หน้า 1 จากทั้งหมด 2
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 1:23 am
โดย luckyman
คือ อยากถามพี่ๆ เว็บบอร์ดผู้มีประสบการณ์ครับ ว่าต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ ห้าแสน เจ็ดแสน หนึ่งล้าน หรือเท่าไรครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 1:56 am
โดย leonleon
ผมว่า ต้องการเท่าไหร่นั้น ตัวเลขของแต่ละคน ไม่เท่ากันครับ
แต่ละคน แต่ละช่วงเวลา ก็ไม่เท่ากัน
ตัวเลข passive income ผมว่ามันคือตัวเลขของอิสระภาพทางการเงิน
หากตัวคนเดียว ไม่มีแฟน ไม่มีลูก passive income ก็น้อยหน่อย
มีเมีย มีลูก ก็เยอะหน่อย
ลูกสอง ลูกสาม ก็มากขึ้นมาอีก
เอาว่าให้มันมากกว่าค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในชีวิต บวกกับเหลือเก็บไว้ลงทุนเพิ่ม ก็น่าจะดีครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 9:21 am
โดย vivitawin
นั่นดิครับ ตามคุณ leon leon
บางคน 4พันก็เหลือๆ เพราะอยู่บ้านพ่อแม่ พ่อแม่ยังมีรายได้ ไม่มีแฟน ไม่ชอบเที่ยว ทำงานที่บ้าน กินข้าวบ้าน ไม่ได้ไปไหน ไม่ชอบแต่งตัว ไม่มีรถ ไม่มีอะไรต้องผ่อน มักน้อย วันๆไม่ได้ใช้ตังค์
บางคน เป็นแสนก็ไม่พอ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มีลูกหลายคน ภรรยาไม่มีรายได้ ชอบเที่ยว แต่งตัว กินข้าวนอกบ้านตลอด แถมมีหนี้บัตรเครดิต แถมมีกิ๊ก มีอนุภรรยาอีก ชอบหรูหรา ฟุ่มเฟือย เกิดมาเป็นราชาเงินผ่อน เลี้ยงพ่อแม่พี่น้องของตัวเองและภรรยาด้วย แถมป่วยบ่อยๆอีกต่างหาก ประกันก็ไม่ได้ทำ
สุดโต่งไปไหมครับ อิอิ :lol:
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 11:53 am
โดย kornjackrit
vivitawin เขียน:บางคน เป็นแสนก็ไม่พอ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ มีลูกหลายคน ภรรยาไม่มีรายได้ ชอบเที่ยว แต่งตัว กินข้าวนอกบ้านตลอด แถมมีหนี้บัตรเครดิต แถมมีกิ๊ก มีอนุภรรยาอีก ชอบหรูหรา ฟุ่มเฟือย เกิดมาเป็นราชาเงินผ่อน เลี้ยงพ่อแม่พี่น้องของตัวเองและภรรยาด้วย แถมป่วยบ่อยๆอีกต่างหาก ประกันก็ไม่ได้ทำ
โหดมากครับ
:shock:
:lol: :lol:
ถ้าเป็นตอนนี้ผมว่า ผมใช้เดือนละ 1.5 หมื่น
ผมก็มีความสุขได้เต็มที่กับชีวิตนะครับ
แต่โตขึ้นก็คงต้องเพิ่มขึ้นตามความรับผิดชอบ
และความอยากมีอยากได้ครับ 55555
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 12:06 pm
โดย ซากคน
ผมรู้แต่ว่า ผมลงทุน ด้วยความรู้สึกท้าทายเหมือน คนที่อยากพิชิตหลังคาโลก
และรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับผม ฉะนั้นผมจะรู้ว่า ตัวเองต้องการ
ให้พอร์ตเติบโตปีละเท่าไหร่ และมีขนาดเท่าใดในอีกหลายปีข้างหน้า
และเชื่อว่า passive income เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการนี้มากกว่า
ผมเองนั้นอยู่อาศัยบ้านของพ่อแม่ จะมีค่าใช้จ่ายปกติไม่เกิน 5 พันบาทเดือน
แต่ถ้ามีครอบครัว หรือพ่อแม่ชราภาพลง คิดว่ายังไงก็ไม่น่าเกิน 1 แสนบาท
แต่ดูไปแล้ว เอาเท่าที่เห็นในตอนนี้ ผมก็มีความสุข ที่ไม่ได้ขึ้นกับการใช้จ่าย
เยอะๆ เป็นหลัก ความสุขของผมอยุ่ที่การได้ค้นเจอ ความคิดของตนเอง
ตกผลึกความเข้าใจที่มีผลต่อการใช้ชีวิต เหนือสิ่งอื่นใดคือ การเป็นผู้พิชิต
ทุกสิ่งที่วาดหวังไว้
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 6:15 pm
โดย pornchai_w
รวยไม่รวยอยู่ที่การใช้ชีวิตของเรา
ตอนที่ผมอายุ24ปีจบโทเพิ่งทำงานบริษัทเป็นพนักงานเล็กๆเงินเดือน2หมื่น ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่แล้ว ตอนนั้นไม่มีหนี้ไม่มีทรัพย์สินไม่มีรถไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง(พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัดมีธุรกิจ ฐานะปานกลาง)ช่วงวันหยุดพาแฟนไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยๆ ไปแบบไม่จอง กินอาหารไทยๆซื้อของต่อราคา ไม่กินหรู(เคยไปกับเพื่อนที่มีเงินหน่อย กินร้านที่ศูนย์สิริกิตติ์ เพื่อนพาเข้าไปกินแต่เขาเลี้ยงทำนองว่าเราไม่เคยกินหรู ทอดมันจานละ80บาท ตอนนั้นคิดว่าซื้อที่ตลาดแค่ 10บาทเอง ทำไมที่นี่แพงจัง) ตอนนั้นคิดว่าชีวิตเราต้องการอะไรนะ อยากมีเงินเยอะๆไหม คำตอบจากใจเลยนะว่า
ไม่เห็นต้องการเงินมากมายอะไรเลยไม่คิดว่าอยากได้รถเพราะใช้BTSก็สะดวกดี ส่วนบ้านก็เช่าApartmentเดือนละ5พันบาทก็โอเคแล้วไปเที่ยวก็ในเมืองไทยครั้งละ2-3พันบาท
เวลาผ่านไปปัจจุบันอายุ34ปีเป็นAVPในธนาคารแห่งหนึ่ง มีคอนโดซื้อเงินสดไม่มีภาระ มีทรัพย์สินหุ้นทองกองทุนเงินฝากรวมแล้ว2 ล้านกว่า มีหนี้อย่างเดียวคือประกันชีวิตปีละ8หมื่น ไปเที่ยวต่างประเทศปีละ2-3ครั้งต่อปี
แต่ตอนนี้คิดว่า อยากได้ทาวเฮาส์ในเมืองเพราะอยากเลี้ยงหมา แมว(ราคาน่าจะ5ล้านขึ้น) ถ้ามีทาวเฮาส์ต้องมีรถเพราะคงเดินออกมาที่ถนนไม่ไหว (รถก็อีก1ล้าน+ค่าประกันค่าน้ำมันค่าดูแลรักษาค่าที่จอดรถ ประมาณปีละ1แสน)ไปเที่ยวเดี๋ยวนี้พักโรงแรม4-5ดาว นั่งเครื่องบินตลอดบางครั้งนั่ง business (ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยบ้างแต่อยู่ใน budget ที่เตรียมไว้อยู่แล้ว เอาไว้จะเล่าให้ฟังว่าเตรียม budget อย่างไร)
ตอนนี้ลองถามตัวเองอีกครั้งได้คำตอบว่า ถ้าไม่มีเงินเราคงใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้ เคยคิดเล่นๆว่าหากมีเงินเก็บ 50ล้านบาทเราจะเลิกทำงานและหากิจกรรมอะไรทำ เช่น เรียนภาษา ทำอาหาร ท่องเที่ยว
จากการคำนวณ หากใช้เดือนละ 1แสน หนึ่งปีเท่ากับ 1ล้าน2แสน สิบปีก็12ล้าน ดังนั้นอยู่ไปได้ 40ปี
แต่ก็ไม่เห็นคนที่มีเงินเกิน50ล้านหยุดทำงานซักคน ดังนั้นผมว่าเมื่อถึงวันที่ผมมีเงิน50ล้านซึ่งผมมั่นใจว่าผมสามารถทำได้ ผมอาจจะต้องการใช้ชีวิตอีกอย่างที่ต้องการเงินมากขึ้นไปอีกก็ได้
ที่จริงอยากเขียนเรื่องแผนที่จะทำต่อแต่ผมขอฟังความเห็นของทุกท่านก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นการมาเล่าแต่เรื่องตัวเอง บางคนอาจจะรำคาญ
ขอบคุณมากครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 6:20 pm
โดย SunShine@Night
pornchai_w เขียน:ที่จริงอยากเขียนเรื่องแผนที่จะทำต่อแต่ผมขอฟังความเห็นของทุกท่านก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นการมาเล่าแต่เรื่องตัวเอง บางคนอาจจะรำคาญ
ขอบคุณมากครับ
ผมรออ่านอยู่ครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 7:56 pm
โดย peacedev
เป็นเรื่องน่าแปลก ที่ว่าคนเรามักจะมีรายจ่ายมากขึ้นตามรายได้มากขึ้น
ทำงานครั้งแรก เงินเดือน 6500 (เมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน)เป็นอาชีพที่คนในสังคมบอกว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ (แต่ทนทำต่อได้ไม่นาน)
เนื่องจากเป็นคนกินอยู่ง่าย และ ไม่ชอบสร้างหนี้ ตอนนั้นก็พออยู่ได้และมีเก็บบ้างเล็กน้อย
หลังจากทำได้ไม่กี่เดือนเปลียนงานครั้งแรกเงินเดือน ~10,000 ตอนนั้นรู้สึกว่ามันก็เยอะดีสำหรับคนที่กินอยู่ง่ายอย่างผม ก็มีเก็บทุกเดือน แต่รายจ่ายแต่ละเดือนเริ่มเยอะกว่าเงินเดือนที่แรกทั้งเดือน
ทำได้สักพัก(เกือบปี) ก็เปลี่ยนงานอีกครั้ง เงินเดือนเพิ่มขึ้นอีกเกินเท่าตัวจากที่ ๆ ทำอยู่
ตอนแรก ๆ ก็รู้สึกว่ามันเยอะมาก รายจ่ายก็ยังน้อยเท่าเดิมทำให้เก็บเงินได้เร็วมาก แต่พอเริ่มชินกับมันรายจ่ายมันก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว -*- จนเงินเก็บไม่ค่อยเหลือ(แต่ไม่มีหนี้)
แต่พอมารู้จักการลงทุนแล้ว จึงทำให้รู้จักเก็บออมมากขึ้นถึงแม้ว่าไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้เท่าสมัยที่เงินเดือนน้อย ๆ แต่ก็รุ้จักประหยัดเก็บเงินได้ดีขึ้นมากเลยครับ ตอนนี้ถึงแม้รายได้จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่เนื่องจากมีเป้าหมายที่แน่ชัด ในการจัดทางการเงินแล้ว เลยทำให้ไม่ค่อยมีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นตามรายได้แล้วครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 9:35 pm
โดย crt2000th
ตรงนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของเเต่ละคน
รายได้ขั้นต่ำ คงจะต้องเท่ากับ ภาระค่าใช้จ่ายคงที่ ที่ต้องจ่ายทุกเดือนก่อนครับ
เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าอาหาร เดินทาง ค่าส่งเสียลูก ค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
สำหรับคนที่มีบ้านเเล้ว หรือมีรถแล้ว ก็หักออกไป ลองเขียนออกมา ก็จะสามารถเห็นตัวเลขคร่าวๆได้ครับ
สำหรับคนที่มีความฝันอย่างอื่นเช่น การท่องเที่ยวต่างประเทศ หรืออื่นๆ ก็บวกเพิ่มเข้าไปครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 10:04 pm
โดย sphere
ถ้าผมมีpassive inincomeเดือนละ1-2หมื่นก็คงพอใช้ แต่ผมคงไม่ลาออกจากงานแต่จะเปลี่ยนอาชีพไปทำงานพวกถ่ายสารคดีแทนเพราะผมไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแล้ว
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 10:52 pm
โดย picklife
ขอ5หมื่นต่อเดือนโดยที่เงินก้อนนี้กระทบพอร์ทรวมไม่เกิน1%ต่อปีก็พอใจแล้วครับ :o
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 10:56 pm
โดย KB
รู้แค่ตัวเองได้เท่าไหร่ถึงจะพอใจก็น่าจะพอครับ เพราะแต่ละคนใช้จ่ายไม่เท่ากัน แต่ถ้ารู้ว่าตัวเองปีนึงใช้จ่ายเท่าไหร่ควรมีรายรับปีละเท่าไหร่ก็เป็นเป้าหมายที่ดีครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พุธ พ.ค. 05, 2010 11:31 pm
โดย hagrid
คิดได้เท่าไรคงต้องมีส่วนเผื่อ สำหรับ
1. ความไม่แน่นอนในอนาคตที่อาจจะทำให้มี
ภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
2. อัตราเงินเฟ้อ
ด้วยนะครับ
(ส่วนตัวผมชอบเผื่อไว้แยะๆ นะครับ)
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 10:34 am
โดย อนัตตา
ผมเก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายตัวเองมาหลายปี
25,000 B/Month ก็พออยู่ได้ครับ ฉะนั้น
ปีหน้าก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตแบบเบิร์ดๆ แล้ว :lol:
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 10:44 am
โดย ซากคน
[quote="อนัตตา"]ผมเก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายตัวเองมาหลายปี
25,000 B/Month ก็พออยู่ได้ครับ ฉะนั้น
ปีหน้าก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตแบบเบิร์ดๆ แล้ว
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 10:58 am
โดย ซากคน
[quote="pornchai_w"]รวยไม่รวยอยู่ที่การใช้ชีวิตของเรา
ตอนที่ผมอายุ24ปีจบโทเพิ่งทำงานบริษัทเป็นพนักงานเล็กๆเงินเดือน2หมื่น ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่แล้ว ตอนนั้นไม่มีหนี้ไม่มีทรัพย์สินไม่มีรถไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง.................. ไม่เห็นต้องการเงินมากมายอะไรเลยไม่คิดว่าอยากได้รถเพราะใช้BTSก็สะดวกดี ส่วนบ้านก็เช่าApartmentเดือนละ5พันบาทก็โอเคแล้วไปเที่ยวก็ในเมืองไทยครั้งละ2-3พันบาท
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 11:04 am
โดย เด็กเลี้ยงไม้
มายกมือด้วยครับ อยากฟัง อิอิ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 1:08 pm
โดย อนัตตา
[quote="Voldtrest"][quote="อนัตตา"]ผมเก็บข้อมูลค่าใช้จ่ายตัวเองมาหลายปี
25,000 B/Month ก็พออยู่ได้ครับ ฉะนั้น
ปีหน้าก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตแบบเบิร์ดๆ แล้ว
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 2:12 pm
โดย Radio
อยากจะแชร์ประสบการณ์ของตนเองบ้าง แต่เกรงว่าจะ
เป็นการบั่นทอนกำลังใจของแต่ละคน
เมื่อตอนจบใหม่ๆ เคยคิดว่ามีรายได้เดือนละ 6000บ.
ก็พอแล้ว(ถ้าจำไม่ผิดข้าราชการชั้นโทประมาณ 2700บ.)
เพราะชีวิตความเป็นอยู่ก็ธรรมดาทั่วไป หลังจากที่ทำงาน
ไปได้ 2 ปีก็สามารถซื้อรถมือสองคันแรกได้( รถ 3 คัน
แรกเป็นรถมือสอง จากนั้นค่อยมีเงินซื้อรถใหม่เอี่ยม)
เมื่ออายุ 30ปีก็ซื้อ Townhouse ราคา 6แสนกว่า
(ปัจจุบันขายไปแล้วเมื่อปี 38 = 1.8 ล้าน)
มีรายได้เกิน 6 หลักเมื่ออายุ 30 ปี แต่เมื่ออายุมาก
ขึ้นมีครอบครัว รายจ่ายก็มากขึ้น โดยเฉพาะการศึกษา
ของลูกๆ
ปัจจุบันนี้ยังมีเงินเก็บไม่ถึง 50 ล้าน
ที่เขียนมานี้อยากจะสื่อว่าการมี 50 ล้านบาทมันไม่
ง่าย เพราะยิ่งมีครอบครัว มีลูกค่าใช้จ่ายจะเพิ่มมหาศาล
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 2:48 pm
โดย ซากคน
[quote="Radio"]อยากจะแชร์ประสบการณ์ของตนเองบ้าง
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 6:23 pm
โดย pornchai_w
ผมเป็นคนเขียนไม่ค่อยเก่ง
แต่ก็จะพยายามเขียนบันทึกส่วนตัวเอาไว้
แล้วจะเอามาแบ่งปันกันต่อไปครับ
ปล ผมอ่านบล็อกของคุณ leonleon มีแนวความคิดคล้ายๆ กับผมมากเลย
ระหว่างนี้แนะนำให้อ่านบล็อกของคุณ leonleon (ขออนุญาตตรงนี้เลยล่ะกัน)
:oops:
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 7:16 pm
โดย appendix
ปีละ 6 แสน เดือนละ 5 หมื่นครับ
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 9:47 pm
โดย chode
ตามหลักเศรษฐศาสตร์ มนุษย์ต้องการความพอใจสูงสุด พอรายได้มากขึ้น ก็ใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อสร้างความพอใจมากขึ้น
คงมีแต่เศรษฐีอย่างฺBuffet ที่เส้นความพอใจชนขอบกราฟแล้ว รายได้มากขึ้นจึงไม่ใช้จ่ายมากขึ้นแล้ว อยากให้เส้นความพอใจของตัวเองชนขอบกราฟเร็วๆจัง
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 06, 2010 11:37 pm
โดย harn
ผมเล่าจากประสบการณ์ของคนที่ได้รับเงินคืนภาษีคืนปีละมากๆเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาหลายปีนะครับ
จากอัตราภาษีเงินได้ 30% สำหรับเงินได้พึงประเมินที่เกินล้านบาท ทำให้ผมเริ่มรู้สึกว่า สมควรบริหารเงินโดยการ..
ออมเงินและหาหลักประกันให้ครอบครัว...ด้วยการทำประกันชีวิตปีละแสนบาท
เก็บออมระยะยาว....ด้วยหน่วยลงทุน RMF
เก็บออมระยะกลาง....ด้วยหน่วยลงทุน LTF
แบ่งปันสังคม...ด้วยการบริจาคการกุศล สถาบันการศึกษาต่างๆ
ทั้งๆที่ไม่เคยมีเงินฝากประจำ เงินเกือบทั้งหมดอยู่ในหุ้น
แต่อัตราภาษีขั้นสูงสุด 37% สำหรันรายได้พึงประเมินเกินสี่ล้าน เป็นอัตราที่ไม่สามารถได้ประโยชน์จากเครดิตภาษี
รวมทั้งข้อจำกัดที่มีเพดานการซื้อหน่วยลงทุน RMF/LTF ที่ 5 แสนบาท
ทำให้เริ่มรู้สึกอึดอัดเมื่อรายได้เข้าใกล้สามล้าน รวมเครดิตฯแล้วใกล้สี่ล้าน
ต้องเลือกไม่รับปันผลบางบริษัท
โดยสรุป คือ รายได้ที่เรียกว่า"พอใช้"(มีอิสระในการเลือกใช้เงิน)อยู่ที่หนึ่งล้านขึ้นไป
รายได้ที่"เพียงพอ"(ไม่อยากได้เพิ่มให้ปวดหัวในการบริหาร)อยู่ที่สองล้านห้า (บวกเครดิตแล้วซื้อหน่วยลงทุนได้เต็มวงเงินหนึ่งล้านบาท)
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 10:01 am
โดย Radio
คุณ harn คิดถูกแล้ว ในปัจจุบันครอบครัวชนชั้นกลาง
พ่อ,แม่,ลูกอีก 2 คน ต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างสบายๆอยู่
ระหว่าง 6 หมื่นถึง 1 แสนบาทต่อเดือน
1 ถ้าอยู่บ้านเดี่ยว ค่าส่วนกลาง=20-40 บาท/ตารางวา
ต่อเดือน ค่าตัดหญ้า=500-1000 บาท/เดือน
ค่าน้ำ,ไฟ,โทรศัพท์+Internet = 5000บ/เดือน
2 ค่าจ้างแม่บ้าน 6000บาท/เดือน ถ้าอยู่กินกับเรา
อาจถึง 1 หมื่นบาทต่อเดือน
3 รถ 2 คัน ของสามี+ภรรยา ค่าเสื่อม น้ำมัน ประกัน
คันละ 1หมื่น/เดือน
4 ส่งให้ พ่อแม่ ทั้งฝ่ายสามี+ภรรยา 5 พัน- 1 หมื่นบาท
ต่อเดือน
5 ค่าเล่าเรียนลูก เรียนพิเศษ เรียนดนตรี (จำเป็นเพราะ
ทำให้เด็กมีสมาธิ+อ่อนโยน) ยิ่งโตค่าใช้จ่ายยิ่งมาก
ยิ่งเรียนมหาลัยเอกชนยิ่งแพง ( แพทย์ 4 แสนบาท
ทันตแพทย์ 6 แสนบาท นักบิน 4 แสนบาท/ปี)
ไม่นับค่าตำรา กิจกรรม ค่าเช่าหอพักของลูก
6 ภาษีสังคม เริ่มมีงานแต่งงานของเพื่อน อายุมากขึ้น
ก็มีงานบวช งานแต่งงานของ หลานหรือลูกเพื่อน
งานศพของญาติผู้ใหญ่ทั้งของตนเอง ภรรยา เพื่อน
7 ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เวลาไปเที่ยวจะมีค่าใช้จ่ายของลูก
เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวต่างปรเทศจะมีค่าใช้จ่าย
สูงขึ้นมาก
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 10:19 am
โดย sunrise
เมือก่อนทำงานใหม่ๆเดือนละ 15000 เหลือๆ
พอมีแฟนช่วงเริ่มทำงาน 25000 เหลือๆ
พอซื้อรถ 35,000 เริ่มหนืด (ทำไมรถมันกินอย่างนะ ฟระ)
กำลังจะแต่งงานคือว่า 50,000 เหลือๆ (ปล.ต้องมีตังเก็บละ เพราะจะไปขอสาว :lol: )
คิดว่าตกประมาณปีละ ล้านนะครับ สำหรับ passiv income ตอนมีครอบครัว พร้อมลูก
ผมว่า target ไว้อย่างนี้ปลอดภัยครับ :D
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 2:38 pm
โดย GeneraX
ผมก็ตั้งไว้ปีละ 1 ล้านเช่นกันครับ แต่ก็นึกอยู่เสมอว่าตอนนี้ผม 24 กว่าจะมี port ที่ให้ปันผลถึงปีละล้านได้ ก็คงใช้เวลาอีกพอสมควร ซึ่งก็ต้องระวังเรื่อง Inflation ไว้ด้วยครับ ซึ่งเอาจริงๆถึงเวลานั้น 1 ล้านอาจจะไม่พอแล้วก็ได้
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 2:47 pm
โดย GeneraX
[quote="pornchai_w"]รวยไม่รวยอยู่ที่การใช้ชีวิตของเรา
รวยไม่รวยอยู่ที่การใช้ชีวิตของเรา
ตอนที่ผมอายุ24ปี................
เวลาผ่านไปปัจจุบันอายุ34ปีเป็นAVPในธนาคารแห่งหนึ่ง มีคอนโดซื้อเงินสดไม่มีภาระ มีทรัพย์สินหุ้นทองกองทุนเงินฝากรวมแล้ว2 ล้านกว่า มีหนี้อย่างเดียวคือประกันชีวิตปีละ8หมื่น ไปเที่ยวต่างประเทศปีละ2-3ครั้งต่อปี
...
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 2:54 pm
โดย GeneraX
[quote="chode"]ตามหลักเศรษฐศาสตร์ มนุษย์ต้องการความพอใจสูงสุด พอรายได้มากขึ้น ก็ใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อสร้างความพอใจมากขึ้น
คงมีแต่เศรษฐีอย่างฺBuffet
ต้องการ passive income ปีละกี่บาทกันครับ
โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 07, 2010 7:59 pm
โดย pornchai_w
เรื่องคอนโดที่ซื้อเงินสดนั้น ทางบ้านก็ช่วยส่วนหนึ่งครับ
แต่ประเด็นที่ผมซื้อโดยไม่ผ่อนนั้นคือ
ณ ตอนนั้น ยังไม่รู้วิธีการลงทุนให้ได้ผมตอบแทนเกิน 10%
(เล่นหุ้นแบบ daytrade ได้บ้างเสียบ้าง เฉลี่ยได้ 2-3%ต่อปี)
และจากที่เคยคำนวนค่าผ่อนบ้านทำให้ทราบว่า หากผ่อนบ้านประมาณ 20ปีจะต้องจ่ายเงินเป็น 2 เท่าของค่าบ้านในปัจจุบัน เช่น เราต้องจ่ายเงินทั้งหมดประมาณ 4 ล้านบาท ในเวลา 20ปี เพื่อซื้อบ้าน ราคา 2 ล้านบาท ทำให้คิดแค่ว่าเสียดายและมีเงินสดเหลือฝากธนาคารก็ได้ดอกเบี้ยแค่2-3% จึงตัดสินใจซื้อเงินสดดีกว่า (อีกอย่างหนึ่งคิดว่าตัวเองเป็นโรคจิตอย่างหนึ่งคือ ไม่ชอบเป็นหนี้
)
ส่วนเรื่องสิทธิลดหย่อนทางภาษีตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไรเพราะตอนนั้นเสียภาษีน้อยและหากเทียบกับการไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยแล้ว ก็เลยเลือกซื้อสดครับ