หน้า 1 จากทั้งหมด 1

กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 1:43 pm
โดย pornchal
กับดักของ Value Investor

วันนีผมขอนำข้อเขียนเก่าของ ดร. นิเวศน์ มาให้อ่านกันเห็นว่ามีประโยชน์มากเวลาพิจารณาเลือกหุ้นเข้าพอร์ต VI ลองอ่านกันดูแล้วกัน

Value Investor โดยเฉพาะที่ยังเป็นมือใหม่หลายคนต้องขาดทุนจากการลงทุนในหุ้น ที่เขาคิดว่าเป็น Value Stock ทั้งที่เขาคิดว่าหุ้นที่ซื้อมานั้นมีราคาถูกมากมองจากค่า PE หรือปันผลเป็นต้น

ข้อผิดพลาดของเขาก็คือ เขาเลือกดูข้อมูลเฉพาะบางด้านหรืออาจจะหลายด้านแต่ไม่ทั้งหมด พอเห็นว่าตัวเลขดูดีมากเช่นพอเห็นว่าหุ้นมีค่า PE เพียง 5 6 เท่า หรือพอเห็นว่าหุ้นตัวนั้นจ่ายปันผลในปีที่ผ่านมาถึง 10% ของราคาหุ้น เขาก็ คิดว่าหุ้นตัวนั้นถูกมากจึงเข้าซื้อลงทุนโดยไม่ได้ดูข้อมูลอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กัน และอาจจะบอกถึงความหมายคล้ายๆ กัน เช่นค่า PB ซึ่งเป็นตัวบอกค่าความถูกความแพงเหมือนกัน แต่กลับชี้ว่าหุ้นตัวนั้นมีค่า PB สูงมากหรือหุ้นมีราคาแพงมาก

การเห็นข้อมูลบางอย่างที่ดูดีมากแล้วเข้าไปซื้อหุ้นนั้น บ่อยครั้งทำให้ Value Investor เข้าไป ติดกับ คือซื้อ แล้วแทนที่หุ้นจะขึ้นกลับตกลงมาเรื่อยๆ ปันผลที่เคยได้รับในอัตราสูงก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ บางคนถึงกับคิดว่าแนวทางการลงทุนแบบ Value Investment อาจจะใช้ไม่ได้ผล

กับดักที่ผมเห็นว่า Value Investor มักจะเข้าไปติดบ่อย ๆ มีดังต่อไปนี้

หนึ่ง ซื้อหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลในปีที่ผ่านมาสูงมาก บางทีสูงถึง 10% กับดักอันนี้ล่อให้ Value Investor ที่อยากลงทุนถือหุ้นยาวกินปันผลเข้าไปซื้อลงทุน แต่เมื่อซื้อแล้วหุ้นก็มักจะไม่ไปไหน ราคาหุ้นหลังจากรับปันผลแล้ว กลับตกลงไปมากกว่านั้น ที่สำคัญปันผลในอนาคตก็มีแนวโน้มว่าจะลดลง ปัญหาก็คือ หุ้นเหล่านี้หลายตัวมีการจ่ายปันผลจากกำไร ในอัตราที่สูงมาก เช่น มีกำไรทั้งปี 1 บาทต่อหุ้น แต่บริษัทประกาศจ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้นเหมือนกันบาง บริษัทจ่าย 1.1 บาท ก็มีการจ่ายปันผลแบบนี้ดูเหมือนว่าจะดี แต่ก็ทำให้กิจการโตได้ยากในอนาคต ส่วนใหญ่แล้วบริษัทก็มักจะทำได้เป็นครั้งเป็นคราว เมื่อมีเงินสดเหลือมาก หรือเจ้าของอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่อนาคตอัตราปันผลก็มักจะลดลง

กับดักอันที่สองก็คือ ค่า PE ของหุ้นต่ำมาก นี่ก็เป็นกับดักที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าหุ้น มีราคาถูกมาก แถม growth หรือการเจริญเติบโตก็ดูเหมือนจะสูงลิ่ว เรียกว่ามี สองเด้ง เป็นหุ้นที่ ต้องลงทุน แต่คนที่ เข้าไปลงทุนโดยไม่พิจารณาให้ถ่องแท้ครบถ้วนทุกมิติอาจจะติดกับหุ้น PE ต่ำได้ การที่หุ้นมี PE ต่ำมากนั้น อาจจะเกิดขึ้นได้กับบริษัทที่มีกำไรเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่เป็นกำไรที่เกิดขึ้นครั้งเดียว เช่น กำไรจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือขายสินทรัพย์บางอย่างและมีกำไรพิเศษเกิดขึ้น ทำให้ค่า PE ลดต่ำลงมาก หรือไม่ ก็อาจจะเกิดจากการที่บริษัทผลิตและขายสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมีราคาปรับตัวขึ้นสูงผิดปกติในช่วงนั้น ทำให้กำไรเพิ่มสูงขึ้นมาก ชั่วคราว ไม่สามารถอยู่ได้อย่างถาวร เพราะฉะนั้นค่า PE ที่เห็นจึงไม่ใช่ค่า PE ที่จะบอกได้ว่าราคาหุ้นถูกหรือแพง

กับดักอันที่สามก็คือ ซื้อหุ้นโดยที่ไม่ได้พิจารณาถึงบรรษัทภิบาลของผู้บริหาร นี่ก็เป็นกับดักที่อันตรายเช่นเดียว กันเพราะหลายครั้งดูเหมือนว่า ผู้บริหารและเจ้าของบางรายเป็นคน วางกับดัก เอง นั่นก็คือผู้บริหาร แต่ง ให้ผลการ ดำเนินงานดูดีกว่าปกติหรือประกาศจ่ายปันผลมากกว่าปกติ เพื่อชักจูงนักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้นและดันราคาให้สูงขึ้น เสร็จแล้วก็ ปล่อยของ คือขายหุ้นออกมาในราคาสูงกว่าที่ควรจะเป็น
Value Investor จำนวนไม่น้อยไม่ใคร่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์บรรษัทภิบาลของผู้บริหาร เพราะเขาไม่รู้ ว่าจะดูอย่างไร บางคนก็ดูว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ก็คงจะเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อยอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติจะไป คิดมาก ทำไมว่า ผู้บริหารคนไหนไว้ใจได้หรือไม่ได้ แต่เรื่องนี้ผมคิดว่าสำคัญโดยเฉพาะถ้าหุ้นที่เราจะลงทุนเป็นหุ้นของบริษัทขนาดเล็กที่มีกำไรใน แต่ละปีไม่มากนัก เพราะผู้บริหารที่คดโกงหรือเอาเปรียบบริษัทมาก ๆ จะทำให้คุณค่าของบริษัทเสียหายได้สูงมาก เพราะฉะนั้น การลงทุนที่ไม่ดูบรรษัทภิบาลของบริษัทจดทะเบียนจึงเสี่ยงกับการ ติดกับ สูงมาก

กับดักอันสุดท้าย ที่ต้องระวังก็คือ การลงทุนซื้อหุ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงการที่บริษัทมีการออกวอแรนต์จำนวนมาก และนี่คือกับดักที่เริ่มเห็นผลมากขึ้นทุกวัน หุ้นที่มีการออกวอแรนต์ในสัดส่วนที่สูงมาก เมื่อเทียบกับหุ้นทั้งหมดของบริษัท เช่น สูงถึง 25% ขึ้นไป จะมี Dilution Effect คือจะทำให้บริษัทมีหุ้นมากขึ้นในจำนวนเดียวกัน ซึ่งจะทำให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทลดลงอย่างเห็นได้ชัดใน อนาคต เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อหุ้นในวันนี้เพราะเห็นว่าบริษัทมีกำไรต่อหุ้นสูงหรือมี PE ต่ำ ก็จะพบว่ากำไรต่อหุ้นในอนาคตจะลดลง หรือ PE สูงขึ้น หุ้นที่ดูว่าราคาถูกในวันนี้ก็จะกลายเป็นหุ้นที่มีราคาแพงในวันข้างหน้า เพราะฉะนั้นคนที่ซื้อหุ้นโดยไม่ได้ดูว่าบริษัท มีการออกวอแรนต์หรือไม่จึงมีโอกาส ติดกับ ได้ง่าย ๆ

ยังมี กับดัก อื่น ๆ อีกมากที่พร้อมจะล่อให้ Value Investor หลงเข้าไป ติดกับ การที่จะหลบให้พ้นนั้น นักลงทุนจะต้องพิจารณาข้อมูลการลงทุนทุกด้านหรือทุกมิติ ไล่ตั้งแต่เรื่องของผลิตภัณฑ์ การตลาด การบริหาร การเงิน และ บรรษัทภิบาลของผู้บริหาร ไม่สามารถที่จะดูองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งเพียงอย่างเดียว

เรื่องของความถูกความแพงของหุ้นก็ไม่สามารถดูข้อมูลเพียงตัวเดียวแต่ต้องดูทั้งค่า PE PB ปันผล และจะให้ดีก็รวมถึงมูลค่าตลาดของหุ้นทั้งบริษัท เพื่อยืนยันว่าหุ้นมีราคาถูกจริง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

ในเรื่องของการลงทุนซื้อหุ้นนั้น ถ้ามีจุดอ่อนหรือมี ช่องโหว่ เพียงจุดเดียวแต่เป็นจุดที่สำคัญ บางทีก็เพียงพอ แล้วที่จะทำให้นักลงทุนเสียหายได้มาก เพราะจุดดังกล่าวนั้นอาจจะเป็น กับดัก ที่ทำให้เราติดหุ้นได้อย่างที่เรานึกไม่ถึง


http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =6&gblog=9

คิดอย่างไรกันบ้าง ลองฟังฝ่ายค้านบ้างก้อดีนะ

กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 1:55 pm
โดย neo_potato_Th
ขอบคุณครัล :D

กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 2:00 pm
โดย sai
ขอบคุณเช่นกันครับ

กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 2:14 pm
โดย moonchild
ขอบคุณครับ

Re: กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 2:46 pm
โดย Boring Stock Lover
pornchal เขียน:กับดักของ Value Investor

เรื่องของความถูกความแพงของหุ้นก็ไม่สามารถดูข้อมูลเพียงตัวเดียวแต่ต้องดูทั้งค่า PE PB ปันผล และจะให้ดีก็รวมถึงมูลค่าตลาดของหุ้นทั้งบริษัท เพื่อยืนยันว่าหุ้นมีราคาถูกจริง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id ... =6&gblog=9

คิดอย่างไรกันบ้าง ลองฟังฝ่ายค้านบ้างก้อดีนะ
จริงๆการอ่านบทความของคนเขียนเพียงบางบทความ แล้วเชื่อตามนั้น ก็เป็นกับดักเหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าบทความนี้เขียนขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่อ่านแล้วเหมือนเป็นสไตล์เก่าสมัยปี 43-45

ลองดูว่า Hmpro เป็นอย่างไหร่ใน เชิง pe pb dy

เท่าที่จำได้ hmpro เป็นหุ้นที่ซื้อขาย โดยที่ pe แทบไม่ต่ำกว่า 10-12 มีแค่บางโอกาสจริงๆ ที่ pe (ttm) หลุด 10 ลงมา หรืออาจไม่เคยเลยก็ได้

pb ก็ไม่น่าจะเคยต่ำกว่า 2 เท่า โดยทั่วไปน่าจะขึ้นไปประมาณ 3 เท่าด้วยซ้ำไป

dy หรือเงินปันผลเมื่อเทียบราคาก็ประมาณ 3%

สมัยแรกๆ มี warrant ซึ่งก็เยอะพอควร ประมาณ 30% มั้ง อันนี้จำไม่ค่อยได้แล้ว

ถ้าเอามาตรฐานวิธีคิดสมัยปี 43-45 หุ้นตัวนี้ราคาแพงมาก จำได้ว่าเคยมีช่วงนึงราคาหุ้นเคยลงไปต่ำกว่า 2 บาทนิดหน่อย ที่ราคา 2 บาท ตอนนั้น pe (ttm) 18 เท่า ไม่มั่นใจว่า รวม dilution จาก warrant ด้วยหรือเปล่า นั้นเป็นราคาที่เคยต่ำที่สุดแล้ว ถ้าเทียบกลับมาเพราะมีการเพิ่มทุนแจกหุ้นปันผล ก็ราคาประมาณ .50 บาท ในราคาตลาดวันนี้

แล้วทำไมดอกเตอร์ถึงซื้อเก็บแบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็น่าจะเป็น ตัวเลข ratio ต่างๆ มันไม่ได้สะท้อนคุณภาพของบริษัทจริงๆ

กลับมาที่ประเด็น การอ่านบทความของผู้เขียนใดๆแค่หนึ่งหรือสอง แล้วยึดถือเป็นสรณะ ผมว่ามันก็เป็นกับดัก เพราะช่วงหลังๆ เราจะเห็นว่า การให้น้ำหนักกับ growth, dca, พฤติกรรมสังคม ฯลฯ เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกหุ้นมากกว่าสมัยก่อน

Re: กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 3:07 pm
โดย แสนยานุภาพ
Boring Stock Lover เขียน:การอ่านบทความของผู้เขียนใดๆแค่หนึ่งหรือสอง แล้วยึดถือเป็นสรณะ ผมว่ามันก็เป็นกับดัก เพราะช่วงหลังๆ เราจะเห็นว่า การให้น้ำหนักกับ growth, dca, พฤติกรรมสังคม ฯลฯ เข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกหุ้นมากกว่าสมัยก่อน
ถูกใจ... ขอบคุณครับ :bow:

Re: กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 3:16 pm
โดย neo_potato_Th
แสนยานุภาพ เขียน: ถูกใจ... ขอบคุณครับ :bow:
ถูกใจเหมือนกันครับ :bow:

กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 7:29 pm
โดย Green_nightmare
กับดัก 1 -2 นี่ BCP โดนเต็มๆเลย 5555
ผมมีหุ้นอยู๋นิดหน่อยถือมาตั้งแต่ปันผลกำไรปันผล  ถ้าขายตอนนี้ก็กำไรสบายๆ  ไว้เดือนหน้าว่าจะไปร่วมประชุมแล้วก็รวดชมโรงกลั่นเค้าซะหน่อย (เค้ามี 2 รอบ รอบเช้าก่อนประชุม กับรอบบ่ายหลังการประชุม)  แล้วจะมาคิดอีกทีว่าควรจะทำยังไงกับหุ้น
แต่แนวโน้มผม 70% นี่ทิ้งแน่นอน   อนาคตไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่

กับดักของ Value Investor โดยจิ้งจกเขียว

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 7:36 pm
โดย thalucoz
ถูกใจ เหมือนกันครับ

:8)