Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

(ปี 2553) " เล่นหุ้นปีนี้ ยังไงก็ไม่ขาดทุน"


ผมนั่งจับกระแส ตลาด Double Dip มาตั้งแต่ต้นปีแล้ว ที่ใครๆก็มองว่า Europe น่าจะเป็น"จุด Tipping point ของ crash รอบสอง" แต่สำหรับผม.. ผมมองว่า มันแค่ Correction เท่านั้น เพราะปีที่แล้วขึ้นมาแรงตลอด ปีนี้จะปรับฐานบ้างก็ไม่มีอะไรน่าแปลก ..ผมเห็นบทความใน Google Finance ที่พูดถึง ว่า "จุดนี้จะเป็น จุดเพื่อขึ้น หรือ จุดเพื่อลง" (มันไร้สาระสิ้นดี..) ถ้าตลาดมัน จะ Crash มันไม่ส่งสัญญาณ ให้คุณเตรียมตัวก่อนหรอกครับ "โอ๊ะ!!! ตอนนี้ตลาดกำลังจะ Crash แล้ว (รีบออก)..(รีบออก)" ขำมากกว่า!!!.. อย่างรอบที่ Crash ล่าสุดปี 2551 ปลายปี "ไม่มีเห็นมีใครมาเตือนเลย ส่วนใหญ่บอกมันจะขึ้นต่อด้วยซ้ำ"

คือ ที่ผมจะบอกคือ "ถ้าตลาดมันจะ Crash ยิ่งแรง ยิ่งไม่มีสัญญาณเตือน" ดังนั้น ถ้ามีสัญญาณเตือนเยอะๆ "อย่างกรณียุโรป"นี้ อย่างมากก็แค่ ปรับฐาน (แต่เผอิญช่วงนี้ ปัญหามันรุมเร้ารอบด้าน ก็เลยปรับแรงสักหน่อย ) ประเด็นคือ คุณ "ควรจะรู้ว่า มันปรับเพื่อลง หรือ ปรับเพื่อขึ้น" ..."แน่นอนปรับเพื่อขึ้น (ดังนั้นฟันธง ถ้าตก เราเก็บ ..ตกแรง เก็บ ..เก็บ ไปเรื่อยๆ..)

หลายคนคงสงสัยว่า "ให้เก็บ" แล้วจะขายเมื่อไหร่ ---"ก็ขายเมื่อเหตุการณ์มันดีแล้วซิครับ" อาจจะอีก 2 -3 ปี ระหว่างนี้ก็รับปันผลไปเรื่อยๆ (ดังนั้น หุ้นช่วงนี้ เหมาะกับคนที่มีเงินและคิดจะซื้อพันธบัตร เงินยิ่งนอนยิ่งเยี่ยมยอด นั่นเอง) ..

ในภาพใหญ่ ตลาดหุ้นบ้านเราตั้งแต่ปี 2540 ยังไม่กลับมา "คึกคัก" อีกเลย .."นี่ปาเข้าไป 12 ปี แล้วตลาดยังไม่กลับไปใกล้ New High เดิมเลย"..ไม่มีอะไรหรอกครับ ที่ลงตลอดกาล (ผมมองบ้านเราเหมือน อเมริกาปี 1930 ที่ตลาดแตะ peak แล้วกลับมาซบเซาอยู่นาน ใช้เวลา 20 กว่าปีกว่าจะกลับมาที่ Peak เดิม ---แต่หลังจากแตะ Peak เดิม คุณดูซิครับว่า ตลาดวิ่งไปอีกกี่เท่า จักกี่เท่า !!!.."และนั่นคือช่วงเวลาที่สร้าง The Legend "Warren Buffet"

บ้านเราตกมาแล้ว 12 ปี จะอีกกี่ปีดี เราจะถึงช่วงเวลา The Making of Warren Buffet เมืองไทยบ้างน๊า..... มาลุ้นกัน !!!
เขียนโดย pawawit ที่ http://pawawit.=ไม่ใช่ลิขวิด=.com

จากคุณ : pawawit    
เขียนเมื่อ : 11 มิ.ย. 53 19:18:18  

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 54966.html

คือว่า Double Dip นี่เป็นยังไงครับ ผู้รู้ช่วยอธิบายหน่อย

ผมได้มีโอกาสไปาหาเพื่อนๆที่เป็นมาร์เก็ตติ้ง เมื่อปลายเดือนก่อน ผมบอกเขาว่าครึ่งปีนี้ดัชนีขึ้นมาพอสมควรลูกค้าส่วนใหญ่คงจะกำไรกันเยอะใช่มั้ย เพื่อนผมเขาบอกว่า มันตรงกันข้ามเลย ลูกค้าเกือบทุกคนขาดทุนกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเล่นหุ้นตลาดที่ซื้อขายกันเยอะๆ หุ้นขึ้นก็ซื้อก็ซื้อตามเขาแล้วถือไว้ พอหุ้นลงก็ติดหุ้น บางครั้งก็ขายขาดทุนไป

กี่ปีๆก็เหมือนเดิม ถึงแม้คนรอบข้างจะกำไรกันทั้งนั้น แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังน่าจะขาดทุนหุ้นกันอยู่เหมือนเดิม ไม่เว้นแม้แต่ตอนที่ดัชนีสูงขึ้น

หุ้นที่มีข่าวดี มี Growth สูงๆ  มี story รองรับมักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแม้ช่วง ตลาดผันผวน อยู่อย่าง sat jmart cpt hemraj kiat  stanly rs sport   etc สิ

ส่วนหุ้น great company ที่แม้จะมีข่าวร้าย กลับลงไม่มากอย่าง cpn  mint  etc :lol:

เห็นด้วยครับ

ปีนี้ที่เห็นกันว่า VI กำไรกันเยอะ หลายร้อย(หรือหลายพัน)คน

แต่จริงๆก็ยังเป็นแค่ส่วนน้อยของตลาดอยู่ดี  :D

ผมไปดูพอร์ตของ เพื่อน, ญาติ, คนอื่นๆ เค้าก็ ขาดทุน, เท่าทุน หรือกำไรนิดหน่อยกันนะครับ ผลตอบแทนตามตลาดเลย แถมบางคนได้น้อยกว่าตลาดอีก

[quote="i_sarut"]เห็นด้วยครับ

ปีนี้ที่เห็นกันว่า VI กำไรกันเยอะ หลายร้อย(หรือหลายพัน)คน

แต่จริงๆก็ยังเป็นแค่ส่วนน้อยของตลาดอยู่ดี

จากที่ไปเจอผู้ถือหุ้นมาหลายท่าน เท่าที่สอบถามช่วงนี้ไม่หมู ก็ Cut

ผมก้อกำไรน้อยมากบางตัวเริ่มแดงอีกละ สงสัยเป็นคนส่วนมาก ไม่ใช่ คนส่วนน้อย (VI) อิอิ

[quote="i_sarut"]เห็นด้วยครับ

ปีนี้ที่เห็นกันว่า VI กำไรกันเยอะ หลายร้อย(หรือหลายพัน)คน

แต่จริงๆก็ยังเป็นแค่ส่วนน้อยของตลาดอยู่ดี

[quote="ดำ"][quote="i_sarut"]เห็นด้วยครับ

ปีนี้ที่เห็นกันว่า VI กำไรกันเยอะ หลายร้อย(หรือหลายพัน)คน

แต่จริงๆก็ยังเป็นแค่ส่วนน้อยของตลาดอยู่ดี

แปลกแฮะ หลาย ๆ ปีที่ผ่านมาผมมีทั้งกำไรในระดับที่ปกติ และขาดทุนบ้าง
แต่ปีที่แล้วกับปีนี้ กลับเป็นปีที่ทำกำไรได้ดีจริง ๆ

[quote="reiter"][quote="i_sarut"]เห็นด้วยครับ

ปีนี้ที่เห็นกันว่า VI กำไรกันเยอะ หลายร้อย(หรือหลายพัน)คน

แต่จริงๆก็ยังเป็นแค่ส่วนน้อยของตลาดอยู่ดี

โว้กว้าก เขียน:คือว่า Double Dip นี่เป็นยังไงครับ ผู้รู้ช่วยอธิบายหน่อย

เศรษฐกิจเป็นรูปตัว W ครับ คือ ลงแล้วดีขึ้นแล้วลงต่อแล้วขึ้นใหม่ มันมีลง 2 ครั้งเค้าเลยเรียกว่า double dip ครับ

VI Wanabe เขียน: เศรษฐกิจเป็นรูปตัว W ครับ คือ ลงแล้วดีขึ้นแล้วลงต่อแล้วขึ้นใหม่ มันมีลง 2 ครั้งเค้าเลยเรียกว่า double dip ครับ

ขอบคุณครับ

ผมไม่เห็นด้วยกับบทความซะทีเดียวนะ ตอนวิกฤติ Subprime เหตุการณ์รุนแรงจริง และมีโอกาสที่โลกจะประสบภาวะตกต่ำเป็นเวลานาน แต่การที่รัฐบาลทั่วโลกใช้งบประมาณขาดดุลมากสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้เศรษฐกิจสามารถ rebound ขึ้นมาได้แบบ V-Shape  ถามว่า ย้อนกลับไปตอนนั้น จะมีซักกี่คนที่มั่นใจว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางทั่วโลกจะได้ผลมากมายขนาดนี้ แล้วลองคิดในมุมกลับ ถ้านโยบายการเงินไม่ได้ผล เศรษฐกิจเคลื่อนไหวแบบ L-Shape แทน การถือหุ้นไว้อาจจะทำให้ได้รับผลตอบแทนต่ำหรืออาจขาดทุนเป็นเวลานาน ซึ่งถ้าดูจาก Cycle เศรษฐกิจ อาจต้องนิ่งมากกว่า 4-5 ปีก็ได้ ประเด็นของผม คือ การที่เราชาว VI มีกำไรจากการลงทุนก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว แต่อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลยดีกว่า เพราะวันนี้เป็นวันของเรา แต่วันข้างหน้าอาจเป้นวันของคนอื่นก็ได้ โบราณก็ว่าไว้ว่า " คนล้ม อย่าข้าม "

[quote="ดำ"][quote="i_sarut"]เห็นด้วยครับ

ปีนี้ที่เห็นกันว่า VI กำไรกันเยอะ หลายร้อย(หรือหลายพัน)คน

แต่จริงๆก็ยังเป็นแค่ส่วนน้อยของตลาดอยู่ดี

vichit เขียน:(ปี 2553) " เล่นหุ้นปีนี้ ยังไงก็ไม่ขาดทุน"

คือ ที่ผมจะบอกคือ "ถ้าตลาดมันจะ Crash ยิ่งแรง ยิ่งไม่มีสัญญาณเตือน" ดังนั้น ถ้ามีสัญญาณเตือนเยอะๆ "อย่างกรณียุโรป"นี้ อย่างมากก็แค่ ปรับฐาน (แต่เผอิญช่วงนี้ ปัญหามันรุมเร้ารอบด้าน ก็เลยปรับแรงสักหน่อย ) ประเด็นคือ คุณ "ควรจะรู้ว่า มันปรับเพื่อลง หรือ ปรับเพื่อขึ้น" ..."แน่นอนปรับเพื่อขึ้น (ดังนั้นฟันธง ถ้าตก เราเก็บ ..ตกแรง เก็บ ..เก็บ ไปเรื่อยๆ..)

ผมว่าเวลาคนกลัวมักจะระมัดระวังตัวครับ    
พอคนเราระวังเยอะๆก็จะค่อนข้างล้มยากเหมือนกันครับ

ตราบใดที่ยังไม่สิ้นปี ก็ยังไม่ชัวร์นะครับอะไรก็เกิดขึ้นได้....
แต่หลายๆคนก็กอบโกยกำไรไปช่วงที่คนอื่นกลัวๆกันเยอะมากเลย
ได้ข่าวปีนี้หลายๆคนทะลุ50%ไปแล้วว(อิจฉาจังนิ)

ช่วงที่เขากลัวๆ กัน
ผมก็กลัวเหมือนกัน
แต่เก็บ MINT กับ AP เพิ่ม