เอกชน ช็อค ศาลปกครอง ยกคำร้อง 30 โครงการมาบตาพุด !!!!!!!!!
โพสต์แล้ว: เสาร์ ม.ค. 23, 2010 10:12 am
เอกชน ช็อค ศาลปกครอง ยกคำร้อง 30 โครงการมาบตาพุด เสียหายหนักกว่าที่คิด
วันนี้ ศาลปกครองกลาง โดยนายภาณุพันธ์ ชัยรัต ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางและคณะ ได้มีคำสั่งยกคำร้องของบริษัทเจ้าของโครงการอุตสาหกรรม 30 โครงการที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลางที่สั่งระงับการดำเนินโครงการในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง ทั้ง 65 โครงการ ตามคำฟ้องของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 43 คน (ผู้ฟ้องคดี)
ประกอบด้วย บริษัทสยามมิตซุย พีทีเอ จำกัด บริษัทไออาแอล 1996 จำกัด บริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) บริษัทไทยโพลิเอททีลิน จำกัด บมจ.ปตท. บริษัทพีทีที ฟีนอล จำกัด บริษัทเหมราช อีวเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเดรียลเอสเตท จำกัด บริษัทไทยเอทานอลเอมีน จำกัด บริษัทเอ็มทีพี เอชพีพีโอ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัทบางกอก โพลีเอททีลิน จำกัด บริษัทพีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด บริษัทอูเบะไนล่อน จำกัด บริ ษัทบูลสโคบ สตีล(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทสยามแผ่นเหล็กวิลาส จำกัด บมจ. ปตท. เคมิคอล บริษัทเอ็มทีพี เอชพี เจวี(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทกรุงเทพซินธิติกส์ จำกัด บริษัทสยาม เลเทกซ์สังเคราะห์ จำกัด บริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด บริษัทบี อาร์ พี สตีล จำกัด บมจ.วีนิไทย บริษัทไทยเอ็มเอ็มเอ จำกัด ซึ่งขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้โครงการหรือกิจกรรมของผู้ร้องทั้งหมดเป็นโครงการ หรือกิจกรรมที่อยู่ภายใต้ข้อยกเว้นตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 29 ก.ย.52 และคำสั่งศาลปกครองสูงสุด วันที่ 2 ธ.ค .2552
ทั้งนี้บริษัทผู้ร้องทั้งหมดอ้างว่า โครงการทั้ง 30 โครงการเป็นโครงการ หรือกิจกรรมที่ไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนวันประกาศบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ประกอบกับศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยวางกรอบไว้ในคำสั่งวันที่ 2 ธ.ค.52 ที่ระบุว่า โครงการ หรือกิจกรรมที่มุ่งควบคุมหรือบำบัดมลพิษ หรือติดตั้งอุปกรณ์เท่านั้น ไม่อยู่ในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ดังนั้นโครงการทั้ง 30 โครงการของผู้ร้องจึงยังไม่สมควรถูกสั่งระงับการดำเนินโครงการในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด จ. ระยอง เป็นการชั่วคราว 29 ก.ย.52 และคำสั่งศาลปกครองสูงสุด วันที่ 2 ธ.ค.52 โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า โครงการหรือกิจกรรมของผู้ร้องได้รับการยกเว้นตามคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในเรื่องนี้อีก
อย่างไรก็ดีถ้าหากโครงการหรือกิจกรรมใดของได้ดำเนินการตามกฎหรือระเบียบที่ผู้มีอำนาจหน้าที่กำหนดตาม มาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550 คณะกรรมกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กับพวกรวม 8 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) หรือผู้มีส่วนได้เสียอาจมีคำขอต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้พิจารณามีคำสั่งแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งนั้นเสียก็ได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้มีส่วนได้เสียซึ่งเป็นเจ้าของโครงการทั้ง 30 โครงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ภาคเอกชนเจ้าของโครงการต่าง มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่คาดคิดว่าศาลปกครองจะยกคำร้อง และมีการคาดการณ์ว่า จะทำให้การโครงการชะงักยาวนานมากกว่า 10 เดือน ถึง 1 ปี ขณะที่ บริษัทร่วมลงทุนกับต่างชาติ เกิดความสับสนอย่างหนัก กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่คาดคิดว่าศาลจะยกคำร้อง ทำให้ต้องมีการประเมินสถานการณ์ตั้งรับวิกฤตที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำที่ผ่านมา
ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 3&catid=no
เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรครับ
วันนี้ ศาลปกครองกลาง โดยนายภาณุพันธ์ ชัยรัต ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองกลางและคณะ ได้มีคำสั่งยกคำร้องของบริษัทเจ้าของโครงการอุตสาหกรรม 30 โครงการที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งศาลปกครองกลางที่สั่งระงับการดำเนินโครงการในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง ทั้ง 65 โครงการ ตามคำฟ้องของสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 43 คน (ผู้ฟ้องคดี)
ประกอบด้วย บริษัทสยามมิตซุย พีทีเอ จำกัด บริษัทไออาแอล 1996 จำกัด บริษัทอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ (ระยอง) บริษัทไทยโพลิเอททีลิน จำกัด บมจ.ปตท. บริษัทพีทีที ฟีนอล จำกัด บริษัทเหมราช อีวเทิร์นซีบอร์ด อินดัสเดรียลเอสเตท จำกัด บริษัทไทยเอทานอลเอมีน จำกัด บริษัทเอ็มทีพี เอชพีพีโอ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัทบางกอก โพลีเอททีลิน จำกัด บริษัทพีทีที ยูทิลิตี้ จำกัด บริษัทอูเบะไนล่อน จำกัด บริ ษัทบูลสโคบ สตีล(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทอดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทสยามแผ่นเหล็กวิลาส จำกัด บมจ. ปตท. เคมิคอล บริษัทเอ็มทีพี เอชพี เจวี(ประเทศไทย) จำกัด บริษัทกรุงเทพซินธิติกส์ จำกัด บริษัทสยาม เลเทกซ์สังเคราะห์ จำกัด บริษัทมาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด บริษัทบี อาร์ พี สตีล จำกัด บมจ.วีนิไทย บริษัทไทยเอ็มเอ็มเอ จำกัด ซึ่งขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งให้โครงการหรือกิจกรรมของผู้ร้องทั้งหมดเป็นโครงการ หรือกิจกรรมที่อยู่ภายใต้ข้อยกเว้นตามคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาของศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 29 ก.ย.52 และคำสั่งศาลปกครองสูงสุด วันที่ 2 ธ.ค .2552
ทั้งนี้บริษัทผู้ร้องทั้งหมดอ้างว่า โครงการทั้ง 30 โครงการเป็นโครงการ หรือกิจกรรมที่ไม่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนวันประกาศบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ประกอบกับศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยวางกรอบไว้ในคำสั่งวันที่ 2 ธ.ค.52 ที่ระบุว่า โครงการ หรือกิจกรรมที่มุ่งควบคุมหรือบำบัดมลพิษ หรือติดตั้งอุปกรณ์เท่านั้น ไม่อยู่ในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ดังนั้นโครงการทั้ง 30 โครงการของผู้ร้องจึงยังไม่สมควรถูกสั่งระงับการดำเนินโครงการในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่มาบตาพุด จ. ระยอง เป็นการชั่วคราว 29 ก.ย.52 และคำสั่งศาลปกครองสูงสุด วันที่ 2 ธ.ค.52 โดยไม่จำเป็นต้องมีคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่า โครงการหรือกิจกรรมของผู้ร้องได้รับการยกเว้นตามคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด ศาลจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยในเรื่องนี้อีก
อย่างไรก็ดีถ้าหากโครงการหรือกิจกรรมใดของได้ดำเนินการตามกฎหรือระเบียบที่ผู้มีอำนาจหน้าที่กำหนดตาม มาตรา 67 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550 คณะกรรมกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กับพวกรวม 8 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) หรือผู้มีส่วนได้เสียอาจมีคำขอต่อศาลปกครองกลาง เพื่อขอให้พิจารณามีคำสั่งแก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งนั้นเสียก็ได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้มีส่วนได้เสียซึ่งเป็นเจ้าของโครงการทั้ง 30 โครงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลมีคำสั่งยกคำร้อง ภาคเอกชนเจ้าของโครงการต่าง มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่คาดคิดว่าศาลปกครองจะยกคำร้อง และมีการคาดการณ์ว่า จะทำให้การโครงการชะงักยาวนานมากกว่า 10 เดือน ถึง 1 ปี ขณะที่ บริษัทร่วมลงทุนกับต่างชาติ เกิดความสับสนอย่างหนัก กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่คาดคิดว่าศาลจะยกคำร้อง ทำให้ต้องมีการประเมินสถานการณ์ตั้งรับวิกฤตที่เกิดขึ้นในช่วงค่ำที่ผ่านมา
ที่มา http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 3&catid=no
เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรครับ