Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

พอดีอ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ ที่พูดถึงเรื่องการทำธุรกิจว่า การลงทุนในหุ้นก็เหมือนกับการลงทุนทำธุรกิจ เพราะเราเข้าไปถือหุ้นเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ บางครั้งเรายังสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าเจ้าของลงทุนเองเสียอีก ผมรู้สึกเห็นด้วย แต่อยากจะทราบความคิดเห็นว่า แนวคิดนี้ มีช่องโหว่ไหนที่เรานึกไม่ถึงหรือปล่าวครับ จึงอยากจะถามดังนี้

1.หากเราคิดอยากมีธุรกิจ ระหว่างการหาธุรกิจมาทำ เช่นหาของมาขาย เปิดร้านค้า กับการลงทุนในหุ้น จะสามารถให้ผลตอบแทนเหมือนกันหรือไม่ หากเหมือนกัน จะมีคนที่ลงทุนในหุ้น แล้วร่ำรวย เหมือนกับที่คุณเจริญ ร่ำรวยจากการทำธุรกิจสุรา หรือ คุณเทียม ร่ำรวยจากการทำธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ คุณตัน ร่ำรวยจากการทำธุรกิจร้านอาหาร และ เครื่องดื่ม ได้หรือไม่ (ไม่นับแบบบับเฟตนะครับ ที่รับจ้างเอาเงินคนอื่นมาลงทุน แล้วได้เปอร์เซ็นต์ เอาแบบเงินตัวเองลงทุนล้วนๆครับ)

2.การลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่นการซื้อคอนโด การซื้อที่ดิน เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้น จะให้ผลตอบแทนเหมือนกันหรือไม่ หากเหมือนกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อสินทรัพย์อย่างอื่น เราเอาเงินมาลงทุนในหุ้นอย่างเดียวก็น่าจะเหมือนกันใช่มั๊ยครับ

ขอบคุณครับ

chatree เขียน: 1.หากเราคิดอยากมีธุรกิจ ระหว่างการหาธุรกิจมาทำ กับการลงทุนในหุ้น จะสามารถให้ผลตอบแทนเหมือนกันหรือไม่

การลงทุนในการทำธุรกิจสามารถให้ผลตอบแทนได้ดีกว่าครับ....เพราะคุณไม่เพียงได้ผลตอบแทนจากหุ้น แต่คุณจะได้เงินเดือนของผู้บริหารกิจการตัวเองด้วย ซึ่งคิดว่าไม่น้อยเลยทีเดียว และหากกิจการคุณดีจริงๆ จะอาจมีมูลค่าสูงกว่าBVซึ่งจะเห็นได้ว่าบริษัทที่ดีๆส่วนมากราคาจะสูงกว่าBV แทนที่คุณจะไปซื้อในคารPBVมากกว่า1 แต่คุณซื้อเพียงPBV=1เพราะคุณเป็นเจ้าของเอง
ดังนั้นหากคนที่เริ่มต้นจาก0จะก้าวไปถึงระดับพันล้านคุณจะต้องสร้างธุรกิจขึ้นมาเอง แต่!!!คุณก็ต้องรับความเสี่ยง และคุณต้องมีความสามารถพอและต้องทำงานหนักมากๆเพื่อแลกมันมา.....

ยกตัวอย่างร้านก๋วยเตี๋ยว1ร้าน ลงทุน1แสน ขายได้เดือนละ5หมื่นกำไร40%ก็2หมื่นบาท ซึ่งถือเป็นเคสทั่วไปมากๆ ซึ่งเท่ากับคุณจะได้กำไรเดือนละ20000/100000=20%  ขอย้ำเดือนละนะครับ...ถ้าx12ก็240% ซึ่งคุณจะได้รับเต็มๆครับ หรืออาจะหักค่าตัวซัก140%ก็ยังเหลือ100%นะครับ ซึ่งในการเล่นหุ้นคนที่ทำได้ระดับนี้ยากส์ครับต้องเทพจริงๆ ถ้าสามัญชนก็10%

สรุปลงทุนเหนื่อยกว่าเสี่ยงกว่าแต่ได้รับผลประโยชน์มากกว่า ส่วนมากสูตรที่ดูดีที่สุดคือทำกิจการหรือทำงานอะไรก็ได้ให้มีเงิน1ล้านหรือ10ล้านให้เร็วที่สุดแล้วก็ปรับตัวเองมาลงทุนชีวิตก็จะสบายขึ้นมีเวลาว่างมากขึ้นแต่ก็ยังสามารถหาเงินได้เรื่อยๆจากการลงทุน

chatree เขียน: 2.การลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่นการซื้อคอนโด การซื้อที่ดิน เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้น จะให้ผลตอบแทนเหมือนกันหรือไม่ หากเหมือนกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อสินทรัพย์อย่างอื่น เราเอาเงินมาลงทุนในหุ้นอย่างเดียวก็น่าจะเหมือนกันใช่มั๊ยครับ

เคยคิดแล้ว กรณีซื้อคอนโด เงินลงทุนคือเงินดาวน์ แล้วลบค่าเสื่อม ดอกเบี้ย  บวกราคาคอนโดที่อาจเพิ่มขึ้น รายได้จากค่าเช่า (ไม่รวมเงินเฟ้อจะได้คิดฐานเดียวกับการเล่นหุ้น) รวมๆโหลงโจ้งแล้วอยู๋ที่ 5-20% ขึ้นอยู๋กับว่าจะจับทำเทถูกจุดหรือไม่? ซึ่งผมว่าการเล่นหุ้นน่าจะได้ซัก10-30%ถ้าศึกษาอย่างจริงจัง.....ซึ่งโดยส่วนตัวผมเลือกหุ้น!!! ส่วนหนึ่งเพราะผลตอบแทน....แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุหลัก สาเหตุหลักคือความคล่องตัวมากกว่าเยอะมาก ซึ่งผมเชื่อว่าผมไม่เก่งแค่เรียนรูแล้วทำไม่พอต้องลองผิดลองถูกซึ่งหากผมบังเอินเลือกหุ้นผิด!!! ผมกลับตัวโดยการคลิ๊กเพียงนิ้วเดียว ซึ่งผมเชื่อว่าผมต้องมีผิดแน่ๆ แต่หากผมลงทุนในคอนโดหรือกิจการ ผมพลาด1ครั้งนั้นจะแรงมากไม่สามารถกลับเส้นทางได้ง่ายๆ คอนโดเจอค่าสลับสวิตจุกครับ กิจการถ้าไม่โอเงินเก็บอาจหมดได้ครับ แต่ในการเล่นหุ้นผมสามารถเรียนรู้ผิดและถูกได้หลายๆครั้ง  และผมก็ทำงานประจำไปด้วยแม้นหุ้นจะมีปัญหาแต่งานประจำยังอยู่ รายได้ยังมี ตำแหน่งหน้าที่ยังโตไปเรื่อยๆครับ

เสริมจากของคุณปิ๊กนะครับ ช่องโหว่ต้องมีบ้างครับ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ

นักเล่นหุ้นที่ไม่ใช่ insider ไม่มีทางรู้ข้อมูลได้มากและเร็วเท่าเจ้าของกิจการ นอกจากนี้ เราไม่สามารถไปคุมเกม กำหนดนโยบาย หรือกำหนดแนวทางแก้ปัญหาได้ ทำได้ก็แค่ศรัทธาในตัวผู้บริหารที่เลือก

ธุรกิจส่วนตัว (หรือคอนโด ที่ดิน) มีความผันผวนของ "ราคา" น้อยกว่า เพราะไม่มีใครมานั่งประเมินกันบ่อยๆ

เขาถึงว่ากันว่า ถ้าอยากเป็นสุดยอด ให้สร้างธุรกิจให้เจ๋ง แล้วเอามาเข้าตลาดระดมทุน กินรวบสองขาครับ

chatree เขียน:พอดีอ่านหนังสือของ ดร.นิเวศน์ ที่พูดถึงเรื่องการทำธุรกิจว่า การลงทุนในหุ้นก็เหมือนกับการลงทุนทำธุรกิจ เพราะเราเข้าไปถือหุ้นเป็นเจ้าของบริษัทนั้นๆ บางครั้งเรายังสามารถซื้อได้ในราคาที่ถูกกว่าเจ้าของลงทุนเองเสียอีก ผมรู้สึกเห็นด้วย แต่อยากจะทราบความคิดเห็นว่า แนวคิดนี้ มีช่องโหว่ไหนที่เรานึกไม่ถึงหรือปล่าวครับ จึงอยากจะถามดังนี้

1.หากเราคิดอยากมีธุรกิจ ระหว่างการหาธุรกิจมาทำ เช่นหาของมาขาย เปิดร้านค้า กับการลงทุนในหุ้น จะสามารถให้ผลตอบแทนเหมือนกันหรือไม่ หากเหมือนกัน จะมีคนที่ลงทุนในหุ้น แล้วร่ำรวย เหมือนกับที่คุณเจริญ ร่ำรวยจากการทำธุรกิจสุรา หรือ คุณเทียม ร่ำรวยจากการทำธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ คุณตัน ร่ำรวยจากการทำธุรกิจร้านอาหาร และ เครื่องดื่ม ได้หรือไม่ (ไม่นับแบบบับเฟตนะครับ ที่รับจ้างเอาเงินคนอื่นมาลงทุน แล้วได้เปอร์เซ็นต์ เอาแบบเงินตัวเองลงทุนล้วนๆครับ)

2.การลงทุนในสินทรัพย์อื่น เช่นการซื้อคอนโด การซื้อที่ดิน เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้น จะให้ผลตอบแทนเหมือนกันหรือไม่ หากเหมือนกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อสินทรัพย์อย่างอื่น เราเอาเงินมาลงทุนในหุ้นอย่างเดียวก็น่าจะเหมือนกันใช่มั๊ยครับ

ขอบคุณครับ

`จะรวยหรือไม่อยู่ที่คนที่ลงทุนครับ
ถ้ามาลงทุนแบบชาญฉลาดมีเงินมาพร้อมกับความรู้และความพร้อมยังไงก็รวยกลับไปแน่ๆ.....แต่ถ้ามาแบบมั่วนิ่มก็อาจหมดตัวได้นะครับ

อาชีพไหนมันก็รวยได้ทั้งนั้น.....อย่ายึดติด....เลือกสิ่งที่เราถนัดดีกว่า
สำหรับผมแล้วหุ้นคืออาชีพที่ผมชอบที่สุดแล้ว

แค่คิดและลงมือลงทุนก็มีเงินสบายๆแล้ว
ไม่ต้องไปถกเถียงกับเจ้านาย/ลูกน้อง......55555+

ไม่เห็นจะยากเลย......ถ้าเรามุ่งมั่นซะอย่าง

สวัสดีครับ.....thammathit

แบบพี่ thammathit ครับ
ถ้าได้ทำงานที่ตัวเองชอบจริงๆ และสนุกไปกับงานที่ทำอยู่
ก็สามารถร่ำรวยได้ทั้งทางการเงิน และจิตใจครับ

ยามดึกนึกหนาวหนาว เขนยแนบ แอบเอย
เย็นฉ่ำน้ำค้างย้อย      เยือกฟ้าพาหนาว

ถ้าเทียบผลตอบแทนจากการทำธุรกิจกับการลงทุนในหุ้น
ธุรกิจดีกว่าแน่ๆครับ
แต่คุณก็ต้องเหนื่อยเองด้วย

ส่วนการลงทุนคุณลงทุนในความรู้
พอเลือกหุ้นที่ดีๆเข้าพอร์ต งานของคุณก็จบแล้ว
แค่คอยติดตามข่าวสารพื้นฐานกิจการเท่านั้นครับ

ผิดกับธุรกิจที่ต้องลงมือลงแรง
วันไหนไม่เปิดร้านไม่ได้ตังค์ ( ถ้าพูดถึงธุรกิจส่วนตัว ตามนิยามของ R.Kiyosaki นะครับ )



ส่วนเรื่องหุ้นกับอสังหาฯ
ตอนแรกผมก็คิดเหมือนกันครับ
ว่าอยากทำหอพักเพื่อสร้างรายได้ให้พ่อแม่
แต่คำนวนดูแล้ว IRR น่าจะตกที่ประมาณแค่ 5% อย่างมากก็ไม่เกิน 10% ต่อปี
ซึ่งหากลงทุนในหุ้น น่าจะสามารถทำผลตอบแทนได้มากกว่านั้นและเสี่ยงน้อยกว่า

ตามที่คุณ picklife กล่าวเอาไว้นั่นแหละครับ
หุ้นสภาพคล่องสูงกว่า ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเป็น 20-30 ล้าน
ก็สามารถลงทุนได้

ซึ่งชาวบ้านฐานะปานกลางอย่างผม หากจะสร้างหอพักละก็คงต้องพึ่งสินเชื่อกับแบงค์แน่ๆ   ยิ่งทำให้เพิ่มความเสี่ยงให้แก่ชีวิตเข้าไปใหญ่

คิดว่าได้นะครับเพราะมีตัวอย่างนักลงทุนเก่งๆหลายท่านทีประสบความสำเร็จจากการลงทุนหุ้นอย่างเดียว  แต่โดยส่วนตัวยังทำงานประจำอยู่แต่หวังว่าสักวันคงเป็นนักลงทุนหุ้นเพียงอย่างเดียว  :oops: