หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
- หมักเตา
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 6
รูป คร้าบ คุณ picklifepicklife เขียน: avatarคุณหมักเตานี่รูปอะไรครับ?
สมมติมีรถผีสิงสองคัน เจ้าของเดิมเพิ่งซื้อใหม่เอี่ยม แต่ถูกภรรยาเอาไม้กอล์ฟไล่ตีหัวแตกตายทั้งคู่ เฮี้ยนมาก
คันแรก เป็นโตโยต้า เอามาปล่อยในราคาแสนเดียว
คันที่สอง เป็นเฟอรารี่ตัวทอป เอามาปล่อยในราคาสิบล้าน
ถามว่าควรจะซื้อคันไหน ถึงจะเป็นรถวาลู?
สำหรับผมคงซื้อทั้งคู่ นิมนต์หลวงพ่อมาปัดรังควาญซะ
เก็บโตโยต้าไว้ใช้เอง ส่วนเฟอรารี่เอาไปขายต่อ คิดเหมือนกันมั๊ยครับ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 8
[quote="sai"][quote="หมักเตา"]โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา
นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา
นี่ไม่ได้กวนนะครับ เชื่อตามนั้นจริงๆ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 10
เปรียบเทียบได้สุดยอดมากครับ :lol:
ผมว่ามันก็overlapกันแหละครับถ้าปีนึงเราหาที่มีคุณสมบัติทั้งgrowth+valueได้ซัก1ตัวเราก็สบายแล้ว :lol: :lol:
Intrinsic value --> fair PE (เทียบกับgrowth+ประสบการณ์+เดา) คูณกับ EPS (forward)~~
หรือถ้าสามารถประมาณFCFได้เราก็ทำDCFกลับมาดีกว่าครับ :D
ผมว่ามันก็overlapกันแหละครับถ้าปีนึงเราหาที่มีคุณสมบัติทั้งgrowth+valueได้ซัก1ตัวเราก็สบายแล้ว :lol: :lol:
Intrinsic value --> fair PE (เทียบกับgrowth+ประสบการณ์+เดา) คูณกับ EPS (forward)~~
หรือถ้าสามารถประมาณFCFได้เราก็ทำDCFกลับมาดีกว่าครับ :D
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 12
อ้อเข้าใจคุณหมักเตาละ....จะสื่อว่า หุ้นมูลค่าไม่เกี่ยวกับราคาแต่เกี่ยวกับราคากับมูลค่าจึงยกมา2อย่างหมักเตา เขียน: รูป คร้าบ คุณ picklife
สมมติมีรถผีสิงสองคัน เจ้าของเดิมเพิ่งซื้อใหม่เอี่ยม แต่ถูกภรรยาเอาไม้กอล์ฟไล่ตีหัวแตกตายทั้งคู่ เฮี้ยนมาก
คันแรก เป็นโตโยต้า เอามาปล่อยในราคาแสนเดียว
คันที่สอง เป็นเฟอรารี่ตัวทอป เอามาปล่อยในราคาสิบล้าน
ถามว่าควรจะซื้อคันไหน ถึงจะเป็นรถวาลู?
สำหรับผมคงซื้อทั้งคู่ นิมนต์หลวงพ่อมาปัดรังควาญซะ
เก็บโตโยต้าไว้ใช้เอง ส่วนเฟอรารี่เอาไปขายต่อ คิดเหมือนกันมั๊ยครับ?
โดยทั่วไป คือ ราคาต่ำกว่ามูลค่า
-ประมาณของถูกมากแต่คุณภาพพอใช้ได้เลย
โดยไม่ทั่วไป คือ มูลค่าสูงกว่าราคา
-ประมาณซื้อของราคากลางๆแต่คุณภาพระดบพรีเมี่ยมม
ใช่ไหมครับ อิอิ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 15
ดังนั้นผมจะลองสรุปหมวดหมู่หุ้นนะครับ
1.TurnAround Stock
หุ้นที่ไม่ค่อยดี แต่ราคาต่ำกว่าความไม่ดีนั้นมากๆซึ่งหุ้นตัวนี้อาจจะไม่เป็นValue Stock หรือเป้นก็ได้ เพราะหากหุ้นไร้ค่าเหมือนรถเก๋งเก่าผุๆแต่ถ้าราคาขายกัน2-3พันบาทก็คุ้มในการซื้อไปชั่งกิโลขายก้เป้นValue Stockได้
2.Circle Stock
คือหุ้นวัฐจักร ซึ่งเป็นเหมือนรถเก๋งเก่าๆ ถ้าในภาวะปกติคุณค่าไม่เยอะ ซื้อในราคา2-3หมื่นก็อาจจะแพงได้ แต่หากบางช่วงคนฮิตรถเก่ากันกลายเป้นของสะสมมูลค่าเป็นแสน การซื้อในราคาเดิมก็อาจเป็นValue Stockได้เช่นกัน
3.Divident Stock
คือหุ้นปันผล ถ้าเป็นรถก็น่าจะเป็นรถติดแก๊ส ยิ่งใช้ยิ่งได้เงิน รถดีไม่ดีไม่รู้ แต่จากที่วิ่ง1พันโลต้องจ่าย3พันบาท แต่กลับจ่ายแค่1พันบาท ก็ได้กำไร2พันบาทมาเป้นเงินสดๆ ยิ่งใช้ยิ่งได้ตัง ซึ่งหากรถคันนี้เครื่องยนต์จะเจ้งสุดท้ายค่าน้ำมันที่ได้มาเอาไปจ่ายค่าซ่อมก็เลือไม่มาก แต่หากเครื่องดีๆก็กำไรเหนาะๆและอาจจะเป็นValue Stockได้เช่นกัน
4.Growth Stock
คือหุ้นเติบโต อันนี้มะเทียบละกันครับเพราะกว่าข้อ3จะนึกได้แทบตายแถมไม่ตรงนัก อิอิ เอาเป้นว่ากำไรโต๊โต โตสูงมากๆ แต่หากราคามันแพงโครตๆก็ไม่เป็นValue Stock แต่หากราคากลางๆก้เป็นValue Stockได้
5.Value Stock
คือหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า ฉันไม่สนว่าจะเป็นหุ้นลักษณะใด ราคาเท่าไหร่ แต่ขอให้ มูลค่า-ราคา แล้วเป้น+มากๆก้พอ ยิ่งมากยิ่งเป็น Value Stock ที่ดี
ดังนั้น หุ้นตัวหนึ่งที่เป็นหุ้น TurnAround Circle Divident Growth อาจจะเป็น Value Stock ด้วยก็ได้
แต่หุ้นValue Stock ไม่จำเป็นตัวใดตัวก็ได้ หรือจะเป็นตัวใดก็ได้ไม่สนใจทั้งนั้นขอแค่ ราคาต่ำกว่ามูลค่าก็พอใจแล้ว....
ซึ่งหัวใจของVIก็คือซื้อหุ้นValue Stock หรือหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามุลค่า ซึ่งอาจจะเป้น
TurnAround+Value Stock
Circle+Value Stock
Divident+Value Stock
Growth+Value Stock
ตัวใดก็ได้ไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น
เพียงแต่!!! คนที่เป็นVIที่โด่งดัง นิยม Divident+Value Stock และ Growth+Value Stock หรือบางคนหาหุ้นดีๆที่เป็น
Divident+Growth+Value Stock อันนั้นก็มีครับ
ซึ่งผมมองว่าVIคือศาสนาพุธ ซึ่งมีหลายๆนิกาย มีทั้งเน้น TurnAround Circle Divident Growth แต่ทุกๆนิกายก็มีหัวใจเดียวกันคือ...สอนให้คนเป็นคนดี.....ซึ่งนั้นก็คือซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามุลค่า.....
จากหางอึ่งที่มี....ประมวลผลมาได้เท่านี้ครับ.....เอามากระตุ้นเหล่าพี่ในTVIให้ช่วยเสนอแน๊ะ สอนสั่ง และขัดเกลาทัศนะคติความคิดด้วยคร๊าบบบบ
กรุณาวิจารณ์ด้วยขอรับ
1.TurnAround Stock
หุ้นที่ไม่ค่อยดี แต่ราคาต่ำกว่าความไม่ดีนั้นมากๆซึ่งหุ้นตัวนี้อาจจะไม่เป็นValue Stock หรือเป้นก็ได้ เพราะหากหุ้นไร้ค่าเหมือนรถเก๋งเก่าผุๆแต่ถ้าราคาขายกัน2-3พันบาทก็คุ้มในการซื้อไปชั่งกิโลขายก้เป้นValue Stockได้
2.Circle Stock
คือหุ้นวัฐจักร ซึ่งเป็นเหมือนรถเก๋งเก่าๆ ถ้าในภาวะปกติคุณค่าไม่เยอะ ซื้อในราคา2-3หมื่นก็อาจจะแพงได้ แต่หากบางช่วงคนฮิตรถเก่ากันกลายเป้นของสะสมมูลค่าเป็นแสน การซื้อในราคาเดิมก็อาจเป็นValue Stockได้เช่นกัน
3.Divident Stock
คือหุ้นปันผล ถ้าเป็นรถก็น่าจะเป็นรถติดแก๊ส ยิ่งใช้ยิ่งได้เงิน รถดีไม่ดีไม่รู้ แต่จากที่วิ่ง1พันโลต้องจ่าย3พันบาท แต่กลับจ่ายแค่1พันบาท ก็ได้กำไร2พันบาทมาเป้นเงินสดๆ ยิ่งใช้ยิ่งได้ตัง ซึ่งหากรถคันนี้เครื่องยนต์จะเจ้งสุดท้ายค่าน้ำมันที่ได้มาเอาไปจ่ายค่าซ่อมก็เลือไม่มาก แต่หากเครื่องดีๆก็กำไรเหนาะๆและอาจจะเป็นValue Stockได้เช่นกัน
4.Growth Stock
คือหุ้นเติบโต อันนี้มะเทียบละกันครับเพราะกว่าข้อ3จะนึกได้แทบตายแถมไม่ตรงนัก อิอิ เอาเป้นว่ากำไรโต๊โต โตสูงมากๆ แต่หากราคามันแพงโครตๆก็ไม่เป็นValue Stock แต่หากราคากลางๆก้เป็นValue Stockได้
5.Value Stock
คือหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า ฉันไม่สนว่าจะเป็นหุ้นลักษณะใด ราคาเท่าไหร่ แต่ขอให้ มูลค่า-ราคา แล้วเป้น+มากๆก้พอ ยิ่งมากยิ่งเป็น Value Stock ที่ดี
ดังนั้น หุ้นตัวหนึ่งที่เป็นหุ้น TurnAround Circle Divident Growth อาจจะเป็น Value Stock ด้วยก็ได้
แต่หุ้นValue Stock ไม่จำเป็นตัวใดตัวก็ได้ หรือจะเป็นตัวใดก็ได้ไม่สนใจทั้งนั้นขอแค่ ราคาต่ำกว่ามูลค่าก็พอใจแล้ว....
ซึ่งหัวใจของVIก็คือซื้อหุ้นValue Stock หรือหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามุลค่า ซึ่งอาจจะเป้น
TurnAround+Value Stock
Circle+Value Stock
Divident+Value Stock
Growth+Value Stock
ตัวใดก็ได้ไม่มีข้อจำกัดใดๆทั้งสิ้น
เพียงแต่!!! คนที่เป็นVIที่โด่งดัง นิยม Divident+Value Stock และ Growth+Value Stock หรือบางคนหาหุ้นดีๆที่เป็น
Divident+Growth+Value Stock อันนั้นก็มีครับ
ซึ่งผมมองว่าVIคือศาสนาพุธ ซึ่งมีหลายๆนิกาย มีทั้งเน้น TurnAround Circle Divident Growth แต่ทุกๆนิกายก็มีหัวใจเดียวกันคือ...สอนให้คนเป็นคนดี.....ซึ่งนั้นก็คือซื้อหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามุลค่า.....
จากหางอึ่งที่มี....ประมวลผลมาได้เท่านี้ครับ.....เอามากระตุ้นเหล่าพี่ในTVIให้ช่วยเสนอแน๊ะ สอนสั่ง และขัดเกลาทัศนะคติความคิดด้วยคร๊าบบบบ
กรุณาวิจารณ์ด้วยขอรับ
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 1
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 16
[quote="picklife"] ดังนั้นผมจะลองสรุปหมวดหมู่หุ้นนะครับ
1.TurnAround Stock
หุ้นที่ไม่ค่อยดี แต่ราคาต่ำกว่าความไม่ดีนั้นมากๆซึ่งหุ้นตัวนี้อาจจะไม่เป็นValue Stock หรือเป้นก็ได้ เพราะหากหุ้นไร้ค่าเหมือนรถเก๋งเก่าผุๆแต่ถ้าราคาขายกัน2-3พันบาทก็คุ้มในการซื้อไปชั่งกิโลขายก้เป้นValue Stockได้
2.Circle Stock
คือหุ้นวัฐจักร ซึ่งเป็นเหมือนรถเก๋งเก่าๆ ถ้าในภาวะปกติคุณค่าไม่เยอะ ซื้อในราคา2-3หมื่นก็อาจจะแพงได้ แต่หากบางช่วงคนฮิตรถเก่ากันกลายเป้นของสะสมมูลค่าเป็นแสน การซื้อในราคาเดิมก็อาจเป็นValue Stockได้เช่นกัน
3.Divident Stock
คือหุ้นปันผล ถ้าเป็นรถก็น่าจะเป็นรถติดแก๊ส ยิ่งใช้ยิ่งได้เงิน รถดีไม่ดีไม่รู้ แต่จากที่วิ่ง1พันโลต้องจ่าย3พันบาท แต่กลับจ่ายแค่1พันบาท ก็ได้กำไร2พันบาทมาเป้นเงินสดๆ ยิ่งใช้ยิ่งได้ตัง ซึ่งหากรถคันนี้เครื่องยนต์จะเจ้งสุดท้ายค่าน้ำมันที่ได้มาเอาไปจ่ายค่าซ่อมก็เลือไม่มาก แต่หากเครื่องดีๆก็กำไรเหนาะๆและอาจจะเป็นValue Stockได้เช่นกัน
4.Growth Stock
คือหุ้นเติบโต อันนี้มะเทียบละกันครับเพราะกว่าข้อ3จะนึกได้แทบตายแถมไม่ตรงนัก อิอิ เอาเป้นว่ากำไรโต๊โต โตสูงมากๆ แต่หากราคามันแพงโครตๆก็ไม่เป็นValue Stock แต่หากราคากลางๆก้เป็นValue Stockได้
5.Value Stock
คือหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า ฉันไม่สนว่าจะเป็นหุ้นลักษณะใด ราคาเท่าไหร่ แต่ขอให้ มูลค่า-ราคา แล้วเป้น+มากๆก้พอ ยิ่งมากยิ่งเป็น Value Stock ที่ดี
ดังนั้น หุ้นตัวหนึ่งที่เป็นหุ้น TurnAround
1.TurnAround Stock
หุ้นที่ไม่ค่อยดี แต่ราคาต่ำกว่าความไม่ดีนั้นมากๆซึ่งหุ้นตัวนี้อาจจะไม่เป็นValue Stock หรือเป้นก็ได้ เพราะหากหุ้นไร้ค่าเหมือนรถเก๋งเก่าผุๆแต่ถ้าราคาขายกัน2-3พันบาทก็คุ้มในการซื้อไปชั่งกิโลขายก้เป้นValue Stockได้
2.Circle Stock
คือหุ้นวัฐจักร ซึ่งเป็นเหมือนรถเก๋งเก่าๆ ถ้าในภาวะปกติคุณค่าไม่เยอะ ซื้อในราคา2-3หมื่นก็อาจจะแพงได้ แต่หากบางช่วงคนฮิตรถเก่ากันกลายเป้นของสะสมมูลค่าเป็นแสน การซื้อในราคาเดิมก็อาจเป็นValue Stockได้เช่นกัน
3.Divident Stock
คือหุ้นปันผล ถ้าเป็นรถก็น่าจะเป็นรถติดแก๊ส ยิ่งใช้ยิ่งได้เงิน รถดีไม่ดีไม่รู้ แต่จากที่วิ่ง1พันโลต้องจ่าย3พันบาท แต่กลับจ่ายแค่1พันบาท ก็ได้กำไร2พันบาทมาเป้นเงินสดๆ ยิ่งใช้ยิ่งได้ตัง ซึ่งหากรถคันนี้เครื่องยนต์จะเจ้งสุดท้ายค่าน้ำมันที่ได้มาเอาไปจ่ายค่าซ่อมก็เลือไม่มาก แต่หากเครื่องดีๆก็กำไรเหนาะๆและอาจจะเป็นValue Stockได้เช่นกัน
4.Growth Stock
คือหุ้นเติบโต อันนี้มะเทียบละกันครับเพราะกว่าข้อ3จะนึกได้แทบตายแถมไม่ตรงนัก อิอิ เอาเป้นว่ากำไรโต๊โต โตสูงมากๆ แต่หากราคามันแพงโครตๆก็ไม่เป็นValue Stock แต่หากราคากลางๆก้เป็นValue Stockได้
5.Value Stock
คือหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่า ฉันไม่สนว่าจะเป็นหุ้นลักษณะใด ราคาเท่าไหร่ แต่ขอให้ มูลค่า-ราคา แล้วเป้น+มากๆก้พอ ยิ่งมากยิ่งเป็น Value Stock ที่ดี
ดังนั้น หุ้นตัวหนึ่งที่เป็นหุ้น TurnAround
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 18
จริงครับหุ้นยังไงก็คือหุ้น....แต่การแยกแยะก็ทำให้เรารูว่าจุดไหนควรเน้นไม่ควรเน้น และหรือ สามารถเลือกแนวที่ชอบได้ ถ้าไม่แยกเลยก็เหมือนคนบอกว่าอาหารก็คืออาหาร แค่กินแล้วไม่ท้องเสียมีสารอาหารครบ ก็อยู่รอดได้แล้ว....อันนร้จริงครั้บมันคือสัจธรรมมันคือหัวใจครับ แต่เนื่องจากแต่ละคนมุมมองต่างกัน มีทรรศนคติต่างกัน อาหารการกินจึงต่างกัน ซึ่งหากเอาคนไทยไปกินเนยขนมปังเนื้อทุกๆวันก็รอดได้ครับ แต่คงมะอร่อย ถ้าไม่มีข้าวอิอิดำ เขียน:แยกแยะยังไงหุ้นก็คือหุ้น
ซื้อเพราะคิดรอบแล้วว่าราคามันจะขึ้นไปอีกก็ซื้อ
ถ้าคิดรอบแล้วเป็นจริงก็รวยขึ้น ถ้าไม่จริงก็จนลง ถ้าจนลงก็ปล่อยวางลง ก็แค่นั้น
ดังนั้นผมมองว่าการเลือกแนวของหุ้นก็เช่นกันครับ บางคนเติบโตมากับสิ่งแวดล้อมบางอย่างทำให้มีศัยภาพในการมองวงจรเศรฐกิจออกก็สามารถเล่นหุ้นวัฐจักรได้สำเร็จมาก แต่พอไปเล่นแนวอื่นกลับไม่ประสบความสำเร็จเพราะไปรบในสนามที่เราไม่รู้จัก หรือบางคนบอกว่าชอบหุ้นปันผลแต่กลับไปดูหุ้นกลุ่มที่เป็นเติบโตแทน ซึ่งถามว่าได้ไหมตอบว่าได้ครับ แต่มันไม่เต็มศัยภาพครับ
ซึ่งสำหรับนักเล่นหุ้นที่มีประสบการณ์มากๆ เขาก็จะรูว่าเขาชอบหุ้นแนวไหนและสามารถหาหุ้นได้ถูกกลุ่มได้เป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับมือใหม่นั้น ถ้าปล่อยเข้ามาในโลกนักลงทุนโดยที่เราไม่พยายามทำเรื่องที่ไม่มีตัวตนให้มีตัวตนขึ้นมารองรับพวกเขาเหล่านั้นก็จะเคว้งครับ ดังนั้นผมว่าเพื่อให้เกิดการพัฒนาเราควรทำสิ่งไม่มีตัวตนให้มีตัวตนครับ ซึ่งสิ่งนี้ยากมากๆครับ แต่มันก็ดีกว่ามะไม่อะไรยึดนะครับ สร้างรูปแบบการลงทุนให้ชัดเจนขึ้นมาเพื่อนคนรุ่นหลังจะได้ไม่เสียเวลาไปตามหาสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่เอามาให้เขาเลือกเลยว่าชอบแนวไหน พอได้แนวที่ชอบก็โฟกัสไปในแนวที่ตัวชอบอย่างสุดวามสามารถ เช่นผมชอบหุ้นGrowthผมก็รู้ว่าควรจะดูที่กำไร ผมก็เริ่มศึกษาไล่จากหุ้นที่มีการเติบโตของกำไรสูงสุดไล่ลงมาเรื่อยๆและหาหุ้นที่ชอบ ซึ่งในระหว่างนั้นผมก็จะค่อยๆรู้จักหุ้นในกลุ่มอื่นๆด้วยเช่นกัน ผมว่ามันจะเป็นการศึกษาอย่างมีเป้าหมายมากกว่าครับ.....และเมื่อถึงตอนที่ผมเลือกจริงๆหุ้นตัวนั้นอาจจะเป็นทั้ง turnaround circle divident growth และvalueในตัวเดียวกันได้นะครับ แต่!!!ประเด็นที่สำคัญคือจุโฟกัสที่สำคัญที่สุดที่เราเลือกหุ้นตัวนี้เพราะอะไรถ้าเพราะgrowth วันหนึ่งอัตรากำไรตกมาก เรากลับไม่ขายกลับไปมองว่ามันอาจจะturnaroundอีก หรืออาจจะเข้าช่วงcircleแล้ว หรืออะไรต่างๆนาๆ ซึ่งหากสมองรับไหวก็จะเป็นสุดยอดนักลงทุนครับ แต่ผมคงไม่ผมคงเน้นที่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น.....
ซึ่งหากลองสังเกตุสุดยอดนักลงทุนแต่ละคน เล่นหุ้นคนละแนวครับ มันคือความเหมือนที่แตกต่างครับ....ดังนั้นหากเราไม่รูว่าตัวตนเราจริงๆ ศัยะภาพของเราจริงๆ คือแนวไหนก็ลำบากนะครับ เป็นแบบแนวใดแนวหนึ่ง หรือสองแนว หรือผสมผสาน ผมว่าต่างกันนะครับ มากๆๆด้วยครับ เอาเทพๆdiv+growthมาเล่นหุ้นแนวTurnAroundอาจจะเจ้งก็ได้นะครับ อิอิ
อุ๊ย...ลืมตัวบ่นไปเรื่อย โทษทีครับ แฮ๊ๆ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- หมักเตา
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 19
เห็นด้วยครับ ว่าการแยกประเภทจัดหมวดหมู่ ทำให้มือใหม่เห็นภาพได้ชัดเจนขึ้น จับจุดได้ง่ายขึ้น
ส่วนตัวผม ผมแยก 6 ประเภทตามปีเตอร์ ลินช์ ในหนังสือ One Up On Wall Street
1. โตช้า
2. โตปานกลางแต่มั่นคง
3. โตเร็ว
4. วัฏจักร (Cyclical )
5. เทิร์นอะราวน์ด
6. ทรัพย์สินแฝง (Asset Play)
หุ้นทุกตัวเปลี่ยนประเภทไปๆ มาๆ ได้ แล้วแต่สภาวะบริษัทในขณะนั้น
บางตัวก็อยู่มากกว่าหนึ่งประเภทในขณะเดียวกัน ตั้งแต่ 2-in-1 ไล่ไปจนถึง 4-in-1 พวกนี้เลยต้องมองแยกเป็นหลายๆ มุม
ตัวไหนจ่ายปันผล ก็มี dividend เป็นของแถม
ตัวไหนราคาถูกกว่ามูลค่า ก็เป็น value ทั้งนั้น :D
ส่วนตัวผม ผมแยก 6 ประเภทตามปีเตอร์ ลินช์ ในหนังสือ One Up On Wall Street
1. โตช้า
2. โตปานกลางแต่มั่นคง
3. โตเร็ว
4. วัฏจักร (Cyclical )
5. เทิร์นอะราวน์ด
6. ทรัพย์สินแฝง (Asset Play)
หุ้นทุกตัวเปลี่ยนประเภทไปๆ มาๆ ได้ แล้วแต่สภาวะบริษัทในขณะนั้น
บางตัวก็อยู่มากกว่าหนึ่งประเภทในขณะเดียวกัน ตั้งแต่ 2-in-1 ไล่ไปจนถึง 4-in-1 พวกนี้เลยต้องมองแยกเป็นหลายๆ มุม
ตัวไหนจ่ายปันผล ก็มี dividend เป็นของแถม
ตัวไหนราคาถูกกว่ามูลค่า ก็เป็น value ทั้งนั้น :D
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 1
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 20
ใช่ครับสำหรับมือใหม่อย่างผม การจำแนกหุ้นแบบนี้ มันทำให้ผมจัดระเบียบทางความคิดได้ดีขึ้น ง่ายขึ้นและสะดวกขึ้น มองภาพรวมได้ชัดขึ้น ในการวิเคราะห์หุ้นแต่ละตัวครับ
ปล. ว่าแต่ลายเซ็นต์พี่ picklift ทำให้ผมคิดถึงลายเซ็นต์ของอีกท่านนึงจำไม่ได้ละว่าเห็นมาจากไหน แต่เค้าเขียนว่า " ตีลูกให้ถึงเวียง่จันทร์ แม้พลาดก็อยู่กลางเมืองลาว " อ่านแล้วต้องแอบอมยิ้มอยู่คนเดียว :D
- ส.สลึง
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3750
- ผู้ติดตาม: 1
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 21
น่าสนใจครับ แยกแยะยังไง หุ้นก็คือ หุ้นดำ เขียน:แยกแยะยังไงหุ้นก็คือหุ้น
ซื้อเพราะคิดรอบแล้วว่าราคามันจะขึ้นไปอีกก็ซื้อ
ถ้าคิดรอบแล้วเป็นจริงก็รวยขึ้น ถ้าไม่จริงก็จนลง ถ้าจนลงก็ปล่อยวางลง ก็แค่นั้น
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริง VI ก็คงมั่งคั่งได้ลำบาก
ประเด็นคือ VI มองหุ้นเหมือน...
บ้าน - บ้านของผม หรือว่าบ้านพี่ ก็คือบ้านเหมือนกัน แต่มูลค่าไม่เท่ากัน
เพราะทั้งพี่ และผม ให้คุณค่าของบ้านต่างกัน
แฟน - แฟนของผม หรือว่าแฟนของพี่ แหะๆ แซวเล่นนะพี่ ....
(แต่ผมยังไม่มีแฟนนะครับ )
ไม่แปลกใจครับถ้าพี่ดำจะสามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากการเล่นรอบ
ผมก็มีพี่ที่รู้จักทำกำไรเป็นกอบเป็นกำจากรอบแต่ละรอบได้
ซึ่งพี่เขาอธิบายยังไงผมก็ไม่เข้าใจ แฮ
และก็ยินดีรับฟังความคิดเห็นของพี่ดำนะพี่
ซึ่งความแตกต่างของแนวทางปฏิบัติ บางทีอาจจะอยู่ที่จุดเริ่มต้น ที่...
ทัศนะคติ ของตัวเราที่มองตลาดทุน
เพราะเรามองหุ้นต่างกัน แนวทาง และวิธีการก็เลยต่างกันครับ
แต่ถ้าคิดว่าจนลงแล้วค่อยปล่อยวาง
ผมไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ คนเรา ปล่อยวางได้ทุกวัน
โดยไม่จำกัดว่า วันนี้เรารวย หรือว่าเราจน
เพราะการวางที่แท้
คือการวาง กิเลส ตัณหา อัตตา ในตัวตนของเราครับ
ดังนั้น ไม่ว่าจะยากดีมีจน ถ้าวางแล้ว
จิตใจก็จะโปร่งเบา โล่งสบายได้ พอๆ กัน
-
- Verified User
- โพสต์: 191
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้น Value Stock มีลักษณะที่สังเกตุได้อย่างไรบ้างครับ
โพสต์ที่ 22
ผมคิดว่าสำหรับทุกคนแล้วก็ควรมีหลักการกว้างๆในการเลือกลงทุนในบริษัทต่างๆคล้ายๆกัน ซึ่งแนวทาง vi ก็เป็นเหมือนกรอบในการลงทุนโดยมีปรมาจารย์ทางด้านการลงทุนได้สร้างมันขึ้นมา คือลงทุนในบริษัทที่คุณคิดว่ามูลค่าต่ำกว่าความเป็นจริง หลังจากนั้นก็มีผู้นำไปใช้และได้เพิ่มหลักการจากการพัฒนาในแต่ละแนวทางขึ้นมาเช่นการลงทุนในบริษัทที่มีการเติบโต การลงทุนในบริษัทที่มีผลกำไรมั่นคง เป็นอีกสองแนวทางที่พัฒนาขึ้นมา ซึ่ง ณ จุดนี้ผมก็คิดว่าการวิเคราะห์ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากโดยรวมแล้วเราก็วิเคราะห์ความมั่นคงและเป็นไปในกำไรของบริษัท ไม่ว่าเราจะแยกแยะออกมามากขนาดไหนก็ย่อมใช้วิธีการคล้ายๆกันในการวิเคราะห์ แต่กระบวนการเชิงความคิดในการวิเคราะห์เท่านั้นที่ต่างกัน ถ้าเราจะลองมองดูจากผู้รู้ในเวปแห่งนี้เราก็จะเห็นวิธีคิดที่แตกต่างของเหล่าบรรดาผู้รู้ในการวิเคราะห์บริษัท บางท่านสนใจในบริษัทที่กำไรมั่นคง มีการจ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ โดยมองการเติบโตของบริษัทและราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นของแถมสำหรับการลงทุน แต่บางท่านก็สนใจการเติบโตของผลกำไร เป็นหลัก โดยมองปันผลที่ได้ต่อปีเป็นของแถม ซึ่งสำหรับผมแล้วสำหรับการลงทุนก็มีบริษัทอยู่สามแบบเท่านั้นในมุมมองของผม คือบริษัทที่กำไรโต กำไรสม่ำเสมอ และกำไรกำลังตกต่ำ
อย่าเชื่อสิ่งที่พระเจ้าบอก แต่จงคิดและเลือกที่จะเชื่อด้วยตัวท่านเอง !!