หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ขอถามพี่เว็บและbluebloodท่านอื่นเกี่ยวกับดันโดหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 11:37 am
โดย jessi
หนึ่ง หน้า 138 frontline บริษัทเรืออัตราค่าเช่าเรือจะอยูระหว่าง หกพัน ถึงหนึ่งแสน ตรงนี้คือ เฟทเรทเหรอครับ โอกาศในการซื้อหุ้นก็คือถ้าเฟทเรทใกล้กับระดับ หกพัน หรือเปล่าครับ


สอง ในหนังสือบอกว่าเรือขายได้ลำละ หกสิบล้านดอลบริษัทมีเรือเจ็ดสิบลำเราสามารถหามูลค่าขายทอดตลาดได้ด้วยวิธีนี้เลยหรือครับ วิธีนี้ใช้กับ ทีทีเอ และพีเอสแอลได้ด้วยไหมครับ

สามในหนังสือบอกว่าเรือมีแบบเปลือกชั้นเดียวและสองชั้น ซึ่งแบบสองชั้นจะปลอดภัยกว่า ไมทราบว่าเรือของทีทีเอ และพีเอสแอลเป็นแบบเปลือกกี่ชั้นครับ


สี่ทั้งสองท่านคิดว่าการดูราคาขายทอดตลาดดีกว่าการดูมูลค่าทางบัญชีไหมครับ

ขอบคุณครับ

Re: ขอถามพี่เว็บและbluebloodท่านอื่นเกี่ยวกับดันโดหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 05, 2010 3:28 pm
โดย Blueblood
jessi เขียน:หนึ่ง หน้า 138 frontline บริษัทเรืออัตราค่าเช่าเรือจะอยูระหว่าง หกพัน ถึงหนึ่งแสน ตรงนี้คือ เฟทเรทเหรอครับ โอกาศในการซื้อหุ้นก็คือถ้าเฟทเรทใกล้กับระดับ หกพัน หรือเปล่าครับ

เรือมีหลายขนาดและหลายประเภทครับ ในที่นี้คงหมายถึงเรือขนส่งน้ำมันซึ่้งของ psl และ tta หรือ rcl เข้าใจว่าไม่ได้ขนน้ำมันนะครับ ดังนั้นตรงนี้ผมไม่มีข้อมูลเลยครับ
jessi เขียน: สอง ในหนังสือบอกว่าเรือขายได้ลำละ หกสิบล้านดอลบริษัทมีเรือเจ็ดสิบลำเราสามารถหามูลค่าขายทอดตลาดได้ด้วยวิธีนี้เลยหรือครับ วิธีนี้ใช้กับ ทีทีเอ และพีเอสแอลได้ด้วยไหมครับ
วิธีคิดราคาเหมาะสมขั้นต่ำโดยอิงจากราคาขายเรือทอดตลาดสามารถทำได้ครับแล้วก็ make sense มากด้วย (อย่าลืมหักหนี้ด้วย) แต่ในความเป็นจริงที่ผมสัมผัสมากับ psl หรือ tta คือราคาซื้อขายของเรือมือสองก็ผันผวนมากตามค่าระวางเรือครับ ดังนั้นถ้าเราจะอิงตามราคาซื้อขายเรือมือสองเราต้องแน่ใจว่าตอนนั้นอยู่ในช่วงตกต่ำของอุตสาหกรรม จะได้ไม่พลาดครับ (แต่จะมีคนรู้จริงหรือไม่เป็นอีกเรื่องครับ)
jessi เขียน:สามในหนังสือบอกว่าเรือมีแบบเปลือกชั้นเดียวและสองชั้น ซึ่งแบบสองชั้นจะปลอดภัยกว่า ไมทราบว่าเรือของทีทีเอ และพีเอสแอลเป็นแบบเปลือกกี่ชั้นครับ
เหมือนคำถามแรกครับ เรือนี้น่าจะหมายถึงเรือขนส่งน้ำมัน ผมไม่ทราบเลยครับ
jessi เขียน:สี่ทั้งสองท่านคิดว่าการดูราคาขายทอดตลาดดีกว่าการดูมูลค่าทางบัญชีไหมครับ
ถ้าให้เลือกอันใดอันหนึ่งผมว่าใช้ราคาขายทอดตลาดน่าจะใกล้เคียงความเป็นจริงกว่าครับ เพราะราคาทางบัญชีส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้ปรับก็จะคือราคาที่ซื้อมา ซึ่ีงบริษัทเรือที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยส่วนใหญ่ซื้อเรือกันมาตั้งแต่ค่าเงิน 25 บาท ดังนั้นอาจคลาดเคลื่อนได้ครับ แต่การดู BV หรือ adjusted book value ก็ไม่ได้การันตีว่าราคาจะไม่ต่ำไปกว่านั้นตราบใดที่บริษัทไม่ได้คิดจะขายเรือออกไปครับ ความเสี่ียงนี้ก็เหมือนกับการเล่นหุ้น asset play ทั่วๆไปครับ ราคาหุ้นถูกเทียบกับทรัพย์สินจริงแต่ถ้าผู้บริหารไม่ได้คิดจะขายออกไป มูลค่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นพวกเราก็ไม่ได้อะไรครับ


หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างนะครับ :)

ขอถามพี่เว็บและbluebloodท่านอื่นเกี่ยวกับดันโดหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 06, 2010 9:52 am
โดย jessi
ขอบคุณมากเลยครับ

ผมว่าคุณ blueblood เป็นเซียนคนนึงที่ถ่อมตัวมาก
เลยไม่ค่อยได้โพส

อยากให้ช่วยเล่าประสบการณ์การลงทุนให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ
ว่าตอนที่เกิดวิกฤติเห็นว่าเล่น ptl ไม่ทราบพอจะเล่าให้ฟังหน่อยได้
ไหมครับว่าตอนนั้นซื้อเพราะอะไร แล้วเหตุการณ์เป็นไปตามคาดไหม
หรือว่ากำไรตามคาดแต่ราคาหุ้นไม่ค่อยวิ่ง

และหลังจากเกิดวิกฤติแนงทางการลงทุนเปลี่ยนไปอ่ย่างไรบ้างครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอถามพี่เว็บและbluebloodท่านอื่นเกี่ยวกับดันโดหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 06, 2010 3:01 pm
โดย WEB
ตามหนังสือ จังหวะการลงทุนน่าจะอยู่ที่
อัตราค่าระวางที่ต่ำต่อเนื่องจนทำให้
บริษัทเดินเรือนำเรือเก่าๆออกขายเป็นเศษเหล็ก
และทำให้ supply ลดลง  ต่อมาเมื่อ demand ฟื้นตัว
supply ที่มีอยู่จะไม่เพียงพอ และกว่าจะมีเรือใหม่
เข้ามาช่วยดูดซับ demand ก็ต้องใช้เวลาหลายปี  
พออัตราค่าระวางสูงขึ้น ต้นทุนจะไม่ได้เพิ่มตามอะไรมากมาย
ซึ่งจะทำให้กำไรของบริษัทสูงขึ้นอย่างมากครับ

มูลค่าขายทอดตลาดจะสะท้อนราคาตลาดมากกว่า
มูลค่าตามบัญชี ดังนั้นน่าจะใช้อ้างอิงได้มากกว่า  
โดยเฉพาะในอเมริกา มีการครอบงำกิจการเกิดขึ้นบ่อย
ถ้าราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าขายทอดตลาดมากๆ
อาจมีคนเข้ามาเทคโอเวอร์ได้  เท่าที่ผมเคยอ่านมา  
นักเทคโอเวอร์อย่าง Carl Icahn หรือ Harold Simmons
จะดูการ undervalued ของหุ้นจาก asset เป็นหลักครับ