สรุปสัมมนาเรื่อง เกาะติดสถานการณ์หุ้นพลังงาน
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 03, 2010 11:21 pm
ไปนั่งฟังสัมมนาเรื่อง เกาะติดสถานการณ์หุ้นพลังงาน มาครับ เลยจดๆมาพิมๆไว้เผือเป้นประโยชน์ครับ ช่วนครึ่งหลังไมได้จดนะครับ ไม่ค่อยมีไรแบบเอานักวิเคราะห์มาเชียร์หุ้น T_T
เกาะติดสถานการณ์หุ้นพลังงาน โดยคุณเทวินทร์ วงศ์วานิช CFO PTT
มองในภาพของ ศก โลก GDP ประเทศใหญ่ๆมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งก็ทำให้หลายๆท่านคลายกังวงลงไปได้บ้างยกเว้นประเทศใน ยูโรโซน ที่ยังต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องวิกฤติ ศก ประเทศหลักๆที่มี GDP เติบโตก้ได้แก่ จีน ประมาณ 12.9% อินเดีย 9% ญี่ปุ่น 4.6% ซึ่งก็ถือว่าสูงในกล่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนยุโรบที่มีปัญหาเพิ่มโตประมาณ 0.5% จากปีที่แล้วที่ติดลบ พวกนักวิเคราะห์ต่างประเทสให้เป้าหมายไว้ว่า ศกโลกจะเติบโตประมาณ 4-4.2% ในปี 2011 ส่วนยุโรบจะเติบโตประมาณ 1.3-1.5%
จากภาพการเติบโตทาง ศก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการใช้พลังงานของโลก สำหรับในประเทศที่พัฒนาแล้วหรือ OECD จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5%ต่อพี่เนื่องจากประทสเหล่านี้ ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการขยายตัวด้านอุตสหกรรมน้อย ส่วนในประเทสกำลังพัฒนาจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 2% รวมทั้งโลก จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 1.5% ซึ่งการใช้ลังงานด้านต่างๆสรุปได้ดังนี้
1 น้ำมันดิบ เติบโต 0.9%ต่อปี โดยมีแนวโน้มเติบโตลดลง
2 ถ่านหิน เติบโต 1.6% ต่อปี โดยมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น
3 ก๊าซธรรมชาติ เติบโต 1.3% โดยมีแนวโน้มเติบโตลดลง
4 พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด โตบโต 2.6% ต่อปีและมีแนวโนมเพิ่มขึ้น
5 พลังงานนิวเคลียร์ เติบโต 2% ต่อปี แต่ถึงจะเติบโตเพิ่มขึ้นก็ยังเป็นพลังงานที่หลายๆประเทศต่อต้านซึ่งในไทยคงยังไม่ได้รับการยอมรับในเร็วๆนี้
ทาง ปตท มองว่าพลังงานถ่านหินเป็นุรกิจที่น่าสนใจซึ่งมีความพยายามที่จะทำมาเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ ปตท ในอนาคต เนื่องจาก ความผันผวนของราคาและปริมาณสำรองถ่านหินจากการสำรวจล่าสุด ยังสามารถให้ไปได้อีก 120 ปี เมือ่เที่ยบกับน้ำมันและกาซที่เหลือไม่ถึง 100 ปี
มุมมองเรื่องราคาน้ำมันในปัจจุบันทาง ปตท มองว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม และค่อนข้างมีสมดุลที่ดีขึ้น ส่วนราคาของกาซธรรมชาติยังค่อนข้างผันผวนอยู่มากโดนล่าสุดได้อ่อนตัวลงมาค่อนข้างมากเพราะมีการพบแหล่งก๊าซใหม่หลายแหล่ง LNG ก็เช่นกัน ส่วนราคาถ่านหินทางการประเมินของทางกลุ่ม ก็ยังมองว่าจะยังคงทรงตัวในระดับที่ต่ำแต่มีสเถียรภาพต่อไป และอนาคตก็คงไม่หวือหวามากแบบที่ผ่านมา ซึ่งราคาน้ำมันที่เหมาะสมในปัจจุบันอยู่ที่ 80 เหรียญ (สถาบันต่างๆให้เป้า 71-95 เหรียญ เฉลี่ย 80 เหรียญ)
ในส่วนของค่าการกลั่น โรงกลั่นที่เป็น hydro cracking มีค่าการกลั่นอยุ่ที่ 4 USD/BBL ซึ่งถือว่าน่าพอใจ (ส่วนโรงกลั่นแบบ Hydro skimming อยุ่ที่ -1 USD/BBL ไม่ค่อยดีเท่าไหร่)
ในส่วนของราคาปิโปรเคมี มีดอกาสที่ราคาจะอ่อนตัวลงไปกว่าในปัจจุบัน ทำให้กำไรค่อนข้างลดลงเข้าสู่วัตรจักรขาลงของกลุ่มนี้ ยกเว้นจีนจะเพิ่มความต้องการด้านปิโปรเคมี อาจช่วยพลุงราคาไว้ได้ และในส่วนของอะโรเมติกก็แย่เช่นเดียวกัน แต่น่าจะไม่ดีต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปี ทำให้เราจำเปนที่จะต้องทำการควบรวมพวกลุกๆอย่า PTTAR เพื่อแก้ปัญหา
หันมามอง ศก ไทย ก็มีปัจจัยสนับสนุนให้เติบโต อยุ่ 2 เรือ่งใหญ่ๆคือ การขยายตัวขง ศก ดลก และพื้นฐานของ ศก อย่างอัตราดอกเบื้อ และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ไม่สูงนัก ปัจจัยลบก็ได้แก่ ศกกลุ่มประเทส PIIGS ปัญหามาบตาพุต ความไม่สงบในบ้านเมือง และความผันผวนของค่าเงินบาท โดยประเมินว่า Q2 น่าจะอกมาไม่ดี แต่ทั้งปีทาง ปตท มองว่าจะเติบตได้อยู่ 5% ในส่วนของอุตสหกรรมที่เกี่ยวของกับเราก็ได้แก่ยานยนต์ ก็มีกำลังผลิตและมีรถยนต์เข้ามาให้ตลาดมากขึ้นในช่วงต้นปีแรกแต่มีแนวโน้มที่อาจฉลองตัวได้สำหรับรถยนต์ใหม่ในประเทศ อุตสหกรรมปูน ก็กำลังอยุ่ในส่วนที่พื้นตัว และปลายปีอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น
เกาะติดสถานการณ์หุ้นพลังงาน โดยคุณเทวินทร์ วงศ์วานิช CFO PTT
มองในภาพของ ศก โลก GDP ประเทศใหญ่ๆมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งก็ทำให้หลายๆท่านคลายกังวงลงไปได้บ้างยกเว้นประเทศใน ยูโรโซน ที่ยังต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องวิกฤติ ศก ประเทศหลักๆที่มี GDP เติบโตก้ได้แก่ จีน ประมาณ 12.9% อินเดีย 9% ญี่ปุ่น 4.6% ซึ่งก็ถือว่าสูงในกล่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนยุโรบที่มีปัญหาเพิ่มโตประมาณ 0.5% จากปีที่แล้วที่ติดลบ พวกนักวิเคราะห์ต่างประเทสให้เป้าหมายไว้ว่า ศกโลกจะเติบโตประมาณ 4-4.2% ในปี 2011 ส่วนยุโรบจะเติบโตประมาณ 1.3-1.5%
จากภาพการเติบโตทาง ศก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการใช้พลังงานของโลก สำหรับในประเทศที่พัฒนาแล้วหรือ OECD จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 0.5%ต่อพี่เนื่องจากประทสเหล่านี้ ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการขยายตัวด้านอุตสหกรรมน้อย ส่วนในประเทสกำลังพัฒนาจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นประมาณ 2% รวมทั้งโลก จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 1.5% ซึ่งการใช้ลังงานด้านต่างๆสรุปได้ดังนี้
1 น้ำมันดิบ เติบโต 0.9%ต่อปี โดยมีแนวโน้มเติบโตลดลง
2 ถ่านหิน เติบโต 1.6% ต่อปี โดยมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น
3 ก๊าซธรรมชาติ เติบโต 1.3% โดยมีแนวโน้มเติบโตลดลง
4 พลังงานหมุนเวียน พลังงานสะอาด โตบโต 2.6% ต่อปีและมีแนวโนมเพิ่มขึ้น
5 พลังงานนิวเคลียร์ เติบโต 2% ต่อปี แต่ถึงจะเติบโตเพิ่มขึ้นก็ยังเป็นพลังงานที่หลายๆประเทศต่อต้านซึ่งในไทยคงยังไม่ได้รับการยอมรับในเร็วๆนี้
ทาง ปตท มองว่าพลังงานถ่านหินเป็นุรกิจที่น่าสนใจซึ่งมีความพยายามที่จะทำมาเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ ปตท ในอนาคต เนื่องจาก ความผันผวนของราคาและปริมาณสำรองถ่านหินจากการสำรวจล่าสุด ยังสามารถให้ไปได้อีก 120 ปี เมือ่เที่ยบกับน้ำมันและกาซที่เหลือไม่ถึง 100 ปี
มุมมองเรื่องราคาน้ำมันในปัจจุบันทาง ปตท มองว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม และค่อนข้างมีสมดุลที่ดีขึ้น ส่วนราคาของกาซธรรมชาติยังค่อนข้างผันผวนอยู่มากโดนล่าสุดได้อ่อนตัวลงมาค่อนข้างมากเพราะมีการพบแหล่งก๊าซใหม่หลายแหล่ง LNG ก็เช่นกัน ส่วนราคาถ่านหินทางการประเมินของทางกลุ่ม ก็ยังมองว่าจะยังคงทรงตัวในระดับที่ต่ำแต่มีสเถียรภาพต่อไป และอนาคตก็คงไม่หวือหวามากแบบที่ผ่านมา ซึ่งราคาน้ำมันที่เหมาะสมในปัจจุบันอยู่ที่ 80 เหรียญ (สถาบันต่างๆให้เป้า 71-95 เหรียญ เฉลี่ย 80 เหรียญ)
ในส่วนของค่าการกลั่น โรงกลั่นที่เป็น hydro cracking มีค่าการกลั่นอยุ่ที่ 4 USD/BBL ซึ่งถือว่าน่าพอใจ (ส่วนโรงกลั่นแบบ Hydro skimming อยุ่ที่ -1 USD/BBL ไม่ค่อยดีเท่าไหร่)
ในส่วนของราคาปิโปรเคมี มีดอกาสที่ราคาจะอ่อนตัวลงไปกว่าในปัจจุบัน ทำให้กำไรค่อนข้างลดลงเข้าสู่วัตรจักรขาลงของกลุ่มนี้ ยกเว้นจีนจะเพิ่มความต้องการด้านปิโปรเคมี อาจช่วยพลุงราคาไว้ได้ และในส่วนของอะโรเมติกก็แย่เช่นเดียวกัน แต่น่าจะไม่ดีต่อเนื่องไปอีก 4-5 ปี ทำให้เราจำเปนที่จะต้องทำการควบรวมพวกลุกๆอย่า PTTAR เพื่อแก้ปัญหา
หันมามอง ศก ไทย ก็มีปัจจัยสนับสนุนให้เติบโต อยุ่ 2 เรือ่งใหญ่ๆคือ การขยายตัวขง ศก ดลก และพื้นฐานของ ศก อย่างอัตราดอกเบื้อ และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ไม่สูงนัก ปัจจัยลบก็ได้แก่ ศกกลุ่มประเทส PIIGS ปัญหามาบตาพุต ความไม่สงบในบ้านเมือง และความผันผวนของค่าเงินบาท โดยประเมินว่า Q2 น่าจะอกมาไม่ดี แต่ทั้งปีทาง ปตท มองว่าจะเติบตได้อยู่ 5% ในส่วนของอุตสหกรรมที่เกี่ยวของกับเราก็ได้แก่ยานยนต์ ก็มีกำลังผลิตและมีรถยนต์เข้ามาให้ตลาดมากขึ้นในช่วงต้นปีแรกแต่มีแนวโน้มที่อาจฉลองตัวได้สำหรับรถยนต์ใหม่ในประเทศ อุตสหกรรมปูน ก็กำลังอยุ่ในส่วนที่พื้นตัว และปลายปีอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น