Value Way ฉบับวันที่ 19 กรกฏาคม 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
ถามตอบกับลี ลู
ต่อไปนี้เป็นคำถามของผู้เข้าฟังสุนทรพจน์ของลี ลูที่มหาวิทยาลัยโคลอมเบีย สหรัฐอเมริกา
ถาม: มอนิส พาไบร์ (Monish Pabrai) ได้พูดเมื่อไม่นานมานี้ในการที่เขาลังเลที่จะลงทุนในประเทศจีนเนื่องจากการมีสมุดบัญชีหลายเล่ม และความเป็นไปได้ในการทุจริต คุณจัดการกับปัญหาเหล่านี้ในการลงทุนที่ประเทศจีนได้อย่างไร?
ลี ลู: อืม คุณรู้หรือไม่ ผมว่าเขาพูดถูกนะ แต่ทุกอย่างมีข้อยกเว้น เพียงแค่เพื่อนบ้านคุณทุจริตก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องทุจริตด้วย นั่นคือคำถามหนึ่งที่คุณต้องถามว่าคุณสามารถเชื่อถือข้อมูลบัญชีและผู้บริหารได้หรือไม่ นี่มีผลอย่างมากต่อธุรกิจ ผมแนะนำให้คุณใช้เวลามากหน่อยในการดูปัจจัยเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณกำลังลงทุนระยะยาว
ถาม: ผมได้อ่านมาว่า เมื่อคุณมองอุตสาหกรรมหนึ่ง คุณดูที่ความล้มเหลวที่ร้ายแรงที่สุดของธุรกิจนั้นเพื่อที่คุณจะดูว่าคุณจะลงทุนหรือไม่ คุณช่วยอธิบายมันหน่อยได้ไหม?
ลี ลู: มันต้องกลับไปเริ่มที่ความเข้าใจในตัวธุรกิจ เมื่อคุณเข้าใจแล้วถึงจะขยายไปสู่อุตสาหกรรม อุตสาหกรรมหนึ่งอาจจะมีลักษณะที่แตกต่างกับอุตสาหกรรมอื่น คุณต้องเข้าใจในอุตสาหกรรมนั้นๆ ได้ดีกว่าคนอื่น หาผู้เล่นที่ดีที่สุดและแย่ที่สุดในอุตสาหกรรม และดูว่าพวกเขามีผลงานอย่างไรตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และถ้าผู้เล่นที่แย่ที่สุดมีผลงานที่ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับผู้เล่นที่ดีที่สุด นั่นบ่งบอกคุณสมบัติบางอย่างในตัวอุตสาหกรรม มันก็ไม่เสมอไปแต่ส่วนใหญ่จะเป็นเช่นนั้น อุตสาหกรรมบางอย่างดีกว่าอุตสาหกรรมอื่น
ดังนั้นถ้าคุณเข้าใจธุรกิจจากภายในสู่ภายนอก คุณสามารถเข้าใจในตัวอุตสาหกรรมได้ในที่สุด ถ้าคุณเข้าใจมันอย่างถ่องแท้มันจะมีประโยชน์มหาศาล ถ้าคุณเพ่งความสนใจไปยังธุรกิจที่มีความได้เปรียบในเชิงเศรษฐศาสตร์ในอุตสาหกรรมที่มีความได้เปรียบในเชิงเศรษฐศาสตร์ ที่มาพร้อมกับการบริหารที่ดี ในราคาที่เหมาะสม คุณก็มีโอกาสที่จะยังคงอยู่ได้เป็นเวลานาน
ถาม: คุณมีตัวอย่างเฉพาะจงหน่อยไหม?
ลี ลู:ผมได้ศึกษามามากตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา อย่างที่บอก อย่าลอกการบ้านคนอื่นเพราะมันใช้ไม่ได้ผล อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังน่าตื่นเต้น ถ้าคุณดูในช่วงแรกมันเริ่มจากผู้เล่นหลายราย จากนั้นเพ่งความสนใจไปยังผู้เล่นบางรายที่มีกำไรมากๆ จากนั้นบริษัทเหล่านั้นก็แย่ลง คุณจะเห็นว่าวงจรชีวิตเปลี่ยนไปด้วยการมีผู้ผลิตรายใหม่ในประเทศจีนและอินเดียได้อย่างไร ทุกอย่างมีเหตุผล ถ้าคุณต้องการความคิดดีๆ ดูที่จีเอ็ม (General Motor) จากช่วงแรก ดูทุกๆ 5 ปี และดูผลงานว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ในช่วงปี 1960 ผลตอบแทนต่อเงินทุนอยู่ที่ 46% ในช่วงปี 1970 ผลตอบแทนเงินทุนอยู่ที่ 28% ในช่วงปี 1980 มันอยู่ที่ 9% ในช่วงปี 1990 มันอยู่ที่ 6% คุณอยากเดาไหมว่าตอนนี้ติดลบอยู่เท่าไหร่?
ถาม: นักลงทุนคนหนึ่งเข้ามาและกล่าวว่าการพูดคุยกับฝ่ายบริหารเป็นการเสียเวลา พวกเขาจะพูดในสิ่งที่คุณต้องการให้เขาพูด แน่นอนฟังดูเหมือนว่าคุณไม่ค่อยเชื่อ คุณล่ะคิดอย่างไร? คุณจะจ่ายพรีเมี่ยมกับธุรกิจที่มีความสามารถทางการแข่งขันหรือไม่?
ลี ลู:ไม่มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว ประเด็นในการลงทุนคือรู้ว่าอะไรที่คุณรู้และรู้ว่าอะไรที่คุณไม่รู้ คุณสามารถรู้เกี่ยวกับฝ่ายบริหารโดยไม่ต้องพบกับพวกเขา ทุกสถานการณ์แตกต่างกันเล็กน้อย ดังนั้นผมกลับมาในจุดที่ว่าถ้าคุณรู้เพียงพอในสิ่งอื่นว่ามีส่วนต่างความปลอดภัย (Margin of Safety) ที่เพียงพอ ถึงแม้ว่าคุณจะพบกับฝ่ายบริหารคุณก็อาจจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยก็ได้ เห็นได้ชัดว่าการกระทำมีน้ำหนักมากกว่า คุณต้องการดูว่าพวกเขาได้ทำอะไรไปบ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างมีค่าเท่ากัน ยิ่งคุณรู้เกี่ยวกับฝ่ายบริหารมากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งรู้ว่าพวกเขาซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาหรือไม่ พวกเขามีแรงจูงใจหรือไม่
สถานการณ์ยิ่งดีเท่าไหร่ส่วนลดก็ยิ่งมากเท่านั้น คุณต้องวิเคราะห์มันทั้งหมด กุญแจสำคัญในการวิเคราะห์มันก็คือคุณต้องถามว่า ฉันรู้ในสิ่งที่คิดว่ารู้จริงหรือเปล่า และฉันรู้ว่าสิ่งใดที่ฉันไม่รู้จริงหรือเปล่า? ถ้าคุณตอบไม่ได้ คุณก็อาจจะกำลังเล่นการพนันอยู่ก็ได้
ถามตอบกับ ลี ลู:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
ถามตอบกับ ลี ลู:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 1
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ถามตอบกับ ลี ลู:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ
โพสต์ที่ 2
ขอบคุณมากๆนะครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ