อื้อฮือไตรมาส4โต5.8% ข่าวจาก โพสต์ ทูเดย์
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 23, 2010 9:57 am
สศช.เผยจีดีพีไตรมาสสุดท้ายปีก่อนพุ่ง คาดปีนี้ขยายต่อ 4% แต่หวั่นการเมืองฉุดวิกฤตรอบ 3
นายอำพน กิตติอำพนเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยจีดีพีไตรมาส 4 ของปี 2552 ขยายตัว 5.8% เป็นการขยายตัวครั้งแรกเมื่อเทียบกับทุกไตรมาสในปีก่อนที่ติดลบมาตลอดส่งผลให้จีดีพีในปี 2552 ขยายตัวลบ2.3% ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวลบ 4 ถึงลบ 7%
สำหรับประมาณการจีดีพีปี2553 คาดว่าจะขยายตัว 4% ช่วงที่คาดการณ์ไว้ 3.5-4.5% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกในรูปเงินเหรียญสหรัฐจะขยายตัว 15.5%การลงทุนรวมขยายตัว 4.6%
เลขาธิการสศช. กล่าวว่า ไม่กล้าประมาณการเศรษฐกิจไทยว่าจะได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองและต้องตกไปอยู่ในจุดที่เลวร้ายที่สุดว่าจะอยู่ในระดับไหน
"ถ้านึกไม่ออกก็ให้มองไตรมาสแรกปี 2552 ที่ติดลบไปถึง 7.1% ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ที่ผ่านมาเราก็ล้มมา 2 ครั้งแล้ว เราจะล้มอีกครั้งไม่ได้ เหมือนเล่นมวยปล้ำ ถ้าล้มครบ 3 ครั้งก็เลิกไปเลย ถ้าล้มอีกครั้งก็ไม่รู้จะใช้จุดไหนมาทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว" นายอำพน ระบุ
ทั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ล้มนั้นกว่าจะทำให้ฟื้นตัวก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ไตรมาส เพราะนักท่องเที่ยวไม่มีความมั่นใจ ผู้ส่งออกไม่มีคำสั่งซื้อสินค้า ก็ต้องมาฟื้นความเชื่อมั่นกันใหม่หมด
นายอำพน กล่าวว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยงที่จะชะลอในครึ่งปีหลัง 2.การแก้ไขปัญหาในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ต้องเร่งแก้ให้เสร็จภายในไตรมาส 3 ของปี 2553 3.การดำเนินโครงการภาครัฐโครงการไทยเข้มแข็ง และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2553 4.ปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลต่อเกษตรกรและ 5.การดำเนินนโยบายการเงินที่ต้องสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การเมืองยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไม่ให้ฟื้นตัวได้อีก ซึ่งที่ผ่านมาจากเหตุการณ์ช่วงปี 2549 การปิดสนามบินและเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อเดือน เม.ย. 2552 ก็ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวไปได้ช้า และรัฐบาลต้องใช้เม็ดเงินงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนจำนวนมากมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังกล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ สศช.ประกาศออกมาถือว่าดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ส่วนจีดีพีไตรมาสแรกปี 2553 คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 5%
ขณะที่ในปี 2553 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 3% ซึ่งการลงทุนภาคเอกชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
นายอำพน กิตติอำพนเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยจีดีพีไตรมาส 4 ของปี 2552 ขยายตัว 5.8% เป็นการขยายตัวครั้งแรกเมื่อเทียบกับทุกไตรมาสในปีก่อนที่ติดลบมาตลอดส่งผลให้จีดีพีในปี 2552 ขยายตัวลบ2.3% ดีกว่าที่คาดไว้ว่าจะขยายตัวลบ 4 ถึงลบ 7%
สำหรับประมาณการจีดีพีปี2553 คาดว่าจะขยายตัว 4% ช่วงที่คาดการณ์ไว้ 3.5-4.5% เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกในรูปเงินเหรียญสหรัฐจะขยายตัว 15.5%การลงทุนรวมขยายตัว 4.6%
เลขาธิการสศช. กล่าวว่า ไม่กล้าประมาณการเศรษฐกิจไทยว่าจะได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองและต้องตกไปอยู่ในจุดที่เลวร้ายที่สุดว่าจะอยู่ในระดับไหน
"ถ้านึกไม่ออกก็ให้มองไตรมาสแรกปี 2552 ที่ติดลบไปถึง 7.1% ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ที่ผ่านมาเราก็ล้มมา 2 ครั้งแล้ว เราจะล้มอีกครั้งไม่ได้ เหมือนเล่นมวยปล้ำ ถ้าล้มครบ 3 ครั้งก็เลิกไปเลย ถ้าล้มอีกครั้งก็ไม่รู้จะใช้จุดไหนมาทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว" นายอำพน ระบุ
ทั้งนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจที่ล้มนั้นกว่าจะทำให้ฟื้นตัวก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ไตรมาส เพราะนักท่องเที่ยวไม่มีความมั่นใจ ผู้ส่งออกไม่มีคำสั่งซื้อสินค้า ก็ต้องมาฟื้นความเชื่อมั่นกันใหม่หมด
นายอำพน กล่าวว่า ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.เศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยงที่จะชะลอในครึ่งปีหลัง 2.การแก้ไขปัญหาในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่ต้องเร่งแก้ให้เสร็จภายในไตรมาส 3 ของปี 2553 3.การดำเนินโครงการภาครัฐโครงการไทยเข้มแข็ง และการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2553 4.ปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลต่อเกษตรกรและ 5.การดำเนินนโยบายการเงินที่ต้องสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การเมืองยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไม่ให้ฟื้นตัวได้อีก ซึ่งที่ผ่านมาจากเหตุการณ์ช่วงปี 2549 การปิดสนามบินและเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อเดือน เม.ย. 2552 ก็ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวไปได้ช้า และรัฐบาลต้องใช้เม็ดเงินงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชนจำนวนมากมากระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังกล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ สศช.ประกาศออกมาถือว่าดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ส่วนจีดีพีไตรมาสแรกปี 2553 คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 5%
ขณะที่ในปี 2553 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ไม่น้อยกว่า 3% ซึ่งการลงทุนภาคเอกชนจะเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ