สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
-
- Verified User
- โพสต์: 51
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 1
สมมุติว่า คุณมีเงินอยู่ 1 ล้านบาท มีเงินเก็บเดือนละ 3 หมื่น คุณรู้แล้วว่าจะซื้อหุ้นตัวนี้ คุณรู้ว่าในอนาคตหุ้นตัวนี้จะมีมูลค่าสูงขึ้น แล้ว ณ ราคาปัจจุบัน ก็มี MOS อยู่ในระดับที่ต่ำเพียงพอกับความพึงพอใจของคุณ จึงตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้ 100% ของเงินลงทุน
ปัญหาที่อยากถาม ถ้าในกรณีที่หุ้นราคามันขึ้นบาง ลงบาง ตามตลาดไปประมาน10-20% ในช่วงเวลา 1 ปี คุณจะทยอยซื้อเก็บเดือนละ 3 หมื่นไหมหรือมีวิธีอย่างไรช่วยแนะนำที
หมายเหตุ: การปรับพร์อทโดยที่ขายก่อนแล้วค่อยลงไปซื้อ เป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถทำได้ เพราะ ผมไม่รู้เลยว่าถ้าวันนี้ผมขายไปแล้ว ปรากฏว่ามันไม่ลงอย่างที่คิด จะทำให้เสียโอกาศไป (ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน)
ปัญหาที่อยากถาม ถ้าในกรณีที่หุ้นราคามันขึ้นบาง ลงบาง ตามตลาดไปประมาน10-20% ในช่วงเวลา 1 ปี คุณจะทยอยซื้อเก็บเดือนละ 3 หมื่นไหมหรือมีวิธีอย่างไรช่วยแนะนำที
หมายเหตุ: การปรับพร์อทโดยที่ขายก่อนแล้วค่อยลงไปซื้อ เป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถทำได้ เพราะ ผมไม่รู้เลยว่าถ้าวันนี้ผมขายไปแล้ว ปรากฏว่ามันไม่ลงอย่างที่คิด จะทำให้เสียโอกาศไป (ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน)
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 3
อย่างเช่นตัวผมเอง ผมซื้อว่าเพราะรู้สึกว่ามันถูก และก็มีราคาที่เหมาะสมอยู่ในใจเสมอซึ่งราคานี้อาจจะปรับไปเรื่อยๆตามสถาณการณ์ ผมก็หาสัดส่วนเอาราขาปัจจุบัน/ราคาที่เหมาะสม มีUpsideหรือไม่แยอะแค่ไหน? ผมเห็นว่าเยอะกว่าการเอาเงินไปฝากธนาคารหรือทำอย่างอื่นมาก ผมก็ไม่มีความจำเป้นต้องเก็บเงินเลย ก็ซื้อดีกว่าจะถือเงินทำไม? แต่ถ้าไม่เห็นยังมีUpsideเหลือก็ถือเงินสดดีกว่าจะเสี่ยงทำไม?
บางคนถึงขนาดใช้มาร์จิ้นซื้อเลยก็มี มองว่าupsideมันเยอะกว่าดอกเบี้ย ก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรจึงไม่ใช้...คนกลุ่มนี้ไม่เพียงแค่มีเท่าไหร่ลงเท่านั้น แต่ยังหาญกล้าถึงขนาดลงมากกว่าที่ตัวเองมีด้วยซ้ำ
ดังนั้นซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณมองUpsideแม่นยำแค่ไหน และคุณมีความมั่นใจแค่ไหนกับUpsideที่คุณมอง เมื่อที่คุณรู้ตัวเอง เมื่อนั้นคุณก็ต้องไปถามใครแล้วว่าคุณควรจะถือเท่าไหร่ หรือลงเพิ่มดีไหม เราจะรู้ได้ด้วยตัวเอง
บางคนถึงขนาดใช้มาร์จิ้นซื้อเลยก็มี มองว่าupsideมันเยอะกว่าดอกเบี้ย ก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรจึงไม่ใช้...คนกลุ่มนี้ไม่เพียงแค่มีเท่าไหร่ลงเท่านั้น แต่ยังหาญกล้าถึงขนาดลงมากกว่าที่ตัวเองมีด้วยซ้ำ
ดังนั้นซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณมองUpsideแม่นยำแค่ไหน และคุณมีความมั่นใจแค่ไหนกับUpsideที่คุณมอง เมื่อที่คุณรู้ตัวเอง เมื่อนั้นคุณก็ต้องไปถามใครแล้วว่าคุณควรจะถือเท่าไหร่ หรือลงเพิ่มดีไหม เราจะรู้ได้ด้วยตัวเอง
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 4
บางคนมองUpsideห่วย แต่กลับมั่นใจมาก
บางคนมองUpsideห่วย แต่กลับไม่มั่นใจ
บางคนมองUpsideเก่ง แต่กลับมั่นใจมาก
บางคนมองUpsideเก่ง แต่กลับไม่มั่นใจ
คุณเป็นใครใน4คนนี้ หรือเป็นลูกผสมครับ อิอิ
บางคนมองUpsideห่วย แต่กลับไม่มั่นใจ
บางคนมองUpsideเก่ง แต่กลับมั่นใจมาก
บางคนมองUpsideเก่ง แต่กลับไม่มั่นใจ
คุณเป็นใครใน4คนนี้ หรือเป็นลูกผสมครับ อิอิ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 5
ถ้าเกิดว่าเราวิเคราะห์ถูก ประเิมิน upside ถูกและราคาไปถึงจุดที่เราคาดหวังจริงๆ แต่ก่อนไปถึงจุดนั้นมีเหตุการณ์อะไรทำให้ตลาด panic sell แล้วราคาลงไปสมมติ 30-50% (สมมติว่าโดนไป floor นึงแล้ววันรุ่งขึ้นลงต่อ) ซึ่งเราไม่มีทางรู้เลย เช่นตอนหม่อมอุ๋ยสกัดเงินเข้าตอนปี 2006 (ถ้าจำไม่ผิด) ใครจะรู้ครับเหตุการณ์พวกนี้จะเกิดตอนไหน ที่สำคัญคือเหตุการณ์แบบนี้ถ้าเราใช้ margin เยอะๆ แล้วราคาลงเนี่ยต่อให้เราวิเคราะห์ถูกแต่เราจะโดนโบรคเกอร์บังคับขายก่อนนะครับ แล้วราคาที่โดนบังคับขายนี่เป็นราคาที่เราขาดทุนมหาศาลเลยนะครับ อาจจะแทบไม่เหลือเงินต้นเลยถ้าเรากู้ในสัดส่วนเต็มที่ เช่น ทุน 50 กู้ 50 ถ้ามูลค่าหุ้นลดลง 23% เราจะโดน call ถ้าลง 33% เราจะโดน force เป็นต้นpicklife เขียน: บางคนถึงขนาดใช้มาร์จิ้นซื้อเลยก็มี มองว่าupsideมันเยอะกว่าดอกเบี้ย ก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรจึงไม่ใช้...คนกลุ่มนี้ไม่เพียงแค่มีเท่าไหร่ลงเท่านั้น แต่ยังหาญกล้าถึงขนาดลงมากกว่าที่ตัวเองมีด้วยซ้ำ
ดังนั้นซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณมองUpsideแม่นยำแค่ไหน และคุณมีความมั่นใจแค่ไหนกับUpsideที่คุณมอง เมื่อที่คุณรู้ตัวเอง เมื่อนั้นคุณก็ต้องไปถามใครแล้วว่าคุณควรจะถือเท่าไหร่ หรือลงเพิ่มดีไหม เราจะรู้ได้ด้วยตัวเอง
ความมั่นใจเป็นสิ่งดีครับ แต่อย่ามั่นใจมากเกินไปครับ
ผมเคยผ่านมาแล้ว ด้วยความหวังดีครับ
It's earnings that count
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 6
เพิ่มเติมอีกนิดครับ คุณ picklife อาจจะงงว่าทำไมถึงลงไปได้หุ้นถูกขนาดนี้ อย่าลืมว่าตลาดไม่ได้มีเหตุผลตลอดครับ ระยะสั้นถูกผลักดันอย่างมากด้วยความโลภและความกลัวครับ ถ้าเราไม่ใช้ margin ความผันผวนของราคาจะเป็นเพื่อนของเรา แต่ถ้าเรากู้เยอะๆ ความผันผวนเป็นศัตรูตัวร้ายเลยครับBlueblood เขียน: ถ้าเกิดว่าเราวิเคราะห์ถูก ประเิมิน upside ถูกและราคาไปถึงจุดที่เราคาดหวังจริงๆ แต่ก่อนไปถึงจุดนั้นมีเหตุการณ์อะไรทำให้ตลาด panic sell แล้วราคาลงไปสมมติ 30-50% (สมมติว่าโดนไป floor นึงแล้ววันรุ่งขึ้นลงต่อ) ซึ่งเราไม่มีทางรู้เลย เช่นตอนหม่อมอุ๋ยสกัดเงินเข้าตอนปี 2006 (ถ้าจำไม่ผิด) ใครจะรู้ครับเหตุการณ์พวกนี้จะเกิดตอนไหน ที่สำคัญคือเหตุการณ์แบบนี้ถ้าเราใช้ margin เยอะๆ แล้วราคาลงเนี่ยต่อให้เราวิเคราะห์ถูกแต่เราจะโดนโบรคเกอร์บังคับขายก่อนนะครับ แล้วราคาที่โดนบังคับขายนี่เป็นราคาที่เราขาดทุนมหาศาลเลยนะครับ อาจจะแทบไม่เหลือเงินต้นเลยถ้าเรากู้ในสัดส่วนเต็มที่ เช่น ทุน 50 กู้ 50 ถ้ามูลค่าหุ้นลดลง 23% เราจะโดน call ถ้าลง 33% เราจะโดน force เป็นต้น
ความมั่นใจเป็นสิ่งดีครับ แต่อย่ามั่นใจมากเกินไปครับ
ผมเคยผ่านมาแล้ว ด้วยความหวังดีครับ
It's earnings that count
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณมากๆๆๆครับ สังคมTVIอบอุ่นเสมอจริงๆครับBlueblood เขียน: เพิ่มเติมอีกนิดครับ คุณ picklife อาจจะงงว่าทำไมถึงลงไปได้หุ้นถูกขนาดนี้ อย่าลืมว่าตลาดไม่ได้มีเหตุผลตลอดครับ ระยะสั้นถูกผลักดันอย่างมากด้วยความโลภและความกลัวครับ ถ้าเราไม่ใช้ margin ความผันผวนของราคาจะเป็นเพื่อนของเรา แต่ถ้าเรากู้เยอะๆ ความผันผวนเป็นศัตรูตัวร้ายเลยครับ
และก็ขอโทษครับเพราะอ่านๆไปแล้ว คุณBluebloodน่าจะเข้าใจว่าผมไม่ได้ชี้แนะให้ทำ แต่คุณBluebloodรู้ว่าผมเป็นหนึ่งในนั้นก็เลยมาเตือนขอบคุณมากครับ ขอชี้แจงกับบางคนโดนเฉพาะมือใหม่ๆนะครับกลัวจะเข้าใจผิดการที่ผมพูดอย่างนั้นเป้นกึ่งๆการประชดนิดๆครับแสดงให้เห็นคนหน้ามืดมากๆมีครับเป้นการยกตัวอย่างเฉยๆนะครับ ผมไม่แนะนำให้ใครท่านใดใช้มาร์จิ้นมากๆเลย
แต่สาเหตุที่ตัวผมใช้มาร์จิ้นพอสมควรเพราะสาเหตุดังนี้ครับ
1.ผมมีเงินเก็บมาเติมปีละประมาณ40%ของพอร์ท เพราะพอร์ทผมมีขนาดเล็กด้วยครับ ดังนั้นเงินในอนาคตที่มารอเพิ่มปีละ40%ทำให้มาร์จิ้นที่มากในวันนี้ถ้าforwardไปในอนาคตจะเห็นน้อยลงเรื่อยๆครับ แต่หากบางคนเอาเงินเก็บทั้งชีวิตมาลงแล้วไม่มีเงินลงทุนเพิ่มรออยู่ในอนาคตไม่มีหรือมีน้อยกรณีน่ากลัวมากครับ
2.ผมติดตามราคาหุ้น ข่าว และFunFlowอย่างใกล้ชิดครับ ดังนั้นถ้าสภานการร์ไม่ดีผมจดMarginทันที
3.ผมมั่นใจว่าหากหุ้นลงมากๆ ผมวางแผนสำรองกรณีต้องหาเงินมาเพิ่มไว้แล้วครับดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์นั้นจริงผมอาจจะรอดแต่คนมาร์จิ้นน้อยกว่าผมอาจจะไม่รอดนะครับ
ดังนั้นสรุปคือผมก็ขอยืนในฝั่งที่เห็นว่าMerginนั้นน่ากลัวมากๆๆๆอยู่เสมอนะครับ....
สุดท้ายก็ขอบคุณ คุณBlueblood มากๆๆๆๆครับ ที่มาเตือนผมด้วยความหวังดี และเตือนเพื่อนๆด้วยความหวังดี ขอบคุณจากใจจริงครับ.....
ปล.เดี่ยวงานTVIผมขอเข้าไปคุยกับคุณBluebloodด้วยนะครับ เซียนในดวงใจอยากเจอมานานละ บอกไว้ก่อนครับกลัวทักแล้วไม่รู้จักจะหน้าแตกหน้าผมยิ่งบางๆอยุ่ :oops:
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 9
มีหรอครับ ช่างกล้ามากws เขียน:ขอเสริมนิดนะครับ ลงหุ้น 100% คงไม่เสียหายอะไร แต่ลงหุ้นตัวเดียว 100% ดูจะเสี่ยงไปหน่อยนะครับ ต้องเผื่อว่าเราอาจจะคาดการณ์หุ้นตัวนั้นพลาดไว้ด้วยครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- Sorgios
- Verified User
- โพสต์: 368
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 12
สวัสดีครับพี่ picklife, พี่ Blueblood และทุกคนครับpicklife เขียน:บางคนมองUpsideห่วย แต่กลับมั่นใจมาก
บางคนมองUpsideห่วย แต่กลับไม่มั่นใจ
บางคนมองUpsideเก่ง แต่กลับมั่นใจมาก
บางคนมองUpsideเก่ง แต่กลับไม่มั่นใจ
คุณเป็นใครใน4คนนี้ หรือเป็นลูกผสมครับ อิอิ
ส่วนตัวผมนะครับ
...
ประสบการณ์น้อย..แต่ตั้งใจลงทุนระยะยาวเพราะเชื่อมั่นในผลตอบแทน
ความรู้มีไม่มาก.....แต่ตั้งใจหาความรู้ให้มากเพราะเชื่อในการลงทุนในตัวเอง
เงินมีไม่มาก.........แต่ตั้งใจทยอยซื้อหุ้นสะสมอยู่เรื่อยๆ เฉพาะตัวที่ศึกษาแล้ว
ส่วนเรื่องการมอง Upside, Downside, MOS นั้นยังอ่อนด้อยนักครับ
ตอนนี้ก็นำเงินเก็บมาทยอยลงทุนครับ แต่ตั้งใจไม่ใช้มาร์จิ้นครับ
เหตุผลก็อย่างที่พี่ blueblood ตอบมาครับ
สอครับ
CHIN UP, Do not give up !!!
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 1
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 14
ผมว่าถ้ายังประเมินมูลค่าไม่ค่อยคล่องแล้วก็ไม่ได้ตามพื้นฐานใกล้ชิด ถือหลายๆตัวหน่อยก็ดีครับ การถือน้อยตัวถ้าจำเป็นจริงๆและมั่นใจมากๆก็สามารถทำได้ครับ (ผมก็ทำบ่อยๆ) แต่จุดสำคัญคืิอต้องซื้อตัวเดียวในหุ้นที่มีสภาพคล่องให้ออกได้ทั้งหมดอย่างเร็วถ้าคิดผิดนะครับ ที่ผมพลาดคือเคยไปถือหุ้นตัวเดียวแต่สภาพคล่องหดหู่มากๆ เกิดเหตุการณ์ไรขึ้นมาออกยากครับ
It's earnings that count
- raiden
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 15
เหตุผลก็คือ เขายังไม่อยากหมดตัวไงครับpicklife เขียน: บางคนถึงขนาดใช้มาร์จิ้นซื้อเลยก็มี มองว่าupsideมันเยอะกว่าดอกเบี้ย ก็ไม่รู้ว่ามีเหตุผลอะไรจึงไม่ใช้...คนกลุ่มนี้ไม่เพียงแค่มีเท่าไหร่ลงเท่านั้น แต่ยังหาญกล้าถึงขนาดลงมากกว่าที่ตัวเองมีด้วยซ้ำ
ดังนั้นซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณมองUpsideแม่นยำแค่ไหน และคุณมีความมั่นใจแค่ไหนกับUpsideที่คุณมอง เมื่อที่คุณรู้ตัวเอง เมื่อนั้นคุณก็ต้องไปถามใครแล้วว่าคุณควรจะถือเท่าไหร่ หรือลงเพิ่มดีไหม เราจะรู้ได้ด้วยตัวเอง
คนประเภทนี้ไม่ได้ขี้ขลาด แต่ฉลาดในการเอาตัวรอดครับ
มาร์จิ้น100% ที่เกือบ ๆ แปดร้อยจุด ไม่ต้องรอตลาดวายหรอกครับ
แค่มันไม่ขึ้นไปอย่างที่คาด หรือซึมลึก ๆ หลาย ๆ ปี ลองคิดค่าดอกเบี้ยดูอีกที อูย แค่คิดก็เสียวแล้ว
คนดี คนเก่ง คนรวย คนกล้าหาญ เป็นกันได้ โดยใช้คีย์บอร์ด
-
- Verified User
- โพสต์: 1558
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สงสัยเรื่องการลงทุนในหุ้น 100%
โพสต์ที่ 16
สำหรับผมนะถ้ามั่นใจแล้ว ผมจะซื้อเรื่อยๆ ราคาลงซื้อเพิ่ม ราคาขึ้นซื้อเพิ่ม แต่ถ้าเพิ่มขึ้นมามากแล้วก็จะเปรียบเทียบกับตัวอื่นที่อาจให้ผลตอบแทนดีกว่า คืออัพไซด์ยังเหลือเยอะกว่าteegogo เขียน:สมมุติว่า คุณมีเงินอยู่ 1 ล้านบาท มีเงินเก็บเดือนละ 3 หมื่น คุณรู้แล้วว่าจะซื้อหุ้นตัวนี้ คุณรู้ว่าในอนาคตหุ้นตัวนี้จะมีมูลค่าสูงขึ้น แล้ว ณ ราคาปัจจุบัน ก็มี MOS อยู่ในระดับที่ต่ำเพียงพอกับความพึงพอใจของคุณ จึงตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้ 100% ของเงินลงทุน
ปัญหาที่อยากถาม ถ้าในกรณีที่หุ้นราคามันขึ้นบาง ลงบาง ตามตลาดไปประมาน10-20% ในช่วงเวลา 1 ปี คุณจะทยอยซื้อเก็บเดือนละ 3 หมื่นไหมหรือมีวิธีอย่างไรช่วยแนะนำที
หมายเหตุ: การปรับพร์อทโดยที่ขายก่อนแล้วค่อยลงไปซื้อ เป็นเรื่องที่ผมไม่สามารถทำได้ เพราะ ผมไม่รู้เลยว่าถ้าวันนี้ผมขายไปแล้ว ปรากฏว่ามันไม่ลงอย่างที่คิด จะทำให้เสียโอกาศไป (ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน)
เห็นด้วยว่าการขายแล้วค่อยกลับไปซื้ออาจทำให้เสียโอกาส และทำให้เสียวินัยในการลงทุน หรือแม้แต่การต่อราคานิดๆหน่อยๆ ก็อาจทำให้ต้องซื้อแพงขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์ ถ้ามั่นใจแล้วผมจะซื้อเลย