Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ไม่รู้ว่าเคยมีคำถามนี้กันไปหรือยังนะครับ
แต่ช่วยผมทีอาจเพราะว่าความรู้ยังน้อย

ชาว vi ซื้อหุ้นเมื่อราคาถูกใช้หรือเปล่าครับ ?
กำลังสับสน สงสัย EQ ผมตำ

มือใหม่ลองตอบครับ

จากคำถามว่า ซื้อหุ้นเมื่อราคาถูก ต้องต่อด้วย .....

ซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นนั่นถูกกว่า มูลค่าที่เหมาะสม แบบมีนัยยะ มี safety พอสมควร

เพราะงั้น ปัญหาคือ เราจะคำนวณ มูลค่าที่เหมาะสมนี่อย่างไงครับ

ชาว VI ตอนหุ้นขึ้นทำอะไรกันบ้างครับ

ผมว่าคำตอบที่ได้คือ....

ก็ทำเหมือนหุ้นลงอ่ะครับ

ขายตัว upside น้อยมาซื้อตัว upside เยอะครับ

ขอบคุณมากครับ จะลงจะขึ้นก็ต้องปรับเปลี่ยนกันไปสินะครับ

sai เขียน:ขายตัว upside น้อยมาซื้อตัว upside เยอะครับ

หุ้นขึ้นแล้วเหนื่อย... ต้องมาหาหุ้นใหม่ เพราะ upside มันลดลง

j21 เขียน:มือใหม่ลองตอบครับ

จากคำถามว่า ซื้อหุ้นเมื่อราคาถูก ต้องต่อด้วย .....

ซื้อหุ้นเมื่อราคาหุ้นนั่นถูกกว่า มูลค่าที่เหมาะสม แบบมีนัยยะ มี safety พอสมควร

เพราะงั้น ปัญหาคือ เราจะคำนวณ มูลค่าที่เหมาะสมนี่อย่างไงครับ

เห็นด้วยเลยครับ นี่แหละปัญหาของผมที่เป็นมือใหม่ พอมีกูรูท่านใดช่วยชี้แจงได้บ้าง

ขึ้นก็ช่าง ลงก็ช่าง
เพราะตอนที่เราซื้อ เรามองอนาคตมากว่ารายวันหรือรายเดือนอยู่แล้ว
VI ของแท้ต้องหนักแน่นครับ
ตราบใดที่ยังไม่ใช่ ผมวิเคราะห์ผิด หรือราคาเต็มมูลค่าแล้วและบริษัทไม่สามารถเติบโตได้อีกแล้ว ... ผมอยู่เฉยๆครับ
เพราะพอใจในสิ่งที่มีครับ
การสับเปลี่ยนไปหาตัวใหม่ในระยะเวลาอันจำกัดนั้น มาจากความโลภเฉพาะหน้าแน่ๆ .. เป็นความเสี่ยงครับ  (ยกเว้นท่านที่ทำการบ้านรอไว้แล้ว)
ถ้าไม่ใช่เทพ อย่าเอาตัวเราไปเทียบกับเค้าเลยครับ

getkung เขียน: เห็นด้วยเลยครับ นี่แหละปัญหาของผมที่เป็นมือใหม่ พอมีกูรูท่านใดช่วยชี้แจงได้บ้าง

คงต้องอ่านเยอะ ๆ ล่ะครับ ผมเห็นกระทู้ตอบเรื่อง instinc value เยอะเลยครับ ลองหาดูครับ

ผมคิดว่า หลัก ๆ ก็มี

วิธี DCF  -->  หนังสือคุณสุมาอี้ วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวเอง  

วิธี PE --> หลาย ๆ กระทู้ที่ web นี้ครับ
เช่น http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=3797
หนังสือของ peter lynch, john neff
อ่อ web คุณโย   yoyoway.com

ปล  มือใหม่เช่นกันครับ

ถ้าหุ้นที่เราถือขึ้นนะหรือครับ สำหรับผมเองก็

1. ถ้าเกิดว่าราคาวิ่งมาเกินจริง เช่น กำไรเพิ่มขึ้นมา 1 บาท / หุ้น แต่ราคาวิ่งไปเป็น 10 บาท ก็ขายซะ (เพราะว่าเกินจริง) แล้วค่อยซื้อกลับ โดยมีเงื่อนไขว่า ไม่มีปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนแปลงมากนัก  :twisted:

2. ถ้าวิ่งมาตอบรับกับผลประกอบการก็ เฉย ๆ ไว้ปล่อยให้หุ้นของเราโตต่อไป

    อันนี้ผมเองก็มือใหม่ครับ แต่มีบทเรียนจากการขาย "หมู" และก็มีประสบการณ์ "ติดดอย" มาพอควร เจ็บใจก็เจ็บใจ เสียดายก็เสียดาย

     มาพินิจพิเคราะห์ ทำให้เรารู้ว่า นักลงทุนแนว VI ใช้หลัก "นิ่งสยบความเคลื่อนไหว น้ำนิ่งไหลลึก" ที่พี่ ๆ ในบอร์ดคอยสั่งสอนนั้นไม่ผิดเลยครับ

     ขอขอบคุณพี่ ๆ ในทุก ๆ คำสอนที่มีค่าในบอร์ดนี้ครับ หวังว่าพี่ ๆ จะใจดีสั่งสอนน้อง ๆ ต่อไปครับผม

ผมไม่รู้จะทำอะไร
นั่งยิ้มละกัน  :)

เพราะช่วงนี้่ไม่ค่อยมีเวลาตามดูว่ามันไปถึงไหนแล้ว จะซื้อตัวไหน หรือขายตัวไหนดี
ทำอะไรไม่ถูก เลยนั่งยิ้มดูราคาหุ้นตัวเองละกัน

จริงๆ ช่วงหุ้นขึ้นเนี่ยปรับพอร์ตง่ายนะ เพราะว่า Volume มันจะเข้าพอดี เปลี่ยนไปตัวนู้นตัวนี้ได้ง่ายหน่อย ซื้อขายก็ไม่ค่อยเสียราคา

picatos เขียน:หุ้นขึ้นแล้วเหนื่อย... ต้องมาหาหุ้นใหม่ เพราะ upside มันลดลง

เหนื่อยแบบนี้ ผมยอมเหนื่อยนะครับพี่  :lol:

ผมไม่ค่อยสนเวลาหุ้นขึ้นเท่าไหร่ ผมสนตอนหุ้นลงมากกว่า

แต่ถ้าถามว่าหุ้นขึ้นแล้วทำงัย ง่าย ๆ ครับ ขาย ...  :D  ถ้าคิดว่าถึงราคาเป้าหมายที่ตั้งไว้ครับ ส่วนเรื่อง upside มาก upside น้อยนี้ บางที่คิดตัดสินใจยากเหมือนกันครับ เพราะบางตัวกำไรโตขึ้นเรื่อย ๆ upside มันก็จะขยับไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน ที่เราเคยคิดว่าน้อยอาจจะไม่น้อยอย่างที่คิด ในขณะเดียวกัน ถ้ากำไร อยู่ลดลง หรือขาดทุน เนื่องจากมีบางอย่างมากระทบ ที่เราคิดว่า upside มาก ก็อาจจะไม่มากอย่างที่คิด

ผมจะค่อนข้างเป็นกังวลมากเวลาหุ้นขึ้น เพราะถ้าขายก็ต้องไปหาซื้อตัวใหม่มาแทน แต่ถ้ายังไม่เจอตัวที่ดีกว่า ก็ไม่รู้จะขายไปทำไม เพราะอะไร ๆ ก็ยังดีอยู่

ขอตอบหน่อย ส่วนตัวผม (ซึ่งไม่รู้ว่าเป็น VI หรือเปล่า) แต่หุ้นจะขึ้นหรือลง ผมก็ใช้เวลาดูราคาวันละแป๊บเดียวเองครับ คือกดๆดูเกือบทุกวัน แต่วันละไม่กี่นาที ดูตัวที่อยากซื้อ ดูตัวที่ถือ อ่านข่าว

ถ้ายังไม่ต้องการใช้เงิน (หรือเจอหุ้นที่ดีกว่า) ก็ยังไม่ขายครับ เป็นเจ้าของกิจการไม่ได้เป็นคนเก็งกำไรครับ

ขึ้นก็ขาย ลงก็ซื้อ สุดท้ายกลายเป้นพวก Technique...
ล้อเล่นครับ

ไม่ว่าจะขึ้น หรือ ลง ก็จะหาสาเหตุมันก่อนครับ ถ้าไมม่มีเหตุอะไรที่กระทบต่อตัวบริษัทในระยะยาวก็ทำใจสงบๆ