หน้า 1 จากทั้งหมด 2

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 04, 2010 11:52 pm
โดย SEHJU
ผมเห็นว่าท่าน ดร. ได้เตือนสติไว้ จึงอยากนำมาลงในหน้าเว็บบอร์ดซึงพวกเราเข้ามาอ่านกันมาก หวังเพื่อเป็นการเตือนสติของพวกเราทุกคนให้กระทำการรบในปีเสือนี้โดยรัดกุม อย่าได้ ผะหลี-ผะหลามมมม....

ปีทองของตลาดหุ้น โลกในมุมมองของ Value Investor                 1 มกราคม 53

ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ปี 2552 น่าจะเป็น ปีทอง ของตลาดหุ้นอีกปีหนึ่ง  เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นจาก 450 จุดเมื่อสิ้นปี 2551 เป็น 735 จุดเมื่อสิ้นปี 2552  หรือเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 63%  ปีที่ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นมากกว่านี้มีเพียง 3 ปีคือปี 2520 ที่ตลาดเพิ่มขึ้น 120%   ปี 2536 ที่ตลาดโตขึ้น 88%  และปี 2546 ที่ดัชนีตลาดเพิ่มขึ้น 117%  อย่างไรก็ตาม  การปรับตัวขึ้นอย่างแรงในปี 2552 นั้น  มีความแตกต่างที่สำคัญเมื่อเทียบกับปีทองอื่นก็คือ  ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นหลังจากการตกลงมาอย่างรุนแรงในปีก่อนหน้าคือปี 2551 ซึ่งตลาดติดลบไปถึง  48%   ว่าที่จริงดัชนีตลาดหุ้นเมื่อสิ้นปี 2552 นั้นก็ยังต่ำกว่าดัชนีเมื่อสิ้นปี 2550 ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ 858 จุด   ดังนั้น  สำหรับนักลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นหลายคนแล้ว  ปี 2552 นั้น  ยังไม่ใช่
ปีทอง  ของการลงทุนอย่างแท้จริง   อาจจะเรียกว่าปีแห่งการ  ฟื้นตัว ของการลงทุนมากกว่า  อย่างไรก็ตาม  ผลจากการที่ตลาดปรับตัวขึ้นอย่างแรงหลังจากที่ตลาดหุ้นซบเซามาประมาณ 5-6 ปีนั้น  ทำให้มุมมองของนักลงทุนเปลี่ยนไปพอสมควรโดยผมมีข้อสังเกตดังต่อไปนี้

ข้อแรก  ดัชนีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นรวดเร็ว  ประกอบกับการที่อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดต่ำเป็นประวัติการณ์  ทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อย  อย่างไรก็ตาม  ผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในปีก่อนหน้ายังคง  หลอน  คนทั่วไปและนักลงทุนอยู่   ทำให้การ  เล่นหุ้น  ยังไม่แพร่ไปยังคนทั่วไปที่จะทำให้เกิด  ฟองสบู่ตลาดหุ้น อย่างที่เรามักจะพบในปีทองครั้งก่อน ๆ   ดังนั้น  ปริมาณการซื้อขายหุ้นโดยเฉลี่ยต่อวันในปี 2552 จึงยังไม่สูงนัก

ข้อสอง  ผลตอบแทนที่ได้มาง่ายมากในปี 2552 ทำให้ค่าความคาดหวังของผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนสูงขึ้นมาก  ดูเหมือนว่านักลงทุนจำนวนมากจะตั้งเป้าผลตอบแทนที่ตนเองจะทำได้ในอนาคตสูงกว่าที่ผมคิดว่าพวกเขาจะทำได้   คร่าว ๆ  ผมคิดว่าพวกเขาคาดหวังที่จะโตหรือได้ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 20-25% ในระยะยาวอย่างน้อย 5-6 ปีข้างหน้า  หลายคนอาจจะมองถึงปีละ 40-50% ด้วยซ้ำ  ซึ่งทั้งหมดนั้น  แน่นอน  บางคนก็อาจจะทำได้จริง  แต่ส่วนใหญ่แล้วผมคิดว่าพวกเขาน่าจะได้ไม่เกิน 10-15%  โดยที่คนที่โดดเด่นมากอาจจะได้ถึง 20%

เหตุผลที่นักลงทุนคิดว่าจะสามารถทำผลตอบแทนได้สูงมากนั้นก็เพราะว่าเขาสามารถทำผลตอบแทนในปี 2552 ได้สูงมาก  บางคนอาจจะได้เป็นร้อยเปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้น  แม้แต่คนที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรก็ได้ผลตอบแทนถึง 60-70%  ตามผลตอบแทนของตลาด   แต่เขาอาจจะไม่รู้หรอกว่านั่นไม่ได้เกิดจากฝีมือ  เป็นแต่เพียงการขึ้นตามตลาด  หรือสำหรับคนที่ได้ผลตอบแทนงดงามก็อาจจะเป็นเรื่องของโชคหรือการเก็งกำไรที่ถูกต้องในเวลานั้นซึ่งในสถานการณ์อื่นเขาก็อาจจะทำไม่ได้  ในความคิดของผมก็คือ  คนที่คาดการณ์ผลตอบแทนระยะยาวเกินปีละ 15% โดยเฉลี่ยนั้น  น่าจะเป็นนักเก็งกำไรมากกว่าการเป็นนักลงทุน   เหตุผลก็คือ  มีธุรกิจจำนวนน้อยมากที่สามารถโตได้ปีละ 15%  โดยเฉลี่ยอย่างต่อเนื่องยาวนาน  ดังนั้น  ถ้าจะโตเร็วกว่านั้นก็จำเป็นต้องทำการซื้อขายหุ้นค่อนข้างมาก  และนั่นก็เป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสชนะไม่สูงนักสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการเก็งกำไร

ข้อสาม  ข้อมูลจากอดีตที่ผ่านมานั้นบอกว่า  ผลตอบแทนของตลาดหุ้นหลัง ปีทอง  หรือปีที่ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมนั้น  มักจะให้ผลตอบแทนที่น่าผิดหวัง  นี่ก็อาจเป็นเรื่องปกติของอะไรก็ตามที่ขึ้นไปมากและเร็วก็จะมีแนวโน้มชลอตัวลงกลับสู่ภาวะที่เป็นปกติ  หลายครั้งดัชนีก็ติดลบ  ดังนั้น  ในภาวะที่เราผ่านปีทองมาแล้ว   ผมคิดว่าปีนี้เราควรจะต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ  อย่างไรก็ตาม  ปีทองในครั้งนี้  ดัชนีราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาจากพื้นที่ต่ำมาก  และราคาปัจจุบันก็ยังไม่ทำให้ราคาหุ้นแพงนักเห็นได้จากค่า  PE ที่อยู่ที่ประมาณ 13 เท่า  ดังนั้น  การลงทุนในตลาดหุ้นต่อไปก็ถือว่าไม่เสี่ยงเกินไป  แต่ถ้าจะหวังได้ผลตอบแทนที่ดีเหมือนปีก่อนนั้นผมคิดว่าคงหวังได้ยาก

ข้อสี่  สำหรับนักลงทุนหลายคนที่ทำผลตอบแทนได้ดีเยี่ยมในปีที่แล้วและกลายเป็น  ปีทอง  ของการลงทุนของคุณ   นั่นคือ  หนึ่ง  ผลตอบแทนรวมทั้งหมดซึ่งรวมถึงสินทรัพย์สภาพคล่องทั้งหลายเช่นเงินสดและพันธบัตร  คุณทำได้มากกว่า  63%  ซึ่งเป็นผลตอบแทนของตลาด  สอง  มูลค่าพอร์ตของคุณสูงเป็นประวัติการณ์  และแน่นอน  ต้องสูงกว่ามูลค่าพอร์ตเมื่อสิ้นปี  2550 โดยที่คุณไม่ได้คิดรวมเงินที่คุณลงเพิ่มเติมลงไป   สาม  คุณได้กำไรเป็น  ล้าน  ห้าล้าน  หรือสิบล้าน  ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่คุณรู้สึกว่ามันสร้างความแตกต่างให้กับความมั่งคั่งของคุณอย่างมีนัยสำคัญ   และสุดท้าย  มันอาจจะเป็นปีที่คุณบรรลุเป้าหมายสำคัญของความมั่งคั่งที่คุณฝัน  ไม่ว่ามันจะเป็นปีที่คุณมีเงินเพียงพอที่จะเป็น  อิสรภาพทางการเงิน  หรือเป็นปีที่คุณมีเงินถึง 10  20  หรือแม้แต่  100 ล้านบาท   สิ่งที่คุณจะต้องคิดตระหนักมากที่สุดก็คือ  ทำอย่างไรที่จะสามารถรักษาความมั่งคั่งระดับนั้นไว้ให้ได้  อย่างน้อยก็ในปีนี้

และสุดท้าย  สำหรับนักลงทุนอีกหลายคนที่ปี 2552 ที่ผ่านมายังไม่ใช่  ปีทอง  ของคุณก็จงอย่าเสียใจ   จริงอยู่  การมี  ปีทอง  เป็นครั้งเป็นคราวนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่ไม่จำเป็นในการที่จะประสบความสำเร็จในการลงทุน  การ  คงเส้นคงวา  นั่นคือ  สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระดับ 15-20%  ได้ค่อนข้างสม่ำเสมอต่อเนื่องยาวนานขณะที่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะหรือผลตอบแทนที่ติดลบรุนแรงได้  นี่แหละที่จะสามารถนำคุณไปสู่เป้าหมายและความสำเร็จทางการเงินในระยะยาวได้โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องมีปีทองของการลงทุนเป็นเรื่องเป็นราวเลย

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 1:40 am
โดย sakkaphan
เห็นด้วยครับ :8)

thanks

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 7:49 am
โดย naijan
ขอบคุณท่านอาจารย์มากๆครับ ที่ช่วยเตือนสติและให้ข้อคิดดีๆ
ไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาวะวิกฤติ อาจารย์ก็ออกมาเตือนสติ ปลอบขวัญให้อย่ากลัว อย่าตระหนก หรือแม้กระทั่งอยู่ในสภาวะนักลงทุนส่วนใหญ่ลิงโลด อาจารย์ก็ออกมาเตือนอย่าให้หลงระเริง

ขอบคุณ จขท. ที่นำบทความดีๆมาโพสท์ครับ

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 9:54 am
โดย สามัญชน
คนที่คาดการณ์ผลตอบแทนระยะยาวเกินปีละ 15% โดยเฉลี่ยนั้น  น่าจะเป็นนักเก็งกำไรมากกว่าการเป็นนักลงทุน   เหตุผลก็คือ  มีธุรกิจจำนวนน้อยมากที่สามารถโตได้ปีละ 15%  โดยเฉลี่ยอย่างต่อเนื่องยาวนาน  ดังนั้น  ถ้าจะโตเร็วกว่านั้นก็จำเป็นต้องทำการซื้อขายหุ้นค่อนข้างมาก  และนั่นก็เป็นความเสี่ยงที่มีโอกาสชนะไม่สูงนักสำหรับคนทั่วไปที่ไม่ได้มีความสามารถพิเศษในการเก็งกำไร
ผมคิดว่ามีวิธีที่ชาววีไอจะทำให้ผลตอบแทนระยะยาวเกินปีละ 15%โดยสามารถชนะคนทั่วๆไปและไม่กลายไปเป็นนักเก็งกำไร  โดยใช้หลักการง่ายๆของวีไอ

เป็นความจริงที่ว่ามีธุรกิจจำนวนน้อยมากที่สามารถโตได้ปีละ 15%
เมื่อเราลงทุนในหุ้นผลตอบแทนก็ไม่สมควรจะมากเกินพื้นฐานของกิจการในหุ้นนั้นๆ

แต่หลักการของวีไอสามารถช่วยเราได้
เพราะราคาหุ้นนั้นไม่ได้อยู่ที่ fair value ตลอดเวลา  
ซึ่งเราสามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางตรงนี้

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value  และขายไปที่ fair value

แต่หลักการวีไอเราต้องซื้อที่ under value  และขายที่ fair หรือ over value
ถ้าทำได้อย่างสม่ำเสมอก็เป็นไปได้ที่จะทำกำไรได้มากกว่าตัวกิจการ

แต่การประเมินมูลค่าว่าราคาไหน under หรือ fair หรือ over
เป็นบันไดสำคัญทีสุดสำหรับการเข้าสู่ประตูวีไอ
ถ้าไม่มีบันไดอันนี้ก็ไม่มีประตูอันนี้
ขึ้นบันไดผิดก็เจอประตูผิด

อย่างไรก็ตามผมก็มองว่าปี 2553 จะเป็นปีที่ยากลำบาก  ไม่ใช่ปีที่ง่ายๆเหมือนปี 2552  และเป็นปีที่ควรจะขยันให้มาก

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 10:47 am
โดย ake3004
thanks to P Mor & DR. kab :D

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 12:15 pm
โดย [v]
ผมมองว่าผันผวนแน่ๆ ปีนี้  :twisted:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 4:07 pm
โดย Undertaker
ข้อสอง  ผลตอบแทนที่ได้มาง่ายมากในปี 2552 ทำให้ค่าความคาดหวังของผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นของนักลงทุนสูงขึ้นมาก  ดูเหมือนว่านักลงทุนจำนวนมากจะตั้งเป้าผลตอบแทนที่ตนเองจะทำได้ในอนาคตสูงกว่าที่ผมคิดว่าพวกเขาจะทำได้   คร่าว ๆ  ผมคิดว่าพวกเขาคาดหวังที่จะโตหรือได้ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 20-25% ในระยะยาวอย่างน้อย 5-6 ปีข้างหน้า  หลายคนอาจจะมองถึงปีละ 40-50% ด้วยซ้ำ  ซึ่งทั้งหมดนั้น  แน่นอน  บางคนก็อาจจะทำได้จริง  แต่ส่วนใหญ่แล้วผมคิดว่าพวกเขาน่าจะได้ไม่เกิน 10-15%  โดยที่คนที่โดดเด่นมากอาจจะได้ถึง 20%
เรื่องนี้เป็นคำเตือนที่ดีทีเดียวสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ (หรือหน้าเดิม) เพราะผมมีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่ง เริ่มลงทุนตั้งแต่ปี 46 ได้กำไรมาประมาณ 150-200% ก็เลยคิดว่าปีหน้า (ปี47) จะได้กำไรอย่างนั้นอีก (ความคาดหวังสูง) ก็เลยใส่เงินเพิ่มเข้าไปในตลาดหุ้น ผลปรากฎว่าปี 47 ขาดทุนไปครึ่งหนึ่ง   :cry:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 5:02 pm
โดย Blueblood
[quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 5:18 pm
โดย killyz
ศิษย์ขอน้อมรับคำสอนอาจารย์  :bow:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 5:24 pm
โดย phakphum
[quote="Blueblood"][quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value

Re: มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 5:25 pm
โดย Noobie26
[quote="SEHJU"]ผมเห็นว่าท่าน ดร. ได้เตือนสติไว้ จึงอยากนำมาลงในหน้าเว็บบอร์ดซึงพวกเราเข้ามาอ่านกันมาก หวังเพื่อเป็นการเตือนสติของพวกเราทุกคนให้กระทำการรบในปีเสือนี้โดยรัดกุม อย่าได้ ผะหลี-ผะหลามมมม....

ปีทองของตลาดหุ้น โลกในมุมมองของ Value Investor

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 5:30 pm
โดย phakphum
^
^
^
ความคิดเห็นของคุณ สามัญชน ทำให้ผมรู้สึกดีใจมากที่ จขกท. นำบทความของ ดร. มาโพสไว้ เพราะทำให้เกิดแรงบันดาลใจอย่างสร้างสรรค์ให้ขยันทำการบ้านศึกษาหุ้นแบบชาว VI และไม่ประมาท(เหลิง)ในการลงทุนปี 2553 หุๆ
:cool: :cool:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 6:17 pm
โดย Paul VI
ขอบคุณ ดอกเตอร์ และ หมอสามัญชน มากๆ เลยครับ

ช่วยเตือนสติ ได้เยอะเลยครับ

ปีนี้ ถ้่าตั้งเป้าหมายให้ได้ดีเหมือนเดิม ก็ต้องทำการบ้านให้หนักกว่าเดิม

ขอบคุณมากๆนะครับที่ให้ข้อคิด... :8)

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:00 pm
โดย winkung
จะลงทุนด้วยความระมัดระวังครับ  :bow:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:09 pm
โดย Outliers
ถ้าเทียบนิยามปีทองของ ดร. แล้ว ผมยังห่างไกลจากคำว่าปีทองอีกมากเลย
หนึ่ง  ผลตอบแทนรวมทั้งหมดซึ่งรวมถึงสินทรัพย์สภาพคล่องทั้งหลายเช่นเงินสดและพันธบัตร  คุณทำได้มากกว่า  63%  ซึ่งเป็นผลตอบแทนของตลาด  
ผ่านฉลุย
สอง  มูลค่าพอร์ตของคุณสูงเป็นประวัติการณ์  และแน่นอน  ต้องสูงกว่ามูลค่าพอร์ตเมื่อสิ้นปี  2550 โดยที่คุณไม่ได้คิดรวมเงินที่คุณลงเพิ่มเติมลงไป   สาม  คุณได้กำไรเป็น  ล้าน  ห้าล้าน  หรือสิบล้าน  ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่คุณรู้สึกว่ามันสร้างความแตกต่างให้กับความมั่งคั่งของคุณอย่างมีนัยสำคัญ   และสุดท้าย  มันอาจจะเป็นปีที่คุณบรรลุเป้าหมายสำคัญของความมั่งคั่งที่คุณฝัน  ไม่ว่ามันจะเป็นปีที่คุณมีเงินเพียงพอที่จะเป็น  อิสรภาพทางการเงิน  หรือเป็นปีที่คุณมีเงินถึง 10  20  หรือแม้แต่  100 ล้านบาท  
ไม่ผ่านเลยซักกะข้อ

Re: มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:36 pm
โดย ส.สลึง
[quote="อ.ของผม :idea:"]การ

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:46 pm
โดย Pathfinder
ขอบคุณครับ:bow:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:49 pm
โดย sai
[quote="phakphum"][quote="Blueblood"][quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:53 pm
โดย neo_potato_Th
ขอบคุณครับ :bow:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 8:57 pm
โดย moonchild
ขอบคุณ ดร.นิเวศ และพี่หมอสามัญชนครับ

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 9:22 pm
โดย aodetmat
อ่านทีไรก็เตื่อนใจได้ทุกครั้ง

ขอบคุณท่านอาจารย์มากๆครับ
:bow:  :bow:  :bow:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 9:31 pm
โดย Flashy
มุมมองเฉียบขาดครับ
ปีนี้คงต้องทำการบ้านเป็นพิเศษ

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 11:07 pm
โดย miracle
ดร.นิเวศน์เหมือนหลวงพ่อคูณเลย
ออกมาเตือนสติ ทุกรอบ
:)

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 11:14 pm
โดย SoLid_frOg
ขอบคุณครับ

ปีนี้คงต้องมองธุรกิจให้ขาด ถึงจะมีสิทธิ์กำไรได้มาก ๆ  :twisted:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 06, 2010 8:30 am
โดย kakathi
ขอบคุณ ท่านอาจารย์ ท่านสามัญชน และ ท่าน จขกท. ครับ  :bow:

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 06, 2010 2:31 pm
โดย << New >>
[quote="sai"][quote="phakphum"][quote="Blueblood"][quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 06, 2010 5:12 pm
โดย DevilCupid
[quote="nandeandw"][quote="sai"][quote="phakphum"][quote="Blueblood"][quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 06, 2010 5:17 pm
โดย moonchild
[quote="DevilCupid"][quote="nandeandw"][quote="sai"][quote="phakphum"][quote="Blueblood"][quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 06, 2010 5:17 pm
โดย winkung
[quote="moonchild"][quote="DevilCupid"][quote="nandeandw"][quote="sai"][quote="phakphum"][quote="Blueblood"][quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value

มาฟังคำเตือนจากท่านอาจารย์ของพวกเรากันครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 07, 2010 9:38 am
โดย killyz
[quote="winkung"][quote="moonchild"][quote="DevilCupid"][quote="nandeandw"][quote="sai"][quote="phakphum"][quote="Blueblood"][quote="สามัญชน"]

หมายถึงหุ้นราคา 10 บาท เมื่อกำไรของกิจการโต 15 %
ราคาหุ้นก็ขยับเพิ่มขึ้น 15%
ทำให้เราได้กำไร 15%
อันนี้เป็นตัวอย่าง ซื้อที่ fair value