หน้า 1 จากทั้งหมด 2

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 11:25 am
โดย นพพร
สมมติว่าผมมีเงิน 20,000 บาท ผมซือเก็งกำไรไปมาได้กำไรมาที่ 15% คือ 3,000 บาท รวมเป็นเงินเก็บไว้ 23,000 บาท
จากนั้นพอแล่ะ ผมเก็บเงินไวแบบนี้แหล่ะ จนปลายปี ถือว่าผมทำได้แล้วปีนี้ 15%

พอมาปีถัดไป ผมเอาเงินต้น 23,000 บาทซื้อเก็งกำไรตั้งแต่ต้นปีเลย ซื้อนั่นขายนี่จนได้มาอีก 15% รวมกับเงินต้นเป็นเงิน 26,450 บาท ผมเก็บไว้เลยปีนี้ไม่ซือไม่ขายอะไรแล้ว จากนั้นปีต่อๆไป ผมก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พยายามให้ได้ไม่ต่ำกว่า 15% แล้วหยุดนิ่ง

ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะพอกับ VI ที่ตั้งเป้า 15% ต่อปีตลอดไปได้หรือเปล่าครับ

สิ่งที่แตกต่างคืออะไรเมื่อเทียบกับ VI ครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 12:43 pm
โดย โอ@
แล้วถ้าที่คิดว่าจะได้กำไร 15% มันดันขาดทุนละครับ VI ไม่ใช่การหวังผลตอบแทนน้อยๆไปเรื่อยๆนะครับ มันมีอะไรมากกว่านั้นครับ
ลองค้นดูครับเข้าใจว่าคนเคยตอบไว้ในนี้แล้ว

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 12:47 pm
โดย noooon010
Value Investing น่าจะหมายถึง การลงทุนในหุ้นที่มี มูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นนะครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 12:48 pm
โดย noooon010
ส่วนวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา

ตัวเราต้องเป็นผู้ให้คำตอบเองครับ ลองค่อยๆศึกษา และค่อยๆทำความรู้จักตัวเราเองดูนะครับ
(ต้องใช้เวลานะครับ)

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 2:03 pm
โดย tradtrae
ซื้อมาขายไป ผมว่า น่าจะเป็นนักเก็งกำไรมากกว่า นักลงทุน VI ครับ

เพียงแต่ เป้าหมายคือ มูลค่าของเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น

ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็คงเหมือน .... นักพนัน กับ ผู้ประกอบการ ครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 2:22 pm
โดย saichon
noooon010 เขียน:ส่วนวิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา

ตัวเราต้องเป็นผู้ให้คำตอบเองครับ ลองค่อยๆศึกษา และค่อยๆทำความรู้จักตัวเราเองดูนะครับ
(ต้องใช้เวลานะครับ)
โดนใจคำนี้จังครับ
ใช่ครับ การลงทุนแนววีไอ ผมว่าเวลาคือกุญแจสำคัญอีกอย่างครับ
หลังจากเราศึกษา ประเมินมูลค่าและซื้อหุ้นได้แล้ว
จากนั้นสิ่งที่เราต้องการคือเวลาที่จะทำให้กำไรของธุรกิจที่เราลงทุนเติบโตครับ :D

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 2:50 pm
โดย นพพร
ถ้าผลลัพธ์จากการทำกำไรได้ 15% ต่อปีแบบนี้จริงๆ คิดว่ามูลค่ามันจะเท่ากับการลงทุนใน VI หรือเปล่าครับที่หวังผล 15% ทุกๆปี

แต่ก็เข้าใจว่าถ้ามูลค่าเงินเพิ่มมากขึ้น การที่จะทำกำไรให้ได้ 15% ต่อปีก็ย่อมเป็นเรื่องลำบากเหมือนกัน

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 05, 2010 6:46 pm
โดย เด็กเลี้ยงไม้
เท่ากันสิครับ
วิธีคือทำให้เงินทบต้นเหมือนกัน
ต่างกันที่วิธีการลงทุน กับความเสี่ยงเงินต้นเท่านั้นเอง

Re: 15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 06, 2010 12:22 am
โดย Anti-Aircraft
นพพร เขียน:สมมติว่าผมมีเงิน 20,000 บาท ผมซือเก็งกำไรไปมาได้กำไรมาที่ 15% คือ 3,000 บาท รวมเป็นเงินเก็บไว้ 23,000 บาท
จากนั้นพอแล่ะ ผมเก็บเงินไวแบบนี้แหล่ะ จนปลายปี ถือว่าผมทำได้แล้วปีนี้ 15%

พอมาปีถัดไป ผมเอาเงินต้น 23,000 บาทซื้อเก็งกำไรตั้งแต่ต้นปีเลย ซื้อนั่นขายนี่จนได้มาอีก 15% รวมกับเงินต้นเป็นเงิน 26,450 บาท ผมเก็บไว้เลยปีนี้ไม่ซือไม่ขายอะไรแล้ว จากนั้นปีต่อๆไป ผมก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พยายามให้ได้ไม่ต่ำกว่า 15% แล้วหยุดนิ่ง

ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะพอกับ VI ที่ตั้งเป้า 15% ต่อปีตลอดไปได้หรือเปล่าครับ

สิ่งที่แตกต่างคืออะไรเมื่อเทียบกับ VI ครับ
ถ้าทำได้ ผลก็คงเหมือนกันน่ะครับ ว่าแต่ทำยังไงเหรอครับ แชร์กันมั่งสิ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 06, 2010 10:17 am
โดย ส.สลึง
ส่วนตัว ผมไม่เคยตั้งเป้าอะไรแบบนั้นครับ
แม้ว่าเป้าหมายแบบนั้น มันทำให้เรามั่งคั่งเพิ่มขึ้นทุกปีๆ

เป้าหมายที่ผมใช้คือ ชนะ SET Index ครับ
ทั้งในแง่ ปีต่อปี และ ผลตอบแทนเฉลี่ยหลายๆ ปี
ในระยะเวลาเดียวกัน :)

ส่วนวิธีการที่จะใช้ ก็เป็นอีกเรื่องครับ :) ...

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 06, 2010 5:56 pm
โดย KriangL
ซื้อต้นปีเลย อาจมีผลจาก window dressing ปลายปีที่ดันหุ้นขึ้นมาได้ครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 07, 2010 9:02 am
โดย นพพร
Anti-Aircraft เขียน:ถ้าทำได้ ผลก็คงเหมือนกันน่ะครับ ว่าแต่ทำยังไงเหรอครับ แชร์กันมั่งสิ
จริงๆตอนนี้คือทำยังไม่ได้ครับ แต่อยากทราบผลลัพธ์ก่อนว่ามันเหมือนกันหรือเปล่าน่ะครับ แค่สงสัยเวลาถกกับเพื่อนเรื่องนี้ เพื่อนบอกว่ากรูจะทำแบบนี้แหล่ะ ได้เยอะกว่ามึงแยะเลย และก็บอกอีกว่า ถ้าเงินน้อยๆให้ทำแบบนี้ไปก่อน เพื่อให้เงินต้นเยอะ ก่อนที่จะเริ่มเอาเงินต้นนี้ไปลงทุนแบบ VI เพราะถ้าเงินต้นเยอะแล้ว จะมาทำให้กำไรเป็น 15% ต่อปีจะเป็นเรื่องยากกว่า เพราะฉะนั้นจึงค่อยเปลี่ยนเป็น VI เงินต้นน้อยที่เพื่อนว่าก็หลักหมื่นน่ะครับ ที่เขาบอกว่าเริ่มเยอะก็หลักแสนครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 07, 2010 9:23 am
โดย maiaowna
ระวังเงินน้อยจะกลายเป็นน้อยลงไปอีกนะ

เงินน้อยๆ หามาเติมเรื่อยๆทีละนิด

ผมว่าช่วงนี้เน้นที่ประสบการณ์มาก

กว่าตัวเงินดีกว่า ลองดูกระทู้

มีเงินน้อยเป็นวีไอไม่ได้จริงหลอ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 07, 2010 9:45 am
โดย เด็กเลี้ยงไม้
นพพร เขียน: จริงๆตอนนี้คือทำยังไม่ได้ครับ แต่อยากทราบผลลัพธ์ก่อนว่ามันเหมือนกันหรือเปล่าน่ะครับ แค่สงสัยเวลาถกกับเพื่อนเรื่องนี้ เพื่อนบอกว่ากรูจะทำแบบนี้แหล่ะ ได้เยอะกว่ามึงแยะเลย และก็บอกอีกว่า ถ้าเงินน้อยๆให้ทำแบบนี้ไปก่อน เพื่อให้เงินต้นเยอะ ก่อนที่จะเริ่มเอาเงินต้นนี้ไปลงทุนแบบ VI เพราะถ้าเงินต้นเยอะแล้ว จะมาทำให้กำไรเป็น 15% ต่อปีจะเป็นเรื่องยากกว่า เพราะฉะนั้นจึงค่อยเปลี่ยนเป็น VI เงินต้นน้อยที่เพื่อนว่าก็หลักหมื่นน่ะครับ ที่เขาบอกว่าเริ่มเยอะก็หลักแสนครับ
ผมเห็นหลายๆท่านเลยหละครับทำได้มากว่า 15% เยอะมาก ไม่ต้องเป็นเซียน
บางทานคิดว่าการเป็น VI จะได้เหมือน ดร. ไปทั้งหมด คือซื้อพวกแข็งแกรง ไม่defen ก็ super stock
แล้วถือไปจนกว่าจะมีอะไรเปลี่ยน แต่หลายๆครั้ง ดร.ท่าน ได้มากกว่านั้นเยอะมากๆ
ผมว่า ยังมีพวก ก้นบุหรี่ หรือ growth แล้วอะไรอีกหลายอย่างหนะครับ
เพราะ VI นั้นก็มีหลายๆแนว

จริงๆแล้ว ต้องมองหุ้น VALUE เป็นหลักครับ  ไม่ใช่ตัวเราเป็นอะไร

ปล.ถ้าผมมี 9 หลัก ผมก็จะเล่นหุ้นแข็งแร่งเหมือน ดร. เพราะเงินต้นจะได้ไม่หายไปไหนครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 08, 2010 12:00 am
โดย leonleon
กำไร 15% ของคุณเกิดจากการซื้อส่วนหนึ่งของกิจการที่ดี มีผู้บริหารดี หรือไม่ครับ ?
และซื้อหุ้นในขณะที่มันมี MOS หรือไม่ครับ ?
ที่ผมว่ามานั่นคือ VI นะครับ

"ลงทุนในสิ่งที่ดี อย่างน้อยผลตอบแทนมันก็คงไม่แย่"

VI นั่นผลตอบแทนอาจจะธรรมดาๆในบางปี แต่ความเสี่ยงต่ำกว่าครับ


แต่ถ้าเก็งกำไร โอกาสได้ 15% ทุกปีๆ นั้นก็มีเหมือนกันครับ
แต่โอกาสขาดทุนมันก็เยอะ


แล้วการเร่งทำกำไรตอนต้นปีแล้วดีดตัวเองออกมาถือเงินสด รอซื้อในปีใหม่
ผมว่าไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่นะครับ
ถ้าหุ้นยังไม่ over value ถือต่อก็ได้นิครับ
ดีไม่ดี ระหว่างปีมีปันผลพิเศษ ก็ยิ่งดีไปใหญ่
แต่ถ้ากำไร 15% ปุ๊บขายออกไปก็ไม่มีใครว่านะครับ
แต่ถ้าเราเลือกถือหุ้นกิจการที่ดีๆ 15% ผมว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 08, 2010 1:18 pm
โดย Anti-Aircraft
นพพร เขียน: จริงๆตอนนี้คือทำยังไม่ได้ครับ แต่อยากทราบผลลัพธ์ก่อนว่ามันเหมือนกันหรือเปล่าน่ะครับ แค่สงสัยเวลาถกกับเพื่อนเรื่องนี้ เพื่อนบอกว่ากรูจะทำแบบนี้แหล่ะ ได้เยอะกว่ามึงแยะเลย และก็บอกอีกว่า ถ้าเงินน้อยๆให้ทำแบบนี้ไปก่อน เพื่อให้เงินต้นเยอะ ก่อนที่จะเริ่มเอาเงินต้นนี้ไปลงทุนแบบ VI เพราะถ้าเงินต้นเยอะแล้ว จะมาทำให้กำไรเป็น 15% ต่อปีจะเป็นเรื่องยากกว่า เพราะฉะนั้นจึงค่อยเปลี่ยนเป็น VI เงินต้นน้อยที่เพื่อนว่าก็หลักหมื่นน่ะครับ ที่เขาบอกว่าเริ่มเยอะก็หลักแสนครับ
อ่อ ตอนแรกอ่านแล้วงงๆ ตอนนี้เข้าใจแล้ว

คือถ้าเราเข้าใจเรื่องของมูลค่าและราคา เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคิดให้ปวดหัวหรอกครับ

เวลาจะซื้อหุ้นตัวนึง เราต้องรู้มูลค่าก่อน นะครับ จากนั้นเราก็ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพอสมควร จะ 10 20 30 % ก็ว่าไป จากนั้นก็รอให้ราคาเข้าสู่มูลค่าครับ แค่นี้เราก็ได้กำไรง่ายๆ ประสบการณ์ผมนั้นตัวที่ไวสุดก็ 2 สัปดาห์ ตัวที่ช้าสุดตอนนี้ยังไม่เต็มมูลค่าเลยครับ ถ้ามันเต็มมูลค่าหรือเกินมูลค่าจิงๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บไว้ครับ ขายทำกำไรไปเลย

ถ้าเราไม่รู้มูลค่าแล้วขายที่ 15 % ถ้าขายแล้วมันวิ่งไปอีก 100 -200 % จะรู้สึกอย่างไรครับ

ลองศึกษาเรื่องของการประเมินมูลค่าดูนะครับ

ปล. พอร์ตผมเริ่มที่ 12 k ประสบการณ์ 8 เดือนครับ คงพอคุยกันได้นะ อิอิ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 08, 2010 3:14 pm
โดย นพพร
Anti-Aircraft เขียน: อ่อ ตอนแรกอ่านแล้วงงๆ ตอนนี้เข้าใจแล้ว

คือถ้าเราเข้าใจเรื่องของมูลค่าและราคา เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องคิดให้ปวดหัวหรอกครับ

เวลาจะซื้อหุ้นตัวนึง เราต้องรู้มูลค่าก่อน นะครับ จากนั้นเราก็ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าพอสมควร จะ 10 20 30 % ก็ว่าไป จากนั้นก็รอให้ราคาเข้าสู่มูลค่าครับ แค่นี้เราก็ได้กำไรง่ายๆ ประสบการณ์ผมนั้นตัวที่ไวสุดก็ 2 สัปดาห์ ตัวที่ช้าสุดตอนนี้ยังไม่เต็มมูลค่าเลยครับ ถ้ามันเต็มมูลค่าหรือเกินมูลค่าจิงๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บไว้ครับ ขายทำกำไรไปเลย

ถ้าเราไม่รู้มูลค่าแล้วขายที่ 15 % ถ้าขายแล้วมันวิ่งไปอีก 100 -200 % จะรู้สึกอย่างไรครับ

ลองศึกษาเรื่องของการประเมินมูลค่าดูนะครับ

ปล. พอร์ตผมเริ่มที่ 12 k ประสบการณ์ 8 เดือนครับ คงพอคุยกันได้นะ อิอิ
อืมครับ ผมก็บอกแค่เพียงว่าเรื่องแบบนี้ไม่ได้แข่งที่ความเร็วของการทำกำไร ก็แค่นั้นน่ะครับ ผมอยู่ในช่วงเริ่มศึกษาหนังสือครับ อ่านหลายเล่มแล้วล่ะ ตอนแรกก็คุยกับใครเขาไม่รู้เรื่องตอนนี้เหมือนพอจะรู้เรื่องบ้างว่าเขาพูดเรื่องอะไรกันน่ะครับ เริ่มเล่นแบบเหวี่ยงแหตอนต้นปีครับ เงินต้นสองหมื่นสามพันครับ ซื้อๆขายๆตอนที่กิมเอ็งยังไม่มีขั้นต่ำ ก็กระจายครับ กำไรมาประมาณสองพันได้ครับก็ขายครับ ซื้อ ปตท. กับ tmb โดยไม่ได้ดูอะไรเลยครับ อาศัยว่าเคยได้ยินชื่อ จากนั้นก็ซื้อ pttch ครับ ไม่รู้เหมือนกันครับว่าเขาทำอะไร ได้กำไรครับ เห็นว่ามันวิ่งขึ้น ทีนี้ซื้อเหมาเลยครับ ติดอยู่ที่ 106 กว่าๆตอนนี้ ขายไม่ออกบอกไม่ถูก แช่นิ่งยาวนานจนบัดนาว พอเริ่มรู้ตัวว่าเสียเงินแล้วคราวนี้ก็เป็นจุดให้หันมาศึกษาครับ คือตัวผมน่ะถ้าไม่ได้ลองว่ามันต้องเสียจริงๆนะ ก็จะไม่ศึกษาหรอกครับ พอมีโอกาสได้เสียก็เลยมาศึกษาทีหลัง เลยทราบว่าหุ้นของ pttch มันเป็นหุ้นวัฏจักรและบนยอดของวัฏจักรนั้นเราก็คว้ามันมาไว้ในครอบครองเหมือนปักธงได้บนเขาเอฟเวอร์เรสประมาณนั้น เรื่องการคำนวณหามูลค่ากำลังศึกษาตามหนังสือต่างๆอยู่เหมือนกันครับ มีโอกาสคงได้แลกเปลี่ยนกันนะครับ

มือใหม่ขอแสดงความคิดเห็นครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 11, 2010 5:41 pm
โดย pete2stay
เพิ่งจะเริ่มมาลงทุนอย่างจริงจังเมื่อสิบสองเดือนที่ผ่านมา ได้อ่านหนังสือของ Warren Buffett มาสามเล่มน่ะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รู้หลักการแต่ว่าใจไม่นิ่งพอ เพราะได้ขายหุ้นไปเร็วกว่าที่ควรจะทำ ทำให้ขาดทุนกำไรไปไม่น้อยกว่าร้อยเปอร์เซ็นต์

สิ่งที่จำประเด็นได้จาก Warren Buffett คือต้องคำนวณมูลค่าของกิจการให้ได้ก่อนที่เราจะเข้าไปซื้อ แล้วเราต้องเข้าไปซื้อเมื่อราคาในตลาดต่ำกว่ามูลค่าของกิจการ

ตอนนี้ลองพยายามหาดูหลายบริษัทที่มีก็พบว่ายังพอมีอยู่บ้างในตลาด ไม่ทราบตอนนี้เพื่อนๆนักลงทุนมีตัวไหนในใจกันบ้างครับที่ได้ลองคำนวณออกมาแล้ว

กรุณาแชร์เป็นแนวทางด้วยว่าอยู่อุตสาหกรรมใด แล้วเป็นเบอร์ไหนในอุตสาหกรรมครับ

Re: 15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 3:51 pm
โดย chowbe76
นพพร เขียน:สมมติว่าผมมีเงิน 20,000 บาท ผมซือเก็งกำไรไปมาได้กำไรมาที่ 15% คือ 3,000 บาท รวมเป็นเงินเก็บไว้ 23,000 บาท
จากนั้นพอแล่ะ ผมเก็บเงินไวแบบนี้แหล่ะ จนปลายปี ถือว่าผมทำได้แล้วปีนี้ 15%

พอมาปีถัดไป ผมเอาเงินต้น 23,000 บาทซื้อเก็งกำไรตั้งแต่ต้นปีเลย ซื้อนั่นขายนี่จนได้มาอีก 15% รวมกับเงินต้นเป็นเงิน 26,450 บาท ผมเก็บไว้เลยปีนี้ไม่ซือไม่ขายอะไรแล้ว จากนั้นปีต่อๆไป ผมก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ พยายามให้ได้ไม่ต่ำกว่า 15% แล้วหยุดนิ่ง

ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะพอกับ VI ที่ตั้งเป้า 15% ต่อปีตลอดไปได้หรือเปล่าครับ

สิ่งที่แตกต่างคืออะไรเมื่อเทียบกับ VI ครับ
นี่แหละครับที่แตกต่าง

Re: 15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 14, 2010 1:09 pm
โดย picklife
นพพร เขียน: ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะพอกับ VI ที่ตั้งเป้า 15% ต่อปีตลอดไปได้หรือเปล่าครับ
ผลลัพท์คงต่างกันครับ ซึ่งแล้วแต่คน VIส่วนมากตั้งเป้าคอนเซอร์ไว้ที่15%แต่ทำจริงนั้นส่วนใหญ่มากกว่าเยอะครับ การใช้มุคนี้น่าจะเป็นเทคนิคการcut profit ครับ

นพพร เขียน: สิ่งที่แตกต่างคืออะไรเมื่อเทียบกับ VI ครับ
Conceptใหญ่ แตกต่างโดยสิ้นเชิงครับ เหมือนหนังคนละม้วนเลยครับ viซื้อหุ้นเพราะถูก พอรู้สึกถูกก็ซื้อหมดน่าตัก เพราะรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลที่จะถือเงินสด....และviก็ไม่มานั่งสนใจว่าปีนี้กำไรเท่าไหร่ ตราบใดที่หุ้นถูกก็ซื้อ แต่กรณีคุณกลับซื้อเพราะยังไม่ได้ผลตอบแทนตามเป้าและขายเพราะผมตอบแทนเข้าเป้า มันต่างกันมากๆๆๆครับ ผมสมมุติ2กรณี
1.หุ้นเริ่มแพง viรู้สึกแพงแฮ๊ะก็จะไม่ถือ และจะตั้งหน้าตั้งตาค้นหาหุ้นที่ถูกๆกันจ้าละหวั่นเพราะหาที่ลงเงินไม่ได้ แต่คุณกลับถือเพราะผลตอบแทนไม่เข้าเป้าไม่กระตือรือร้นในการหาหุ้น....
2.หุ้นเริ่มถูก เป็นปีทองของvi ปีก่อนอาจจะกำไรน้อยหรือขาดทุน แต่ปีนี้กำไรที100%กว่า แต่คุณกลับบอกว่า15% profit :shock:
3.ถ้าให้ดร.เป็นแบบอย่างสังเกตุดูว่าผลตอบแทนเฉลี่ยแก40% แกไม่ได้ทำได้40%ทุกปีนะครับ บางปีขาดทุนก็มี บางปีกำไรนิดเดียวก็มี แต่ปีทองบางปีกลับกำไรหลายร้อย% ค่าเฉลี่ยผลตอบแทนจึงเป้นอย่างที่เห้น
4.ถ้าจะมองในมุมTAจะพบว่าโอกาสขาดทุนนั้นจะเยอะกว่ากำไร เล่น10เกมส์ขาดทุน6เกมส์ กำไร4เกมส์ แต่สาเหตุที่ภาพรวมชนะคือ4เกมส์ที่ได้นั้นได้กำไรแบบท่วมท้นไม่เพียงชดเชยสิ่งที่เสียไป แต่ยังเหลือส่วนที่เป้นกำไรด้วย
ดังนั้นconceptที่คุณใช้ตอนนี้มันไม่ใช้ทั้งVIและTA
5.ถ้าคุณจะเป็นVI สิ่งที่ต้องตระหนักคือ คุณต้องหาหุ้นที่ถูกให้ได้ และเข้าใจมันอย่างแท้จริงไม่ใช่คนอื่นบอก มันต่างกันเพราะถ้าคนอื่นบอกคุณพอเจอวิกฤติมหาภาคไม่มีคุณจะกลัวและไม่กล้าถือ แต่ถ้าคุณเข้าใจมันจริงๆคุณจะกล้าถือ ดังนั้นหากตอนนี้คุณยังไม่กล้าถือหุ้น คุณต้องประเมินตัวเองใหม่ทั้งหมด หาสาเหตุและพัฒนาตัวเอง ยังไงก็ได้ จนคุณมองเห็นว่าหุ้นถูกจริงๆเมื่อถึงตอนนั้นแสดงว่าคุณพร้อมแล้ว และเมื่อคุณพร้อมคุณจะไม่มานั่งสนใจเลยว่าคุณได้กำไรมาแล้วเท่าไหร่ แต่คุณจะสนใจแต่ว่าหุ้นตัวนี้มันเหลือUpsideเท่าไหร่

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 14, 2010 1:14 pm
โดย picklife
ขอโทษครับ ไม่รู้ว่าแรงไปไหม ผมก็ไม่เก่งนะครับ แต่เห็นแล้วเป็นห่วง เพราะคุณไม่ได้โดนกับดักทางจิตวิทยาของราคาเล่นงาน แต่คุณโดนกับดักทางจิตวิทยาของกำไร ซึ่งผมว่ามันหนักกว่ามากครับ.....

ผมเชื่อเกมส์รุกที่ดีที่สุดก็คือเกมส์รับที่ดีที่สุดเช่นกัน ผมว่าไม่มีviคนไหนไม่พลาดนะครับ แต่ตัวทีเป็นไปตามคาดก็กำไรมากมาย ทำให้กลายเป้นเป็นลบรอยแผลไปในตัว แต่ถ้าเราตั้งlockแนวรุกไว้ว่ารุกได้ไม่เกิน15% พอคุณเจอ-50%แล้วคุณจะเจ็บหนักมากๆครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 14, 2010 1:49 pm
โดย ดำ
picklife เขียน: แต่ถ้าเราตั้งlockแนวรุกไว้ว่ารุกได้ไม่เกิน15% พอคุณเจอ-50%แล้วคุณจะเจ็บหนักมากๆครับ
อ้าววว แล้วพวกกองทุน Trigger Tund ล่ะ เห็นขายกันตั้งหลายกอง พวก cap gain

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 14, 2010 5:07 pm
โดย picklife
ดำ เขียน: อ้าววว แล้วพวกกองทุน Trigger Tund ล่ะ เห็นขายกันตั้งหลายกอง พวก cap gain
ม่ายรู้จักครับ กองทุนอะไรหรอครับ ต่างจากกองทุนอื่นยังไงครับ?
แต่ส่วนมากที่เห็นกองทุนเก็งกำไรก็มักจะเล่นรอบกันนะครับ ถ้าได้กำไร15%ยังเล่นรอบได้อยู๋ก็เข้ากันนะครับ ไม่ถือเงินสดยาวหรอกครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 15, 2010 3:10 pm
โดย นพพร
ขอบคุณทุกความเห็นมากครับ ไม่มีความเห็นใดที่ผมคิดว่ารุนแรงหรือย่างใดเลย เห็นแต่ความหวังดีครับ ขอบคุณมากครับ :D

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 15, 2010 3:35 pm
โดย maiaowna
ซื้อเมื่อคิดว่ามันถูกและก็ขายเมื่อมันแพงครับ

ส่วนผลตอบแทนนั้นคงคาดหวังกันที่ 15-20%

ต่อปีมากกว่านั้นผมถือว่าเป็นโบนัสในการทำงานครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 15, 2010 4:04 pm
โดย KGYF
กำไร 15 เปอร์เซ็นต์ ติดต่อกัน สามปี แล้วปี ที่สี่ ขาดทุน 50 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าจะทำไงครับ เพราะปีต่อไป ก็ต้องทำกำไร ให้ได้มากว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะรักษากำไร ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ไว้ให้ได้ คิดกำไร ก็ต้องคิดขาดทุนไว้ด้วยครับ เพราะตลาด ไม่ได้ทำให้เรามีกำไร ทุกปีครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 15, 2010 4:34 pm
โดย นพพร
KGYF เขียน:กำไร 15 เปอร์เซ็นต์ ติดต่อกัน สามปี แล้วปี ที่สี่ ขาดทุน 50 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าจะทำไงครับ เพราะปีต่อไป ก็ต้องทำกำไร ให้ได้มากว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะรักษากำไร ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ไว้ให้ได้ คิดกำไร ก็ต้องคิดขาดทุนไว้ด้วยครับ เพราะตลาด ไม่ได้ทำให้เรามีกำไร ทุกปีครับ
ทำให้ผมเห็นภาพเลยครับ ภาพที่เห็นคือความยั่งยืนของกำไรที่ไม่เสถียร ขอบคุณมากครับ :P

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 16, 2010 8:40 am
โดย picklife
สรุปผมว่า....มองแต่อนาคตดีที่สุดครับ ดูว่าหุ้นที่ถือUpsideยังเยอะหรือไม่ ถ้าเยอะก็ถือต่อ ถ้าไม่เยอะก็หาตัวใหม่....ส่วนผลตอบแทนก็ดูบ้างแต่เพื่อให้รู้สถานะตัวเองเท่านั้นไม่ใช่เอามาเป็นตัวในการตัดสินใจข้างหน้า

ถ้าทำอย่างนี้ผมตอบแทนก็สวยงามเองครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปหาเทคนิคอะไรให้ยุ่งยากครับ เล่นแนวเซียนถือหมดหน้าตักและประเมินUpsideที่เหลือเสมอๆ มันก็คือคำตอบที่ดีที่สุดแล้วครับ ถ้าอยากจะดีกว่านี้ขึ้นไปอีกก็ไปเน้นในการค้นหาหุ้นที่Upsideสูงๆดีกว่าครับ
ปล.หาเจอสะกิตบ้างนะครับ อิอิ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2010 8:52 pm
โดย Value-Destroyer
ถ้าชอบแบบนี้ แนะนำ ลงทุนกองทุนรวมดีกว่าครับ

อย่างน้อยก้ชัวร์กว่าเราซื้อเก็งกำไรเอง

เพราะอย่างน้อยกองทุนรวมมีทุนมหาศาลกว่ามาก

เค้าคอยจะสอยปลาซิวอย่างเราๆอยู่แล้วล่ะครับ

15% ต่อปี โดยทำแบบนี ถือว่าผลลัพธ์คล้าย VI หรือเปล่าครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 21, 2010 11:14 am
โดย sonnesaint
ถ้าทำได้จริงๆ ผลตอบแทนเท่ากันครับ

แต่ถ้าทำ 15% ได้ตั้งแต่ต้นปี
ก็น่าจะเก็งกำไรมันทั้งปีไปเลย น่าจะไ้ด้สัก 60% มั้ง