วิธีป้องกันการขายหมู
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 1
ซื้อให้ถูกว่ายากแล้ว
แต่ขายให้แพงนี่ยากกว่า
หุ้นที่ได้ราคาดีมา พอมันขึ้นๆ ใจอยากขาย
แต่ถ้าขายไป เราก็ไม่ได้ถือตัวนั้นอีก เพราะ อีกใจอยากจะถือต่อ
แต่ถ้าถือต่อก็จะทำให้ไม่ได้ราคานี้อีกก็เป็นได้
แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะวิ่งไปไกล
มีวิธีคิดยังไงครับ
แต่ขายให้แพงนี่ยากกว่า
หุ้นที่ได้ราคาดีมา พอมันขึ้นๆ ใจอยากขาย
แต่ถ้าขายไป เราก็ไม่ได้ถือตัวนั้นอีก เพราะ อีกใจอยากจะถือต่อ
แต่ถ้าถือต่อก็จะทำให้ไม่ได้ราคานี้อีกก็เป็นได้
แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะวิ่งไปไกล
มีวิธีคิดยังไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 2
ขายเมื่อ ราคาขึ้นเกินที่หวังตอนแรกๆ
เช่นตอนแรกกะว่ามันจะขึ้น 20% ก็ขายตอน 10% ไป 20%
พอขึ้น 15% ก็ขายเพิ่มอีก
พอถึงราคาเป้าหมายก็ขายหมด
เห็นอย่างนี้ถ้าเป้าหมายเรามีสูงๆมันก็ไม่น่ากลัว ถ้าขึ้นมาครึ่งนึงของเป้าแล้วจะขายบางส่วนออกก็ได้ แล้วแต่เรา
เป็นการลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นออก
แล้วถ้าถึงเป้า ก็ดูว่าตลาดเป็นอย่างไร
อาจจะต้องกลับมาดูในรายละเอียดอีกครั้งว่าที่ประเมินไปรอบที่แล้วถูกหรือเปล่า
เพราะกำไรของหุ้น อาจจะมากกว่าเดิมได้
คุณภาพของหุ้นอาจจะดีกว่าเดิมได้
หรือถ้าดูแล้วเหมือนเดิมก็ขายให้หมด
เช่นตอนแรกกะว่ามันจะขึ้น 20% ก็ขายตอน 10% ไป 20%
พอขึ้น 15% ก็ขายเพิ่มอีก
พอถึงราคาเป้าหมายก็ขายหมด
เห็นอย่างนี้ถ้าเป้าหมายเรามีสูงๆมันก็ไม่น่ากลัว ถ้าขึ้นมาครึ่งนึงของเป้าแล้วจะขายบางส่วนออกก็ได้ แล้วแต่เรา
เป็นการลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นออก
แล้วถ้าถึงเป้า ก็ดูว่าตลาดเป็นอย่างไร
อาจจะต้องกลับมาดูในรายละเอียดอีกครั้งว่าที่ประเมินไปรอบที่แล้วถูกหรือเปล่า
เพราะกำไรของหุ้น อาจจะมากกว่าเดิมได้
คุณภาพของหุ้นอาจจะดีกว่าเดิมได้
หรือถ้าดูแล้วเหมือนเดิมก็ขายให้หมด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1223
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 3
แนะนำกระทู้นี้ครับ
พี่ฉัตรชัยเขียนได้ดีมาก ผมยึดหลักแนวคิดของพี่เค้านี่แหละครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 51&start=0
พี่ฉัตรชัยเขียนได้ดีมาก ผมยึดหลักแนวคิดของพี่เค้านี่แหละครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 51&start=0
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 296
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 4
เวลาที่ดีที่สุดคือไม่มีวันขายค่ะ แต่ต้องหาดีๆว่าเป็นบริษัทไหนที่มีศักยภาพ ผู้บริหารยอดเยี่ยมมีธรรมาภิบาล และซื้อในราคาที่เหมาะสม แต่ถ้าพื้นฐานเปลี่ยนต้องตัดใจขายทุกราคา :lol:
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1644
- ผู้ติดตาม: 1
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 5
ขายยากจริงๆเเหล่ะ
บทราคาขึ้นก็กลัวขายหมู
พอไม่ขายจะถือยาวพอเห็นหุ้นมันเคยทำเงินได้กลายเป็ฯเงินที่มีลดลงๆๆๆ
ก็ทำใจลำบาก ยิ่งปรับฐานขายขึ้นเนี่ย เล่นยาก
สู้ต่อไป
บทราคาขึ้นก็กลัวขายหมู
พอไม่ขายจะถือยาวพอเห็นหุ้นมันเคยทำเงินได้กลายเป็ฯเงินที่มีลดลงๆๆๆ
ก็ทำใจลำบาก ยิ่งปรับฐานขายขึ้นเนี่ย เล่นยาก
สู้ต่อไป
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
- PRO_BABY
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1584
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 9
ผมว่า ซื้อหมูมาดีแล้วครับ แล้วก็ขายหมูครับ อย่างน้อย เราก็ยังกำไร แต่ถ้าถึงเป้าผมว่า จะหมูหรือไม่ ก็ไม่สนใจครับ ขอแค่เราพอใจ .............แต่ประเด็นมันไม่ได้หมูมาแต่แรกครับ ได้หมูบนดอย แล้ว เขาลากลงมาขายตีนดอย....นี่ก็ขายหมูอีกแบบ :D ผมโดนครับส.สลึง เขียน:ไม่ยากครับ วิธีการก็คือ...
อย่าซื้อหมูมาตั้งแต่แรก :lol: ...
ปล.
ตราบใดที่ยังลงทุนโดยมีเหตุผลรองรับ
จะหมูไม่หมูก็ไม่ใช่ประเด็น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 12
ผมมองพอร์ตนักลงทุนเก่งๆบางท่านที่ถือหุ้นยาวๆ
มันก็จะมีบางตัวที่เค้าไม่ควรถือยาวขนาดนั้น
ในทางตรงกันข้าม สำหรับคนที่ถือหุ้นไม่ยาวมากนัก
มันก็จะมีหุ้นบางตัวที่เค้าควรถือยาวกว่านั้น
แต่ทั้งหมดนี้จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเวลามันผ่านไปและ
เราได้เห็นความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหมดแล้ว
เราคงไม่สามารถขายที่ราคาสูงสุดได้บ่อยๆหรอกครับ
ได้สักครั้งยังยากเลย
ผมว่าการขายหมูมันเป็นส่วนหนึ่งของเกม
มันต้องเกิดขึ้นกับเราแน่ๆ เอาเป็นว่า ตอนตัดสินใจขาย
ใช้เหตุใช้ผลเป็นหลักก็แล้วกัน ทุกวันนี้ ผมก็ยังขายหมูเป็นประจำ
แต่ไม่ค่อยมีคนว่าผมเป็นหมูแล้ว :lol:
มันก็จะมีบางตัวที่เค้าไม่ควรถือยาวขนาดนั้น
ในทางตรงกันข้าม สำหรับคนที่ถือหุ้นไม่ยาวมากนัก
มันก็จะมีหุ้นบางตัวที่เค้าควรถือยาวกว่านั้น
แต่ทั้งหมดนี้จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเวลามันผ่านไปและ
เราได้เห็นความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นหมดแล้ว
เราคงไม่สามารถขายที่ราคาสูงสุดได้บ่อยๆหรอกครับ
ได้สักครั้งยังยากเลย
ผมว่าการขายหมูมันเป็นส่วนหนึ่งของเกม
มันต้องเกิดขึ้นกับเราแน่ๆ เอาเป็นว่า ตอนตัดสินใจขาย
ใช้เหตุใช้ผลเป็นหลักก็แล้วกัน ทุกวันนี้ ผมก็ยังขายหมูเป็นประจำ
แต่ไม่ค่อยมีคนว่าผมเป็นหมูแล้ว :lol:
- Alastor
- Verified User
- โพสต์: 2590
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 14
ขายหมูเป็นเรื่องปกติครับ เราไม่ควรเสียใจที่หุ้นที่ขายขึ้น หรือ ดีใจที่หุ้นที่ขายลง เพราะไม่เกิดประโยชน์ทางการเงินใดๆครับ ย้อนเวลากลับไปแก้ก็ไม่ได้
เคยมีคนสอนผมว่า เวลาขายหมูให้คิดซะว่าทำบุญให้คนที่มาซื้อต่อจากเราได้กำไรบ้าง ถ้าขายแล้วเค้าติดดอยเดี๋ยวเค้าจะแช่งเอา :lol:
เคยมีคนสอนผมว่า เวลาขายหมูให้คิดซะว่าทำบุญให้คนที่มาซื้อต่อจากเราได้กำไรบ้าง ถ้าขายแล้วเค้าติดดอยเดี๋ยวเค้าจะแช่งเอา :lol:
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 15
อย่าไปกลัวครับ บัฟเฟตก็เคยขายหมู ตอนขายไกโก้ไป แล้วพอรวยมากๆก็ต้องกลับมาซื้อใหม่แพงกว่าเดิมอีก สม 5555
ตอนหลังๆแกไม่ได้ขายแล้ว เพราะในพอร์ตแกไม่มีหมู แกเลี้ยงกระทิงบาดเจ็บไว้เต็มพอร์ต พอมันหายเจ็บก็วิ่งตะลุยขึ้นดอย ส่งให้แกไปค้างอยู่บนนั้น
อันนี้เป็นการติดดอยขั้นเทพ คือ ติดมาตั้งแต่ตีนเขา
ตอนหลังๆแกไม่ได้ขายแล้ว เพราะในพอร์ตแกไม่มีหมู แกเลี้ยงกระทิงบาดเจ็บไว้เต็มพอร์ต พอมันหายเจ็บก็วิ่งตะลุยขึ้นดอย ส่งให้แกไปค้างอยู่บนนั้น
อันนี้เป็นการติดดอยขั้นเทพ คือ ติดมาตั้งแต่ตีนเขา
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 16
จริง ๆ ผมยังงง ๆ กับคำว่าขายหมูนะครับ
เพราะความหมายของคนเลี้ยงหมูจริง ๆ หน่ะ เขาอาจจะเลี้ยงแม่พันธุ์จนออกลูก หรือซื้อลูกหมูมาจากคนขายลูกหมู จากนั้นค่อย ๆ ดูแล ให้อาหาร ขุนมัน จนมีน้ำหนัก 95-105 โล แล้วขาย
หากประคับประคอง ไม่ให้หมูป่วยต้องตัดใจขายก่อน ซึ่งได้น้ำหนักน้อย ก็เงินน้อย อาจขาดทุนได้ เขาต้องดูแลสุขภาพให้ดี จนน้ำหนักขึ้นไปที่ จุดดังกล่าวให้ได้ จะถือว่าเป็นจุดที่ขายได้ดีที่สุด เพราะมีเนื้อแดงมาก ไขมันน้อย
หากขายที่น้ำหนักเกิน 95-105 โลไปก็ไม่ดี เช่นช่วงนั้นไม่มีตลาด หรือที่เรียกว่าหมูติด เขาอาจต้องจำใจเลี้ยงต่อจนน้ำหนักเกิน 110 ไป ซึ่งขายตอนนั้นก็จะได้ราคาต่อกิโลไม่ดี รวมทั้งมีตัด % ไขมันมากอีก
สรุปก็คือ คนเลี้ยงหมูจะขายหมู ก็ต่อเมื่อเขาบรรลุเป้าหมายการเลี้ยงมาที่จุดน้ำหนักเหมาะสมที่สุดที่ควรขาย
เพราะฉะนั้นหากเราตัดสินใจขายเอง นั่นน่าจะเป็นจุดที่ดีที่สุดที่เรา คิดแล้วว่า น้อยกว่านี้ก็ไม่ดี มากกว่านี้ก็ไม่ดี จุดนี้แหล่ะเราได้กำไรสูงสุด
เมื่อคิดอย่างเป็นระบบดั่งคนเลี้ยงหมูจริง ๆ แล้ว
คำว่า ขายหมู น่าจะสื่อถึง ความสำเร็จ มากกว่านะครับ
แซว ขำ ๆ ครับ
เพราะความหมายของคนเลี้ยงหมูจริง ๆ หน่ะ เขาอาจจะเลี้ยงแม่พันธุ์จนออกลูก หรือซื้อลูกหมูมาจากคนขายลูกหมู จากนั้นค่อย ๆ ดูแล ให้อาหาร ขุนมัน จนมีน้ำหนัก 95-105 โล แล้วขาย
หากประคับประคอง ไม่ให้หมูป่วยต้องตัดใจขายก่อน ซึ่งได้น้ำหนักน้อย ก็เงินน้อย อาจขาดทุนได้ เขาต้องดูแลสุขภาพให้ดี จนน้ำหนักขึ้นไปที่ จุดดังกล่าวให้ได้ จะถือว่าเป็นจุดที่ขายได้ดีที่สุด เพราะมีเนื้อแดงมาก ไขมันน้อย
หากขายที่น้ำหนักเกิน 95-105 โลไปก็ไม่ดี เช่นช่วงนั้นไม่มีตลาด หรือที่เรียกว่าหมูติด เขาอาจต้องจำใจเลี้ยงต่อจนน้ำหนักเกิน 110 ไป ซึ่งขายตอนนั้นก็จะได้ราคาต่อกิโลไม่ดี รวมทั้งมีตัด % ไขมันมากอีก
สรุปก็คือ คนเลี้ยงหมูจะขายหมู ก็ต่อเมื่อเขาบรรลุเป้าหมายการเลี้ยงมาที่จุดน้ำหนักเหมาะสมที่สุดที่ควรขาย
เพราะฉะนั้นหากเราตัดสินใจขายเอง นั่นน่าจะเป็นจุดที่ดีที่สุดที่เรา คิดแล้วว่า น้อยกว่านี้ก็ไม่ดี มากกว่านี้ก็ไม่ดี จุดนี้แหล่ะเราได้กำไรสูงสุด
เมื่อคิดอย่างเป็นระบบดั่งคนเลี้ยงหมูจริง ๆ แล้ว
คำว่า ขายหมู น่าจะสื่อถึง ความสำเร็จ มากกว่านะครับ
แซว ขำ ๆ ครับ
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 17
เห็นด้วยครับ สุดยอดหุ้นคือหุ้นที่เราไม่ต้องตัดใจขายGreen_tree เขียน:เวลาที่ดีที่สุดคือไม่มีวันขายค่ะ แต่ต้องหาดีๆว่าเป็นบริษัทไหนที่มีศักยภาพ ผู้บริหารยอดเยี่ยมมีธรรมาภิบาล และซื้อในราคาที่เหมาะสม แต่ถ้าพื้นฐานเปลี่ยนต้องตัดใจขายทุกราคา :lol:
แต่โดยทั่วไปแล้วหุ้นแบบนี้มันหายากมาก ๆ ถึงยากที่สุด
อย่างน้อยหุ้นดี ๆ หลาย ๆ ตัว ก็อาจจะถึงเวลาที่ต้องขายเมื่อเวลาผ่านไป 5 หรือ 10 ปี
ด้วยเหตุปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพอุตสาหกรรม ปัจจัยภายนอกที่มากระทบ หรือการเปลี่ยนแปลงของระดับบริหาร
สุดท้ายแล้ว ขายหมู มันก็ยังดีกว่า cut loss แน่นอนครับ
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 1
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 18
[quote="OutOfMyMind"]จริง ๆ ผมยังงง ๆ กับคำว่าขายหมูนะครับ
เพราะความหมายของคนเลี้ยงหมูจริง ๆ หน่ะ เขาอาจจะเลี้ยงแม่พันธุ์จนออกลูก หรือซื้อลูกหมูมาจากคนขายลูกหมู จากนั้นค่อย
เพราะความหมายของคนเลี้ยงหมูจริง ๆ หน่ะ เขาอาจจะเลี้ยงแม่พันธุ์จนออกลูก หรือซื้อลูกหมูมาจากคนขายลูกหมู จากนั้นค่อย
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- OutOfMyMind
- Verified User
- โพสต์: 1242
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 19
[quote="dome@perth"]
เอ.....กำลังเลี้ยงหมูตัวไหนนา
เอ.....กำลังเลี้ยงหมูตัวไหนนา
บทความดีดีสำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
https://www.facebook.com/OutOfMyMindOnValueInvestment
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 1922
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 22
เป็นคำถามคล้ายกับ ทำอย่างไรให้ซื้อแล้วหุ้นวิ่ง :lol:
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 23
ซื้อแล้วถ้าไม่วิ่ง หรือวิ่งช้าจัดก็ขาย ไม่ขาดทุนถือว่าดูผิด หรืออย่างแย่ขาดทุนเพราะคัทลอสก็นิดหน่อยเพราะไหวตัวทัน
แต่ซื้อแล้วได้กำไรแล้ว 20% จะขายหรือไม่ขายดี
ขาย : พอขายแล้ววิ่งไป 120% น้ำตาตกใน เพราะขายไปแล้วจะซื้อเข้ามาก็หวาดหวันเพราะ PE สูงมหากาฬ หนี้สะสมไปๆมาๆก็เยอะขึ้น การลงทุนก็เยอะขึ้นทรัพยสิ่งก็กองใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ กระเดนไปไกลแล้วจากวันที่ขาย จะซื้อก็คิดว่าแพง แล้วมันก็ขึ้นอีก แล้วก็คิดว่าแพงอีก แล้วมันก็ขึ้นอีก ยิ่งสูงยิ่งหนาว จากที่ถืออยู่ หุ้นละ 100บาท ใครจะไปหวังว่ามันจะกลายเป้น 200-300 บาทได้ แล้วอีก 2ปี พี่แกก็แตกพาร์เมื่อราคาไปถึง 200บาท จนตะเลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่
ระยะยาวขนาดนั้นใครจะทราบได้ เปิดฟารม์หมูง่ายกว่า ลุงบัฟเฟตบอกว่า หุ้นที่ถือต้องมั่นใจกิจการไปอีก 10ปีแม้ตลาดปิด ผมคงต้องหาหุ้นที่ผมมั่นใจขนาดนั้นให้ได้จริง บอกตามตรง ตอนนี้ยังหาไม่เจอเลย :lol:
แต่ซื้อแล้วได้กำไรแล้ว 20% จะขายหรือไม่ขายดี
ขาย : พอขายแล้ววิ่งไป 120% น้ำตาตกใน เพราะขายไปแล้วจะซื้อเข้ามาก็หวาดหวันเพราะ PE สูงมหากาฬ หนี้สะสมไปๆมาๆก็เยอะขึ้น การลงทุนก็เยอะขึ้นทรัพยสิ่งก็กองใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ กระเดนไปไกลแล้วจากวันที่ขาย จะซื้อก็คิดว่าแพง แล้วมันก็ขึ้นอีก แล้วก็คิดว่าแพงอีก แล้วมันก็ขึ้นอีก ยิ่งสูงยิ่งหนาว จากที่ถืออยู่ หุ้นละ 100บาท ใครจะไปหวังว่ามันจะกลายเป้น 200-300 บาทได้ แล้วอีก 2ปี พี่แกก็แตกพาร์เมื่อราคาไปถึง 200บาท จนตะเลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่
ระยะยาวขนาดนั้นใครจะทราบได้ เปิดฟารม์หมูง่ายกว่า ลุงบัฟเฟตบอกว่า หุ้นที่ถือต้องมั่นใจกิจการไปอีก 10ปีแม้ตลาดปิด ผมคงต้องหาหุ้นที่ผมมั่นใจขนาดนั้นให้ได้จริง บอกตามตรง ตอนนี้ยังหาไม่เจอเลย :lol:
- CHOOKY
- Verified User
- โพสต์: 540
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 25
JOHN NEFF บอกว่า หุ้นมีไว้เพื่อขาย ครับ
"ค้นหาคุณค่าให้พบ แล้วซื้อหุ้นกิจการที่ดีนั้น ซึ่งมีกำไรต่อเนื่อง ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ ในเวลาที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ และถือมันไว้ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดี และยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง"
-
- Verified User
- โพสต์: 435
- ผู้ติดตาม: 0
Re: วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 28
อาการอย่างนี้เขาเรียกว่า โรคกลัวความสูง (Acrophobia)กำเริบ ...ปุตุชนมนุษย์เดินดินทั่วไปส่วนใหญ่เป็นกันทั้งนั้น ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นแต่กับเราคนเดียวgnomeller เขียน:ซื้อให้ถูกว่ายากแล้ว
แต่ขายให้แพงนี่ยากกว่า
หุ้นที่ได้ราคาดีมา พอมันขึ้นๆ ใจอยากขาย
แต่ถ้าขายไป เราก็ไม่ได้ถือตัวนั้นอีก เพราะ อีกใจอยากจะถือต่อ
แต่ถ้าถือต่อก็จะทำให้ไม่ได้ราคานี้อีกก็เป็นได้
แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน อาจจะวิ่งไปไกล
.......................................
สาเหตุ: กลัวว่ากำไรในบัญชีที่กำลังพุ่งเอาๆเพราะราคาหุ้นที่ถืออยู่ในมือขึ้นเอาๆจะเสียไป.....เลยเป็นเหตุให้รีบขายออกไป และบางครั้งทำให้เรารู้สึกเสียดายเสียใจ
เพราะมันเป็นการขายหมูโดยแท้ ( ..... )
gnomeller เขียน:....................................................................................................................................................................................................
มีวิธีคิดยังไงครับ
ปรมาจารย์อย่าง Buffett และ Munger ท่านแนะนำว่าให้แก้กันที่เหตุปัจจัย นั่นก็คือ อารมณ์ที่พาไป กล่าวคือ ต้องมีสติตั้งมั่นให้รู้ว่านั่นเป็นเพียงอารมณ์แล้วประคองใจไม่ให้โอนเอียงตามอารมณ์ แล้วหันไปเน้นประเมินวิเคราะห์กิจการอย่างใจเป็นกลางโดยปราศจากอคติใดๆ
(พูดง่ายแต่ทำยาก............ ความเห็นส่วนตัวขอผมนะ )
ที่มา: "The Not-So-Silent Partner" หน้า 19 จาก Forbes on Buffett ( http://rghost.net/1947807?r=2195 )
"The man who doesn't read has no advantage over the man who cannot read." Mark Twain
-
- Verified User
- โพสต์: 805
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 29
ขายยากกว่าซื้อจริงแหละ ... ยิ่งพอขายแล้วให้กลับไปซื้อใหม่ก็ยากพอกัน จึงบเกิดการขายหมูขึ้นบ่อยๆ ...
เคยอ่านหนังสือของบัฟเฟตท์ สำหรับบริษัทชั้นยอด กำไรเติบโตดี สามารถคาดการณ์ได้นี่เขาว่าอย่ามองแต่กำไรระยะสั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าซืื้อหุ้นชั้นยอดมาได้ในราคาถูก MOS มโหฬารทำให้เราคาดว่าจะได้ผลตอบแทนทบต้นต่อปี 40% ... ผ่านไปสองเดือนถ้าราคามันขึ้นไป 100% ดูแล้วก็น่าขายเหลือเกิน แต่ถ้าบริษัทมันยอดจริงๆ กำไรค่อนข้างมั่นคง ที่ราคานั้นก็ยังสร้างผลตอบแทนได้ในระดับ 20% ทบต้น .... ต้องถามว่าถ้าขายไปแล้วจะหาบริษัทอื่นที่ให้ผลตอบแทนระดับ 20% ทบต้นไปต่อเนื่องตลอดได้หรือไม่... ตัวอย่างอาจจะสุดโต่งไปบ้าง ในทางปฏิบัติจริงคงไม่ง่ายขนาดนี้
แต่ผมว่าหลักการนี้เป็นเคล็ดลับสำคัญเลยที่ทำให้บัฟเฟตท์แกสามารถสร้างผลตอบแทนระดับ 25% ขึ้นมาได้สามสิบสี่สิบปี ...
เคยอ่านหนังสือของบัฟเฟตท์ สำหรับบริษัทชั้นยอด กำไรเติบโตดี สามารถคาดการณ์ได้นี่เขาว่าอย่ามองแต่กำไรระยะสั้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าซืื้อหุ้นชั้นยอดมาได้ในราคาถูก MOS มโหฬารทำให้เราคาดว่าจะได้ผลตอบแทนทบต้นต่อปี 40% ... ผ่านไปสองเดือนถ้าราคามันขึ้นไป 100% ดูแล้วก็น่าขายเหลือเกิน แต่ถ้าบริษัทมันยอดจริงๆ กำไรค่อนข้างมั่นคง ที่ราคานั้นก็ยังสร้างผลตอบแทนได้ในระดับ 20% ทบต้น .... ต้องถามว่าถ้าขายไปแล้วจะหาบริษัทอื่นที่ให้ผลตอบแทนระดับ 20% ทบต้นไปต่อเนื่องตลอดได้หรือไม่... ตัวอย่างอาจจะสุดโต่งไปบ้าง ในทางปฏิบัติจริงคงไม่ง่ายขนาดนี้
แต่ผมว่าหลักการนี้เป็นเคล็ดลับสำคัญเลยที่ทำให้บัฟเฟตท์แกสามารถสร้างผลตอบแทนระดับ 25% ขึ้นมาได้สามสิบสี่สิบปี ...
-
- Verified User
- โพสต์: 206
- ผู้ติดตาม: 0
วิธีป้องกันการขายหมู
โพสต์ที่ 30
หากตัวเองได้กำไรแล้วขาย หุ้นตัวนั้นยังขึ้นอีกให้ถือว่าเป็นการแบ่งกำไรให้เพื่อน จะได้มีความสุขทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
-ผู้ขายๆได้กำไร=มีความสุข :ผู้ซื้อต่อแล้วขายได้กำไร =มีความสุข ทำให้สังคมมีความสุข ให้ถือว่าทำบุญเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
-หากผู้ขายๆได้กำไรคนเดียวคนอื่นขาดทุนหรือติดดอยมันจะหมายถึงการเห็นแก่ตัวเกินไปเป็นการทำปาบไปในตัว
ดังนั้นเมื่อไหร่ท่านขายหมูหมายถึงท่านได้ทำบุญให้กับผู้อื่นอีกหลายๆคนและอีกหลายๆชีวิตอย่าคิดมาก
-ผู้ขายๆได้กำไร=มีความสุข :ผู้ซื้อต่อแล้วขายได้กำไร =มีความสุข ทำให้สังคมมีความสุข ให้ถือว่าทำบุญเป็นการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
-หากผู้ขายๆได้กำไรคนเดียวคนอื่นขาดทุนหรือติดดอยมันจะหมายถึงการเห็นแก่ตัวเกินไปเป็นการทำปาบไปในตัว
ดังนั้นเมื่อไหร่ท่านขายหมูหมายถึงท่านได้ทำบุญให้กับผู้อื่นอีกหลายๆคนและอีกหลายๆชีวิตอย่าคิดมาก