Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

มือใหม่อย่างผมจะรอดสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อได้นานแค่ไหนเนี้ย

superboy เขียน:มือใหม่อย่างผมจะรอดสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อได้นานแค่ไหนเนี้ย

ง่ายมากครับ.....ถามตัวเองก่อนว่าคุณศึกษาหุ้นในตลาดครบทุกตัวแล้วหรือยัง
คุณรู้หรือไม่ว่าหุ้นในตลาดที่มีสภาพคล่องและมีฐานะการเงินที่ดูไม่เลวอยู่ทั้งหมดประมาณกี่บริษัท.....ถ้าตอบคำถามนี้ไม่ได้ก็อย่าเพิ่งมาลงทุนเลย
เพราะถ้าตอบไม่ได้แสดงว่า...ยังศึกษามาไม่ดี/ไม่เคยศึกษา

สนามแห่งนี้วัดกันที่ความรู้+จิตใจ.....ไม่ได้วัดที่จำนวนเงิน

เชื่อผมเถอะ...ถ้ายังขาดความรู้จงไปหาหนังสือมาอ่านด่วน...อย่าเพิ่งมาเสี่ยง
จงตั้งใจศึกษาหุ้นในตลาดให้ครบทุกตัว...เชื่อผม ถ้าตั้งใจศึกษาให้ดี
เมื่อโอกาสมาถึงคุณจะรู้เองว่าโอกาสเป็นของคุณ.....และคุณจะไม่กังวลกับปัญหาการเมืองหรือวิกฤติต่างๆอีกเลย

ไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับความมุ่งมั่น......555+

สำหรับผมแล้วผมไม่เคยกลัวการเมืองหรือวิกฤติต่างๆหรอก...เพราะมันคือโอกาสที่ดีในการซื้อหุ้นดีๆราคาถูกๆนั่นเอง

เก่าไป ใหม่มา การเมืองก็เหมือนกัน ...

ขอแจมด้วยคนคะ มือใหม่เหมือนกัน สงสัยคะ
คือ ให้มองการลงทุนเป็นเหมือนการทำธุรกิจใช่ไหมคะ แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้น(หมายถึงซื้อกิจการ) ก็คือเราเสมือนเป็นเจ้าของที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน แล้วการที่เราซื้อขายหุ้นนี้ อาจจะด้วยเหตุผลว่าหุ้นแพงเกินไปแล้ว หรือกิจการประสบปัญหาขาดทุน หรืออื่นๆ คล้ายๆกับว่าเรากำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรือเปล่าคะ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ

m_mummie เขียน:ขอแจมด้วยคนคะ มือใหม่เหมือนกัน สงสัยคะ
คือ ให้มองการลงทุนเป็นเหมือนการทำธุรกิจใช่ไหมคะ แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้น(หมายถึงซื้อกิจการ) ก็คือเราเสมือนเป็นเจ้าของที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน แล้วการที่เราซื้อขายหุ้นนี้ อาจจะด้วยเหตุผลว่าหุ้นแพงเกินไปแล้ว หรือกิจการประสบปัญหาขาดทุน หรืออื่นๆ คล้ายๆกับว่าเรากำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรือเปล่าคะ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ

แอ้ก... คำถามนี้ตอบลำบากเหมือนกัน

เอาเป็นว่า มองให้เหมือนการซื้อรถดีกว่าครับ
ซื้อรถมือหนึ่ง เงินเข้าบริษัทผู้ผลิตรถ = ถ้าเราซื้อหุ้น IPO หรือซื้อหุ้นเวลาบริษัทประกาศเพิ่มทุน หรือ อะไรก็ตามแต่ที่เงินเข้าบริษัทให้เค้าเอาไปทำประโยชน์
ซื้อรถมือสอง เงินเข้าผู้ใช้รถมือหนึ่ง = เราซื้อขายหุ้นในตลาดทุกวันนี้

ถ้ารถไม่ว่ามือหนึ่งหรือมือสอง ใช้แล้วมีปัญหาเกินจะซ่อม จะไม่ขายทิ้งเหรอครับ?  

หมักเตา เขียน:

แอ้ก... คำถามนี้ตอบลำบากเหมือนกัน

เอาเป็นว่า มองให้เหมือนการซื้อรถดีกว่าครับ
ซื้อรถมือหนึ่ง เงินเข้าบริษัทผู้ผลิตรถ = ถ้าเราซื้อหุ้น IPO หรือซื้อหุ้นเวลาบริษัทประกาศเพิ่มทุน หรือ อะไรก็ตามแต่ที่เงินเข้าบริษัทให้เค้าเอาไปทำประโยชน์
ซื้อรถมือสอง เงินเข้าผู้ใช้รถมือหนึ่ง = เราซื้อขายหุ้นในตลาดทุกวันนี้

ถ้ารถไม่ว่ามือหนึ่งหรือมือสอง ใช้แล้วมีปัญหาเกินจะซ่อม จะไม่ขายทิ้งเหรอครับ?

m_mummie เขียน:ขอแจมด้วยคนคะ มือใหม่เหมือนกัน สงสัยคะ
คือ ให้มองการลงทุนเป็นเหมือนการทำธุรกิจใช่ไหมคะ แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้น(หมายถึงซื้อกิจการ) ก็คือเราเสมือนเป็นเจ้าของที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน แล้วการที่เราซื้อขายหุ้นนี้ อาจจะด้วยเหตุผลว่าหุ้นแพงเกินไปแล้ว หรือกิจการประสบปัญหาขาดทุน หรืออื่นๆ คล้ายๆกับว่าเรากำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรือเปล่าคะ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ

คงไม่ใช่การไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรอกครับ ในความเป็นจริงถ้าเราเปิดร้านแล้วขายของไม่ได้ ทำไปก็ขาดทุน ดูอนาคตแล้วก็มีแต่จะแย่ลง เราก็คงไม่ยื้อทำต่อไปเรื่อยๆ ใช่ไหมครับ สู้ขายกิจการให้คนอื่นแล้วหันไปทำอย่างอื่นที่น่าจะรุ่งกว่านี้หรือเราถนัดกว่านี้ดีกว่า

m_mummie เขียน:ขอแจมด้วยคนคะ มือใหม่เหมือนกัน สงสัยคะ
คือ ให้มองการลงทุนเป็นเหมือนการทำธุรกิจใช่ไหมคะ แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้น(หมายถึงซื้อกิจการ) ก็คือเราเสมือนเป็นเจ้าของที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน แล้วการที่เราซื้อขายหุ้นนี้ อาจจะด้วยเหตุผลว่าหุ้นแพงเกินไปแล้ว หรือกิจการประสบปัญหาขาดทุน หรืออื่นๆ คล้ายๆกับว่าเรากำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรือเปล่าคะ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ

ไปงาน Invester day  20 มีนาคม 2553 08.30-12.00 จะได้มุมมองวิธีการลงทุน และการกระจายความเสี่ยงการลงทุน  สำหรับนักลงทุนมือใหม่

superboy เขียน:มือใหม่อย่างผมจะรอดสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อได้นานแค่ไหนเนี้ย

ไม่ว่าสถานการณ์ไหนก็ต้องรอดให้ได้ครับ ถ้าไม่แน่ใจก็รอดูอย่าเพิ่งทำอะไร ฟังเยอะๆ อ่านเยอะๆ คิดเยอะๆ ถึงจุดหนึ่งเมื่อเรามั่นใจว่าเราเข้าใจสถานการณ์นั้นๆ มากพอ หรือเข้าใจบริษัทที่เราลงทุนดีพอ เราจะรู้สึกได้เองว่าควรจะทำอย่างไร จะเดินหน้าหรืออยู่เฉยๆ หรือจะถอย เหตุผลต่างๆ มันจะมาเองครับ ที่สำคัญต้องแน่ใจว่า เรามีข้อมูลมากพอ และคิดอย่างรอบคอบแล้ว ไม่ใช่คิดตามอารมณ์หรือรีบด่วนตัดสินใจ ไม่ต้องรีบครับ แล้วมันจะดีไปเอง

ถือไว้100%

superboy เขียน:มือใหม่อย่างผมจะรอดสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อได้นานแค่ไหนเนี้ย

สู้ๆนะครับ  คุณ superboy มือเก่ากว่าผมอีก

Phoenix25 เขียน:

ไปงาน Invester day

ไม่รู้เรื่องการบ้านการเมืองอ่ะครับ
เล่นเกมอย่างเดียว  :lol:

m_mummie เขียน:ขอแจมด้วยคนคะ มือใหม่เหมือนกัน สงสัยคะ
คือ ให้มองการลงทุนเป็นเหมือนการทำธุรกิจใช่ไหมคะ แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้น(หมายถึงซื้อกิจการ) ก็คือเราเสมือนเป็นเจ้าของที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน แล้วการที่เราซื้อขายหุ้นนี้ อาจจะด้วยเหตุผลว่าหุ้นแพงเกินไปแล้ว หรือกิจการประสบปัญหาขาดทุน หรืออื่นๆ คล้ายๆกับว่าเรากำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรือเปล่าคะ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ

ผมว่าไม่เกี่ยวกับการไม่ซื่อสัตย์หรอกครับ ถ้าร้านของเราขายไม่ดี และเรามองเห็นว่าสถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น จนเราตัดสินใจจะเลิกกิจการ อาจจะมีบางคนมองเห็นว่า ร้านของเรานั้นอาจจะเป็นร้านที่ยังดีอยู่ เพียงแต่เจ้าของร้านคนเดิม(เรา) มองไม่เห็นหนทางปรับปรุงไห้ดียิ่งขึ้น แต่เจ้าของคนใหม่มองเห็นทางนั้น ก็จะมาซื้อร้านของเราต่อจากเรา แล้วก็เอาไปบริหารต่อ หลังจากนั้นอาจจะแย่เหมือนเดิม หรือดีขึ้น ก็ได้
แต่ถ้าดีขึ้น ก็อาจจะขายกิจการต่อ หรือเป็นเจ้าของต่อไป ก็ได้
แต่ถ้ายังแย่เหมือนเดิม ก็อาจจะขายต่อ หรือเป็นเจ้าของต่อไป ก็ได้

m_mummie เขียน:...เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ

ใครมีหน้าที่อะไร ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไปครับ

อย่างกรณีนี้ ตัวเรามีหน้าที่เป็นหุ้นส่วน
จะเป็นหุ้นส่วน 3 ชม. หุ้นส่วนข้ามคืน หรือจะหุ้นส่วน 3 เดือน
ต่างก็เป็นหุ้นส่วนเหมือนกัน

ประเด็นคือเจ้าของที่เป็นหุ้นใหญ่ หรือมีอำนาจบริหาร
สิ่งที่เขาต้องการ ก็คือ หุ้นส่วน ที่ทำให้...
การดำเนินการของบริษัทจดทะเบียนถูกต้องสมบูรณ์

หรืออาจจะไม่ค่อยสมบูรณ์ก็ตามแต่

พี่ m_mummie เชื่อเรื่องกฎแห่งการดึงดูดไหมครับ
ว่าคนหน้าตาดี จะดึงดูดให้ได้เจอแต่คนหน้าตาดี

บริษัทมหาชนก็เหมือนกันครับ บริษัทดีๆ
จะดึงดูดผู้บริหารดีๆ พนักงานดีๆ หุ้นส่วนดีๆ กรรมการบริษัทดีๆ
นำแนะนำดีๆ ช่วยทำให้บริษัทเจริญเติบโตเป็นบริษัทมหาชน ดีๆ

แต่ถ้าบริษัทที่เราเป็นหุ้นส่วนมีปัญหามากเสียจน...
ไม่คู่ควรกับหุ้นส่วนดีๆ อย่างเรา :lol:
ก็ย้ายบ้านสิครับ ไปเป็นหุ้นส่วนบริษัทมหาชนที่ดีกว่า
จะไม่เป็นวิถีที่ดีกว่าเหรอครับ

m_mummie เขียน:ขอแจมด้วยคนคะ มือใหม่เหมือนกัน สงสัยคะ
คือ ให้มองการลงทุนเป็นเหมือนการทำธุรกิจใช่ไหมคะ แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้น(หมายถึงซื้อกิจการ) ก็คือเราเสมือนเป็นเจ้าของที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน แล้วการที่เราซื้อขายหุ้นนี้ อาจจะด้วยเหตุผลว่าหุ้นแพงเกินไปแล้ว หรือกิจการประสบปัญหาขาดทุน หรืออื่นๆ คล้ายๆกับว่าเรากำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรือเปล่าคะ เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ

ขอแจมด้วยคนคะ มือใหม่เหมือนกัน สงสัยคะ
คือ ให้มองการลงทุนเป็นเหมือนการทำธุรกิจใช่ไหมคะ
-ใช่ครับ มองให้เห็นหัวใจและโอกาสของธุรกิจที่เราจะลงทุน

แสดงว่า ถ้าเราซื้อหุ้น(หมายถึงซื้อกิจการ) ก็คือเราเสมือนเป็นเจ้าของที่จะต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายแค่ไหน
-ร่วมสุขแต่ไม่ร่วมขอร่วมทุกข์ครับ อันนี้คือข้อดีของของการลงทุนในหุ้นครับ อิอิ

แล้วการที่เราซื้อขายหุ้นนี้ อาจจะด้วยเหตุผลว่าหุ้นแพงเกินไปแล้ว หรือกิจการประสบปัญหาขาดทุน หรืออื่นๆ คล้ายๆกับว่าเรากำลังไม่ซื่อสัตย์ต่อกิจการหรือเปล่าคะ
-อื้มม...ขึ้นอยู่กับมุมมองละกันครับ ว่าชอบแนวไหน ถ้าชอบแนวร่วมทุกข์ร่วมสุขก็เท่ากับว่าเรามองว่าเราเป็นเจ้าของถามว่าทำได้ไหม ผมว่าก็ได้นะครับแล้วแต่ชอบ
แต่สำหรับผม...ผมไม่ยึดติดกับสิ่งใด ไม่ยึดติดกับกิจการใด สิ่งไหนที่ดีกว่าผมก็เลือกสิ่งนั้น....แต่หากเรายึดติดกับบริใดบริษัทหนึ่งหรือกิจการใดกิจการหนึ่งเราก็จะเสียโอกาสทำกำไรไปครับ
ก็ต้องย้อนถามว่าเป้าหมายคุณคืออะไรครับ....ถ้าเป้าหมายคุณคือการเป็นเจ้าของกิจการการร่วมทุกข์ร่วมสุขกับกิจการนั้นก็ทำให้เรามีความสุขเหมือนเติบโตไปพร้อมกับมัน....
แต่เป้าหมายผมไม่ใช่การมีกิจการ...เป้าหมายผมคือการมีอิสระภาพทางการเงินโดยการใช้เงินทำงานให้มากที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ ดังนั้นหากกิจการไหนดีกว่าผมพร้อมทุกวินาทีที่จะย้ายไปครับ...

เหมือนกับเราเป็นเจ้าของร้าน พอขายไม่ดี ก็ขายร้านทิ้ง ไปทำอาชีพอื่น
อยากให้พี่ๆช่วยให้ความกระจ่างหน่อยคะ
-อื้มม อันนี้อย่างที่พูดแล้วแต่คนนะครับ การทำสิ่งสิ่งรักไม่จำเป้นต้องเป็นสิ่งที่ประสบความสำเร็จนะครับ ผมก็มีสิ่งที่รักแต่ก่อนที่ผมจะทำสิ่งที่รักผมต้องสร้างความมั่งคั่งขึ้นมาก่อนครับเมื่อนั้นเราก็สามารถทำสิ่งที่รักอย่างสบายใจมากๆเพราะไม่ต้องมาซีเรียสเรื่องกำไรขาดทุน เพราะเงินเหลือใช้อยู่แล้วครับ อิอิ  ซึ่งผมว่าที่จริงเจ้าของกิจการหลายๆท่านที่บริษัทประสบภาวะวิกฤติยิ่งถ้าเขาเป็นนักธุรกิจคุณเชื่อไหมครับว่าเขาอยากขายจนตัวสั่นมากๆเพราะนิสัยนักธุรกิจเขาไม่ค่อยมองสิ่งที่ชอบแต่เขามองสิ่งที่ทำกำไรได้สุงสุด....แต่!!!แม้นเขาจะอยากขาย แต่เขาก็ขายไม่ได้ครับ....ถ้าขายความน่าเชื่อถือคงตกหุ้นคงร่วง หรือถ้าขายไปแล้วซื้อกลับจะได้ราคาเดิมไหม ถ้าซื้อที่ตลาดอาจจะมีโอกาสได้ราคาถูกกว่าที่ขายแต่ซื้อแล้วจะมีหุ้นในตลาดพอที่จะเป้นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยไหม....อย่าลืมว่าผู้ถือหุ้นใหญ่สามารถเป้นผู้บริหารหรือกรรมการซึ่งเขามีเงินเดือนด้วยนะครับ...
ผมว่าลองหาหนังสือการลงทุนหลายๆเล่มมาอ่านจะเข้าใจมากขึ้น แนะนำหนังสือของดร.นิเวศน์ทุกเล่มครับ รู้สึกเล่มหนึ่งจะบอกข้อดีของการเป้นนักลงทุนครับ แต่ผมจำชื่อมะด๊ายนะT^T

ผมว่า มือเก่ามือใหม่ไม่สำคัญเท่าไหร่
ถ้ามีเงินเย็น และใจเย็นเลือกหุ้นที่ไม่เสี่ยงนัก
สุดท้ายยังไงก็กำไร ช้าหรือเร็ว  :roll:

superboy เขียน:มือใหม่อย่างผมจะรอดสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อได้นานแค่ไหนเนี้ย

มีหุ้นที่มั่นใจในมือ ซัดเต็ม100%ครับ ไม่หวั่นอยู่แล้ววว
เห็นกลัวเรื่องการเมืองกันจัง ผมประสบการณ์น้อยนะครับ แต่ผ่านข่าวนี้มาเกือบ10ครั้งแล้ว มะเห็นจะมีอะไรซักครัง อิอิ มีแต่คนเตือนๆๆๆสร้างกระแส แต่ก็เฉยๆถือข้ามมาเลยก็มะเห็นมันจะลงเลยนิ???? ก็เลยมะได้ให้ความสำคัญกับการเมืองแล้วนะครับ มีข่าวยิงกันก่อนค่อยว่ากัน 555+

แต่มุมมองผมว่ามันมาถึงปลายๆทางแล้วนะครับ ถ้าจบเมื่อไหร่นี่หุ้นไทยวิ่งกันมันส์

ขอบคุณอีกทีคะ สำหรับคำตอบแจ่มๆ ปัญหาสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจ ตีโจทย์ไม่แตก บางครั้งก็หลงลืมไปบ้าง

สงสัยหน้าตาไม่ดี เลยไม่ค่อยดึงดูดเท่าไร  :lol

เรานำเงินที่จะลงทุนไปซื้อหุ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ แต่ถ้าเกิดวันนึงหุ้นส่วนนั้นเกิดดำเนินกิจการไปในทางที่แย่ลง เราก็จำต้องถอนจากการเป็นหุ้นส่วนกับกิจการนั้น เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วหันไปร่วมทุนกับหุ้นส่วนที่มีความสามารถที่ดีกว่าหุ้นส่วนเก่า
คิดอยางนี้ ใช่ไหมคะ  

ขอถามค่า mos ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ค่านี้เปลี่ยนไป อยากให้อธิบายโดยใช้ผลจากกำไร ขาดทุนของกิจการเป็นเกณฑ์ด้วยนะคะ

ไม่ทราบว่าพี่ๆคนไหนจะไปงาน วันที่ 20 มั่งคะ

[quote="m_mummie"] ขอบคุณอีกทีคะ สำหรับคำตอบแจ่มๆ ปัญหาสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เข้าใจ ตีโจทย์ไม่แตก บางครั้งก็หลงลืมไปบ้าง

สงสัยหน้าตาไม่ดี เลยไม่ค่อยดึงดูดเท่าไร

superboy เขียน:มือใหม่อย่างผมจะรอดสถานการณ์การเมืองยืดเยื้อได้นานแค่ไหนเนี้ย

ตอนผมลงทุนใหม่ๆ ผมก็กังวลกับเหตุการณ์แบบนี้ครับ
ตอนหลังมีพี่ๆในเวปแนะนำเรื่องการประเมินมูลค่าหุ้นให้
ทำให้ผมเลิกวิตกกับเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องโดยตรง
กับตัวธุรกิจที่เราลงทุนไปเลยครับ

ช่วงนี้เลยยังถือหุ้นตัวที่ราคายังไม่สะท้อนมูลค่าของกิจการ
เหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นครับ

ลองดูครับ มันก็ทำให้เราลงทุนได้อย่างมีความสุขขึ้นเยอะเลยครับ