กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีครับ บรรยากาศช่วงนี้คงเป็นช่วงที่เพื่อนเพื่อนหลายคน ห่อเหี่ยว หดหู่  เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด (เรียกว่าเป็นไปตามปกติแหละ เพราะตลาดไม่ค่อยยอมเป็นแบบที่เราคิดอยู่แล้ว ผมเองเป็นอีกคนหนึ่งที่รู้สึก อ๊อดอ๊อด เช่นกัน เป็นธรรมดานะครับ หัวใจเราไม่ได้ทำด้วยเหล็ก เป็นเนื้อทุกคนคงมีความหวั่นไหวกันบ้าง) เลยมานั่งคิดทบทวนถึงตอนที่ฟังดร.นิเวศน์ เรื่องการลงทุนแบบ VI ใหม่ใหม่ ผมรู้สึกตื้นเต้นมากมากว่า เป็นแนวทางการลงทุนที่ดีมากมาก  แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมมันยังใช้ได้ผลอยู่ เพราะถ้ามีคนรู้แนวทางนี้แบบเราเยอะเยอะ โอกาสในการลงทุนแบบนี้คงหมดไปอย่างแน่นอน   พอผ่านการลงทุนไปราวราวอีก 3-4 เดือนจะครบสองปีเต็ม ผมเริ่มเข้าใจเพิ่มขึ้นครับว่าจริงจริง แล้วเป็นเพราะมีหลายช่วงเวลาที่ตลาด ผันผวนมากมากแบบนี้นี่เอง ทำให้คนส่วนมากที่อยากเป็นวีไอ หรือคิดว่าตนเองเป็น วีไอ ก็ไม่สามารถจะอยู่ในแนวทางแบบนี้ได้อย่างมั่นคง (ความยากคงอยู่แถวนี้นี่เอง ) เพราะเมื่อมีข่าวร้ายมากระทบตลาด มีนักวิเคราะห์หลากหลายแนวมาทำการคาดการณ์ตลาด ก็จะทำให้เราไม่สบายใจ อยากล้างพอร์ททิ้งบ้างอยากขายบางส่วนบ้าง  ผมมานั่งคิดไปคิดมาแล้วสังเคราะห์ว่าแท้ที่จริงที่เราหวั่นไหวเป็นเพราะเราคงยังมีความเชื่อน้อยเกินไปกับแนวทางการลงทุน แบบวีไอนี่เอง แม้จะมีทั้งสถิติและการลงทุนแบบวีไอนั้นได้รับการยอมรับอยู่แล้วว่าสามารถใช้ได้ผลในการลงทุนระยะยาว  แต่ที่เราสนใจและชอบเข้ามาศึกษาแนวทางนี้อาจเป็นเพราะเราชอบในแนวทางนี้และเห็นว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ดีและมีเหตุผลที่สุด และ มีความเชื่อว่าจะทำให้เรามีความมั่งคั่งได้ แต่นั่นยังไม่พอที่จะทำให้เราเป็นวีไอจริงจริงได้  ความเชื่อที่จะทำให้เราเป็นวีไอเก่งเก่งได้ต้องเป็นความเชื่อแบบจริงจริง เชื่อแบบไม่มีเงื่อนไข เชื่อแบบไม่สงสัยครับ    สมมตินะครับว่าถ้าผมเชื่อว่า 1+1 ได้ 2 และผมเชื่อแบบนั้นจริงจริง แม้จะมีนักวิเคราะห์ หรือ คนระดับดร.หลายหลายคนมาบอกว่า 1+1 ได้ 3 ผมก็คงไม่เชื่ออยู่ดี เพราะผมมีความเชื่อมากพอว่า 1+1 ได้ 2 แน่นอน ที่ผมพูดถึงคือความเชื่อระดับเดียวกันนี้เลยครับ  ดังนั้นการสร้างความเชื่อในการลงทุนแบบวีไอจึงมีความสำคัญมากถึงมากที่สุด  ผมเองเข้าใจว่าสำคัญมากกว่าหลักการวิเคราะห์หุ้นด้วยตัวเลขทางการเงินต่างต่าง  การวิเคราะห์งบการเงินแบบละเอียดเสียอีก  (เพราะความเชื่อของเรานี้ต้องผ่านการทดสอบแล้ว ทดสอบเล่า กับสภาวะการณ์ต่างต่างและเหตุการณ์ต่างต่างมากมายทีเดียวถ้าไม่แข็งแกร่งพอ ย่อมหวั่นไหวได้  )
ดังนั้นผมจึงอยากเปิดกระทู้ไว้เพื่อรวบรวมข้อความคิดเห็นดีดี ที่สร้างความเชื่อในหลักการลงทุน สำหรับ คนที่กำลังหมดแรงท้อแท้ เข้ามาเป็นทีพักใจ โดยให้เพื่อนเพื่อนช่วยกันรวบรวมเอาข้อความคิดเห็นของรุ่นพี่วีไอเทพเทพ หลายหลายมารวบรวมไว้ในกระทู้นี้ เท่าที่ทำได้ (ใครเจอช่วยหามาโพสต์ด้วยนะครับ ) เผื่อบางครั้งที่เราท้อแท้ ไม่มั่นใจ หรือความเชื่อลดลง จะได้เข้ามาเติมไฟ เติมพลัง เติมความเชื่อในหลักการลงทุน พักให้หายเหนื่อยเพื่อพร้อมจะสุ้ต่อครับ คนโบราณว่าไว้ว่า การศึกษากับความสำเร็จมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกันครับ คือ การศึกษานั้น ต้องเห็นก่อนจึงค่อยเชื่อ  แต่ความสำเร็จต้องเชื่อก่อนถึงจะเห็นครับ  สู้สู้ครับ
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ของพี่โจ สดสด ร้อนร้อน
ลูกอิสาน เขียน:ช่วงนี้หุ้นตกหนักหลายวัน
หลายคนว้าวุ่น สับสน บางคนสติแตก
เห็นหุ้นบางตัวเทขายแบบหนีตาย
ผมหวังว่าคงไม่ใช่นักลงทุนในเวปนี้ :D
เพราะเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า
เราจะกำไรหรือขาดทุนขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการขึ้นลงของดัชนีราคาหุ้น
ถ้าเราวิเคราะห์ถูก เรากำไรตั้งแต่ตอนซื้อแล้ว
เราซื้อหุ้นส่วนของบริษัท ไม่ใช่ดัชนี
ถ้าไม่มีทัศนะแบบนี้ เราจะไม่มีหลักยึด โงนเงนไปตามอารมณ์ตลาด
แทนที่จะหาประโยชน์จากความบ้าๆบอๆของนายตลาด กลับมาเป็นนายตลาดซะเอง แล้วจะอยู่รอดได้อย่างไร
สำหรับคนที่ใช้เงินกู้มาซื้อหุ้น ตลาดแบบนี้ก็ได้รู้เหรียญอีกด้านของการก่อหนี้ครับ...
:?



เราลงทุนในหุ้นเพื่อให้มีอนาคตทางการเงินที่ดี ซึ่งเราหวังว่าเงินเหล่านั้นจะทำให้คุณภาพชีวิตดีด้วย ถ้ามีเงินแต่สุขภาพเสีย จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ดังนั้นอาหารการกิน การออกกำลังกาย การนอน ต้องเป็น priority   แม้บางครั้งจะยืดหยุ่นได้บ้าง :lol:  ปัจจุบันผมต้องเลี้ยงลูกแต่พยายามออกกำลังกายอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์ นอนไม่ต่ำกว่า 7-8 ชั่วโมง  ส่วนเวลาทำงานหุ้นผมไม่เคยนับดูว่าวันละกี่ชั่วโมง เพราะทำงานโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเป็นการทำงานหรือการพักผ่อนกันแน่เพราะเวลาเจอข้อมูลหรือเจอหุ้นดีๆ เราจะมีความสุข น่าจะเหมือนเล่นเกมส์ครับ :D   ปัจจุบันผมไม่ค่อยได้อ่าน 56-1 มากเหมือนเมื่อก่อน เพราะอ่านไปหลายปีเราก็พอรู้ว่าบริษัททำอะไรบ้าง และที่จริงแต่ละบริษัทก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ยกเว้นเป็นหุ้นที่เราไม่เคยติดตามหรือติดตามห่างๆ ถ้าสนใจริงๆก็ต้องอ่านครับ  การที่เรารู้พื้นฐานของหุ้นหลายๆตัวก็มีประโยชน์ เมื่อไหร่ที่มีข่าวดีมีนัยยะเข้ามา เราสามารถตัดสินใจได้เดี๋ยวนั้นทันที โดยไม่จำเป็นต้องไปหาข้อมูลอีก หุ้นบางตัวผมตัดสินใจซื้อไม่ถึง 1 นาที ส่วนใหญ่อย่างมากไม่เกิน 1 ชม. แต่ถ้าเป็นหุ้นที่ไม่เคยติดตามอาจต้องศึกษา 1-2 วันครับ..
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

คุณ แอลฟู ขวัญใจน้องน้องรุ่นใหม่
[L] เขียน:บทเรียน/ สิ่งที่ได้เรียนรู้

ผมลองนึกดูว่า ที่ผ่านมาลงทุนยังไง เห็นอะไรมาบ้าง พบว่า
- การลงทุนให้ประสบความสำเร็จไม่ได้มีวิธีเดียว มีหลายวิธีที่สำเร็จได้ แนวทางใครแนวทางมัน
- หลังวิกฤตย่อมมีโอกาส แต่ก่อนจะมีโอกาสต้องรอดจากวิกฤต และเมื่อโอกาสมาถึงเราต้องกล้า
- อย่าให้ความสำคัญกับผลตอบแทนการลงทุนมากจนเกินไป ความสม่ำเสมอและระยะเวลาการลงทุนต่างหากที่สำคัญมากกว่า
- และข้อสังเกตอื่นๆที่น่าสนใจ


การลงทุนให้สำเร็จไม่ได้มีวิธีเดียว

เมื่อก่อนผมเคยคิดว่า น่าจะมีแนวทางการลงทุนอันเดียวที่ดีที่สุด ที่เหมาะกับทุกคน ต้องลงทุนแบบนี้ถึงจะดี ลงทุนแบบอื่นๆนั้นไม่ดี
แต่เมื่อเวลาผ่านไปถึงรู้ว่า จริงๆแล้วไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะคนเรานั้นต่างกัน

ทางที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มีทางเดียว แต่นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมักมีแนวทางเป็นของตัวเอง
บางคนเก่งหุ้น Cyclical บางคนชอบหุ้นถูกมีตัวเร่ง บางคนหุ้นฟื้นตัว บ้างก็หุ้นประมูลงาน บางคนชอบ Super Stock
บางคนเก่ง Commodities บางคนเก่ง Arbitrage บางคนเก่งทุกอย่างเลย  :bow:  หรือบางคนก็ใช้ Technical ใช้ Fund Flow ประกอบ
เรื่องการบริหารพอร์ต บางคนก็ชอบถือนานหลายปี บางคนถือไม่นานมากหุ้นขึ้นก็ขายเปลี่ยนตัว บางคนถือแค่ไม่กี่หุ้น
แต่บางคนก็ชอบกระจายหลายหุ้น หรือบางคนอาจจะเหมาะลงทุนในกองทุนดัชนีโดยไม่ต้องเลือกหุ้นเลยก็ยังได้
ไม่มีใครถูกใครผิด แนวทางไหนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเราต้องแน่ใจว่าเรารู้เรื่องเหล่านั้นจริงๆ
(มีนักลงทุนฝีมือดีท่านนึงเคยกล่าวว่า แมวสีไหนไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้ก็พอแล้ว)

ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเก็บหุ้นเด็ดทุกตัว เอาแค่ไม่กี่ตัวที่เราเข้าใจได้ก็พอแล้ว ผมเองพลาดหุ้นเด็ดไปตั้งเยอะ
บางตัวก็เป็นโอกาสที่ดีซึ่งผมก็เสียดายเหมือนกัน  :(  แต่ส่วนใหญ่ไม่ลงทุนเพราะยังไม่เข้าใจพอ และบางตัวก็ไม่ใช่แนวที่ถนัด  :oops:
หุ้นที่ผมไม่เคยลงทุนเช่น AIT BANPU BGH BH BLA BOL CPF CPN DSGT GFPT ILINK IRP KH MINT PB PDI PS PTT PTTEP
SAT SCIB SCNYL SIS SNC SPALI SSF STPI SVI TICON TNH TOP TPAC TTA UEC UMS UVAN WG

ตลอด 4 ปีที่ลงทุนมา กว่า 80% ของผลตอบแทนการลงทุนเกิดจากหุ้นหลักๆเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น (4-5 ตัว)
ส่วนผลงานอีก 20% ที่เหลือเกิดจากหุ้นจำนวนมากกว่าที่ผมลองซื้อขายบ่อยๆแบบเก็งกำไร ซึ่งช่วงหลังผมพยายามทำให้น้อยลง

ที่ผ่านมาสไตล์การลงทุนหลักที่ผมใช้คือเน้นลงทุนน้อยตัว (Focus) ถ้าภาวะปกติ ผมจะเลือกหุ้นคุณภาพที่มี DCA + Growth
ยกเว้นถ้าเกิดวิกฤตเหมือนปีที่แล้ว ผมจะเลือกหุ้นถูก + ฟื้นตัว + DCA

ส่วนนักลงทุนท่านอื่นๆก็มีแนวทางของเค้า มีผลงานการลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงๆมากมาย

ต้องรอดจากวิกฤต และเมื่อโอกาสมาถึงต้องกล้า

การลงทุนที่ผ่านมา ผมคิดว่าผมมีโชคอยู่มากพอควร (จะเรียกว่าฟลุ๊คบ้างก็ได้) แต่ทั้งหมดก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ผลตอบแทนที่คิดเป็นเม็ดเงินส่วนใหญ่ของผมเกิดขึ้นในปี 2009 เหมือนมีคนเคยบอกว่า
โอกาสใหญ่ๆของคนเรามีแค่ไม่กี่ครั้งในชีวิต เมื่อมันมาถึงเราต้องกล้า แต่ไม่ใช่อยู่ๆก็กล้า เราต้องศึกษาต้องเห็นมาก่อน
ตอนผมอ่าน ตีแตก อ่านบทความ ผมทั้งดีใจและเสียใจ เสียใจที่โอกาสดีๆแบบตอนนั้น มันผ่านไปแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาอีก
ผมพอรู้เรื่องราวของหุ้นเรือ หุ้นปี 2003 ตอนนั้นผมบอกกับตัวเองว่า ถ้าโอกาสครั้งหน้ามาถึงผมต้องไม่พลาด

แต่เนื่องจากโอกาสจะมาหลังวิกฤต ดังนั้นก่อนจะมีโอกาสได้ เราต้องรอดจากวิกฤตซะก่อนเพราะถ้าพลาดเราอาจไม่ได้แก้ตัวอีก
(ที่จริงปี 2008 ผลตอบแทนผมก็ติดลบ 30% ไม่รู้จะเรียกว่ารอดดีรึเปล่า  :oops: )
ดังคำกล่าวว่า ถ้าเรารู้ว่าเราจะตายที่ไหน ก็อย่าไปที่นั้น
ดังนั้นถ้าเรารู้ว่าโอกาสขาดทุนครั้งใหญ่เกิดได้ยังไง เราก็อาจจะพอหลีกเลี่ยงได้บ้าง
เท่าที่ผมเห็น โอกาสขาดทุนครั้งใหญ่มักจะเกิดจาก การลงทุนในหุ้นคุณภาพต่ำหรืองั้นๆในเวลาทองของธุรกิจนั้น และ
การใช้ Margin ที่มากเกินไป หรือทั้งสองอย่างรวมกัน  :vm:
อีกอย่างคือ การลงทุนหุ้นคุณภาพดีในราคาที่แพงเกินไป เช่น PE 40 เท่าบนกำไรปกติ (ที่ผ่านมา VI น้อยคนที่จะลงทุนแบบนี้)
หรือแม้แต่ การลงทุนในดัชนีตลาดหุ้นที่ร้อนแรง เช่น ลองนึกถึงตลาดหุ้นจีนตอนก่อนวิกฤตที่ PE 40 เท่าดู
(ไม่ต้องพูดถึงหุ้นปั่น หรือการเล่นเก็งกำไร Futures ซึ่งนักลงทุนทุกคนควรรู้อยู่แล้วว่ามีโอกาสหมดตัวได้ทุกเมื่อ)

ดูเหมือนผมจะพูดย้อนหลังใครก็พูดได้ (แต่ใครจะพูดย้อนหน้าได้ล่ะ :evil: )
ปลายปี 2008 - ต้นปี 2009 ทุกคนรู้ว่าหุ้นถูก แต่ไม่ค่อยมีคนกล้า
(ไม่ต้องพูดถึงคนทั่วไปที่ไม่ใช่ชาวหุ้น ซึ่งไม่เคยตระหนักถึง ไม่สนใจด้วยว่า โอกาสมาถึงแล้ว และผ่านไปแล้ว)
แต่ลงมือทำจริงมันไม่ง่ายเลย นอกจากจะเอาหลักเหตุผล หลัก VI มาสู้ทุกทางแล้ว
ที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ต้องมีความมั่นคงทางอารมณ์มากๆ และต้องมีความเชื่อมั่นในหลักการที่ใช้อย่างมาก
(ช่วงนั้นก็ไปงานสัมมนาบ่อยๆ อ่านบทความอาจารย์บ่อยๆหลายๆรอบ)
จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ และจงโลภเมื่อคนอื่นกลัว อันนี้หลายคนเคยได้ยิน
แต่พอถึงเวลาจริงๆกลับรู้สึก โลภไปกลัวไป  โดยเฉพาะเคาะซื้อไปใจสั่นไป  :?

VI รุ่นใหม่ที่พลาดปี 2009 ก็ไม่ต้องเสียดายมาก ยังไงมันก็ผ่านไปแล้ว วิกฤตหน้ายังมีอีกแน่นอน  :twisted: แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
อาจจะปีเดียวหรืออาจจะ 10 ปีก็ได้ ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆคือต้องเอาตัวรอดให้ได้ด้วย
(แต่ต่อให้ไม่ต้องมีวิกฤตเลยก็ยังได้ ถ้าเราลงทุนตามหลักไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอไปเรื่อยๆ ก็ถึงจุดหมายได้เหมือนกัน
เพราะระยะเวลาต่างหากคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการลงทุน)



ขอมาต่ออีกทีซักอาทิตย์หน้านะครับ  :)
(ไม่นึกว่าการเขียนจะเหนื่อยไม่ใช่น้อย นับถือคนที่เค้าเขียนบทความให้ความรู้บ่อยๆจริงๆครับ  :bow: )
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

naris เขียน: พี่ไม่อาจไปวิเคราะห์ฟันธงกับสิ่งที่พี่ไม่รู้จริงได้ แต่ก่อนหน้านี้โดยส่วนตัวพี่เคยไปศึกษาเรียนรู้ทางด้านกราฟและแนวฟันโฟลว์พอคร่าวๆ แต่สุดท้ายพี่เลือกเอาแนวพื้นฐานเพราะแนวคำสอนของพระองค์...............โดยพี่ได้ยึดหลักคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงสอนเรื่อง"อิทัปปัจยตา" หรือคือ "ความที่สิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี" หรือแปลเป็นภาษาบ้านๆคือ "มีผลเพราะมีเหตุ"

พี่เลยคิดว่า ถ้าพี่หาต้นเหตุของการลงทุนเจอจริงๆ ผลที่ได้ย่อมมาจากเหตุที่พี่สร้างไว้แน่นอน ขอยกตัวอย่างนิดหนึ่งนะครับ เช่นคุณหมอตรวจไข้ เจอคนปวดหัว ปวดตัวและแสบหลังอยู่บ่อยๆ และสอบถามบางอย่างเพิ่มเติม ก็อาจจะรู้ทันทีว่าคนนี้เป็นโรคอะไร......เพราะคุณหมอรู้เหตุที่เกิด............แต่ผมไปเจอแม่ค้าท่านหนึ่งที่ไม่รู้สาเหตุนี้ รู้แค่ว่า เขาปวดหัวและปวดตัว เลยกินยาแก้ปวด(อาจจะพาราหรือทัมใจ)เพื่อระงับอาการนั้นๆ........นั่นคือการมองแต่ผล.....ไม่ได้หาเหตุที่แท้จริง..........สรุปมาวันหนึ่ง......คนๆนี้อาเจียรเป็นเลือด.........เพราะกระเพาะเขาทะลุครับ...........เพราะต้นเหตุที่เขาปวดหัว ปวดเมื่อยตัวและแสบหลัง เกิดมาจากเขาเป็นโรคกระเพาะ แต่เขากลับไปกระตุ้นโรคนั้นๆที่ปลายเหตุ.............


พี่ว่าคนเล่นหุ้นในตลาดบางคนก็เหมือนๆกับแม่ค้าท่านนี้คือ............แก้แต่ปลายเหตุ.......แต่เขายังหาเหตุไม่เจอเลยครับ

พี่ขอเอาไอ้ที่พี่เคยเขียนที่มาที่ไป เหตุและผล ของ การเคลื่อนไหวราคาหุ้น ที่พี่เอาไว้อธิบายให้กับตนเองและบอกเพื่อนๆ มาแชร์ให้ดูนะครับ..........

จากที่พี่มองว่า ราคาหุ้นตามกราฟ คือ ผล(สมมุติให้คือA)ที่เป็นผลเพราะมันผ่านไปแล้วจึงเป็นกราฟได้ และกฏของแนวทางนี้คือ มีกรอบแนวต้าน-แนวรับ และกรอบทิศทางทีมันเคยเป็น ส่วนถ้ามันนอกกรอบที่มันเคยเป็น เช่นถ้ามันขึ้นทะลุแนวต้านแล้ว....ควรซื้อตาม หรือถ้ามันลงทะลุแนวรับแล้ว....ควรขายตามเช่นกัน เมื่อนายตลาดหรือเจ้ามือคิดเหมือนกันว่ามันต้องเป็นแบบนั้น.........สุดท้าย.....มันก็เป็นให้ดู......แต่จริงๆนั่นมันคือผล......แล้วต้นเหตุหล่ะคืออะไร.............

ต้นเหตุของA. พี่คิดว่าคือการเคลื่อนไหวของกระแสเงินสดที่ไหลเข้ามาซื้อและขายพร้อมๆกัน........สำหรับจุด ณ.ราคาและเวลานั้นๆ เสมือนหนูเรมมิ่ง......(พี่สมมุติให้เป็นB).......และพี่ยังแบ่งเส้นทางนี้ออกเป็นสามสายดังนี้

สายBแรก......เป็นโชคดีที่ตลาดเมืองไทยเป็นตลาดเกรดสอง ทำให้เราพอจะมองออกทิศทางของเงินที่จะไหลเข้าจากพ่อบุญทุ่มตัวจริงคือชาวต่างชาติ.....ถ้าใคร "เดา"โดยมีข้อมูลที่คิดว่าใช่ ว่าเขาจะขนย้ายเงินเข้ามา ก็ซื้อตาม และถ้ามีสัญญาณว่าเขาจะออกของ ก็ขายตาม......แต่การจะเข้าหรือออกของฝรั่งและกองทุนก็ยังคือผลเพราะมีเหตุบางอย่างทำให้เขามาซื้อ....แล้วเหตุตัวจริงที่ทำให้เขาซื้อหล่ะคืออะไร..........

สายBที่สอง......เป็นสายของทางเจ้ามือปั่นหุ้นที่ทุ่มเงินเข้ามาพร้อมกับปล่อยข่าวเพื่อที่จะให้มีแรงโมเมนตั้มที่ชนะแนวต้านได้.............สายนี้ถ้าใครรู้ข่าวต้นตอก่อน ก็รวยไป ใครเข้ามาทีหลังก็เยี่ยมเที่ยวยอดดอยเป็นประจำ.........อันตรายจริงๆ...........แต่ก็มีบางอย่างที่ไม่ทำให้เขาติดดอยในระยะยาวได้ แสดงว่าBสองก็ยังเป็นผลที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว.........แล้วถ้างั้นเหตุตัวจริงหล่ะคืออะไร............

สายBที่สาม......เป็นสายของทางหุ้นทั่วไปที่ขึ้นหรือลงโดยไม่มีเจ้ามือใหญ่ๆเป็นตัวชี้นำ แต่เป็นรายย่อยๆที่คิดพร้อมกัน ซื้อพร้อมกัน เหมือนหนูเรมมิ่งที่ไปไหนไปด้วยกัน........หุ้นพวกนี้ส่วนมากสองกลุ่มแรกไม่ชอบเข้า........เพราะสภาพคล่องน้อยเต็มการเข้าหรือออก..........แต่บางครั้งก็ทำให้หลายท่านไปยืนบนดอยค้างฟ้าได้ แต่อาจจะยืนเป็นการชั่วคราวหรือถาวรได้เหมือนกัน.........แสดงว่าBสามก็ยังเป็นผลที่เกิดขึ้นชั่วคราว....แล้วเหตุที่พาเขาลงดอย.......คืออะไร

พี่ให้ต้นเหตุของทั้งสามสายคือตัวC

แล้วตัวCที่พี่ว่าคืออะไร.................อะไรเป็นตัวที่จะกำหนดราคาหุ้นให้ขึ้นหรือลงได้..................ติ๊ก..ต่อก..ติ๊ก..ต่อก

เดี๋ยวมาพิมพ์ต่อ......ลองทายกันดูนะครับ
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

naris เขียน:ถูกต้องนะคร้าบ..........(สำหรับคนถายถูก) :P

Cคือข่าวหรือความเชื่อที่เขาคิดว่ามันจะเป็น......เช่น
เชื่อว่างบqหน้าปีหน้าจะดีสุดๆอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน.....อินไซด์ดักราคาก่อนงบออก............ราคาหุ้นเลยขึ้นก่อนงบบ่อยครั้ง....(คุ้นไหม)

หรือเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกและเมืองไทยปีหน้าจะฟื้นแล้วโว้ย..ฝรั่งก็เชื่อว่า ทางเอเชียจะฟื้นแล้วววววววววว.ผลตอบแทนดีแน่นอน...(แต่เราคิดกันว่า ตอนนี้แย่ยังไม่เห็นฟื้นเลยวะ.แล้วทำไม่หุ้นขึ้นเอาขึ้นเอาวะ).....แล้วถ้ามันฟื้นจริง เพราะคิดว่าจะฟื้น.....เลยยอมใช้เงินกันทั่วโลก.....มันก็ฟื้นจริง.....ไอ้เราก็บอกฝรั่งมันเก่งหว่ะ......มันรู้ได้ไงว่าจะฟื้นวะ 555

หรือเชื่อว่า เขาบอกมาว่า10บาท วันนี้3.5เอง โหอัพไซด์อีกเพียบ.....รีบเข้าเหอ เดี๊ยวตกรถ.......ถ้ามันไปก็ไปเพราะข่าวที่พวกคุณเชื่อกันนั้นแหละ......เหมือนหุ้นมีชีวิตจาก50สตางค์ไป5บาทภายใน1ปี :shock:  :ep: หุ้น10เด้งภายในปี ใครไม่อยากได้  ใครเข้ามาแล้วกำไรก็เอาไปคุยต่อ  คนที่ฟังพอเห็นราคาไปต่อก็เข้าไปซื้อ ก็กำไรอีกนั่แหล่ะ เพราะมันขึ้นต่อ.ตอนนั้นข่าวสาระพัดที่จะปล่อย เพื่อให้ราคาหุ้นมันขึ้น. (หุ้นนี่มันเล่นง่ายเจรงๆ.)


แต่ถ้าในทำนองกลับกันหล่ะ.ลองหุ้นตัวนั้นไม่มีใครเชื่อน้ำยาเจ้ามือ...มีแต่คนมองในแง่ลบ...มีคนทะยอยขายตลอด ไม่มีคนมารับช่วย....สักวันเจ้ามือก็จมหุ้นตายได้เหมือนกัน อยากปล่อยก็ปล่อยไม่ออก.....ยิ่งถ้ามีเจ้าหรือเสือหลายตัวอยู่ถ้ำเดียวกัน.........ขาขึ้นช่วยกันลากช่วยกันรับสร้างข่าว............แต่พอตลาดรวมไม่ดี.......มีข่าวลือว่าพี่ใหญ่ของหนูเรมมิ่งจะพาไปตาย....โห...ก็แย่งกันขายเกือบนับฟลอร์ไม่ทัน...... แย่งกันทิ้งหุ้นเหมือนมันไม่มีชีวิต  จากหุ้นมีชีวิตที่เคยอยู่ 5บาท ก็เหลือ 5สตางค์ ภายในเดือนเดียว :vm:

เฮ้อ.....ถ้าใครหนีไม่ทันนี่ร้องเพลงอะไรไม่รู้ดี..............แต่พี่ว่าไอ้ข่าวหรือความเชื่อมันก็ยังคือผลอีกนั่นแหละ..............

แล้วเหตุหล่ะมันคืออะไร...........พี่ให้เป็นตัวD แล้วกัน
naris เขียน:ตัวDคือเหตุของตัวC

ตัวD พี่ให้มันเป็นพื้นฐานของกิจการในระยะยาว เช่น ข่าวว่าเจ้าจะลากหุ้นตัวนี้ ไป10บาท งบก็พยายามทำให้ดูดีแล้ว  ข่าวก็พยายามปล่อยแล้ว แต่ลากไม่ถึงเพราะแรงเทขายเยอะ พอถึงจุดๆหนึ่ง...จะแต่งก็แต่งไม่ได้แล้ว.....พื้นฐานของหุ้นมันโผล่มาให้เห็นแล้ว ราคาหุ้นตัวนั้นๆมันก็จะสะท้อนออกมาเองว่า มันควรอยู่ที่เท่าไหร่  หรือหุ้นบางตัวถูกฟันโฟลว์พัดลงจาก5บาทกว่าไปสองบาทกว่าภายใน3เดือน แต่งบออกมาดีเยี่ยม3ไตรมาสซ้อน ก็ดันไปให้เขาอยู่ที่6บาทได้อย่างน่าภาคภูมิใจว่า.....ตูชนะฟันโฟลว์เฟ้ย...รู้ไหมตัวไหนเอ่ย :P

พี่ขอสรุปก่อนที่จะมีคนงงมากกว่านี้เป็นผังนะครับว่า

พื้นฐานของกิจการ ส่งผล เกิดความเชื่อและข่าว(D ----------->C)
ความเชื่อและข่าว ส่งผล เกิดแรงของเงินไหลเข้าหรือออก(C------------->B)
แรงของเงินไหลเข้าหรือออก ส่งผลให้เกิด กราฟ(B-------------->A)


สรุปว่า ราคาระยะสั้นตามข่าว ราคาระยะยาวตามผลกำไร คร้าบท่าน :P

ปล.ส่วนพื้นฐานของกิจการถ้าเราให้เป็นผล เหตุของพื้นฐานนั้นมาจากมากมายหลายส่วน ของกิจการ ถ้าใครมองออกคนนั้นก็รวย เหมือน วอเรน และอาจารย์นิเวศน์ ครับ

ปล.ที่สอง หุ้นบางตัวมีคนพยายามสร้างจากCหรือBที่ส่งผลไปหาA แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในระยะยาวนั้นราคาหุ้นจะวิ่งหาเหตุคือDเสมอครับ
Small Details Make a Big Difference
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

อันนี้อ่านแล้วชอบพี่ส.สลึงมาก วีไอตัวจริงอีกหนึ่งท่าน
ส.สลึง เขียน:ไม่เคยล้างพอร์ตครับ
และไม่เคยสนใจว่ามีรอบหรือไม่
ถือหุ้น 100% มา 4 ปีแล้วครับ
อาศัยว่าปรับพอร์ตไปเรื่อยๆ

ส่วนตัว เฉยๆ กับราคาหุ้น
ที่เปลี่ยนแปลงในแต่ละวัน
แต่ให้ความสำคัญกับคุณค่าของกิจการ
ที่เราลงทุนมากกว่า

ส่วนใหญ่ หุ้นที่ตัดสินใจลงทุนด้วยเหตุผลยาวๆ
ในระยะยาว จะไม่ขาดทุน (อย่าลืม...
ยืดอกพก mos ไปด้วยเสมอ)

แต่ในระยะสั้น ผมเจอบ่อย
ประเดี๋ยวก็แดง
ประเดี๋ยวก็เขียว
ลงทุนใหม่ๆ ทำใจยาก เพราะเราไปเพ่ง
ราคาหุ้นในแต่ละวัน แทนที่จะเอาเวลา
ไปทำการบ้าน ติดตามกิจการที่เราลงทุน
หรือหากิจการที่คิดว่าเราสนใจ
จะเป็นประโยชน์กว่า...

เวลาลงทุน เราก็ต้องลงทุนด้วยความมั่นใจ
เหตุผลอะไรที่เราคิดว่าคลุมเคลือ
หรือกิจการอะไรที่เราคิดว่ามันเบลอๆ
ก็แค่อย่าเข้าไปยุ่ง เลือกเฟ้นหาเอาแต่ที่มันชัดๆ ชัวร์ๆ
ซื้อแล้วก็ถือ แค่นั้นแหละ ไม่มีอะไร
ในระยะยาว ไม่ขาดทุน....
Small Details Make a Big Difference
nun08
Verified User
โพสต์: 558
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

:D  :D  :D   ความไม่แน่นอน คือ สิ่งที่แน่นอนที่สุด........ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตเป็นอย่างไร ไม่งั้นรวยเละกันหมดแล้ว!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4741
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ความสนุก กำลังเริ่ม อีกรอบ.....ไม่เห็นจะท้อแท้เลย น้องเสอิ :D
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
ภาพประจำตัวสมาชิก
sai
Verified User
โพสต์: 4090
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

dome@perth เขียน:ความสนุก กำลังเริ่ม อีกรอบ.....ไม่เห็นจะท้อแท้เลย น้องเสอิ :D
พี่โดมถึอเงินสดเยอะแน่เลย อิอิ พอดีมีหลายคนที่ผมคุยด้วยแล้วรู้สึกเหมือนเค้าไม่สบายใจน่ะครับ เลยลองอยากให้กำลังใจนะครับพี่  :lol:
Small Details Make a Big Difference
IWILLBEVI
Verified User
โพสต์: 363
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ขอบคุณครับที่เอาบทความดีๆ มาแบ่งปันกัน ได้กำลังใจขึ้นอีกโข อ่านไปสองรอบและเห็นข้อผิดพลาดของตัวเองชัดเจนเลยครับ   :D
nun08
Verified User
โพสต์: 558
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

sai เขียน:
พี่โดมถึอเงินสดเยอะแน่เลย อิอิ พอดีมีหลายคนที่ผมคุยด้วยแล้วรู้สึกเหมือนเค้าไม่สบายใจน่ะครับ เลยลองอยากให้กำลังใจนะครับพี่
nun08
Verified User
โพสต์: 558
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

หลายท่านเห็นหัวเรื่องแล้วอาจคิดว่า เขียนเรื่องอะไร ไม่เข้ากับบรรยากาศเลย!

จริงครับระยะนี้หุ้นขึ้นทุกวัน จะปรับลดลงบ้างก็เล็กน้อย ถือเป็นการขายทำกำไรเล็กๆน้อยๆ แต่ถ้ายังจำกันได้ถึงบรรยากาศตั้งแต่ต้นปีมาแล้ว คงปฏิเสธไม่ได้แน่ๆว่า มันอึดอัดรำคาญใจอย่างที่สุด..!

ว่าไปแล้วหุ้นขึ้นก็ต้องมีลง ลงแล้วมันก็ต้องขึ้น เป็นอย่างนี้เรื่อยมา จะมีก็แต่เพียงระยะเวลาที่ขึ้นและลงเท่านั้นที่ไม่แน่นอน

เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่คุยกันได้อย่างไม่เสียบรรยากาศอย่างแน่นอนครับ

สำหรับ Value Investor แล้ว การขึ้นลงของหุ้นถือเป็นเรื่องปกติครับ Value investor เชื่อว่า การขึ้นหรือลงของหุ้นในระยะยาวเกิดจาก ปัจจัยพื้นฐานเป็นสำคัญ และการขึ้นลงของหุ้นในระยะสั้นเกิดจาก ความโลภ และ ความกลัว ของนักลงทุน เมื่อความโลภเกิดขึ้นจากการที่ได้เห็นหุ้นขึ้นต่อเนื่องก็เข้าซื้อมากขึ้น ทำให้หุ้นยิ่งขึ้นจนในที่สุดก็เกิดความกลัวก็ขายออกทำกำไร

แต่หากกลัวมากถึงขั้นตกใจ อย่างที่นักวิเคราะห์เรียกว่า Panic กันอย่างช่วงที่มีไข้หวัดนก หรือเหตุการณ์ 911 นักลงทุนก็จะรีบขายหุ้นออก เราก็จะเห็นหุ้นตกกันอย่างรุนแรงทีเดียว

Value Investor หลายท่านมักเห็นโอกาสตอนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันมาก่อน จนทำให้เกิดอาการตกใจขายหุ้นออกมาเป็นโอกาสลงทุนชั้นดี ถือเป็นมหกรรมลดราคากันเลยก็ว่าได้ครับ

ผมขอยกตัวอย่างเพื่อนของผมท่านหนึ่ง ท่านนี้ถือหุ้นอยู่บริษัทหนึ่ง ถือมานานมาก เนื่องจากมั่นใจในพื้นฐาน พอเกิดเหตุการณ์ 911 ท่านชิงขายก่อนเลยครับ เหตุเพราะกลัวว่าหุ้นที่ถืออยู่จะตกไปกับเขาด้วย

ผลออกมา ก็คือ ท่านคาดการณ์ได้ถูกครับ มันตกลงมาจริงๆ คือตกมาประมาณ 3%เห็นจะได้ครับ แต่ที่มันตกลงมานั้น เป็นเพราะท่านกับนักลงทุนอีกไม่กี่คนขายออกมา เนื่องจากปริมาณการซื้อขายน้อยมาก และในวันต่อมาราคาก็ปรับตัวกลับมาที่เดิม และแถมปรับขึ้นไปอีกต่างหาก

แต่ท่านก็ยังไม่ได้ซื้อกลับ เพราะยังไม่แน่ใจสถานการณ์ พอท่านหันมาดูหุ้นนี้อีกที ราคาปรับขึ้นสูงกว่าที่ท่านขายออกไปพอสมควร ทีนี้เกิดอาการตกใจซื้อเลย และหุ้นบริษัทนี้ก็ปรับตัวขึ้นตลอดมา

อีกตัวอย่างหนึ่งครับ มีหุ้นอยู่บริษัทหนึ่งราคาได้ปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อปี 2546 จนต้นปี 2547 จากนั้นตลาดหุ้นก็ตกเรื่อยมา พาเอาราคาหุ้นบริษัทนี้ลดลงมาด้วย เพื่อนผมท่านนี้เห็นว่า ราคาลงมามากแล้วเลยเข้าซื้อครับ ปรากฏว่า ซื้อได้ราคาถูกแล้วก็ยังมีถูกกว่าอีก ตอนนี้ก็ยังถูกเหมือนเดิม

อย่างที่กล่าวไว้ครับว่า Value Investor เชื่อว่า หุ้นขึ้นลงในระยะยาวเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานของกิจการนั้นๆเป็นสำคัญ ดังนั้น Value Investor มักจะไม่สนใจราคาหุ้นรายวันหรือในระยะสั้นๆ เป็นอันขาด

พวกเขาจะสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานของกิจการในระยะยาว เช่น ความสามารถในการแข่งขัน ความสามารถในการทำกำไร และการขยายตลาด ฯลฯ

Value Investor เชื่อในเรื่องมูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) ของกิจการ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยพื้นฐานของกิจการนั่นเอง

ถามว่า เคยซื้อหุ้นแล้วราคามันตกลงไปแบบน่าใจหายไหม?

สำหรับผมแล้ว เคยครับ!

ตกไปเกือบ 50% สิ่งที่ต้องทำก็คือ ต้องตรวจสอบพื้นฐานของกิจการใหม่แล้วครับว่า มีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่กระทบมูลค่ากิจการขนาดนี้ หากไม่พบว่ามีอะไรกระทบเลย พื้นฐานคงเดิม นั่นคือโอกาสซื้อหุ้นเพิ่มในราคา ส่วนลด หากมีการเปลี่ยนแปลงปัจจัยพื้นฐานก็ต้อง ขายทิ้ง

ตัดสินใจพลาดต้องแก้ไขทันทีครับ

ท่านเชื่อไหมว่าในยามที่หุ้นตก ตลาดหุ้นซบเซา นักลงทุนหลายรายอยากขายหุ้นกันนั้น ยังมีหุ้นพื้นฐานดีๆ ราคาเหมาะสมให้เลือกลงทุนอย่างมากมาย บางท่านอยากให้หุ้นตกนานๆ เพราะรอเอาเงินปันผล หรือสะสมเงินมาซื้อหุ้นราคาถูกๆ เก็บไว้เพิ่มอีก และกลัวว่ามันลงและจะขึ้นมาก่อนจะได้ปันผลและสะสมเงินมาซื้อหุ้นเพิ่มได้ทัน

จะว่าไปแล้ว การเห็นหุ้นลงแล้วกระโดดโลดเต้นดีใจ มันก็คงแปลกอยู่สักหน่อย

แต่คุณๆเชื่อไหมครับว่า ในวิกฤตินั้นมักมีโอกาสอยู่เสมอ!

หุ้นตกจะทำอย่างไร?
Value Way
มนตรี  นิพิฐวิทยา
                ขออนุญาตินำ บทความของพี่มน มาลงน่ะครับ..........
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4741
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

sai เขียน:
พี่โดมถึอเงินสดเยอะแน่เลย อิอิ พอดีมีหลายคนที่ผมคุยด้วยแล้วรู้สึกเหมือนเค้าไม่สบายใจน่ะครับ เลยลองอยากให้กำลังใจนะครับพี่
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
meawkub
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ผมว่าช่วงวิกฤตตอน400จุดความรู้สึกกระเส่ากว่านี้อีกนะครับ :shock:
ผมว่าคนที่ลงทุนแล้วผ่านช่วงนั้นมาได้ ผมว่าน่าจะไม่มีปัญหากับafter shockนิดหน่อย  คำคมเดิมๆ มีโอกาสในวิกฤตเสมอ อยู่ที่ว่าใครจะมองเห็นมัน

สู้ สู้ ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
vi_tal signs
Verified User
โพสต์: 631
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอบคุณครับ  :oops:
มันจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

dome@perth เขียน:ความสนุก กำลังเริ่ม อีกรอบ.....ไม่เห็นจะท้อแท้เลย น้องเสอิ :D
้แหมเีรียกซะัเสียเลย
อ่านว่าซาอิคุงครับ
เป็นผีสิงอยู่ในกระดานโกะครับ
แต่เล่นโกะเก่งระดับเทพ
มาจากเรื่องฮิคารุเซียนโกะ
พวกบ้านนอกเอ๊ยเมืองนอกเมืองนา
ไม่ค่อยรู้เรื่อง
ต้องมาคอยเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ...ฮ่า...

อ่านกระทู้แล้วได้กำลังใจดีจริงๆครับ
แต่พอร์ตแด๊งแดง
ไม่เป็นไรครับ จะุถูกจะแพง ให้แดงไว้ก่อน...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
AuI_a VI
Verified User
โพสต์: 413
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เป็นหัวข้อที่ดีมากๆเลยนะครับพี่ซาอิ  ผมขอชื่นชมเลย :D

เป็นกำลังใจให้สำหรับนักลงทุนทุกท่านครับ ในวิกฤตย่อมมีโอกาส

หลายคนหุ้นไม่ตกก็บ่น ตอนนี้ก็เป็นโอกาสแล้วล่ะนะครับ

สำหรับคนถือหุ้นร้อยเปอร์เซนต์หรือมากกว่า ผมแนะนำว่าไม่ควรดูต้นทุนครับ ไม่งั้นจะไม่กล้าตัดใจขายตัวลงน้อยไปซื้อตัวลงเยอะ เพราะว่าโดยธรรมชาติจิตใจคนมันมักจะเป็นแบบนั้น

ว่าแต่ตัวที่พี่ซาอิโยกไปเข้า วันนี้ก้อบวกนะครับ นับถือๆๆๆ

ปล.เรียกว่าซาอิ หรือเสอิ ก้อยังดีนะครับพี่ป้อม ดีกว่าเรียก อา โอ อิ....หรือ มิ ยา อิ เอ้ย บิ  :oops:
Even Sir Isaac Newton loss in stock market

"You can't predict the future, because the future depends on how you react to it."

ซื้อหุ้นเมื่อคนส่วนใหญ่หมดศรัทธาในหุ้นและเทขายอยู่  นั่นคือเวลาตี5ในการจ่ายตลาด....จาก สอง ว. ผู้ยิ่งใหญ่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 1522
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

เป็นกระทู้ให้กำลังใจที่ดีมากเลยครับพี่ซาอิ

ถ้าแน่ใจในหุ้นตัวเอง กำไว้แน่น ๆ เลยครับ ถ้าไม่แน่ใจ ก็รีบปล่อยวางไป
คราวหน้าซื้อหุ้น ต้องแน่ใจในหุ้นนั้น ๆ ซื้อถูกหน่อยแล้วถือยาว ๆ

ตลาดเป็นยังไง ก็หาประโยชน์จากมัน แต่อย่าไปเล่นกับมันซะล่ะ เดี๋ยวเจอมันหลอก (ชอบโดน  :lol: )

ปีนี้ตลาดหุ้นอารัมภบทได้อย่างสวยงาม เป็นปีที่ท้าทายอีกปีนึง
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
atsu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1220
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

พี่ซาอินี่เป็นสุดยอดนักลงทุนที่มีการพัฒนาเร็วสุดๆเท่าที่ผมนึกออกจริงๆครับ
ไม่น่าเชื่อจริงๆลงทุนยังไม่ถึง 2 ปีดีเลย
ผมยังจำได้ว่าช่วงแรกๆพี่ซาอิก็ถามคำถามแบบที่มือใหม่ทั่วไปถามในเวปแหละ
แต่ผ่านไปปีกว่าๆ พอผมได้อ่านที่พี่วิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวแล้วทึ่งจริงๆ  :bow:


อ่านกระทู้นี้แล้วรู้สึกสงบขึ้นครับ
ย้อนนึกดูตลอดช่วงที่เล่นหุ้นมา 6 ปี ผมก็จะรู้สึกหวั่นๆเป็นพักๆตลอดเวลาหุ้นตก
ก็ได้การอ่านหนังสือหรือบทความดีๆทำให้สงบขึ้นและนึกได้ว่าเราต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ไปอีกนับครั้งไม่ถ้วนแน่ๆตลอดชีวิตการลงทุน

ผมรู้สึกว่าช่วงหุ้นตกมักเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะได้ทบทวนรายละเอียดในหุ้นแต่ละตัวว่าดีจริงรึเปล่า แบบไม่มีอคติ(ทางบวก)ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
dome@perth
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4741
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

por_jai เขียน: ้แหมเีรียกซะัเสียเลย
อ่านว่าซาอิคุงครับ
เป็นผีสิงอยู่ในกระดานโกะครับ
แต่เล่นโกะเก่งระดับเทพ
มาจากเรื่องฮิคารุเซียนโกะ
พวกบ้านนอกเอ๊ยเมืองนอกเมืองนา
ไม่ค่อยรู้เรื่อง
ต้องมาคอยเล่าให้ฟังอยู่เรื่อยๆ...ฮ่า...

อ่านกระทู้แล้วได้กำลังใจดีจริงๆครับ
แต่พอร์ตแด๊งแดง
ไม่เป็นไรครับ จะุถูกจะแพง ให้แดงไว้ก่อน...ฮ่า...
:evil:  :evil:

ไม่รุ้ว่าพี่ป้อมก็ชอบสีแดง......ว้าย (พอร์ต) สีเดียวกันเลย อิอิ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
"
nanchan
Verified User
โพสต์: 2938
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

รอบนี้ผมว่ายังไม่เห็นวิกฤติอะไรเลย
แต่รู้สึกว่าคนจะกลัวกันover หรือว่าผมคิดบวกไปเอง
ซื้อหุ้นเพิ่มเรื่อยๆอยู่ แม้จะมีเงินน้อยก็ตาม พอจะเพิ่มพลังได้ปะ
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

nanchan เขียน:รอบนี้ผมว่ายังไม่เห็นวิกฤติอะไรเลย
แต่รู้สึกว่าคนจะกลัวกันover หรือว่าผมคิดบวกไปเอง
ซื้อหุ้นเพิ่มเรื่อยๆอยู่ แม้จะมีเงินน้อยก็ตาม พอจะเพิ่มพลังได้ปะ
เห็นด้วยครับ จริงๆหุ้นก็ลงมานิดเดียวเอง ยังไม่ได้ลงถล่มทลายแบบน่ากลัว
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
winkung
Verified User
โพสต์: 1036
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 23

โพสต์

อ่านแล้วมัน อ๊อด อ๊อด มากเลยพี่  :8)
อย่าโลภเกินความรู้ความสามารถของตัวเราเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
phoncu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 338
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 24

โพสต์

newbie_12 เขียน: เห็นด้วยครับ จริงๆหุ้นก็ลงมานิดเดียวเอง ยังไม่ได้ลงถล่มทลายแบบน่ากลัว
เห็นด้วยเหมือนกันครับ  ส่วนตัวคิดว่ากำลังรอคอยโอกาสแล้วซัดเป๋งๆ  ซักดอกใหญ่ๆ   :lol:  :lol:

ปล. ขอบคุณคุณซาอิที่รวบรวมบทความดีๆมาให้อ่านครับ   :wink:
vivitawin
Verified User
โพสต์: 1922
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 25

โพสต์

newbie_12 เขียน: เห็นด้วยครับ จริงๆหุ้นก็ลงมานิดเดียวเอง ยังไม่ได้ลงถล่มทลายแบบน่ากลัว
ถ้าถือเต็มปอดผ่าน 900 ลงมา 300กว่าๆได้ ลงแค่นี้มัน จิ๊บ จิ๊บ อยู่แล้วล่ะครับ  :lol:
ถ้าลงไปถึง 200 จุด ขำไม่ออก  :oops:
DevilCupid
Verified User
โพสต์: 251
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 26

โพสต์

:bow: :bow: :bow:  << สำหรับพี่ๆที่แนะนำสิ่งดีๆครับ

:bow: :bow: :bow:  << สำหรับพี่ sai ที่รวบรวบคำแนะนำดีๆมาให้อ่านครับ

แดงรอบนี้ผมทะยอยซื้อเพิ่มครับเท่าที่เงินสดจะพอมี
แต่พออ่านก็เกิดคำถามครับว่าถ้าเราซื้อและเก็บยาวจนถึงวิกฤติอีกครั้ง
ณ ตอนนั้นเราจะรู้ได้ยังไงครับว่าเราควรเปลี่ยนหุ้นเป็นเงินสดเก็บไว้
เพราะรอซื้อช่วงที่ตลาดเกิดวิกฤติแรงๆ
มโนปุพพังคมาธัมมา - ในตัวของเรามีใจเป็นใหญ่
มโนเสฏฐา มโนมยา - ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นธรรมชาติถึงก่อน
มะนะสา เจ ปสันเนนะ - ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จแล้วแต่ใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2912
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 27

โพสต์

vivitawin เขียน:
ถ้าถือเต็มปอดผ่าน 900 ลงมา 300กว่าๆได้ ลงแค่นี้มัน จิ๊บ จิ๊บ อยู่แล้วล่ะครับ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3352
ผู้ติดตาม: 1

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ขอบคุณพี่ sai สำหรับการตั้งกระทู้ดีๆ อย่างนี้นะครับ...

ผมว่าหลักการลงทุนใดๆ ก็ตาม จุดที่ยากที่สุด คือ การควบคุมความโลภและความกลัว ไม่ให้เป๋ไปตามอารมณ์ของตลาด...

ขอยกคำสอนของเฮียคลาดเครียด ที่สอนไว้ในหนังสือว่า ให้บริหารความโลภให้สมดุลกับความรู้

สำหรับ VI ถ้าเรารู้ตัวว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ มูลค่าของกิจการมันเป็นยังไง MOS ของราคา ณ ขณะนี้มากน้อยขนาดไหน ก็น่าจะพอเป็นที่พึ่งพิงให้เรายึดเหนี่ยวได้ระดับนึง ไม่อย่างงั้นจะหล่อหลักลอยโดยไม่รู้ตัว

ถ้าเรายังรู้สึกหวั่นไหว อันเนื่องมาจากเราอาจจะยังไม่แม่นในหลักการ หรือมูลค่าที่เราคำนวนได้มาจากวิธีการที่เราก็ยังไม่เชื่อตัวเองเหมือนกัน อันนั้นอาจจะเกิดจากการที่เราโลภมากเกินความรู้ที่เรามี ทางแก้ก็ต้องไปศึกษาเพิ่ม เจาะลึกลงไปในกิจการ ให้เรารู้จริงกับสิ่งที่เราลงทุนอยู่

สุดท้ายถ้ายังหาความสงบในจิตใจไม่ได้... อาจจะต้องพึ่งทางธรรมเข้าช่วยมั้งครับ...  :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
kenne
Verified User
โพสต์: 40
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 29

โพสต์

ขอบคุณ สำหรับ ข้อคิดเตือนใจ เตือนสติ

เพราะขนาดมีสติ แล้วก็ยังพลาดกันได้

ผมล่ะ รักสมาชิกในเวปนี้จริงๆ

ทุกท่านมีแต่ ให้ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน

ขอบคุณมากๆครับ สักวันผมคงได้ใช้ความรู้ความสามารถ

ของผม เขียนบทความดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้บ้างง
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2567
ผู้ติดตาม: 0

กระทู้เพิ่มพลังความเชื่อในการลงทุนแนววีไอ

โพสต์ที่ 30

โพสต์

:evil: สู้ๆๆๆๆมั่นคงงงเด็ดเดี่ยวววว
เมื่อวานสติแตกไปหน่อยขายไป1ตัวที่ไม่ควรขาย แซ๊ดดดดT^T
วันนี้รู้สึกเลยครับเสียใจT^Tหน้ามือดันไปดูราคาหน้าจอเห็นมันลงแรงๆๆๆมากตัวนี้ ยิ่งลงยิ่งซื้อจนหมดหน้าตักแล้วลงอีกๆๆๆ กดดันขายเลยย สุดท้ายขายที่ราคาต่ำสุดครับT^T....ขายแล้วนึกเสียดายยย รอจังหวะกลับไปซื้อมันก็วิ่งไป วิ่งไป บวกกับการหลอกตัวเองไม่ยอมรับความผิดที่ขายไปต้องการราคาต่ำกว่า สรุปคือ+7% อูยยยแสบบบสะท้านนนน

สาเหตุน่าจะมาจาก
1.อยู่หน้าจอดูราคามากเกินไปเห็นราคามันวิ่ง ทนไม่ไหว อยากปล่อยแล้วลงไปรับที่ต่ำกว่า....ต้องปรับปรุงตัวT^T
2.อันนี้ประเด็นสำคัญครับศึกษาและรู้จักตัวนี้ไม่มากพอ ทำให้มั่นใจไม่เต็มร้อย ศัทธาไม่หมดใจ พอมีข้อ1มากระทบจึงทำให้ความมั่นใจลดหายได้....ดังนั้นได้บทเรียนว่าการเป็นVIที่ดีนั้นจะต้องศึกษาหุ้นที่มีมาดีจริงๆ มาจนรูจักหุ้นตัวนั้นจริงๆ และเมื่อเรารู้จักมันถึงแก่นแท้เราก็จะศัทธามันเต็ม100อย่างที่พี่ซาอิบอก พอศัทธาเต็มร้อยแล้ว ถ้าปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง ก็ไม่มีสิ่งใดมาสั่นคลอนความศัทธาเราได้ จะทำให้ยิ่งลงยิ่งถูกกกก ยิ่งไม่กล้าขาย ยิ่งรู้สึกอยากได้อีกกกกก  

ดังนั้นสรุปได้ว่าVIที่ดีนั้นต้องเป็นคนที่รู้จักหุ้นตัวที่ซื้ออย่างถึงแก่นเท่านั้นจนเกิดความศัทธาเต็มร้อยยย

ปล.แต่ถ้าเชื่อในสิ่งที่เลือนลางดังเช่นหุ้นที่ไม่ได้ศึกษามาดีเขาเรียกว่างมงายนะครับ อันนี้อันตราย ยิ่งลงยิ่งเชื่อเพราะงมงาย ไม่ใช่ความเชื่อ น่ากัวคร๊าบบบบ

ขอบคุณพี่TVIทุกๆท่านที่คอยให้คำชี้แนะและขัดเกลาผม...ขอบคุณจริงๆครับ จากใจจริง....แต่คงจะเพิ่งเริ่มต้นนะครับหลังจากนี้คงจะรบกวนพี่ๆอีกเยอะครับแฮ๊ะๆฝากตัวด้วยนะครับ:P
โพสต์โพสต์