หน้า 1 จากทั้งหมด 1

มองเศรษฐกิจผ่าน"ภาพลวงตา"

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ค. 16, 2010 2:56 pm
โดย pawawit
ปัจจุบันนี้โลกเรา (โดยเฉพาะธุรกิจ) ถูกภาวะ Bias กดดันหรือชักจูงให้เรามองภาพ "เศรษฐกิจที่แท้จริง...บิดเบือนไป" อย่างปัจจุบันนี้ ที่ใครๆมองว่า ประเทศอเมริกาและยุโรปเป็นประเทศ ร่ำรวย แต่ถ้าดูถึงไส้ใน"มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดเลย" --เดี๋ยวนี้ประเทศพัฒนาแล้วกลายมาเป็น"ลูกหนี้"ประเทศด้อยพัฒนา ...เป็นผลมากจากค้าขาย"ขาดทุน(ขาดดุล)"ทุกปี อย่างอเมริกานี่เน่าสุดๆ.. คือขาดดุลกับ"เอเชียมหาศาล" ..ยกตัวอย่าง"จีน"มีเงิน"สำรอง"จากการค้าขาย เยอะมากๆ (แต่"จีน"กลับเอาเงินนี้ไปช่วยอเมริกา..คือจีนเอาเงินที่เกินดุลมหาศาลไป ซื้อ พันธบัตรอเมริกา เพื่อที่จะพยุงค่าเงินของตัวเองไม่ให้ขึ้น ..เพราะโดยปกติถ้าจีนไม่ทำอย่างนี้ --ค่าเงิน"หยวน"จะพุ่งขึ้น แต่ค่าเงิน "ดอลล่าห์" จะลดลง(กลายเป็นอเมริกาได้ประโยชน์คือเงินดอลล่าห์ไม่ลด.. แต่สรุปเริ่มกระทบถึง"ไส้ใน"-- เพราะทำให้ธุรกิจการค้า แข่งขันไม่ได้ ขาดดุลตลอด.. วันนี้อเมริกากลายเป็นประเทศที่เป็นหนี้หัวบานที่สุดในโลก คนตกงานเพราะ Outsource ไปจีนกับอินเดียหมด"อนาคตอเมริกาอยู่ไหนเนี่ย!!".. จะว่าไปแล้วก็เหมือนอังกฤษที่เคยรุ่งศตวรรษที่ 19 จากนั้นทุกอย่างก็ Shift ไปที่ อเมริกาในศตวรรษที่ 20 ตอนนี้เห็นๆเลยว่าทุกอย่างมันกำลังไปที่เอเชียใน ศตวรรษที่21--คำถามคือ ถ้าคุณมองแนวโน้มออก --"คุณควรเอาเงินคุณไปอยู่ที่ไหน?"...)
ลองนึกภาพดูซิครับ หากจีนปล่อยให้"ค่าเงินหยวน"เป็นไปตามกลไกตลาด..อะไรจะเกิดขึ้น --(ถ้าค่าเงิน"หยวน"ขึ้น--คนจีนก็รวยขึ้นนั่นเอง คนจีนสามารถไปซื้อของต่างประเทศได้"ถูก" ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้น "การค้าที่อเมริกาขาดดุล ก็จะกลายเป็นจีนขาดดุลแทน ..แต่คิดกลับกัน ก็แสดงว่า คนจีนจะรวยขึ้น ในขณะที่คนอเมริกาจนลง --ลองมาดูในส่วนของ คุณภาพชีวิต จีนมี GDP ต่อหัว ไม่ถึงหมื่นในขณะที่อเมริกาหลายหมื่น ดังนั้น ถ้าปรับค่าเงิน ยิ่งหยวนแข็งเท่าไหร่ก็เท่ากับว่า GDP ต่อหัวของจีนเข้าใกล้อเมริกาเท่านั้น--อย่างนี้แสดงว่า "สิ่งที่เรามองเห็น มันไม่ใช่ความเป็นจริง" --เพราะจีนสามารถรวยขึ้นลงเพียง"พริบตา"--หากค่าเงินเปลี่ยน...ดังนั้น GDP ต่อหัว นี่จริงๆ วัดกันไม่ได้เลยว่า ประเทศอเมริกากับจีน แตกต่างกันแค่ไหน เพราะในความเป็นจริง--มันอาจเขยิบเข้ามาใกล้ แต่ตัวเลขมันบอกยังห่างไกล)..เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ตั้งแต่ปี 1997 มา เราลดค่าเงินบาท ทำให้อยู่ดีๆ"คนไทยจนลงครึ่งนึง" แต่ถ้ามองอีกแง่ "มันไม่ใช่" ดังนั้น GDP ต่อหัวอเมริกาที่สูงๆ อาจเป็นภาพลวง เพราะหากเราปรับค่าเงิน GDP ต่อหัวของเราอาจเข้าใกล้ประเทศพัฒนาแล้วทันที... แต่สาเหตุที่ไม่ปรับเพราะ"เอเชีย"มองความได้เปรียบทางการค้าเป็นหลัก --คุณคิดไหมว่า การขาดดุลการค้าหนักๆของ อเมริกาและยุโรป แท้จริงแล้ว "ค่าเงิน"มีส่วนในประเด็นนี้อย่างมาก เพราะหากปรับค่าเงินเอเชียในเวลานี้ให้สูงขึ้น การค้าของอเมริกาและยุโรปที่ขาดดุลก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ (จนในที่สุด GDP ต่อหัวของเอเชียเรา อาจวิ่งไปเท่าอเมริกากับยุโรป) ดังนั้น "หากใครมองว่า เอเชียจน ..ผมว่า ต้องคิดใหม่นะ" ซึ่ง Trend การค้าของโลก ก็พยายามบีบให้"เงินเอเชียแข็งค่า" ในขณะที่พยายามให้ "ดอลล่าห์"อ่อนค่า (ซึ่งประเด็นนี้เป็นไปตามกลไกตลาด ยากที่จะฝืน แม้แต่จีนก็ตาม) ...ผมจึงมองว่า ในอนาคต ใครก็ตามที่ถือ Asset ในสกุลเงิน"เอเชีย" จะได้รับอานิสงค์ของเงินที่แข็งค่า(เป็นสองเด้ง)
ศตวรรษนี้ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่าง"ยั่งยืน"ของเอเชีย ไม่ใช่ฉาบฉวยแบบ Bubble ต้มยำกุ้งครั้งก่อน ..ใครไม่เชื่อไปเอางบดุลของกิจการในตลาดหุ้นเวลานี้ เทียบกับปี 1997 จะเห็นภาพว่าเราพัฒนาไปแค่ไหน โดยเฉพาะ"ธนาคาร" ซึ่งเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจ -- ใครคิดว่าไม่ใช่ คุณลองเอาเงินคุณไปซื้อ "ดอลล่าห์"แล้วเก็บเอาไว้ อีกสักสิบปี ลองมาดู อาจเห็น มูลค่าดอลล่าห์ลดลงไปครึ่งนึงก็เป็นได้ (เหตุการณ์นี้เคยเกิดแล้วกับ ออสเตรเลีย หรือ แม้แต่ยูโรกับดอลล่าห์) แต่เที่ยวนี้มันคือ "เอเชีย กับ ดอลล่าห์ และ ยูโร" ... ((ผมเชื่อใน"เอเชีย"))--ส่วนใครไม่เชื่อ ให้ไปซื้อ "ดอลล่าห์" กับ "ยูโร" มาเก็บไว้ แล้วค่อยลุ้นต่อไป สิบปี ((วัดดวง))หุ หุ....
สรุปที่เขียนมาอย่างยาวนี่จะชี้ว่า "สิ่งที่เห็น --มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า?.. "ถ้าไม่ใช่" เราจะได้อะไร ..หากเรารู้ในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ "ไม่รู้ หรือมองข้าม" ..โอกาสทองมันเกิดขึ้นได้"ตลอดเวลา" เพียงแต่ใครจะมองเห็นและรู้จักเก็บเกี่ยวถึงจะเป็นผู้ชนะนั่นเอง"
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.blogspot.com