วันนี้...ที่ห้องค้าหุ้นของโบรกเกอร์หนึ่ง
โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 24, 2003 10:06 pm
:lol:
วันนี้ผมไปห้องค้า เป็นวันที่2ต่อจากเมื่อวาน ดูมันคึกคักเต็มไปด้วยคนแปลกหน้า
พากันมาดูกระดานไฟกระพริบ
( เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ)
ที่บอกราคาเสนอซื้อ-เสนอขาย ของหุ้นทั้งกระดาน
หลังจากทักทายกับมาร์เก็ตติ้ง และรับไหว้จาก ผอ. รอง ผอ.
ได้คุยกับผอ.ยิ้มอย่างเบิกบานใจ เอาเปเปอร์มาแจกให้อ่าน
ถึงข่าวคราวเกี่ยวกับหุ้น และรูปกราฟ ข้อมูลประกอบ
ผมเลยหลบไปนั่งอยู่มุมห้อง ดูเราแก่ไปหน่อยนะวันนี้
รับน้ำเย็นกับครุกกี้จากแม่บ้านของบริษัทเขาเอามาให้
มาร์เก็ตติ้งรับโทรศัพท์แทบไม่ได้วางสายก่อนเปิดตลาด
นั่งมองคนกว่า70คน ยืนมั่งนั่งมั่ง ส่งเสียงคุยกันเจี้ยวจ้าวไปหมด
บางคนก็ไปยืนกดคอมฯบอกเพื่อนที่มาใหม่สีแดงอย่างนี้นะสีเขียวอย่างนี้
ที่เป้นแ่ท่งๆนี่เป็นกราฟแท่งเทียน
นึกถึงความหลังเมื่อตอนเข้าตลาดวันแรก
ที่ได้เข้ามาเล่นหุ้น สมัยห้องค้าGF ซึ่งถูกปิดไปแล้ว
สมัยนั้นหุ้นราคาพาร์อยู่ที่100บาท
มีเงินติดบัญชีกระแสรายวันอยู่3แสนกว่าบาท
เราก็เคยซื้อตามมาร์เก็ตติ้งบอก ตามเปเปอร์ที่เขาแฟ็กซ์จากสำนักงานใหญ่มาให้อ่านอย่างนี้ล่ะ บรรยากาศเหมือนกันเลย เปลี่ยนแต่บริษัทและมาร์เก็ตติ้งเท่านั้น
สมัยนั้นมาเล่นหุ้น ไม่รู้หรอกว่า
เจ้าอักษรย่อที่กระพริบมันทำมาหากินอุตสาหกรรมกิจการแบบไหนไม่รู้
รู้อย่างเดียวซื้อถูก ขายแพงเป็นใช้ได้
หุ้นมันจะขึ้นจะลงก็ไปตามเจ้ามือบ้าง ตามเสี่ยสองบ้าง ตามกองทุนบ้าง
จากเงินที่มีเล่นได้กำไร200%คือ9แสน เพียงไม่กี่เดือน เล่นง่ายเล่นไม่ยากแฮะ
แล้วฝรั่งก็ลากปูนใหญ่จาก400กว่าบาทขึ้นไปถึง1700กว่าบาท ก่อนแตกพาร์เหลือ10บาท แล้วก็มีเหตการณ์ทำให้หุ้นตก จากเงินที่เคยได้มา กับเหลือแต่หุ้นและติดลบ คัดล๊อตไม่เป็น มาร์บอกแนวรับก็ซื้อ แนวต้านก็ขาย
สุดท้าย..ยอมแพ้กลับมาก้มหน้าทำมาหากินต่อ
หลังจากนั้นกับมาศึกษา เอาใหม่หาข้อมูลโดยซื้อหนังสือบริษัทจดทะเบียน
ของตลาดหลักทรัพย์พิมพ์ขายปีละครั้งมาอ่าน
อ้อ...บริษัทนี้ขายสังกะสี
บริษัทนี้ขายไอศครีม
บริษัทนี้ห้องเย็น
เอ่อ..เราเริ่มเก่งแล้วนึกในใจ
ก็หลงตัวเองเราก็หนึ่งในตองอูจะกลัวอะไร
กลับเข้าไปเล่นหุ้นใหม่
เหมือนกับมีใครมากวักมือเรียก
เล่นไปเล่นมาก็ได้บ้างเสียบ้าง
จนเกิดเรื่องยิงตัวตายกลางตลาดหลักทรัพย์
คุณนิวัติ .........ถ้าจำไม่ผิดเรื่องมาร์จิ้น
ที่ทำให้...หมดเงิน....หมดตัว....หมดครอบครัว
โทรทัศน์ถ่ายทอดขณะเกิดเหตุสมัยนั้น
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ก็มายืนดู
เหนี่ยวไกปืน โป้ง....เข้าใต้คาง
จนเกิดเหตการณ์ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
จนถึงยุครัฐบาลท่านเชาวลิต
ปิด56ไฟแนนซ์ หุ้นในพอท์ตผมก็เต็มไปด้วยไฟ ไฟไหม้มือ
ขายก็ไม่ได้ขาย เหลือแค่เศษกระดาษ หมดเป็นรอบ2
แล้วเราก็ต้องกลับมานอนเลียแผลใจ
ไม่รู้จะไปเรียกร้องเอาอาไรกับใคร
[b]เคยเรียก...ตลาดหลักทรัพย์
ก็มีคนเรียกกันใหม่เป็น....ตลาด-ลัก-ทรัพย์
แล้วเราก็ต้องกลับมาค้นหาความผิดพลาดของตัวเราเองว่า...เป็นอย่างไร
บริษัทเขาทำมาหากินอะไรก็ไม่รู้...
บริษัทเขามีงบกำไรขาดทุนก็ดูไม่เป็น
บริษัทนี้มีหนี้สินกี่พันล้านก็ไม่รู้
บริษัทนี้มีกำไรสะสมยังไม่จัดสรรก็ไม่รู้
เปรียบเหมือนเราเป็นคนตาบอด
เปรียบมาร์เก็ตติ้งเป็นหมานำทางคนตาบอด
พาไปชนกิ่งไม้ตกน้ำตกท่า เสียเงิน เสียทอง เสียใจ
เปรียบไปสารพัดฯ
ไว้จะมาเล่าต่อ-
วันนี้ผมไปห้องค้า เป็นวันที่2ต่อจากเมื่อวาน ดูมันคึกคักเต็มไปด้วยคนแปลกหน้า
พากันมาดูกระดานไฟกระพริบ
( เหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ)
ที่บอกราคาเสนอซื้อ-เสนอขาย ของหุ้นทั้งกระดาน
หลังจากทักทายกับมาร์เก็ตติ้ง และรับไหว้จาก ผอ. รอง ผอ.
ได้คุยกับผอ.ยิ้มอย่างเบิกบานใจ เอาเปเปอร์มาแจกให้อ่าน
ถึงข่าวคราวเกี่ยวกับหุ้น และรูปกราฟ ข้อมูลประกอบ
ผมเลยหลบไปนั่งอยู่มุมห้อง ดูเราแก่ไปหน่อยนะวันนี้
รับน้ำเย็นกับครุกกี้จากแม่บ้านของบริษัทเขาเอามาให้
มาร์เก็ตติ้งรับโทรศัพท์แทบไม่ได้วางสายก่อนเปิดตลาด
นั่งมองคนกว่า70คน ยืนมั่งนั่งมั่ง ส่งเสียงคุยกันเจี้ยวจ้าวไปหมด
บางคนก็ไปยืนกดคอมฯบอกเพื่อนที่มาใหม่สีแดงอย่างนี้นะสีเขียวอย่างนี้
ที่เป้นแ่ท่งๆนี่เป็นกราฟแท่งเทียน
นึกถึงความหลังเมื่อตอนเข้าตลาดวันแรก
ที่ได้เข้ามาเล่นหุ้น สมัยห้องค้าGF ซึ่งถูกปิดไปแล้ว
สมัยนั้นหุ้นราคาพาร์อยู่ที่100บาท
มีเงินติดบัญชีกระแสรายวันอยู่3แสนกว่าบาท
เราก็เคยซื้อตามมาร์เก็ตติ้งบอก ตามเปเปอร์ที่เขาแฟ็กซ์จากสำนักงานใหญ่มาให้อ่านอย่างนี้ล่ะ บรรยากาศเหมือนกันเลย เปลี่ยนแต่บริษัทและมาร์เก็ตติ้งเท่านั้น
สมัยนั้นมาเล่นหุ้น ไม่รู้หรอกว่า
เจ้าอักษรย่อที่กระพริบมันทำมาหากินอุตสาหกรรมกิจการแบบไหนไม่รู้
รู้อย่างเดียวซื้อถูก ขายแพงเป็นใช้ได้
หุ้นมันจะขึ้นจะลงก็ไปตามเจ้ามือบ้าง ตามเสี่ยสองบ้าง ตามกองทุนบ้าง
จากเงินที่มีเล่นได้กำไร200%คือ9แสน เพียงไม่กี่เดือน เล่นง่ายเล่นไม่ยากแฮะ
แล้วฝรั่งก็ลากปูนใหญ่จาก400กว่าบาทขึ้นไปถึง1700กว่าบาท ก่อนแตกพาร์เหลือ10บาท แล้วก็มีเหตการณ์ทำให้หุ้นตก จากเงินที่เคยได้มา กับเหลือแต่หุ้นและติดลบ คัดล๊อตไม่เป็น มาร์บอกแนวรับก็ซื้อ แนวต้านก็ขาย
สุดท้าย..ยอมแพ้กลับมาก้มหน้าทำมาหากินต่อ
หลังจากนั้นกับมาศึกษา เอาใหม่หาข้อมูลโดยซื้อหนังสือบริษัทจดทะเบียน
ของตลาดหลักทรัพย์พิมพ์ขายปีละครั้งมาอ่าน
อ้อ...บริษัทนี้ขายสังกะสี
บริษัทนี้ขายไอศครีม
บริษัทนี้ห้องเย็น
เอ่อ..เราเริ่มเก่งแล้วนึกในใจ
ก็หลงตัวเองเราก็หนึ่งในตองอูจะกลัวอะไร
กลับเข้าไปเล่นหุ้นใหม่
เหมือนกับมีใครมากวักมือเรียก
เล่นไปเล่นมาก็ได้บ้างเสียบ้าง
จนเกิดเรื่องยิงตัวตายกลางตลาดหลักทรัพย์
คุณนิวัติ .........ถ้าจำไม่ผิดเรื่องมาร์จิ้น
ที่ทำให้...หมดเงิน....หมดตัว....หมดครอบครัว
โทรทัศน์ถ่ายทอดขณะเกิดเหตุสมัยนั้น
ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ก็มายืนดู
เหนี่ยวไกปืน โป้ง....เข้าใต้คาง
จนเกิดเหตการณ์ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
จนถึงยุครัฐบาลท่านเชาวลิต
ปิด56ไฟแนนซ์ หุ้นในพอท์ตผมก็เต็มไปด้วยไฟ ไฟไหม้มือ
ขายก็ไม่ได้ขาย เหลือแค่เศษกระดาษ หมดเป็นรอบ2
แล้วเราก็ต้องกลับมานอนเลียแผลใจ
ไม่รู้จะไปเรียกร้องเอาอาไรกับใคร
[b]เคยเรียก...ตลาดหลักทรัพย์
ก็มีคนเรียกกันใหม่เป็น....ตลาด-ลัก-ทรัพย์
แล้วเราก็ต้องกลับมาค้นหาความผิดพลาดของตัวเราเองว่า...เป็นอย่างไร
บริษัทเขาทำมาหากินอะไรก็ไม่รู้...
บริษัทเขามีงบกำไรขาดทุนก็ดูไม่เป็น
บริษัทนี้มีหนี้สินกี่พันล้านก็ไม่รู้
บริษัทนี้มีกำไรสะสมยังไม่จัดสรรก็ไม่รู้
เปรียบเหมือนเราเป็นคนตาบอด
เปรียบมาร์เก็ตติ้งเป็นหมานำทางคนตาบอด
พาไปชนกิ่งไม้ตกน้ำตกท่า เสียเงิน เสียทอง เสียใจ
เปรียบไปสารพัดฯ
ไว้จะมาเล่าต่อ-