Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ชนิดของบริษัทและชนิดของหุ้นสามัญ

1.GROWTH COMPANIES AND STOCKS
        บริษัทที่จัดเป็น growth company หมายถึงบริษัทที่สามารถลงทุนในโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าผลตอบแทนที่ต้องการในการลงทุนของกิจการหรือต้นทุนเงินทุนนั่นเอง กล่าวคือบริษัทใดก็ได้ที่สามารถจัดหาเงินทุนที่มีต้นทุนเฉลี่ยสมมุติ 12% แล้วสามารถนำไปลงทุนได้ผลตอบแทนเกินกว่า 12% ก็คือว่าบริษัทนั้นเป็น growth company ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทนี้สามารถหากำไรและมีอัตราการเจริญเติบโตของกำไรสูงกว่ากิจการอื่นๆที่มีความเสี่ยงเหมือนๆกัน ดังนั้เมื่อบริษัทเป็นบริษัทที่มีความสามารถหากำไรสูงกว่ากิจการอื่นๆบริษัทก็ควรที่กันกำไรไว้เป็นกำไรสะสมไว้มากๆ เพื่อที่จะนำไปลงทุนในโครงการที่ลงทุนอยู่ ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนอื่นๆ ยอดขายและกำไรบริษัทชนิดนี้จะเติบโตรวดเร็วกว่ากิจการทั่วๆไป
        ส่วนหุ้นสามัญที่จัดเป็น growth stock หมายถึง หุ้นที่ให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่าหุ้นของบริษัทอื่นๆ  ที่มีลักษณะความเสี่ยงคล้ายๆกัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากว่าหุ้นสามัญบริษัทนั้นมีราคาต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น (Undervalued) ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นในช่วงระยะเวลาที่ราคาตลาดซึ่งต่ำกว่าที่ควรจะเป็นปรับตัวไปหาราคาที่ควรจะเป็น ผลตอบแทนการลงทุนในช่วงระยะเวลานั้นจะสูงกว่าหุ้นอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงคล้ายๆกัน ดังนี้หุ้นนี้จึงจัดเป็น growth stock
        ดังนั้นหุ้นใดที่จัดได้ว่าเป็น growth stock ในอนาคตย่อมหมายถึงหุ้นที่ราคาตลาดในขณะนี้ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และต้องมีโอกาสที่จะปรับราคาไปเท่ากับราคาที่ควรจะเป็นในเร็วๆนี้ด้วย จึงหมายความว่าหุ้นที่เป็น growth stock ไม่จำเป็นจะต้องเป็นบริษัทที่จัดว่าเป็น growth company ขึ้นกับว่าหุ้นบริษัทที่เป็น growth company นั้นราคาตลาดขณะนี้สูงหรือต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น ถ้าต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นก็จะเป็น growth stock ด้วย แต่ถ้าราคาตลาดขณะนี้เท่ากับหรือสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็นก็จะเป็น หุ้นบริษัทนั้นก็ไม่ไช่ growth stock และการเป็น growth stock จะเกิดขึ้นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้นไม่ใช่ตลอดไป คือในช่วงระยะเวลาที่ราคาตลาดต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็นเท่านั้น ดังนั้นการค้นหาหุ้นที่จะเป็น growth stock ในอนาคตก็หมายถึงการประเมินราคาหุ้นที่ควรจะเป็นในปัจจุบันแล้วเปรียบเทียบกับราคาตลาดในขณะนั้นถ้าราคาตลาดต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น หุ้นก็เป็น growth stock
       ดังนั้นการวิเคราะห์บริษัทเพื่อค้นหาว่าเป็น growth company หรือไม่จึงไม่เพียงพอจะต้องค้นหาต่อไปด้วยว่าเป็น growth stock หรือไม่ การลงทุนใน growth stock จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าปกติและสูงกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญชนิดอื่นๆ :lol:

2.DEFENSIVE COMPANIES AND STOCKS
       บริษัทที่จัดเป็น defensive company หมายถึงบริษัทที่มีสินทรัพย์ ผู้บริหาร และลักษณะกิจการที่สามารถรักษาระดับรายได้มิให้ตกต่ำลงตามสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ตัวอย่างของกิจการประเภทนี้ได้แก่กิจการพวก สาธารณูปโภค อาหาร ซึ่งสินค้าและบริการเหล่านั้นเป็นสิ่งจำเป็นดังนั้นในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ยอดขายและกำไรของกิจการเหล่านี้จะไม่ตกตามภาวะเศรษฐกิจ
       ส่วนหุ้นที่จัดเป็น defensive stock หมายถึง หุ้นที่คาดว่าอัตราผลตอบแทนการลงทุนจะไม่ลดลงในขณะที่ภาวะตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำ ซึ่งในช่วงตลาดหลักทรัพย์ตกต่ำผลตอบแทนการลงทุนของหุ้นในตลาดโดยทั่วไปจะต่ำลง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือหุ้นที่มีความเสี่ยงที่เป็นระบบ (Systematic risk) ต่ำ

3.CYCLICAL COMPANIES AND STOCKS
    บริษัทที่เป็น cyclical company หมายถึงบริษัทที่มีรายได้ในอนาคตขึ้นลงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ กล่าวคือในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจดี รายได้ของบริษัทจะสูงตามไปด้วย ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจหดตัว รายได้ของบริษัทพลอยตกต่ำลงด้วย
    ส่วนหุ้นสามัญที่จัดเป็น cyclical stock หมายถึง หุ้นสามัญที่ผลตอบแทนการลงทุนเปลี่ยนแปลงตามภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดหลักทรัพย์ อัตราผลตอบแทนที่เปลี่ยนแปลงนี้อาจเท่ากับหรือมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของผลตอบแทนในตลาดโดยส่วนรวม และก็เช่นเดียวกัน growth stock และ growth company หุ้นที่เป็น cyclical stock ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นหุ้นของบริษัทที่เป็น cyclical company หุ้นที่เป็น cyclical stock อาจเป็นหุ้นของ cyclical company หรือของบริษัทชนิดใดก็ได้ที่ราคาตลาดของหุ้นนั้นผันแปรเท่ากันหรือมากกว่าหุ้นทั้งตลาด

4.SPECULATIVE COMPANIES AND STOCKS
    บริษัทที่จัดเป็น speculative company หมายถึงบริษัทที่ประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะขาดทุนมีมาก และโอกาสที่จะได้กำไรมากมีน้อย ตัวอย่างเช่นกิจการที่ลงทุนเกี่ยวกับการค้นหาแหล่งน้ำมัน
    ส่วนหุ้นสามัญที่จัดเป็น speculative stock หมายถึงหุ้นสามัญที่โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนต่ำหรือขาดทุนมีมาก และโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนปกติหรือสูงมีน้อยในช่วงระยะเวลาหนึ่ง กล่าวคือโอกาสที่ราคาตลาดของหุ้นจะต่ำลงมีมาก และโอกาสที่ราคาตลาดจะสูงขึ้นมีน้อย หุ้นที่เป็น speculative stock ได้แก่หุ้นของบริษัทที่เป็น speculative company อย่างหนึ่ง และอีกอย่างหนึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับ growth stock คือเป็นหุ้นสามัญที่ราคาตลาดในขณะใดขณะหนึ่งมีราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น (overvalued) ดังนั้นจึงมีโอกาสมากในอนาคตอันใกล้นี้ที่ราคาตลาดของหุ้นสามัญนั้นจะต้องตกลงมาหาราคาที่ควรจะเป็น ตัวอย่างที่ดีอันหนึ่งของหุ้นสามัญชนิดนี้ได้แก่ หุ้นสามัญของบริษัทที่เป็น growth company และมีการเจริญเติบโตของกำไรสูงมาก ทำให้ผู้ลงทุนต่างพากันสนใจและเสนอซื้อ จึงทำให้ราคาตลาดของหุ้นสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นผลสะท้อนด้านจิตวิทยา  :roll:

หวังว่า KIAT จะเป็น growth stock นะครับ...

ขอบคุณครับ

คนอุดร เขียน:หวังว่า KIAT จะเป็น growth stock นะครับ...

หวังเช่นกันครับ ขอบคุณสำหรับบทความครับ

ขอบคุณครับ

[quote="คนอุดร"]แล้ว CPF , CPALL , BIGC , TTW , EASTW