Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ตอนแรกเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่เล่นหุ้นกันแบบตามข่าว
ตามบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์

แต่พักหลังผมกลับคิดว่าคนที่เล่นหุ้นสนใจพื้นฐาน สนใจกำไรกันมากขึ้น
พวกงานสัมมนาแนวเน้นคุณค่าก็คนแน่นแทบทุกงาน

เพื่อนรอบๆตัวผมก็ลงทุนแนวนี้กันทั้งนั้น
หรือผมคิดไปเองคนเดียวครับ  :roll:

อาจเหมือนผมก็ได้  ตอนเรียนวิศวะ  ใครๆมันก็เก่งคำนวณทั้งนั้นเลยวะ  แถมเก่งกว่าเราอีกแฮะ

ตรงข้ามกับผมเลย รอบตัวผมมีแต่คนเล่นหุ้น แต่ไม่มีคนลงทุน ผมเพิ่งเริ่มศึกษา เลยอยากได้เพื่อนคุย เพื่อนคอยปรึกษาซะอีก

ผมว่าเป็นไปได้น๊ะครับ
เนื่องจากปัจจุบันคนรับรู้ข้อมูลข่าวสารกันทั่วถึงกว่าสมัยก่อนมาก
มีหนังสือและสื่อที่จะแนะนำวิธีการลงทุนแนวVIมากขึ้น
อีกอย่าง ผมว่าพฤติกรรมของคนที่คงไม่มีใครอยากทำงานหนัก
เลยพยายามหาช่องทางที่ง่ายในการหารายได้หรือประกอบอาชีพ

แต่ประเด็นคือคนที่จะมั่นคงและทำได้ตามแนวทางนี้จะหลงเหลือ
จนประสบความสำเร็จกันมากน้อยแค่ไหนมากกว่าครับ

ตอนแรกผมก็ลงทุนตามข่าว และบทวิเคาะห์ทั่ว ๆไป   ตอนหลังประสบการ์ณมากขึ้นจึงลงทุนแบบ VI คิดว่าแนวนี้ปลอดภัยที่สุดและได้ผลตอบแทนมันคงสุด

เป็นไปได้ครับ เพราะทุกวันนี้ ดร.วิเวศน์ ยังเอ่ยปากเลยครับว่านักลงทุนในปัจจุบัน พัฒนาขึ้นเยอะครับ มีการศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนกันมากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน ถึงขนาดซื้อโดยไม่รู้ว่าบริษัททำธุรกิจอะไรด้วยซ้ำไป

แต่ ขอสังเกตุ ของผมคือ ทุกวันนี้ มีหลายๆคน เรียกตัวเองว่า VI ทั้งๆที่แนวคิดของคนเหล่านั้นยังหลงจากแนวทาง VI ไปไกลอยู่พอสมควร ซึ่งแสดงว่า ยังมีคนอีกหลายคนที่ยังไม่ เข้าใจว่า VI จริงๆคือการลงทุนแบบไหนกันแน่

ปล. ผมว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับ VI ที่สุด ไม่ใช่ IQ ครับ แต่เป็น EQ ตังหาก

มากขึ้นเพราะหลายๆคนเข็ดจากปี 40 หุ้นเลย  เริ่มขึ้นลงตามผลประกอบการมากขึ้น

ผมคิดว่าตลาดเริ่มมีสัดส่วนคนเล่นตามพื้นฐานมากขึ้น แต่คนเล่นเก็งกำไรน่าจะยังเป็นสัดส่วนสูงอยู่มาก

คอยดูตอนที่ตลาดกระทิงมาก ๆ VI ปลอมทั้งหลายก็จะตบะแตกซ่าน  :wall:

สภาวะที่สื่อต่าง ๆ ข่าวลือต่าง ๆ การประสพความสำเร็จของนักลงทุนแบบ VI หลาย ๆ คน ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มเห็นวิถี VI เป็นวิธีทางสำเร็จ จึงเข้ามาเยอะ ในมุมมองของผม ผมว่าวิธี VI ก็ไม่ได้ต่างจากพุทธศาสนาที่ดูเหมือนเป็นวิธีการที่ดีและมีเหตุผลมาก แต่ในทางปฎิบัตินั้นกลับไม่ได้ง่ายเลย ผมได้คุยกลับนักลงทุน VI ที่เก่งกว่าผมหลายคน ผมก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงเก่งกว่า
    ผมว่าสักพักใหญ่ ๆ ก็จะมีหลาย ๆ คนถอดใจกับวิธีนี้บาง  แต่ผมเองก็คิดว่าตัวเองคงเดินทางนี้ต่อไป และ ขอค่อย ๆ พัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อย ๆ ก็พอ

(สิ่งที่แข่งยากที่สุด ก็คงเป็นการแข่งกับตัวเอง แต่ก็แปลกที่เราสามารถแข่งกับตัวเองได้ทุกวัน  :D  :D  :D )

ผมลงทุนแนว VI มา 2 ปีกว่าๆ พอมีกำไรบ้างนิดหน่อย (หลังจากผ่านวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆมาแล้วพอสมควรถึงค่อยซื้อหุ้น)
บอกเมียว่า VI คือ ลงทุนแล้ว ถือยาว
เมียผมเลยบอกว่า งั้น ขอให้ซื้อตัว XXX ก็แล้วกัน ... แล้วถือยาว 10 ปีเลย
เพราะเห็นว่ากิจการเค๊าก็มั่นคงดี คงไม่เจ๊งหรอก 10 ปี ยังไงก็กำไรแน่นอน เงินก็เงินเย็นอยู่แล้ว
อย่างนี้ เมียผมเป็น VI ด้วยไหมครับ อิอิ..

ทุกวันนี้เล่นแบบ VI เน้นเลือกหุ้นจากผลประกอบการและแนวโน้มอนาคตของบริษัท สนใจธุรกิจของบริษัทจริงๆ
รู้สึกสบายใจไม่ต้องคอยห่วงคอยดูหน้าจอ หุ้นตกลงไป 5%ก็เฉยๆอีก2วันก็กลับมาและขึ้นไป วันหนึ่งๆ ก็ดูครั้งเดียวตอนหลังตลาดปิด อย่างช่วงอาทิตย์นี้SETลงเยอะหุ้นที่ถือกลับราคาขึ้นเอาขึ้นเอา
ช่วงนี้สิ่งที่น่าดูมากกว่าราคาหุ้นก็คือ ผลประกอบการไตรมาส1 ดูให้ละเอียดเลือกลงทุนในบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดีและ นอนหลับให้สบาย :lol:

yy เขียน:ผมลงทุนแนว VI มา 2 ปีกว่าๆ พอมีกำไรบ้างนิดหน่อย (หลังจากผ่านวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆมาแล้วพอสมควรถึงค่อยซื้อหุ้น)
บอกเมียว่า VI คือ ลงทุนแล้ว ถือยาว
เมียผมเลยบอกว่า งั้น ขอให้ซื้อตัว XXX ก็แล้วกัน ... แล้วถือยาว 10 ปีเลย
เพราะเห็นว่ากิจการเค๊าก็มั่นคงดี คงไม่เจ๊งหรอก 10 ปี ยังไงก็กำไรแน่นอน เงินก็เงินเย็นอยู่แล้ว
อย่างนี้ เมียผมเป็น VI ด้วยไหมครับ อิอิ..

ช่วยตอบครับ 5  5  5

ผมว่าภรรยาคุณ yy มีแววที่จะเป็น VI ได้ดีครับ

เพียงแต่ถ้าศึกษาเพิ่มเรื่อง  การประเมินราคาพื้นฐาน  ก็จะทำให้อยู่รอดปลอดภัยครับ

ปล. ถึงแท้บริษัทไม่เจ๊ง  แต่เราอาจไม่กำไรก็ได้  ถ้าเราซื้อหุ้นในราคาสูงมากๆ

chatchai เขียน:

ช่วยตอบครับ 5

chatchai เขียน:

ช่วยตอบครับ 5

ถ้าความรู้ด้าน VI มีเท่าๆกัน คงต้องไปวัดกันที่อารมณ์ครับ

merman Posted: Thu May 13, 2010 10:30 am    Post subject:  

--------------------------------------------------------------------------------

เป็นไปได้ครับ เพราะทุกวันนี้ ดร.วิเวศน์ ยังเอ่ยปากเลยครับว่านักลงทุนในปัจจุบัน พัฒนาขึ้นเยอะครับ มีการศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนกันมากขึ้น ไม่เหมือนเมื่อก่อน ถึงขนาดซื้อโดยไม่รู้ว่าบริษัททำธุรกิจอะไรด้วยซ้ำไป

แต่ ขอสังเกตุ ของผมคือ ทุกวันนี้ มีหลายๆคน เรียกตัวเองว่า VI ทั้งๆที่แนวคิดของคนเหล่านั้นยังหลงจากแนวทาง VI ไปไกลอยู่พอสมควร ซึ่งแสดงว่า ยังมีคนอีกหลายคนที่ยังไม่ เข้าใจว่า VI จริงๆคือการลงทุนแบบไหนกันแน่

ปล. ผมว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับ VI ที่สุด ไม่ใช่ IQ ครับ แต่เป็น EQ ตังหาก

อันนี้เห็นด้วยอย่างแรงครับ โดนกะตัวเองเต็ม ๆ ครับ

[/quote]

คิดว่าการลงทุนแบบ VI น่าจะมีคนรู้จักมากขึ้นว่าคืออะไร และเป็นการลงทุนแบบไหน
แต่คนที่นำไปปฎิบัติอย่างจริงจัง น่าจะเป็นสัดส่วนยังน้อยอยุ่
สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจาก ตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง ทำให้อารมณ์นักลงทุน เปลี่ยนแปลงได้ง่าย
เลยทำให้กลายเป็นนักเกร็งกำไร ไปโดยปริยาย
ดังนั้นการลงทุนแบบ VI อารมณ์ของนักลงทุน สำคัญมากๆ ถ้าผ่านไปได้ ผมว่า VI จะเพิ่มจำนวนมากขึ้นแน่นอน

นังตัวดีของผมสิ เวลาคุยเรื่องการลงทุน เขาว่า "เงิินไม่ใช่สิ่งสำคัญของชีวิต" พอลองให้คิด เขาบอก "อยากได้นิสสัน TIDA"

Anti-Aircraft เขียน:นังตัวดีของผมสิ เวลาคุยเรื่องการลงทุน เขาว่า "เงิินไม่ใช่สิ่งสำคัญของชีวิต" พอลองให้คิด เขาบอก "อยากได้นิสสัน TIDA"

เงินทองของมายา นิสสันทิด้าสิของจริง  :lol:  :lol:

reiter เขียน:

เงินทองของมายา นิสสันทิด้าสิของจริง

Anti-Aircraft เขียน:นังตัวดีของผมสิ เวลาคุยเรื่องการลงทุน เขาว่า "เงิินไม่ใช่สิ่งสำคัญของชีวิต" พอลองให้คิด เขาบอก "อยากได้นิสสัน TIDA"

เหมือนกันเลย
แต่จะคอยร้อง จะ shoping จะ shoping จะ shoping จะ shoping จะ shoping จะ shoping

keeti เขียน: เหมือนกันเลย
แต่จะคอยร้อง จะ shoping จะ shoping จะ shoping จะ shoping จะ shoping จะ shoping

อย่างนี้เค้าเรียกว่าคานอำนาจครับ มีคนหาเงิน ก็ต้องมีคนช่วย ใช้ ไม่งั้นเงินมันจะล้นเกินไป  :lol:

saichon เขียน:ผมว่าเป็นไปได้น๊ะครับ
เนื่องจากปัจจุบันคนรับรู้ข้อมูลข่าวสารกันทั่วถึงกว่าสมัยก่อนมาก
มีหนังสือและสื่อที่จะแนะนำวิธีการลงทุนแนวVIมากขึ้น
อีกอย่าง ผมว่าพฤติกรรมของคนที่คงไม่มีใครอยากทำงานหนัก
เลยพยายามหาช่องทางที่ง่ายในการหารายได้หรือประกอบอาชีพ

แต่ประเด็นคือคนที่จะมั่นคงและทำได้ตามแนวทางนี้จะหลงเหลือ
จนประสบความสำเร็จกันมากน้อยแค่ไหนมากกว่าครับ

เน้นหน่อยครับ
:lol:  :lol:

merman เขียน:

อย่างนี้เค้าเรียกว่าคานอำนาจครับ มีคนหาเงิน ก็ต้องมีคนช่วย ใช้ ไม่งั้นเงินมันจะล้นเกินไป

อยากเป็นVI แต่อดใจไม่ใหวทุกทีคันมือขายหมูตลอด
ผมเห็นด้วยนะว่าEQสำคัญกว่าIQ

i_sarut เขียน:ถ้าความรู้ด้าน VI มีเท่าๆกัน คงต้องไปวัดกันที่อารมณ์ครับ

ประโยคนี้ใช้กับวัยรุ่นอาจจะคิดไปไกลได้นะครับ เพราะไม่รู้อารมณ์อะไร  

ขอใช้คำว่า "จิตใจ" แทน "อารมณ์" ได้มั้ยครับน้องเบียร์   :lol:

GeneraX เขียน:

ประโยคนี้ใช้กับวัยรุ่นอาจจะคิดไปไกลได้นะครับ เพราะไม่รู้อารมณ์อะไร

ต้องยอมรับว่ากระแส VI มาแรงจริงๆ

สังเกตจากเพื่อนๆที่ที่ทำงานจะเริ่มถามหาเหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกหุ้นตัวนั้น ตัวนี้

แต่ก็จะปิดคำถามโดยการถามต่อว่าตั้งเป้าไว้ที่กี่บาท เมื่อไหร่ อยู่ดี

เฮ้อ เหมือนมีพัฒนาการขึ้น แต่ก็ไม่วายไม่คิดเองอยู่ดี