาให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น แล้วการที่เขาใส่ bid มาืำทำให้ราคาเปลี่ยนก็ไม่ได้มีความผิดอะไรนี่ครับ ถ้ามีคนคิดว่า 1 ช่องที่เปลี่ยนไปนั้นทำให้ แพง!! ก็ถอดออกได้นี่ครับ ^^

อย่าสนใจกับราคาระยะสั้นเลยดีกว่าครับ ถ้าไม่ติดตามทุกวันอาจจะไม่เห็นพวกนี้ให้รำคาญตาก็ได้ครับ

อาจจะมีพวกแมงเม่าซัก100คน พยายามเป็น VI
เพราะเค้าเข้าใจว่าเป็น VI ต้อง 100คน100หุ้น รึเปล่า

พี่นิวเข้าใจคิดนะครับ


Like

<< New >> เขียน:อาจจะมีพวกแมงเม่าซัก100คน พยายามเป็น VI
เพราะเค้าเข้าใจว่าเป็น VI ต้อง 100คน100หุ้น รึเปล่า

ผมเจอแต่ห้าสิบหุ้นอ่ะครับ

ร้อยหุ้นก้เจอบ่อย


บ้านปู

เบื่อเหมือนกันพวกเทรดทีละร้อยหุ้นครับ

หุ้นมาม่า ก่อนแตกพาร์ก้เทรดทีละร้อยสองร้อย


ทำไมเทรดกันน้อยนัก

เป็นธรรมชาติของตลาด

แต่บางทีสวนกันด้วย
มันมีเคาะร้อยหุ้น สองร้อยหุ้น ให้ราคาลงด้วย พวกกดราคาเพื่อซื้อของถูก มีเกลื่อนไปหมดตลาด

ชาวบ้านเขากำลังให้ราคากันอีกราคาหนึ่ง โวลลุมหนาตึบ ต่อรองประมูลราคาแบบยุติธรรม พี่ท่านโผล่มาแค่ร้อยหุ้น ยิงถี่ๆ ทำเขาเสียหายหมด เข้าข่ายทำราคากันอย่างชัดเจน
เคยเห็นออกคำเตือนมาผ่านโบรคฯ แต่ก็นานแล้ว ไม่เคยตรวจสอบจริงๆจังซักที ยังไม่เห็นตลท. จัดการแต่อย่างใด
มีทุกวันที่ตลาดเปิดทำการ


ส่วนเรื่องกระทู้นี้ ผมว่าคุยกันได้นะแล้วคุยอย่างจริงจังด้วย ไม่ได้คุยเล่น มันไม่ใช่เรื่อง value investment ก็จริง แต่ที่เราคุยกัน เพราะมันสวนทางกับเรา เราลงทุนแนวทาง value investment ไม่สนับสนุนให้เกิดเช่นนั้น แล้วมันยังสร้างความเสียหายกับเราด้วย

ถ้าคนจะ panic จากภาวะเศรษฐกิจการเมือง แล้วเทขาย หรือตื่นข่าวดีแล้วไล่ซื้อ นั่นก็เป็นเรื่องธรรมชาติตลาด เมื่อคนแย่งกันซื้อหรือแย่งกันขายเพราะเห็นอนาคตจะรุ่งหรือจะร่วง แต่คนเดียวร้อยหุ้นนี่ เจตนาชี้นำตลาด ไม่ให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ หรือยิ่งพวกตั้งราคาผิดธรรมชาติไม่กี่ร้อยหุ้นมา บัง Bid Offer ให้เพี้ยนไปตอน ATO ATC เราควรวิจาณ์ได้ ในเมื่อมันกระทบเรา เราวิจารณ์เพราะไม่สนับสนุนให้ใครทำ เพราะเราอยากซื้อขายเป็นไปในกฎระเบียบที่แฟร์ และไม่มีการเบียดบังคนอื่น บางวันตลาดเขียว กิจการดี แต่หุ้นที่ดีหลายตัวกลับตก เพราะคนกดราคา และไล่ราคาพวกนี้ ต้องเรียกว่าเกิดความเสียหายจริงๆ กับผู้ถือหุ้น

เพราะพวกไล่ราคา ก็คือเจตนาทำให้ราคาขึ้น แล้วก็ไปปล่อยเสร็จแล้วหุ้นก็ร่วง ทำบ่อยๆ แทนที่หุ้นสะท้อนไปตามผลประกอบการจริงอย่างที่เราต้องการ มันกลับไม่โตจริืง เพราะมีคนคอยทุบดักซื้อ แล้วดักปล่อยหลอกล่อแบบทฤษฎีเกม มีคนได้ ต้องมีคนเสีย

ในเมื่อเราซื้อขายอย่างซื่อตรง และเราเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นนั้นแล้วมีคนมาทำให้ราคากิจการที่เราลงทุนเราผิดธรรมชาติ เวลาเราซื้อขายในตลาดเราทำตรงไปตรงมา เราเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคมตลาดทุน เราเสียค่าธรรมเนียมในตลาดอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบเมื่อเราซื้อขาย เราควรมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์การเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งทำให้เราเสียหาย

วันนี้ก็เจอ singer 100 หุ้น 4.10 ได้มั้ง 400 ไม่รู้เขาจะตั้งใจทำอะไรกัน

LRH ก็โดน 100 หุ้นเช่นกัน หุ้นไม่มีสภาพคล่องกองทุนไม่ถือ แล้วจะเคาะไปทำไม งง

ไม่เห็นต้องสนใจ กฎกติกาว่าไงก็ว่าไปตามนั้น

กฎว่าซื้อได้lotละร้อยหุ้น เค้าอยากtrade ร้อยหุ้น ผมก็ไม่เห็นว่าคนที่จะ trade ร้อยหุ้นจะผิดตรงไหน ไม่ว่าเค้าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม

เคาะ 100 หุ้นไม่เป็นไร

แต่อย่าเคาะ 100 หุ้นในวันเดียวกันจนมันรวมเป็นพัน เป็น หมื่น เท่านั้นเอง

ปล.เพิ่งเคาะไปวันนี้ 100 หุ้น เพราะอนากได้เอกสาร มาอ่าน ตอนปิดสมุด ถือยาวปีหน้าเลย

คงซื้อตัวอื่นแล้วตังค์เหลือครับ ผมซื้อหุ้นตัวใหญ่ซื้อทีละ board lot ก็ยังเหลือตังค์เป็นพันก็มาเคาะหุ้นตัวเล็กๆในพอร์ตจนตังค์หมด จะได้คุ้มค่าคอมครับ

บทความนี้ คงไม่เกี่ยวกันโดยตรง
แต่อาจเป็นคำตอบได้ว่า "ไอ้พวกไม้ละ 1,000 หุ้น ที่เรียงต่อกันยาวๆ มันมาได้ยังไงอ่ะนะขอรับ"
กับบทความเรื่อง "การซ่อนออเดอร์ และเทคนิคการส่งคำสั่งแบบ partial publish"
v
v
=======================================================

การซ่อนออร์เดอร์ จิตวิทยามวลชนในการไล่แขก

โลกยุคอินเตอร์เน็ต ทำให้ทุกวันนี้ ทุกท่านมีข้อมูลการลงทุน ทั้งทางด้านปัจจัยพื้นฐาน และ ทางด้านการวิเคราะห์กราฟ เกือบจะเสมอภาคเท่าเทียมกัน ผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือ รายใหญ่ จึงต้องใช้จิตวิทยามวลชน เข้ามากดดัน ให้รายย่อยพลาดพลั้ง ทำการซื้อหรือขาย ตามที่เขาต้องการ ด้วยวิธีการต่างๆนานา

ด้วยเหตุนี้ กลยุทธ์ในการรับมือกับรายใหญ่ จึงเป็นสิ่งที่จะแยกรายย่อยผู้ชนะ ให้โดดเด่นขึ้นมา ท่ามกลางมวลชน

ซื้อแล้วลง ขายแล้วขึ้น เป็นเรื่องปกติที่ผิดพลาดกันได้ครับ แต่ความผิดพลาดนั้น สามารถทำให้ลดน้อยลงไปได้ ด้วยความช่างสังเกต และรู้จักการซื้อตามเมื่อหุ้นนั้นผ่านแนวต้านไปได้ด้วย volume outperform แน่นอนล่ะ บางทีก็ต้องซื้อที่ราคาแพงกว่าที่ขายไป ….. ก็มันผ่านแนวต้านมาได้อย่างมั่นคงแล้วนี่ครับ กว่าจะไปชนแนวต้านถัดไปก็อีกยาวไกล

ในการจะกวาดซื้อหุ้นมันต้องใช้เงิน ถ้าตลอดทางของการไล่ซื้อหุ้นขึ้นไป รายใหญ่โดนพวก net settlement พวกตีหัวเข้าบ้าน พวกจับเสือมือเปล่า หรือ พวกที่มีต้นทุนต่ำ ขายใส่ตลอดทาง มันจะทำให้เงินหมดซะก่อน อย่างนี้ จึงต้องไล่แขกออกไปให้หมด เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค ในการวิ่ง

การไล่แขก และ การตั้งซ่อนออร์เดอร์ เพื่อหลอกซื้อของจากแขก มักจะใช้ในช่วงที่ราคาอยู่ที่แนวรับ จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่พอดี ซึ่งตรงจุดนี้ ผู้ที่มีต้นทุนต่ำ มักจะยอมขายทิ้งลงมา ก่อนที่ราคาจะหลุดแนวรับลงไป หรือไม่ก็มักจะใช้ในช่วงที่ราคาหุ้นอยู่ที่แนวต้านพอดี ให้เราลุ้นเล่นว่าจะ breakout ผ่านขึ้นไปได้หรือไม่ พอเราเห็นว่า มันคงไปไม่ไหวแล้ว เราก็จะขายลงมาให้เขาที่จ่อๆ รอซื้ออยู่แล้ว จากนั้นไม่นาน เขาก็จะลากผ่านแนวต้านขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ใครกล้าตาม

แหม ชักแม่น้ำทั้งห้า ฮวงโห แยงซี มิซซิปซิปปี้ เจ้าพระยา และ แม่น้ำไนล์ตั้งนาน กว่าจะเข้าเรื่องได้ …… ไปเลยแล้วกัน การเล่นจิตวิทยามวลชน ด้วยวิธี Partial Publish ซึ่งใช้กันแพร่หลายทั้งในหุ้น Large Cap. & หุ้น Small Cap.

หากรายใหญ่ต้องการให้มวลชนขายลงมา เขาก็จะขนหุ้นมาวางขายที่ฝั่ง offer หนาๆ แล้วตั้ง bid น้อยๆให้เราหวาดเสียวเล่น หรือไม่ก็ใช้ กลวิธี “ทุบให้อ๊วก” ตามแต่ความซาดิสต์ที่มีในจิตใจ หารู้ไม่ ว่านั่นบาปกรรม

แต่เมื่อราคาไหลหรือดิ่งลงไป ณ ใกล้แนวรับแล้ว และในหลายกรณี เลือกที่จะเล่นสงครามจิตวิทยากันที่แนวต้านซะด้วย เพื่อให้คนถอดใจขายของลงมา …………. โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา 20 ก.ค. เห็นหลายตัวเลย ที่เล่นกันที่แนวต้าน …… รายใหญ่เหล่านั้นก็จะสั่งตั้งซื้อแบบซ่อนออร์เดอร์ ที่ฝั่ง bid ด้วยการตั้งซื้อหุ้นจำนวนมาก แต่ใช้คำสั่ง partial publish ทีละน้อยๆ เช่น สั่ง bid ซื้อหุ้นช่องละ 1 ล้านหุ้น แต่ให้เห็นทีละ 40,000 หุ้น

แหม พอเราเห็นฝั่ง offer หนาๆ ขนาดหลายล้านหุ้นขวางอยู่ ขณะที่ bid เหลือแค่ 40,000 หุ้น เราก็รีบขายซิครับ ก่อนที่ราคานั้นจะมีคนชิงขายลงมาก่อน แต่มันก็น่าแปลก พอเราขายลงมา 40,000 หุ้น มันก็โผล่ขึ้นมาอัตโนมัติที่ฝั่ง bid อีก 40,000 หุ้น พอเราขายอีก 40,000 หุ้น มันก็โผล่เข้ามาอีก 40,000 หุ้น พอเราขายอีก 80,000 หุ้น มันก็โผล่เข้ามาอีก 40,000 หุ้น 2 ครั้ง ติดกัน พอเราหยุดขาย มันก็ยังคงรอเราที่ฝั่ง bid อีก 40,000 หุ้น แบบไม่สะทกสะท้านแรงขาย

คำถามคือ หากเป็นท่านเอง ท่านต้องการจะขายหุ้น 2-3 ล้านหุ้น ท่านจะเอามาวางโชว์ที่ฝั่ง offer ไหมครับ ถ้าท่านแสดงให้คนอื่นเห็นว่าท่านอยากขาย 2-3 ล้านหุ้น แล้วใครจะไปเคาะซื้อล่ะครับ

และ ใครกันหนอ จะรับซื้อที่ฝั่ง bid ได้ไม่อั้นขนาดนั้น ใครขายมาเท่าไหร่ รับซื้อหมดเลย แสดงว่า คนที่รับซื้อไม่อั้นคนนั้น เขาต้องมั่นใจสูงเลยใช่ไหมครับว่าราคาจะวิ่งแน่ เพราะถ้าเป็นคนปกติ เขาไม่ซื้อหรอก ถ้าแรงขายยังขายทิ้งลงมาเรื่อยๆแบบนี้ …… สรุป คนนั้นผิดปกติ หรือไม่ก็เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้กำหนดราคา

ถ้าท่านเห็นแบบนี้ ต้องหยุดขาย หรือ หาจังหวะซื้อคืนแล้วนะครับ พลาดแล้วล่ะ เขากำลังตั้งโต๊ะซื้อของอยู่ และเมื่อไม่มีใครขายลงมาให้แล้ว อีกไม่นาน เขาจะกวาดรวบขึ้นไปอย่างรวดเร็ว……. ต้องซื้อคืนแล้วครับ ยิ่งผ่านแนวต้านไปได้ ยิ่งต้องซื้อตามเลย เพราะมันกำลังจะวิ่งไปที่แนวต้านถัดไปอย่างรวดเร็ว

พอวิธีนี้ เริ่มมีคนสังเกตเห็น รายใหญ่เลยพัฒนาวิธีใหม่ ด้วยการ ย้าย partial publish มาที่ฝั่ง offer ซะงั้น พร้อมๆกับ ทยอยตั้งรับ ที่ฝั่ง bid ด้วย จากนั้น ก็เคาะซื้อของตัวเองไปเรื่อยๆ ที่ฝั่ง offer เพื่อให้ใครๆเห็นว่า นี่เป็น partial publish นะ มีออร์เดอร์ซ่อนขายที่ฝั่ง offer นะ น่ากลัวนะ กลัวอ่ะปล่าว

พอเขาเคาะซื้อที่เขาตั้ง offer ไว้เองที่อีกโบรกเกอร์หนึ่ง จำนวน 100,000 หุ้น โห partial publish ไหลมาให้เห็น 20 รายการๆละ 5,000 หุ้น เลยแหะ อีกสักพัก เขาก็เคาะซื้ออีก 200,000 หุ้น partial publish ก็จะโชว์ให้เห็นมา 40 รายการๆละ 5,000 หุ้น …….. เหมือนๆจะขู่เราว่า ว่าไง ว่าไง กลัวไหม มีออร์เดอร์ซ่อนขายอยู่นะ

พอเราเห็นว่า เคาะซื้อฝั่ง offer เท่าไหร่ก็ไม่หมดซะที แถมซ่อนออร์เดอร์ซะด้วย ด้วยความรู้เท่าทัน เราก็จะขายโครมลงมาที่ฝั่ง bid แป่ววววว ……. แหะๆๆ เสร็จเขาเลยล่ะครับ เขาได้ของไปแล้ว ………. พอฝั่ง bid จะหมด เขาก็เติม bid อีก ขายมาเท่าไหร่ ฝั่ง bid ก็ไม่หมดซะที ไอ้ที่เราขายไปแล้ว นั่งรอทั้งวัน ยังไม่ได้ซื้อคืนเลย

คำถามคือ หากเป็นท่านเอง ท่านต้องการจะซื้อหุ้นจำนวนมาก ท่านเห็นว่า ฝั่ง offer หนาขนาดนั้น เคาะไม่ผ่านสักที ท่านจำเป็นจะต้องรีบตั้ง bid จ่อซื้อประชิดตัวซะขนาดนี้ไหมครับ ทำไมฝั่ง offer ไม่ผ่าน แต่ฝั่ง bid ก็ไม่หลุดล่ะ ถ้าไม่มีคนตั้งโต๊ะรอซื้อไม่อั้นที่ฝั่ง bid?

ถ้าเราหมั่นสังเกต จนตามกลิ่นเงินเจอ การเกาะเงินของเขาขึ้นไปขอส่วนแบ่งกำไรด้วย ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ….. รถเมลล์ที่กำลังจะออกจากอู่ ไม่ค่อยจะมีที่นั่งว่างให้เราครับ เราต้องยืน เครื่องร้อนแล้ว รถกำลังจะวิ่งแล้ว ส่วนรถเมลล์อีกหลายคันที่อู่ ที่มีที่นั่งเพียบเลย แต่ไม่ยักกะไปซะที ก่อนโชเฟอร์จะลงจากรถ ยังบอกเราซะด้วยว่า คิวของผม อีก 6 ชั่วโมงครับ เดี๋ยวผมขอตัวไปนอนก่อนนะ

ถ้าให้เลือก ท่านจะเลือกอะไรครับ ระหว่างทำธุรกิจขายโทรศัพท์มือถือ กับ ขายวิทยุติดตามตัว …… ตามกลิ่นเงินเจอ แพงแค่ไหนก็ขายได้ครับ


*อ้างอิงจาก http://www.thaidaytrade.com/readspecial ... 1185029099
================================================================

ที่มา : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =7&gblog=9

เพิ่มเติมครับ


เรียนคุณ red_devil ประโยชน์ของ Published หรือการซ่อนออร์เดอร์เป็นอย่างไรครับ?

ประโยชน์ของมันคือ เวลาที่คุณต้องการจะซื้อหรือขายในจำนวนหุ้นที่เยอะ ๆ แต่ไม่อยากให้คนที่ซื้อหรือขายหุ้นตัวนั้นทราบ ก็จะใช้วิธีการนี้แหละครับ เพื่อที่จำนวนที่แท้จริงจะถูกซ่อนเอาไว้ครับ ซึ่งจะมีข้อเสียอย่างที่กล่าวไปแล้วนั่นแหละครับ คือทุกการ Published จะต้องไปเข้าคิวใหม่ครับผม

ถ้าจะให้อธิบายก็เหมือนกับเป็นการหลอกให้คนที่ต้องการจะซื้อขายหุ้นตัวนั้นเห็นตัวเลขที่น้อยลงกว่าความเป็นจริงครับ ยกตัวอย่างนะครับ

ถ้าหุ้น A มี Bid & Offer ดังนี้นะครับ

จำนวน ราคา ราคา จำนวน
5,000,000 10.00 10.10 500,000

ถ้าออร์เดอร์ฝั่ง Bid เป็นของคุณคนเดียวนะครับ ถ้าคุณตั้งเข้าไปแบบนี้ ก็บอกได้เลยครับคงจะซื้อยาก เพราะคนดูจากจำนวน Bid และ Offer แล้ว เขาคงไม่ขายออกมาแน่ ๆ ถูกมั้ยครับ

แต่ถ้าคุณตั้งออร์เดอร์ Published ให้แสดงทีละ 100,000 หุ้นล่ะ ออร์เดอร์จะเป็นดังนี้ทันทีครับ

จำนวน ราคา ราคา จำนวน
100,000 10.00 10.10 500,000

จากจำนวน Bid และ Offer ดังกล่าว คุณว่าโอกาสไหนที่คนจะขายหุ้นราคา 10.00 ออกมาให้คุณมากกว่ากันครับ

แทนที่คุณจะต้องมานั่งคีย์ออร์เดอร์เข้าไป ทีละ 100,000 หุ้นเป็นจำนวน 50 ครั้ง คุณก็ตั้งออร์เดอร์ Published เข้าไปเลยทีเดียวครับ สะดวกกว่ากันเยอะเลยครับ

**การใช้ Published นี้คงจะสะดวกสำหรับหุ้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องมากนัก เพราะถ้าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง ๆ ออร์เดอร์ Published คงไม่จำเป็นครับ



ที่มา : http://satnumber.forums-free.com/topic-t203.html

อ่านเป็นเบื่อพวกเคาะร้อยคนร้อยหุ้น แอบตกก๊ะใจ

เพิ่งสังเกตว่ากระทู้เราเองจากอดีตนี่หว่า

เขียนซะเยิ่นเย้อเชียว จริงๆอยากบอกแค่ว่าจะเอาเวลามาทำให้หุ้นมันบวก มันลบกันทำไม ราคาหุ้น ณ ขณะนี้ขณะนั้น หรือราคาปิดวันนี้วันนั้นมันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลยกับผลประกอบการ หุ้นละ 5 บาทก็เห็นเคาะ 100 หุ้นมาแล้ว ถ้าอยากสะสมหุ้นจริงๆ คงจะไม่มาทำแบบนี้หรอกครับ

หุ้นบางตัวไม่ค่อยมีใครซื้อ เคาะ 100 หุ้นเพราะไม่มีคนขายเท่าไหร่ก็มีนะครับ
อย่าง ram ,tf , sauce

ผมว่า ในที่สุดแล้ว ราคาหุ้นในระยะยาวคงไปตาม criteria ที่เราใช้ลงทุนครับ

เราไปบังคับคนอื่นๆไม่ได้ แต่เราบังคับตัวเราเองไม่ให้สนใจปัจจุยกวนที่ไม่น่าสนใจได้นะครับ

เหมือนจิตวิทยา กระมัง


ผมก็เคยช่วยคอมาร์เก็ตเหมือนกัน ตั้งกันเยอะจะซื้อ
ช่วยเติมไปสักร้อยสองร้อยหุ้นคนที่ซื้อเยอะก็จ่ายมากหน่อยคนที่ซื้อน้อยก็จ่ายน้อยหน่อย
ก็ถือหุ้นตัวดียวกันนี่นา

แต่ถ้าเสียดายเงินอีกเล็กน้อย
มีเวลาก็แคนเซิ่น ถอนออกก็ได้นี่นา
หลายคน หลายความรู้สึก หลายความนึกคิด
(เราไม่สามารถบังคับคนอื่นได้ แต่สามารถบังคับตัวเองได้)

แต่บางทีผมก็ทำนะ

อารมณ์อยากซื้อนิดๆหน่อยๆแล้วก็เอาไว้ติดตามราคาหุ้นตัวนั้น
เพราะผมยังวิเคราะห์งบมันไปนิดเดียวแต่อยากซื้อมากๆๆๆแต่ยังประเมินราคาไม่ถูก
ก็เลยแหย่ไปเล่นๆ100หุ้น

อย่าไปคิดมากครับมันไม่มีอะไรในกอไผ่เลย--"
ไม่น่าเชื่อมีคนอารมณ์เสียด้วยเรื่อแบบนี้ด้วยแฮะ

ถ้าซื้อเล่นก็ดูออก หุ้นที่ตัวเล็กไม่ค่อยมีคนซื้อขายก็ดูออกง่ายอยู่แล้ว

แต่ทุกวันนี้ซื้อเพื่อลากขึ้นหรือขายฉุดราคาลงมีเกลื่อนตลาดกับหุ้นที่สภาพคล่องสูง รวมถึงตั้งราคาชี้นำและหลอกตอน ATO ATC ด้วย วันจันทร์เปิดตลาดลองไปนั่งสังเกตสักพักก็จะเห็น

ผมว่าทุกวันนี้ตลท.ปล่อยปละละเลยจนเกินไป ผมไม่ได้รู้สึกเบื่อเหมือนเจ้าของกระทู้หรือรำคาญ หรือมีอารมณ์อะไรเลย แค่่คิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบชาวบ้านจริงๆ และทำให้มันเกิดอาการเพี้ยนไป
แค่สงสัยว่าทำไมถึงเอาหูไปนา เอาตาไปสวนกัน ปล่อยให้กระทำกันจนเป็นกิจวัตร??? ปล่อยยิงซื้อถี่ๆ หรือขายถี่ๆ รายย่อยคงไม่มานั่งทำแบบนี้แน่นอน???

อ่านนน

Ii'8N เขียน:ถ้าซื้อเล่นก็ดูออก หุ้นที่ตัวเล็กไม่ค่อยมีคนซื้อขายก็ดูออกง่ายอยู่แล้ว

แต่ทุกวันนี้ซื้อเพื่อลากขึ้นหรือขายฉุดราคาลงมีเกลื่อนตลาดกับหุ้นที่สภาพคล่องสูง รวมถึงตั้งราคาชี้นำและหลอกตอน ATO ATC ด้วย วันจันทร์เปิดตลาดลองไปนั่งสังเกตสักพักก็จะเห็น

ผมว่าทุกวันนี้ตลท.ปล่อยปละละเลยจนเกินไป ผมไม่ได้รู้สึกเบื่อเหมือนเจ้าของกระทู้หรือรำคาญ หรือมีอารมณ์อะไรเลย แค่่คิดว่ามันเป็นการเอาเปรียบชาวบ้านจริงๆ และทำให้มันเกิดอาการเพี้ยนไป
แค่สงสัยว่าทำไมถึงเอาหูไปนา เอาตาไปสวนกัน ปล่อยให้กระทำกันจนเป็นกิจวัตร??? ปล่อยยิงซื้อถี่ๆ หรือขายถี่ๆ รายย่อยคงไม่มานั่งทำแบบนี้แน่นอน???

ผมใช้ กิมเอ็งเวลาเห็นราคาวิ่งเป็นแพรๆๆ ก้ดูช่อง เทรดดีเทลได้นี่ครับ

สมมุติ สามหมื่นเคาะทีเดียว มาทีละพันก้สามสิบออเดอร์

แต่เวลาออกมาทางเทรดดีเทลก้มีแค่ออดเดอร์เดียว คือ สามหมื่น


ผมว่าวิธีนี้หากินยาก ถ้าคิดจะทำราคา

เพราะคนอื่นเค้าก้รู้แกวหมดแล้ว

ผมเชื่อว่าเด๋วนี้เค้ามีวิธีการที่ใช้ได้ผลกว่า คือ พื้นฐานดี แต่ราคาไม่ไปไหน เป็นหลัก

แปดเดือนถึง หนึ่งปี บางตัวก้ยื้อจนรอเมื่อย บางทีก้แกล้งทำง่อย

เมื่อคนที่ต้องการหุ่นได้ครบ ก้จะทำราคาไปเอง


ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่า ทุกคนเข้าตลาดไม่ว่า ผถหใหญ่ หรือ รายย่อย ก้อยากได้เงิน

ข่าว ก้มีทั้ง ข่าวจริง เท็จลวง

แต่สำคัญผมยึดตามหลักพี่โจ๊กและ อาจารย์คือ


ในอนาคตหุ้นที่ซื้อจะผลิตรายได้ในอนาคตเท่าไหร่ และมีโอกาศโตไหมในอุตสาหกรรม

มันคงพอทำให้เรา ถือ ได้โดยไม่ไปมองครับ

จะร้อยหุ้นแต่ราคาเปลี่ยนไปสองตังสิบตังค์

ผมว่าไม่ใช่ประเด็นน


สำหรับผม เวลาไปซื้อของกิน ข้าวยี่สิบหรือยี่สิบห้าบาท ก้ได้หนึ่งกล่อง

เป้าหมายหลัก ก้คือ อิ่มเหมือนกัน


ดังนั้่นถ้าคิดว่ามันทำให้อิ่ม ก้ไม่มีเหตุที่ต้องไปกังวล แค่ราคาที่มันเป็นรูปลวงในแต่ละวัน

เพราะ เราคงมีราคา ในใจทุกคนแล้ว

ว่าจะซื้อหรือ ขายเท่าไหร่


เราไม่ใช่เดย์เทรดที่หวังกำไรช่องสองช่อง ถึงต้องกังวลนี่ครับ

ว่าจะคุ้มค่าน้ำไหม เรื่องแค่นี้ผมว่า ไม่ใช่ปัญหาทางด้านการลงทุน

แต่ปัญหาทางด้านจิตวิทยา

ประเด็นคือ

เรากำลังลงทุนในหุ้น โดยวัดมูลค่าในอนาคตและความเป็นไปได้ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น

เค้าจะเทรดกี่หุ้นก้ช่างเค้าปะไร

เมื่อเราไม่เต็มใจซื้อ ก้ไม่มีใครมาบังคับให้เราซื้อได้


ผมเชื่อว่าเทรนลงทุนแนวใหม่ๆๆ ก้คือ การใช้เวลา และคุณค่าของกิจการ

ซึ่งพวกเดย์มักจะไม่อดทนรอ และ คิดว่าหุ้นพื้นฐานดีๆๆเหล่านี้ ไม่น่าจะมา

เทรนเดียวกับบัฟเฟตที่ซื้อ หุ้นโคคาโคล่า เค้าจะไม่รู้หรอกว่า เรามองเห็นอะไร

เพราะกว่าเค้าจะเห็น เราก้ขายเพราะมันมีข่าวดี จนมูลค่าไปไกลแล้ว


เมื่อก่อนผมมองสิบเด้งในอาหารและเกษตร

ผมขอมองเพิ่มว่า

จะสิบเด้งในกลุ่มเหล็ก แต่ต้องทนถือจนถึงห้าปี เราได้เห็นแน่

ผมใบ้ให้ว่า วิกฤติ พวกนี้มะกันหรือยุโรปก้เจอแบบเราตอนสี่ศูนย์

แต่เค้าคงจะฟื้นตัวได้ภายใน สี่ห้าปี

เศรษฐกิจไม่แย่ตลอดชีวิตการลงทุนหรอกครับ

พอเค้าฟื้น

เด๋วดีมานท์การบริโภคก้กลับมาเอง

อย่าไปคิดอะไรมาก ของทุกอย่างบนโลกจะมี ที่แย่แล้วสุดท้ายก้จะกลับมาดี

ซื้อตอนแย่ ถือตอนฟื้น ขายตอนดี ขายหมดตอนดีมากคนเชียร์มาก คนพูดถึงหุ้นมาก


อีกสักสี่ปี ผมจะลองมาดู

ว่าผมคิดถูกไหม