Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

กำลังศึกษาการลงทุนในหุ้นอยู่ครับ

ได้ฟังคลิปเสียงจากงานสมมนาไทยวีไอครับ
เห็นมีวรรคหนึ่ง อ.ไพบูลย์ ท่านพูดประมาณว่า ตอน ดร.นิเวศ ซื้อ CPALL ที่ 7 บาท ท่านไม่ได้ซื้อตาม ซักพักขึ้นมาเป็น 10 บาท ท่านเห็นว่าเริ่มสูงไปแล้ว เริ่มไม่เข้าไปซื้อเก็บ

แต่ ณ วันนี้ ราคาขึ้นไปที่ ~28 บาท PE อยู่ที่ 20กว่าๆ

ผมอยากทราบว่าชาววีไอ วิเคราะห์กันยังไงครับ
สำหรับพื้นฐาน และอนาคตของ CPALL นั้นดีพอสมควร

กำไรมันจะโตได้ปีละ20%หรือเปล่าละครับ

แต่ถ้ามองยาวๆๆๆ

ผมว่า 7-11 ยังไปได้อีกนะครับ  :D

ผมมอง 7-11 แบบนี้นะครับจากการที่เขาปลีกตัวออกมาเข้าสู่ "อิ่มสะดวก" โดยที่ไม่ไปชนกับ lotus ตรง ๆ หรือว่ากับ โชว์ห่วยตรง ๆ เป็นจุดที่น่าจะไปได้อีกไกล หมายความว่าตอนนี้เป็นช่องว่าง เพราะว่าร้านอาหารข้างทาง มีจุดที่ไม่สามารถทานได้อย่างสนิทใจ เช่นความสะอาด หรือน้ำดื่มที่ไม่ครบทุกชนิด อีกประการคือราคาไม่ยุติธรรมหมายความว่าพอต้นทุนสูงก็ปรับราคาขึ้น พอต้นทุนต่ำไม่ปรับราคาลง .... ซึ่งถ้าเรามองจากจุดนี้ผมว่าสังคมไทยกำลังเปลี่ยนลูกไปเรียนพิเศษเลิกเย็นทานข้าวที่ไหน เพราะฉะนั้นกำลังซื้อส่วนนี้น่าสนใจ  ... ลองมองประเด็นอื่นบ้าง ผมเห็น "ราจูคิส" ขายดีมากใน 7-11 เท่าที่ถามคนขายนะครับ เพราะฉะนั้นอีกประเด็นที่ 7-11 ลงมาเล่นคือความแตกต่าง ... แล้วอีกประเด็นละ ร้านค้าจำหน่ายมากกว่า 5xxx ร้านทำให้มีอำนาจต่อรองกับ supplierมาก ๆ เอาว่าคนซื้อไม่เพิ่ม แต่ว่ากดดัน supplier ที่อยากกระจายสินค้า เท่านี้กำไรก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ได้บ้างนะครับ... เพราะฉะนั้น 7-11 กำไรจะตกลงเมื่อไร ก็เมื่อ 1. ไม่สามารถขยายสาขาได้แล้ว 2. ไม่มีอำนาจต่อรองกับ supplier 3. มีคู่แข่งมาเทียบชั้นขยายสาขา .... bla bla ผมก็ไม่รู้ว่ามีอะไรอีกไหม แต่ทว่าแค่นี้ PE ที่สูง ผมว่าไม่สามารถตัดสินใจไม่ซื้อหุ้นตัวนี้ได้ครับ ...ปล. ผมมีหุ้นหรือไม่มีไม่บอกครับ ไม่อยากชี้นำ ... แต่คุณลองดูมาม่านะ อิ่มตัวไหม...

ผมก็ดูๆ พื้นฐานดี มีอนาคต แบรนด์แข็ง คู่แข่งยังหาไม่เจอ
ซื้อแล้วลืมๆไปเลยก็น่าจะดี วิเคราะห์จบแค่นี้

หันมาดู p/e20++ ก็ไม่กล้าซื้อ

ก็add ไว้ก่อน แล้วก็รอ ถ้ามันไม่ลงมา ชาตินี้เราึคงไม่มีวาสนา
ถ้าไม่ได้ราคาที่มั่นใจ ก็รอต่อไป

ปล. ผมเคยซื้อตอน 22 บาท แล้วขายไป 23
เพราะกลัว กลัวว่าpe 18 ก็แพงแล้ว
กลัวที่เขียวๆจะแดง กลัวฝรั่ง กลัว set  
จนไม่อยากถือ

ดูพีอีว่าแพงแล้ว เคยดู บุคแวลู่ กันไหมครับ

วันนนั้นเปิดดู เห็นตัวเลข 7แว๊บๆๆ คิดในใจ โหหห ราคาหุ้นแพงกว่าบุ๊ค (p/bv) ตั้งสี่เท่าเรยหรอวะเนี่ย ..... หันมาดูอีกที เอ้า ไม่ใช่ 7กว่าๆเนี่ยอหละคือ P/BV บุคน่ะอยุ่ที่4 โอ้วววววววว

ผมว่าตัวนี้ถ้าหวังอัพไซด์คงไม่ได้เว่อมากๆๆแบบเปนกอบเปนกำ  ถ้าหวังรวยเร็วคงไม่เหมาะ ถ้าเป็นคนเก่ง คนขยันหาข้อมูล ก้อคงไม่เหมาะ น่าจะหาตัวอัพไซด์มากกว่านี้ได้  แต่ก้อคงได้ไม่น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้น สัก 7-10%ต่อปี  ไม่งั้นไปซื้อกองทุนหุ้นเอาดีกว่า   :lol:

แต่ถ้ามองดาวน์ไซด์ สำหรับการถือยาวๆๆๆๆๆ มันก้อต่ำ หมายถึง กรณีกำไรมันไม่โตเลย ก้อได้ปันผล ปีละ3-4% ที่ราคานี้ ...โอกาสที่กำไรจะหดตัวลง ยังน้อยมากๆๆๆ อย่างน้อยก็ต้องขึ้นราคาสินค้าตามเงินเฟ้อ

ยกเว้น ตลาดจะปรับ p/eลงให้ อันนี้ก้อดาวน์ไซด์ลงได้เยอะเรยทีเดียว  :D

สำหรับผมแล้ว CPALL เป็นบริษัทที่มองยังไงก็ดูดีครับ ประสิืทธิภาพทั้งทางด้านการจัดการต้นทุน การจัดการการขาย การจัดการช่องทางการขาย หรือแม้แต่การวาง Positioning ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงที่สุดบริษัทนึงในเมืองไทย ความสำเร็จของ CPALL ในวันนี้น่าจะเป็น Model ที่สามารถ copy ไปขยายต่อสู่ธุรกิจอื่นๆของเมืองไทยได้ครับ ทั้งหลักการบริหารและวิธีคิดในการต่อกรด้านการตลาดกับคู่แข่งที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
แต่ถ้ามองด้านราคานั้นทุกวันนี้ที่ 28 บาท ถามกันง่ายๆครับถ้าเราซื้อตัวนี้แล้วราคาขึ้นไป 1 เด้ง โดยที่มี PE เท่าเดิมก็เท่ากับว่ากำไรต้องโตขึ้น 1 เท่าตัวดังนั้นอีกกี่ปีที่จะทำให้ได้กำไรขนาดนั้น สำคัญคือไม่ปฏิเสธว่าบริษัทนี้มีสิทธิ์ที่จะมียอดขาย 2 แสนล้าน แต่สำคัญคือเมื่อไหร่ถ้าเราต้องถือราคานี้ไปอีก 5 ปีเพื่อผลตอบแทน 1 เท่าตัวสู้หาตัวอื่นที่มูลค่ายังไม่ได้เปิดเผยมากนักไม่ดีกว่าหรอครับเผลอๆ 5 ปี อาจจะได้ผลตอบแทนมากกว่านะครับ อันนี้ถือเป็นหลักการลงทุนแบบเน้นการเติบโต

ไปเอาคลิปเสียงมาจากใหนเหรอครับ
มีลิ้งใหมครับส่งมาให้หน่อยสิ
ขอบคุณล่างหน้านะครับ

ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยมมักเกิดจากการคาดการณ์ในอนาคตก่อน

คนอื่นนะครับ ใครซื้อ CPALL ตอนนี้คงคาดการณ์ช้ากว่า

ดร.นิเวศน์ไปแค่ 4 เท่าเองครับ

(ปล. ไม่ได้บอกว่าแพงนะครับ แค่บอกว่าการตัดสินใจบางครั้ง

ต้องเฉียบขาดนะครับ ไม่งั้นจะเสียใจภายหลัง)

ถ้าCPFเอา CP fresh mart มาขายสดวกทาน บ้างหละ  :lol:

มองจากคนที่ประสบการณ์ยังน้อยอยู่นะครับ ผิดถูก ก็ชี้แจงแก้ไขได้ครับ

CPALL คงเอา P/BV มาคิดมาได้ครับ เพราะบริษัทเป็นประเภท ซื้อมาขายไป ไม่มีสต๊อคสินค้าของตัวเอง ร้านส่วนใหญ่ก็เช่าครับไม่ได้ซื้อ ทรัพย์สินของ CPALL จึงน้อยครับเมื่อเทียบกับราคา

แต่ถ้าดูจากราคา เทียบกับ PE  ผมมองว่า ราคามันวิ่งแซงหน้ากำไรไปมากพอควร อันนี้สำหรับท่านอื่นไมู่้รู้มองว่ายังงัย แต่ผมว่า ถ้ากำไร CPALL โตขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ราคายังไม่ขยับไปไหน สักพัก ก็คงพอจะสมเหตุผลอยู่ แต่ถ้าราคายังขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ แบบนี้่ คนที่คิดจะเข้าก็ต้องคิดให้หนักครับ น่ากลัวเหมือนกัน

[quote="surawej"]มองจากคนที่ประสบการณ์ยังน้อยอยู่นะครับ ผิดถูก ก็ชี้แจงแก้ไขได้ครับ

CPALL คงเอา P/BV มาคิดมาได้ครับ เพราะบริษัทเป็นประเภท ซื้อมาขายไป ไม่มีสต๊อคสินค้าของตัวเอง ร้านส่วนใหญ่ก็เช่าครับไม่ได้ซื้อ ทรัพย์สินของ CPALL จึงน้อยครับเมื่อเทียบกับราคา

แต่ถ้าดูจากราคา เทียบกับ PE

ถ้า PE 20-30 แต่ growth 40% ได้ชัวๆในระยะ 5 ปีข้างหน้า ผมหวดแน่นอน PE เยอะได้แต่ growth ต้องมากกว่า PE ครับ แล้วต้องในระยะยาว หลายๆปีด้วยไม่ใช่ ได้แค่ปีเดียวนะ แบบนั้นไม่เอา  :lol:

ดูแหละครับ แต่ละคนเวลาวิเคราะห์บริษัทมีสไตล์ต่างกันไป หลักการเหมือนกัน แต่วิธีอาจจะต่างกันก็ได้ครับ ขอยืมคำจากพี่ๆมาครับ

สำหรับผม ผมก็ดูว่าบริษัทนี้เราสามารถคาดการณ์ปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดศํกยภาพกำไรได้เท่าไร สามารถคาดการณ์ไปได้กี่ปี ดูปัจจัยเชิงคุณภาพบริษัทว่า ถ้าคุณภาพเท่านี้เราควรให้ PE อยู่ในช่วงเท่าไร เสร็จแล้วก็มาดู MOS หรือ Upside ครับว่าอยู่ในช่วงที่เรารับความเสี่ยงจากการวิเคราะห์นี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่แน่นอนมากก็เพิ่ม MOS ไปหน่อย หรือ ถ้าไม่ชัวร์จริงๆก็เลิกครับไปหาบริษัทอื่นดีกว่า แล้วมาดูครับกรอบเวลาที่เราคาดการณ์ได้ แล้วผลตอบแทนต่อปีควรจะเป็นเท่าไร คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ หรือมีตัวที่ดีกว่า ก็ปรับพอร์ตเอาครับ ลองไปอ่านกระะทู้ของพวกพี่ๆนะครับ ผมว่าพวกพี่เขาเขียนดีมากๆ หรือลองเสิร์ทคำว่า PE ในเว็บของพวกเราแห่งนี้ รับรองเจออะไรดีๆให้อ่านเพียบเลยครับ แล้วลองมาประยุกต์กับวิธีการของเราดู

ส่วนที่อาจารย์ไพบูลย์ไม่ซื้อตาม อาจจะเป็นไปได้ว่า มูลค่าที่แท้จริงที่แต่ของอาจารย์ไพบูลย์กับอาจารย์นิเวศน์ คงได้ตัวเลขไม่เท่ากันแล้วแต่มุมมองและความคิดของแต่ละบุคคลในการวิเคราะห์ตัวบริษัทอาจจะมีมุมมองที่ต่างกัน หรือ อาจารย์ไพบูลย์อาจจะเจอตัวที่คิดว่าดีกว่าก็ได้ครับ

เข้ามาเก็บข้อมูลครับ  :D

ผมตามมาเก็บข้อมูลครับ

เสนอ 2 มุมมองครับ

อย่างแรก คือ เทียบ PE กับ อัตราเติบโตของกำไร ถ้ากำไรเติบโตสูงกว่าค่า PE แสดงว่า หุ้นจะค่อยๆ ถูกลงในอนาคต ที่สำคัญคือ กำไรจะต้องเติบโตอย่างยั่งยืน และสม่ำเสมอ ไม่ใช่กำไรจากรายการพิเศษ

อย่างที่สอง อันนี้ตามหนังสือ ดร.นิเวศน์ เล่นหุ้นปีทอง หน้า 29 อันนี้เป็นการใส่คะแนนต่างๆ เข้าไปเพื่อเทียบกับ PE ที่สูง..ซึ่งบทสรุปของอาจารย์นิเวศน์ คือ หุ้นดีขนาดไหน PE เกิน 16 ก็ให้ระวังจงหนัก..

ผมว่าถ้ายังมี upside, พื้นฐานบริษัทยังแข็งแกร่ง มีนโยบายในอนาคตที่แน่นอน ก็ยังลงทุนได้ครับ  :lol: