Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

พอดีผมกำลังคิดจะลงทุน ในตราสาร หุ้น เลยอยากให้ช่วยคิพพิจารณาหน่อยครับ

ผมเป็นทหาร รับราชการเงินเดือนน้อย ตอนนี้ ได้เิงนเดือนสุทธิประมาณ 9800 บาท

มีหนี้สินอยู่ที่  

สหกรณ์หน่วยงาน ประมาณ 110,000.- บาท
การกู้ซื้อบ้านอีก ประมาณ 650,000.- บาท

ซึ่ง ตอนนี้มีการปล่อยกู้จาก ธนาคาร ออมสิน
ผมเลยติดต่อกับธนาคาร ว่าขอกู้เงินประมาณ 770,000.- เพื่อจะ ไปรวมหนี้ทั้งสอง และจ่ายเงินทางเดียว

แต่ทางธนาคารอนุมัติให้แค่ 600,000 บาท ซึ่ง
ถ้าได้มา ต้องนำเงินไปจ่ายกับ ทางสหกรณ์ 110,000.-
เพื่อที่จะให้เงินหักรายเดือนพอหักเงิน ค่าผ่อนบ้าน กับ ผ่อนเงินหนี้อีก 600,000 ที่เพิ่งกู้จากออมสิน

และผมจะเหลือเงินประมาณ 500,000  ผมจะเอาไปทำอะไรให้เงินเพิ่มดี ครับกับการลงทุน

ปล.เท่าที่อ่านๆ มาเพื่อน พี่ๆ คงแนะนำให้นำเงินไป จ่ายค่าบ้านก่อนเพื่อจะได้ลดดอกเบี้ย  ซึ่งคงต้องทำเหมือนกันแต่ ที่ทางธนาคารปล่อยก้อนนี้มาให้ผม เพราะเขาบอกว่าให้นำเงินไปลงทุนก่อนเพื่อหาเงินเพิ่มอีกประมาณ 200,000 จึงไป รวมจ่ายค่าบ้าน ครั้งเดียว ผมเลยอยากมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี

ปล. อีกอย่าง ถ้าผมกู้เงินมาครั้งนี้ ผมจะเหลือเงินเดือนไม่เท่าไหร่เอง เพราะต้องจ่าย ทั้ง 2 ทาง เลยอยากใช้เงินก้อนนี้ หาเงินเพิ่มให้กับรายเดือนด้วย

ผมคงต้องขยันและทำงานพิเศษ ด้วยเพื่อให้เงินเดือนมากขึ้นพอใช้จ่ายในครอบครัว

ดูภาพรวมแล้วมีแต่หนี้ครัับ
สหกรณ์หน่วยงาน ประมาณ 110,000.- บาท
การกู้ซื้อบ้านอีก ประมาณ 650,000.- บาท
ธนาคาร ออมสิน  600,000.- บาท

เงินสด 600,000 บาท ถ้ากู้ผ่าน

เงินเดือน 10000 บาท ถ้ากู้มาล้านบาทจ่ายดอกอย่างเดียวก็ประมาณ 4000-5000 แล้ว ผมว่าเสี่ยงเกินไป

สิ่งที่ต้องจ่ายคือหนี้ที่ดอกเบี้ยแพงที่สุด ครับ เหลือหนี้สัก 3-4 แสนแล้วค่อยลงทุน

ผมเห็นด้วยครับ จ่ายหนี้ก่อน ให้มากที่สุด เเล้วดูว่า เราต้องจ่ายหนี้เดือนละเท่าไหร่ถึงอยู่รอด จากเงินเดือน หักค่าใช้จ่ายทั้งหมด

เงินที่เหลือ ค่อยเอามาลงทุนครับ

ออมสินปล่อยกู้ ให้เอามาลงทุน นี่น่าจะหมายถึงเอาไปทำกิจการนะครับผมว่า ไม่ได้หมายความว่าเอามาเล่นหุ้นหรือทอง

ผมเเนะนำหากิจการที่น่าจะมี margin สูงเเละไม่เน่าเสีย คือขายเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอางสำหรับสาวๆครับ

ใช้หนี้ให้หมดก่อนดีกว่า จะได้ลงทุนโดยไม่เครียด

ผมว่าลองศึกษาการลงทุนในหุ้นแนว VI ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งก่อน...

ถ้าหากศึกษามานานแล้ว อยากลงทุนในหุ้นก็ลองลงทุนก้อนแรกที่น้อยๆก่อน อาจจะซักไม่เกิน 5 หมื่นบาท เพื่อศึกษาสไตล์การลงทุนของเรา...

หรือหากมั่นใจและมีความรู้ในการลงทุนอยู่แล้วก็ทุ่มลงไปเลย 100%  แต่ต้องศึกษาข้อมูลหุ้นตัวนั้นมาอย่างดีแล้วนะครับ และควรดูปันผลร่วมด้วย และควรจะกระจายความเสี่ยงโดยซื้อสักหุ้น 2-3 ตัว และที่สำคัญควรลงทุนระยะยาว...ครับ รับรองว่าในวัยเกษียรท่านจะมีอิสรภาพทางการเงิน ไม่มากก็น้อยครับ ขอให้โชคดี...

รวยด้วยหุ้น...

http://www.kewell007.blogspot.com/

ปกติน่าจะเน้นเรื่องแบ่งเงินก่อนนะครับ

10% ของรายได้ เก็บไว้ เผื่อฉุกเฉินครับ
(จะออมไว้ใน บัญชี/ สินทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยมากที่สุดก็ได้ครับ)

20% ของรายได้ แบ่งมาชำระหนี้ ถ้าหนี้เกินกว่า 20% ของรายได้
เราจะพบว่า เราไม่ค่อยมีความสุขกับการหารายได้ เพราะเหมือน หารายได้มาแล้วต้องใช้หนี้หมด

พยายามอย่าก่อหนี้ที่เป็นหนี้เสีย (หนี้ที่ไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่ในส่วนที่จำเป็นของเราดีขึ้น)

70% ของรายได้ แบ่งไว้ใช้จ่าย และลงทุนครับ

ค่อยๆศึกษา และค่อยๆลงทุนครับ

มีความสุขกับการลงทุนนะครับผม

ขอบคุณครับ มีใครอยากแนะนำอีก ช่วยแนะนำได้เลยนะครับ

ผมจะเก็บคำแนะนำของทุกๆ ท่านไปคิดพิจารณาครับ

จ่ายค่าหนี้ก่อนครับ อันไหนดอกเยอะสุดจ่ายให้หมดก่อนแล้วทะยอยจ่ายส่วนที่เหลือ เรื่องหุ้นกับทองให้ชลอก่อนครับ อาจหาหนังสือมาศึกษาไปพลางๆก่อน เพราะในมุมมองของผมปีนี้เล่นยากครับ โอกาสลงมีมากกว่าขึ้นครับ

พี่ครับ
ผมขอเรียกพี่ละกัน
เพราะเป็นทหารเหมือนกัน

ผมไม่บังอาจแนะนำอะไรใครหรอกนะครับ
นอกจากหนังสือ
เพราะฉะนั้น
ไปหาหนังสือ "The Richest man in Babylone" มาอ่านดูนะครับ

 :D

KriangL เขียน:จ่ายค่าหนี้ก่อนครับ อันไหนดอกเยอะสุดจ่ายให้หมดก่อนแล้วทะยอยจ่ายส่วนที่เหลือ เรื่องหุ้นกับทองให้ชลอก่อนครับ อาจหาหนังสือมาศึกษาไปพลางๆก่อน เพราะในมุมมองของผมปีนี้เล่นยากครับ โอกาสลงมีมากกว่าขึ้นครับ

ตามนั้นเลยครับ พยายามปิดบัญชีหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดก่อน พยายามลดหนี้ที่เวลาคืนเงินต้นยาวนาน เพราะว่าเมื่อเราจ่ายแต่ละงวดจะเป็นดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นซะส่วนใหญ่

หากว่าอัตราดอกเบี้ยตัวใหม่น้อยกว่าของเก่าเยอะเนี่ยก็นับได้ว่าเป็นการลงทุนที่ฉลาด (refinance) เพราะว่าเราเสียดอกเบี้ยน้อยลง เท่ากับว่าเราได้กำไรจากส่วนต่างของดอกเบี้ย ไม่แน่ใจว่างงหรือเปล่า

นอกจากนั้นควรเริ่มที่วางแผนการเงิน รายรับ รายจ่าย เงินสดฉุกเฉิน เงินสำหรับลงทุนเป็นต้น  :)

ข้อมูลที่ได้รู้สึกว่าออกจะมีหนี้เงินกู้ เยอะมากอยู่
สหกรณ์หน่วยงาน ประมาณ 110,000.- บาท
การกู้ซื้อบ้านอีก ประมาณ 650,000.- บาท

รายได้ต่อปีจากเงินเดือนประมาณ 120,000 บาท
ไม่แน่ใจว่ามีรายได้หรือทรัพย์สินอื่นใดอีกหรือไม่
เพราะเงินจ่ายค่ากู้ซื้อบ้านต่อเดือนหน้าจะมากอยู่
และที่บอกว่ากู้จากออมสินได้ 600,000 บาทเพื่ออะไรและมีอะไรเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันครับ

เอาเป็นว่าหากจะให้แนะนำคร่าวๆ
โดยปกติหนี้เงินกู้ต่างๆ จะอยู่ที่ 7-15%
ส่วนการออมเงินแบบปกติจะอยู่ที่ 0.5-4%
ดังนั้นควรเคลียหนี้สหกรณ์ก่อน เพราะหนี้กู้ซื้อบ้านมักจะเป็นหนี้ระยะยาวและดอกเบี้ยน้อยกว่าแต่ถ้าเป็นไปได้หากมีเงินเหลือก็รีบโป๊ะหนี้ที่ดอกเบี้ยสูงให้เร็วที่สุด

ส่วนการลงทุนในหุ้นนั้นหากไม่มีความรู้และเล่นตามข่าวลือ ผมว่ามีโอกาสขาดทุนสูงมากๆ
ผมขอแนะนำเท่าที่ตัวเองรู้นะครับ ขอให้โชคดีครับ

ผมว่าลองศึกษาดูสักพักก่อนก็ได้ครับ ที่นี่ก็มีให้อ่านเยอะครับ หรือไม่ก็ลองวิชากับทาง settrade.com ก่อนก็น่าจะดีครับ แล้วค่อยๆ ลงทีละนิดๆ หลายๆ ปีก็เยอะเองแหละครับไม่ต้องรีบร้อนครับ

ไม่แนะนำให้นำเงินก้อนนั้นลงทุนในหุ้นครับ เนื่องจากการลงทุนในหุ้นด้วยเงินกู้ ประกอบกับยังเป็นมือใหม่ในการลงทุนอยู่ ที่จะทำให้พี่เครียดเกินไป เพราะสถานการณ์ค่อนข้างบังคับว่าจะขาดทุนไม่ได้เลย และยิ่งถ้าเกิดไม่เป็นไปตามที่คิด จะยิ่งแย่นะครับ
นำเงินไปลดหนี้ก่อนดีกว่า ระหว่างนั้นก้ศึกษาเรื่องหุ้นไปด้วย เผื่อว่าวันใด จะมีเงินเก็บมาลงทุน แบบไม่เครียดครับ

ทางธนาคารปล่อยก้อนนี้มาให้ผม เพราะเขาบอกว่าให้นำเงินไปลงทุนก่อนเพื่อหาเงินเพิ่มอีกประมาณ 200,000 จึงไป รวมจ่ายค่าบ้าน ครั้งเดียว

มีเงิน 5 แสน ต้องทำกำไรเพิ่มอีก 2 แสน  ต้องได้ผลตอบแทนถึง 40% เลยนะ ธนาคารเค้าคิดอะไรของเค้านะ

แนะนำให้ปิดสหกรณ์ออมทรัพย์ค่ะ จะเหลือเงินในส่วนที่เราลงทุนหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง อีกสองปีค่อยสมัครใหม่แล้วกัน

ส่วนบ้านปิดสามแสน จะเหลือเงินที่ต้องส่งแบบรีไฟแนนท์ ประมาณ ไม่ถึงสองพัน ในระยะเวลา สามสิบปี (ดอกเยอะอ่ะ)

กู้เงินออมสินได้ 600000 เนี่ย เงินเดือน คงไม่ใช่ 10000 หรอกค่ะ  20000 ขึ้นแน่นอน ..

หากทำแบบนี้คุณก็จะเหลือ เงินที่กู้มา ประมาณ 100000 บาท ชำระหนี้ต่อเดือน หนี้ออมสิน ประมาณ 9000 + กู้บ้าน 2000 ประมาณ 11000 บาทค่ะ

ส่วนเงินลงทุนบางทีเราก็อยากลงทุนเหมือนคนอื่นเนาะ รอไม่ได้ ใจจะขาดด

ก็แบ่งมาลงทุนสักเล็กน้อยพอที่จะไม่ให้ตัวเองเดือดร้อนรายเดือน พร้อมๆกับศึกษาการลงทุนไปด้วย น่าจะดีกว่า ลงทีเดียว 500000 เลยนะคะ

... หนึ่งความคิดเห็นค่ะ ล่วงเกินประการใด ขออภัยไว้ด้วย  :oops:  :oops:

 ขอบคุณครับ ความเห็นดีดีทุกคนเลยครับ ผมจะนำไปพิจารณานะรับ + กับ ศึกษาหาความรู้จากที่ VI นี่เหละ ครับ

ผมว่าลองเล่น click2winดูก่อนดีกว่า แล้วหาความรู้คู่ไปด้วย

เท่าที่อ่านดูคร่าวๆ  สถานะการเงินของคุณ D/E raio (หนี้สิน/ทุน) มากกว่า 1 เท่า เป็นบริษัทที่ไม่น่าลงทุนเลยครับ   วิเคราะห์แบบ Value invester พอไหม คิดอย่างนักลงทุน ก็ต้องทำตัวให้เป็นนักลงทุนครับ

ทางที่ดีไปหาทางลดอัตราส่วน ให้น้อยกว่านี้ก่อนนะครับ  ธนาคารปล่อยกู้ ถึงเวลาก็เก็บดอก ไม่มีก็ยึด แค่นั้นเอง ใครเดือดร้อนถ้าโดนยึดเราหรือธนาคาร  :?:

อ่ออีกอย่างหุ้นกำลังตก  ไม่ต้องรีบมาก็ได้ อีกสามเดือนยังทันเลย หาหนังสืออ่านไปพลางๆ ห้องแนะนำหนังสือ ในเว็บนี้ก็มีไปเลือกซื้อมาอ่าน หลายๆเล่มแล้วจะเข้าใจ

ผมเลยติดต่อกับธนาคาร ว่าขอกู้เงินประมาณ 770,000.- เพื่อจะ ไปรวมหนี้ทั้งสอง และจ่ายเงินทางเดียว

แต่ทางธนาคารอนุมัติให้แค่ 600,000 บาท ซึ่ง

ออมสิน อนุมัติเงินให้ 6 แสน นี่ต้องเอาบ้านไป refinance รึเปล่าครับ หรือว่ากู้ได้เพราะว่า เป็นข้าราชการทหาร (60เท่าของเงินเดือน แอบอิจฉาทำไมกู้ได้เยอะจัง  :oops:  ) เพราะว่าถ้าเป็นการ refinance บ้าน เงินสดคงไม่ตกมาถึงมือเรามั้งครับ อีกคำถามคือออมสินคิดดอกเบี้ยกี่ % ครับ

noooon010 เขียน:ปกติน่าจะเน้นเรื่องแบ่งเงินก่อนนะครับ

10% ของรายได้ เก็บไว้ เผื่อฉุกเฉินครับ
(จะออมไว้ใน บัญชี/ สินทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยมากที่สุดก็ได้ครับ)

20% ของรายได้ แบ่งมาชำระหนี้ ถ้าหนี้เกินกว่า 20% ของรายได้
เราจะพบว่า เราไม่ค่อยมีความสุขกับการหารายได้ เพราะเหมือน หารายได้มาแล้วต้องใช้หนี้หมด

พยายามอย่าก่อหนี้ที่เป็นหนี้เสีย (หนี้ที่ไม่ได้ทำให้ความเป็นอยู่ในส่วนที่จำเป็นของเราดีขึ้น)

70% ของรายได้ แบ่งไว้ใช้จ่าย และลงทุนครับ

ค่อยๆศึกษา และค่อยๆลงทุนครับ

มีความสุขกับการลงทุนนะครับผม

สุดยอดครับ ไอเดียนี้ต้องเชียร์ ไหนๆก็เป็นหนี้ไปแล้ว ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตเราอยู่ได้อย่างสมดุล จ่ายหนี้ได้ ลงทุนได้ มีเงินฉุกเฉินด้วย เงินแต่ละกองอาจไม่มากนัก แต่จะทำให้มีชีวิตที่ไม่เครียดและมีความสุขคับ

จุดที่ยากของ VI คือการซื้อของถูกคุณภาพดีและอดทนรอครับ ถ้าเงินลงทุนเป็นเงินกู้เนี่ย คนส่วนใหญ่จะอดทนกันไม่ไหวหรอกครับ