สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 1
สรุปงานสัมมนา พันธงหุ้นเด่น
คุณพรณี จากเอเชียพลัส : แนวโน้มหุ้นไทย คิดว่าจะเป้นการเคลื่นตัวในการ 860-930 จุด ปัจจัยที่จะกดดัน มี 2 เรื่อง คือ
ดอกเบี้ย ซึ่งบ้านเรามีการปรบขึ้นมาแล้ว 1 ครั้งคือ 0.25 บาท โดยที่ในหลายๆประเทศมีการปรับขึ้นมาหลายครั้งไม่ว่าจะเป็น ออสเตเรีย 6 ครั้ง นิวซีแลน 3 ครั้ง แต่การปรับดอกเยี้ยนั้นถ้าเป้นแบบค่อยเป้นค่อยไปก็จะไม่มีผลกระทบต่อหุ้นมากนักอาจเป้นแค้การปรับฐานในช่วงสั้นๆ อย่ามาเลย์ ปรับไปแล้ว 3 ครั้ง 0.75 บาทก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก
ปัจจัยปัญหาการเงินใน ยุโรป เมกา สัญญาณที่เห้ฯชัดคือดัชนีช้นำ ศก ในหลายประเทศเริ่มชะลอตัว ในยุโรบหลายๆประเทศขาดดุลงบประมาณอยู่ประมาณ 7-8% ซึ่งทางธนาคารกลางของประเทศเหล่านั้นมองว่าจำเป็นที่จะต้องลดการขาดดุลงบประมาณลงคิดเป้นเม็ดเงินก็ประมาณ 4-5แสนล้านเหรียญ จะส่งผลในเงินหายไปจากระบบ การลดค่าใช้จ่ายนี้จะทำให้ GDP ของกลุ่มประเทศเหล่านั้นลดลงเป้ฯ 3-5% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดบ้านเราบ้างผ่านตลาดหุ้น ในส่วนของประเทศไทยเอง GDP ของเรามีอัตราเติบโตที่สูงมาก อยู่ Q1 12% Q2 8% Q3 4-3% Q4 1%
ปัจจัยบวกของเราก็เห้นจะเป้นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาประมาณ 2-3 พันล้านในช่วงที่ผ้านมา ปกติแล้วฟันโฟลจะเข้ามาประมาณ เมษา ถึง สิงหา พฤศจิกา ก็จะเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่เราเกิดมีปัญหาความไม่สงบทำให้ภาพตรงนั้นไม่เกิด มาเกิดตอน กรกฏาคมที่ฝรั่งเริ่มซื้อมากขึ้น มองย้อนกลับไปก็จะคล้ายๆปีที่แล้วที่ พฤษภาฝรั่งขายหุ้นในเอเชียหนักมากยกเว่น อินโด และฟิลิปินไม่ค่อนขาย ตอนนี้ก็กลับมาซื้อคืนในประเทศที่ได้เคยขายออกไปยึ่งประเทศไทยขายออกหนักก็กลับมาซื้อคืนมากแบบไทย เวลาฟันโฟลเข้ามาเป้นตัวสำคัญที่ขับเคลื่อน PE ของตลาดเราจนทำให้ตอนนี้มาอยู่ที่ 13 เท่า ซึ่งถ้าเข้ามาต่อเนื่อน่าจะได้เห็น 930จุด จากเดิมที่มองไว้ที่ 830 จุด
คุณพรณี จากเอเชียพลัส : แนวโน้มหุ้นไทย คิดว่าจะเป้นการเคลื่นตัวในการ 860-930 จุด ปัจจัยที่จะกดดัน มี 2 เรื่อง คือ
ดอกเบี้ย ซึ่งบ้านเรามีการปรบขึ้นมาแล้ว 1 ครั้งคือ 0.25 บาท โดยที่ในหลายๆประเทศมีการปรับขึ้นมาหลายครั้งไม่ว่าจะเป็น ออสเตเรีย 6 ครั้ง นิวซีแลน 3 ครั้ง แต่การปรับดอกเยี้ยนั้นถ้าเป้นแบบค่อยเป้นค่อยไปก็จะไม่มีผลกระทบต่อหุ้นมากนักอาจเป้นแค้การปรับฐานในช่วงสั้นๆ อย่ามาเลย์ ปรับไปแล้ว 3 ครั้ง 0.75 บาทก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นมากนัก
ปัจจัยปัญหาการเงินใน ยุโรป เมกา สัญญาณที่เห้ฯชัดคือดัชนีช้นำ ศก ในหลายประเทศเริ่มชะลอตัว ในยุโรบหลายๆประเทศขาดดุลงบประมาณอยู่ประมาณ 7-8% ซึ่งทางธนาคารกลางของประเทศเหล่านั้นมองว่าจำเป็นที่จะต้องลดการขาดดุลงบประมาณลงคิดเป้นเม็ดเงินก็ประมาณ 4-5แสนล้านเหรียญ จะส่งผลในเงินหายไปจากระบบ การลดค่าใช้จ่ายนี้จะทำให้ GDP ของกลุ่มประเทศเหล่านั้นลดลงเป้ฯ 3-5% ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดบ้านเราบ้างผ่านตลาดหุ้น ในส่วนของประเทศไทยเอง GDP ของเรามีอัตราเติบโตที่สูงมาก อยู่ Q1 12% Q2 8% Q3 4-3% Q4 1%
ปัจจัยบวกของเราก็เห้นจะเป้นเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาประมาณ 2-3 พันล้านในช่วงที่ผ้านมา ปกติแล้วฟันโฟลจะเข้ามาประมาณ เมษา ถึง สิงหา พฤศจิกา ก็จะเพิ่มขึ้นสูงมาก แต่เราเกิดมีปัญหาความไม่สงบทำให้ภาพตรงนั้นไม่เกิด มาเกิดตอน กรกฏาคมที่ฝรั่งเริ่มซื้อมากขึ้น มองย้อนกลับไปก็จะคล้ายๆปีที่แล้วที่ พฤษภาฝรั่งขายหุ้นในเอเชียหนักมากยกเว่น อินโด และฟิลิปินไม่ค่อนขาย ตอนนี้ก็กลับมาซื้อคืนในประเทศที่ได้เคยขายออกไปยึ่งประเทศไทยขายออกหนักก็กลับมาซื้อคืนมากแบบไทย เวลาฟันโฟลเข้ามาเป้นตัวสำคัญที่ขับเคลื่อน PE ของตลาดเราจนทำให้ตอนนี้มาอยู่ที่ 13 เท่า ซึ่งถ้าเข้ามาต่อเนื่อน่าจะได้เห็น 930จุด จากเดิมที่มองไว้ที่ 830 จุด
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 2
คุณวชิรารักษ์ จากทรินิตี้ : ภาพรวมตลาดรอบนี้น่าจะได้เป้น 900 จุดไม่ยากแต่ถ้าไกลๆก้ต้องดูปัจจัยต่างๆเห่านี้เป้นสำคัญ
1.ตัวเลข ศก ในประเทศที่ไทยทำได้เกินความคาดหมาย Q1 12% Q2 8% ทำให้ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน
2.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะต้องมีการปรับขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว แต่อาจมีผลลบในระยะสั้นๆ เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเป้นแหลงที่มห้ฟันโฟลใช้พักเงินจากตลาดหุ้นไทยไม่ดึงเงินออกไปจากประเทศ
3.กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตดีมาก โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล้ก รวมทั้งแบงค์ที่ไม่แย่ลง กลุ่มที่ดีมากๆได้แกพวก ยานยนต์ อาหารที่เติบโตได้เกินความคาดหมาย เทียบกับพลังงานที่น่าผิดหวัง อย่าง PTTAR ที่รายงานตัวเลขขาดทุน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าการสึกษาลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องดูให้ลึกมากขึ้นจะเอาแต่สนใจแต่กลุ่มหลักๆบลูชิบของตลาดอย่างพลังงานและแบงคืไม่ได้ ในอนาคตบริษัทขนาดกลางและเล็กก็น่าสนใจแต่ต้องระวังว่าบริษัทเหล่านี้จะโตบโตได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
4ปัจจัยด้านราคาคอมโมดิตี้ นราคาน้ำมัน ถ้ามีการปั่นขึ้นไปราคาสูงๆแบบไร้เหตุผลอีกครั้ง หรือฟองสบูอสังหาที่พูดถึงกันแตก ก็น่าจะส่งผลลบได้เช่นกัน
1.ตัวเลข ศก ในประเทศที่ไทยทำได้เกินความคาดหมาย Q1 12% Q2 8% ทำให้ดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุน
2.ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะต้องมีการปรับขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีในระยะยาว แต่อาจมีผลลบในระยะสั้นๆ เนื่องจากดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเป้นแหลงที่มห้ฟันโฟลใช้พักเงินจากตลาดหุ้นไทยไม่ดึงเงินออกไปจากประเทศ
3.กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตดีมาก โดยเฉพาะบริษัทขนาดกลางและเล้ก รวมทั้งแบงค์ที่ไม่แย่ลง กลุ่มที่ดีมากๆได้แกพวก ยานยนต์ อาหารที่เติบโตได้เกินความคาดหมาย เทียบกับพลังงานที่น่าผิดหวัง อย่าง PTTAR ที่รายงานตัวเลขขาดทุน สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าการสึกษาลงทุนในตลาดหุ้นจะต้องดูให้ลึกมากขึ้นจะเอาแต่สนใจแต่กลุ่มหลักๆบลูชิบของตลาดอย่างพลังงานและแบงคืไม่ได้ ในอนาคตบริษัทขนาดกลางและเล็กก็น่าสนใจแต่ต้องระวังว่าบริษัทเหล่านี้จะโตบโตได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
4ปัจจัยด้านราคาคอมโมดิตี้ นราคาน้ำมัน ถ้ามีการปั่นขึ้นไปราคาสูงๆแบบไร้เหตุผลอีกครั้ง หรือฟองสบูอสังหาที่พูดถึงกันแตก ก็น่าจะส่งผลลบได้เช่นกัน
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 3
คุณพิชัย จาก ธนชาติ : ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาหุ้นขึ้นมา 190 จุด สะท้อนมุมมองเชิงบวก ว่าเราผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และคิดว่าจะเติบฌตได้อีก 3ปีต่อจากนี้ 5 ปีที่ผ่านมาเรามีปัจจัยลบเยอะมาก บริษัทก็ไม่ได้ลงทุนอะไรเพิ่ม ทำให้กำไรที่ได้เก็บไว้ในรูปเงินหรือเอาไปใช้หนี้ทำให้ฐานะทางการเงินแข็งแรง ถ้ามั่นใจว่า ศก กลับมาก็พร้อมที่จะนำเงินกลับมาลงทุนอีกครั้ง
อีกจุดคือสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดมีสูงมาก จากเดิมที่หลายคนกังวลว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศจะถอนการอุ้มต่างๆที่ทำไว้ตอน ศก มีปัญหา แต่ผ่านมาก็ยังไม่มีรัฐบาลประเทศไหนกล้าดำเนินการ ทำให้สภาพคล่องที่เกรงว่าจะถูกดูดออกไปยังคงอยู่ในระบบ ส่วนหนึ่งมันก็ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น ซึ่งหุ้นไทยขึ้นมากที่สุดในภูมิภาค ตอนนี้โดดเด่นเป้นรองแค่อินโดนีเซีย และเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว จากเดิมที่เรามีปัจจัยลบเยอะมากแต่เราก็ทำให้ต่างชาติเห็นว่าเรายังเติบโตได้ 7%และเป้นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่เราเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยของเพื่อนบ้าน
การประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ต่ำเกินไป เมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทที่แสดงออกมาก็มีโอกาสที่จะทำให้หลายๆทีปรับเป้าหมายขึ้น ในขณะที่โลกยังไม่ดีแต่ไทยดีขึ้น บทบาทกำลังซื้อในประเทศมากขึ้น ช่วงที่ผ่านมาเราพึ่งการส่งออก ศก โลกชะลอตัว จนเราเพิ่มการนำเข้ามาบริโภคมากขึ้น มีการลงทุนการจับจ่าย ค่าเฉลี่ยของการใช้กำลังการผลิตของเราอยู่ที่ประมาณ 70% แต่กลุ่มยานยนหรืออิเล้กใช้ไปแล้วถึง 80-90% ซึ่งถึงเวลาที่บริษัทเรานี้จะมีการลงทุนแล้วก็ส่งผลดี รถไฟฟ้าที่เลื่อนไปเลื่อนมาก 5 สาย ก็เริ่มที่จะลงมือสร้างเหล่านี้ ทำให้ศกเราดูดีขึ้นในสายตาต่างชาติ แต่ก็ต้องกลับมาดูว่าหุ้นไทยขึ้นมาเยอะมากถ้าถึง930 จุด ก็กดไปที่ PE 14 เท่า ปกติเราจะเทรดกันที่ PE 11 เท่า อาจมีแรงขายทำกำไรและน่าหวาดเสียวมาก โดยเรามองว่าปีหน้าน่าจะไปถึง 1000 จุดแต่สำหรับปีนี้ยังเร็วเกินไป
จุดที่ต้องดูอีกคือ สถานะการทางการเมืองที่เริ่มจะดีขึ้น ปีหน้าจะมีการเลือกตั้งก็น่าจะทำให้การเมืองกีฬาสีกลับเข้าสู่กลไกระบบมากขึน
ปัจจยลบคือ ศก โลกชะลอตัวซึ่วก็กังวลว่ามันจะถดถอยซ้ำซ้อน หรือดับเบิลดิฟ แต่ธนชาติก็มองว่าแค่ชะลอตัวยังไม่ถึงจะถดถอย เพราะที่ชะลอตัวเกิดจากกมาตรการกระตุ้นต่างๆที่รัฐอัดลงไปเริ่มหมดอายุแล้ว
อีกจุดคือสภาพคล่องส่วนเกินในตลาดมีสูงมาก จากเดิมที่หลายคนกังวลว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศจะถอนการอุ้มต่างๆที่ทำไว้ตอน ศก มีปัญหา แต่ผ่านมาก็ยังไม่มีรัฐบาลประเทศไหนกล้าดำเนินการ ทำให้สภาพคล่องที่เกรงว่าจะถูกดูดออกไปยังคงอยู่ในระบบ ส่วนหนึ่งมันก็ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น ซึ่งหุ้นไทยขึ้นมากที่สุดในภูมิภาค ตอนนี้โดดเด่นเป้นรองแค่อินโดนีเซีย และเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว จากเดิมที่เรามีปัจจัยลบเยอะมากแต่เราก็ทำให้ต่างชาติเห็นว่าเรายังเติบโตได้ 7%และเป้นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่เราเติบโตมากกว่าค่าเฉลี่ยของเพื่อนบ้าน
การประมาณการของนักวิเคราะห์ที่ต่ำเกินไป เมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทที่แสดงออกมาก็มีโอกาสที่จะทำให้หลายๆทีปรับเป้าหมายขึ้น ในขณะที่โลกยังไม่ดีแต่ไทยดีขึ้น บทบาทกำลังซื้อในประเทศมากขึ้น ช่วงที่ผ่านมาเราพึ่งการส่งออก ศก โลกชะลอตัว จนเราเพิ่มการนำเข้ามาบริโภคมากขึ้น มีการลงทุนการจับจ่าย ค่าเฉลี่ยของการใช้กำลังการผลิตของเราอยู่ที่ประมาณ 70% แต่กลุ่มยานยนหรืออิเล้กใช้ไปแล้วถึง 80-90% ซึ่งถึงเวลาที่บริษัทเรานี้จะมีการลงทุนแล้วก็ส่งผลดี รถไฟฟ้าที่เลื่อนไปเลื่อนมาก 5 สาย ก็เริ่มที่จะลงมือสร้างเหล่านี้ ทำให้ศกเราดูดีขึ้นในสายตาต่างชาติ แต่ก็ต้องกลับมาดูว่าหุ้นไทยขึ้นมาเยอะมากถ้าถึง930 จุด ก็กดไปที่ PE 14 เท่า ปกติเราจะเทรดกันที่ PE 11 เท่า อาจมีแรงขายทำกำไรและน่าหวาดเสียวมาก โดยเรามองว่าปีหน้าน่าจะไปถึง 1000 จุดแต่สำหรับปีนี้ยังเร็วเกินไป
จุดที่ต้องดูอีกคือ สถานะการทางการเมืองที่เริ่มจะดีขึ้น ปีหน้าจะมีการเลือกตั้งก็น่าจะทำให้การเมืองกีฬาสีกลับเข้าสู่กลไกระบบมากขึน
ปัจจยลบคือ ศก โลกชะลอตัวซึ่วก็กังวลว่ามันจะถดถอยซ้ำซ้อน หรือดับเบิลดิฟ แต่ธนชาติก็มองว่าแค่ชะลอตัวยังไม่ถึงจะถดถอย เพราะที่ชะลอตัวเกิดจากกมาตรการกระตุ้นต่างๆที่รัฐอัดลงไปเริ่มหมดอายุแล้ว
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 4
ถาม: ปัจจัยลบอะไรน่าเป้นห่วงที่สุด
เอเชียพลัส : ศก โลกครึ่งปีหลังชะลอตัวน่าจะกระทบการส่งออก
ระยะกลางก็ปัญหาการเมือง เรื่องการฟ้องยุบปชป ซึ่งน่าจะจบ ธค ก้เป็นตัวแปร เพราะทุกครั้งที่จะยุบสภา ตลาดจะปรับฐาน และกระทบโครงการของรัฐที่จะต้องประมูลล่าช้าออกไป
ระยะสั้นก็ดอกเบี้ย แต่ก็ไม่น่ากังวลมากนัก ปีนี้แบงค์ชาติคาดว่าจะปรับเป้าดอกเบี้ยขึ้นเป้ฯ 0.75 ซึ่วดำเนินการมาแล้ว 1 คัร้ง
และศกไทยผ่านจุดที่ดีที่สุดมาแล้ว ในครึ่งหลังอาจไม่ดีเท่านี้
เอเชียพลัส : ศก โลกครึ่งปีหลังชะลอตัวน่าจะกระทบการส่งออก
ระยะกลางก็ปัญหาการเมือง เรื่องการฟ้องยุบปชป ซึ่งน่าจะจบ ธค ก้เป็นตัวแปร เพราะทุกครั้งที่จะยุบสภา ตลาดจะปรับฐาน และกระทบโครงการของรัฐที่จะต้องประมูลล่าช้าออกไป
ระยะสั้นก็ดอกเบี้ย แต่ก็ไม่น่ากังวลมากนัก ปีนี้แบงค์ชาติคาดว่าจะปรับเป้าดอกเบี้ยขึ้นเป้ฯ 0.75 ซึ่วดำเนินการมาแล้ว 1 คัร้ง
และศกไทยผ่านจุดที่ดีที่สุดมาแล้ว ในครึ่งหลังอาจไม่ดีเท่านี้
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 5
ทรินิตี้ : ที่กังวัลก็คือปัจจัยจากต่างประเทศ เพราะถ้าเกิดปัญหารอบนี้ขึ้นมาอีกเกรงว่าจะไม่มีเงินมากพอที่จะมาเยี่ยยาเพรามันใช้ไปรอบที่แล้วจดหมดแล้ว เมกาก็ฟื้นตัวช้ามาก ศกที่แท้จริงยังไม่ดี ยังคงมีปัญหาการว่างงานอยู่มาก ไม่เหมือนเดิม หรือ ที่เรามองว่าจีน หรืออินเดียจะเป้นหลักแต่ แต่ก็ยังไม่น่าไว้ในเพราะจีนที่โตได้เป้นการโตที่มีระเบียบหรือไม่ แล้วจีนก็ยังไม่เคยเจอวิกฤติแรงๆแบบเราก็ไม่รู้ว่าจะผานไปได้ไหม เพราะถ้า คนเราคาดหวังมาก เวลาผิดหวังมันจะลงแรง จุดที่มองว่าอันตรายคือราคาคอมโมดินี้
ปัจจัยลบในประเทศ ก็คือรู้สึกว่าคอนโดมันแพงขึ้น ซึ่งมองว่าสุดท้านฟองสบูมันก็จะแตกแต่ไม่รู้ว่าอีกนานไหม อย่างที่แถว TMB นี้เมือก่อนตารางเมตรละ4.5 หมื่น ตอนนี้ 7.6 หมื่น ภายในเวลาไม่ถึงปีมันขึ้นมาเยอะมากถ้ารัฐออกมาควบคุมก็จะเป้นผลลบแต่ถ้าไม่ควบคุมเลยก็อาจเป้นผลลบกว่าในอนาคต
ปัจจัยลบในประเทศ ก็คือรู้สึกว่าคอนโดมันแพงขึ้น ซึ่งมองว่าสุดท้านฟองสบูมันก็จะแตกแต่ไม่รู้ว่าอีกนานไหม อย่างที่แถว TMB นี้เมือก่อนตารางเมตรละ4.5 หมื่น ตอนนี้ 7.6 หมื่น ภายในเวลาไม่ถึงปีมันขึ้นมาเยอะมากถ้ารัฐออกมาควบคุมก็จะเป้นผลลบแต่ถ้าไม่ควบคุมเลยก็อาจเป้นผลลบกว่าในอนาคต
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 6
ธนชาติ : กังวลความผันผวนของฟัลโฟล ไทยก็เหมือนน้ำบ่อน้อย ต่างชาติเป้นช้างเวลากระโยนใส่ลงมาทีน้ำก็แตก (555) แต่ถ้าเขาขยับออกก็กระทบตรงๆ รอบนี้เขาเข้ามาด้วยความคาดหวังว่า ศก เราจะเติบโตกว่า ศก โลก และสัญยาณตอนนี้คือถ้าเขาออก ก็ได้กำไรสองต่อทั้งค่าเงินและส่วนต่างราคาหุ้น อีกด้านก็คือกรณียุบ ปชป เพราะสเถียรภาพของรัฐบาลจะส่งผลต่อโครงการต่างๆโดยตรง เงินเข้าง่าย ก้ออกง่าย ถ้าเงินบาทแข็งเร็วๆ ถึง 30 บาทก็จะกระตุ้นให้มีแรงขายทำกำไรเพราะทุนเฉลี่ยเข้าเอาเงินเข้าตอน 32 บาทได้กำไร 2 ต่อ แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือนักลงทุนสถาบันของไทยที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้นจากเดิม 10 ปีที่แล้วมีการซื้อขายประมาณ 4-5% ปัจจุบันมีถึง 20% ซึ่งจะลดความผันผวนของตลาดหุ้นบ้านเรา ตอนฝรั่งขาย 7 หมื่นล้านตอนนี้ซื้อคืน 2 หมื่นล้านก็ยังมีช่องว่างอยู่ แต่ระยะสั้นต้องระวังแรงขายทำกำไร
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 7
ถาม ขอหุ้นเด็ด 5 ตัว
เอเชียพลัส : เรามองเป็นเซคเตอร์ยังตอนนี้มีกระแสก่อสร้างกับพวกสารธูปโภค เป้ฯกระแสหลักๆที่น่าสนใจก้มี CK ที่ยังขาดทุนอยู่ เซฟโก ก็ขาดทุน ITD ขาดทุน STEC ตัวเดียสที่มีกำไร ปีนี้มีสร้างรถไฟฟ้ามากสายยังไงก็ต้องแบ่งๆงานกันไปทำให้ทุกที่มีแบคลอกเก้บไว้รับรู้รายได้ค่อนข้างมาก ตอนนี้ทาง บล ชอบ 2 ตัวคือ
CK ที่มีการลงทุนรถไฟฟ้า มีบริษัทลูกในต่างประเทศที่เริ่มมีกำไรกลับเข้ามา มีบริษัทลงทุนอยู่ก็ดีๆเช่น ttw หรือ bmcl ที่ขาดทุนน้อยลง ทำให้สนใจ
เซฟโก เป้นตัวก่อสร้างรากฐานไม่ว่าบริษัทไหนประมูลรถไฟฟ้าได้ไปงานก้น่าจะถึงเซฟโกบ้าง
จากนั้นก็มองว่าถ้ารถไฟฟ้าเสร็จ จะดึงคนรอบนอกให้ใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นทำให้ BTS จะมีจำนวนผู้โดยสารมากขึ้น จากตอนนี้ 4.3แสน อีก 4 ปีจะป็น 6 แสน 9 แสน 1 ล้านได้ ภาพของ BTS จะมีกำไรในระยะยาวกำไรสุทธิ 3 ปี 70% อีก 5 ปี PE ก็จะลดลงไปใกล้ๆกับต่างประเทศ ที่ต่างประเทศกลุ่มนี้เทรดที่ประมาณ 15 เท่า แล้วต้นทุนของสถาบันก็อยู่ที่แถวๆ 0.82 บาท
ต่อมาก็คือกลุ่มโรงกลั่นเป้นกลุ่มที่ไม่ค่อยไปไหน พลังงานก็ไม่ตค่อยไป เช่น PTTAR ขาดทุนรายได้ 50% มาจากการกลั่น 50% ปิโตร รอบนี้เจอทั้งขาดทุนสติอกต้ำมันและราคาปิโต ตามด้วยราคาน้ำมันโดนไป 3 เด้ง TOP สัดส่วน 60:40 BCP เป้นโรงกลั่น 100% ซึ่งทั้งหมดยังไม่ไปไหนเลยครึ่งหลังมองว่าราคาน้ำมันจะดีขึ้น pe ตลาด 14 แต่ละตัวก้พอสรุปได้ดังนี้
TOP PE 12 เท่า ปีหน้า 7 เท่า ปันผลประมาณ 3.8%
PTTAR PE 12 เท่า ปีหน้า 9 เท่า ปันผลประมาณ 5-6%
BCP PE 6 เท่า ปีหน้า 5 เท่า ปันผลประมาณ 6-8%
ส่วนกลุ่มอื่นๆที่ได้ประโยชน์ก็พวกท่องเที่ยว โรงแรคมที่มีคนไข้ต่างประเทศก็น่าสนใจ
เอเชียพลัส : เรามองเป็นเซคเตอร์ยังตอนนี้มีกระแสก่อสร้างกับพวกสารธูปโภค เป้ฯกระแสหลักๆที่น่าสนใจก้มี CK ที่ยังขาดทุนอยู่ เซฟโก ก็ขาดทุน ITD ขาดทุน STEC ตัวเดียสที่มีกำไร ปีนี้มีสร้างรถไฟฟ้ามากสายยังไงก็ต้องแบ่งๆงานกันไปทำให้ทุกที่มีแบคลอกเก้บไว้รับรู้รายได้ค่อนข้างมาก ตอนนี้ทาง บล ชอบ 2 ตัวคือ
CK ที่มีการลงทุนรถไฟฟ้า มีบริษัทลูกในต่างประเทศที่เริ่มมีกำไรกลับเข้ามา มีบริษัทลงทุนอยู่ก็ดีๆเช่น ttw หรือ bmcl ที่ขาดทุนน้อยลง ทำให้สนใจ
เซฟโก เป้นตัวก่อสร้างรากฐานไม่ว่าบริษัทไหนประมูลรถไฟฟ้าได้ไปงานก้น่าจะถึงเซฟโกบ้าง
จากนั้นก็มองว่าถ้ารถไฟฟ้าเสร็จ จะดึงคนรอบนอกให้ใช้รถไฟฟ้ามากขึ้นทำให้ BTS จะมีจำนวนผู้โดยสารมากขึ้น จากตอนนี้ 4.3แสน อีก 4 ปีจะป็น 6 แสน 9 แสน 1 ล้านได้ ภาพของ BTS จะมีกำไรในระยะยาวกำไรสุทธิ 3 ปี 70% อีก 5 ปี PE ก็จะลดลงไปใกล้ๆกับต่างประเทศ ที่ต่างประเทศกลุ่มนี้เทรดที่ประมาณ 15 เท่า แล้วต้นทุนของสถาบันก็อยู่ที่แถวๆ 0.82 บาท
ต่อมาก็คือกลุ่มโรงกลั่นเป้นกลุ่มที่ไม่ค่อยไปไหน พลังงานก็ไม่ตค่อยไป เช่น PTTAR ขาดทุนรายได้ 50% มาจากการกลั่น 50% ปิโตร รอบนี้เจอทั้งขาดทุนสติอกต้ำมันและราคาปิโต ตามด้วยราคาน้ำมันโดนไป 3 เด้ง TOP สัดส่วน 60:40 BCP เป้นโรงกลั่น 100% ซึ่งทั้งหมดยังไม่ไปไหนเลยครึ่งหลังมองว่าราคาน้ำมันจะดีขึ้น pe ตลาด 14 แต่ละตัวก้พอสรุปได้ดังนี้
TOP PE 12 เท่า ปีหน้า 7 เท่า ปันผลประมาณ 3.8%
PTTAR PE 12 เท่า ปีหน้า 9 เท่า ปันผลประมาณ 5-6%
BCP PE 6 เท่า ปีหน้า 5 เท่า ปันผลประมาณ 6-8%
ส่วนกลุ่มอื่นๆที่ได้ประโยชน์ก็พวกท่องเที่ยว โรงแรคมที่มีคนไข้ต่างประเทศก็น่าสนใจ
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 8
ทรินิตี้ : IVL กำไรจริงๆ 1500 ล้าน กำไรที่ดีของ ivl มาจากช่วงที่ย่ำแย่ของ pttar ซึ่งในตลาดโลกซับพลายเยอะมากขึ้นโดยเฉพาะพวกปิโตรกลางน้ำ ทำให้ถูกกดดันจากราคาขาย เกิดผลดีต่อ ivlจะมีต้นทุนที่ต่ำกับ ivl โตตามธุระกิจอาหาร บรรจุภัณตอบโจทย์ชีวิตคนรุ่นใหม่ โดย ivl มีตลาดในยุโรป เมกา ไทย เป้นการกระจายรายได้แล้วยังมีลูกค้าเป้นโค้กและแป๊บซี่ด้วย ราคาเป้าหมาย 29 บาท
RCL ไตรมาส 2 ขาดทุน แต่พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว Q3 จะพลิกมามีกำไรแล้วปี 54 จะมีกำไรถึง 2.4 บาท เทียบกับปีนี้ที่ย่ำแย่แล้วฟื้นตัว ดัชนีเรือตู้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 เหรียญ เทียบกับปีนีที่ 147 เหรียญ มีปริมาณเรือเพิ่มขึ้น 4% แต่แค่ rcl บริหารจัดการเรือที่มีอยู่ก็น่าจะทำให้กำไรดีขึ้นได้แล้วเป้าราคาที่ 18.4 บาท
SF หุ้นชาตินี้ไม่มีวันพีค โมเดลคล้ายๆโมเดินเทรด มีการพัฒนาพื้นที่เป้ฯลิวล่าต่างๆ วิลล่าพหลโยธิน เอเวนิว ล่าสูดก็ร่วมทุนกับไอเกียทำเมกะบางนาซึ่งเป้นโปรเจคใหญ่ เปิดปลายปี 54 เปิดจองแล้วประมาณ 50% น่าจะประสบความสำเร็จ เป้า 7 บาท
TUF การเติบโตเป้นแบบการซื้อกิจการ ล่าสุดไปวื้อ MW มาเป้นารก่อหนี้เพื่อเติบโต ไม่น่ากังวลอะไร เพราะแบรนทูน่าอันดับต้นๆของยุโรบมา โดยได้ทั้งกำลังผลิต กับลูกค้า เป้า 63 บาท
SAMART ช่วงนี้กลุ่มสื่อสารค่อนข้างร้อนแรง ซึ่งสามารถก็อยู่ในกลุ่มขายโทรศัพก็เรื่อยๆ กำไรต่อหุ้นแบบธรรมดาก็ 0.7 บาท นอกจากนั้นยังมีโปรเจคมีเพียบทั้งติดตั้งจานดาวเทียมใหม่ของ กศท ที่เป็นแบบจานเดียวใช้ได้หมดไม่ต้องติดหลายๆจาน ถ้าได้มาก็ eps อีก 0.2 บาท NGV ก็มีสามารถโผล่ไปในโผด้วยถ้าได้ก็เป้นรายได้อีกเล็กๆ เป้า 10 บาท ถ้าได้จานดาวเทียมก็เป้า 11-12 บาท ได้ ngv ก็เพิ่มอีก 2 บาท
RCL ไตรมาส 2 ขาดทุน แต่พ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว Q3 จะพลิกมามีกำไรแล้วปี 54 จะมีกำไรถึง 2.4 บาท เทียบกับปีนี้ที่ย่ำแย่แล้วฟื้นตัว ดัชนีเรือตู้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 200 เหรียญ เทียบกับปีนีที่ 147 เหรียญ มีปริมาณเรือเพิ่มขึ้น 4% แต่แค่ rcl บริหารจัดการเรือที่มีอยู่ก็น่าจะทำให้กำไรดีขึ้นได้แล้วเป้าราคาที่ 18.4 บาท
SF หุ้นชาตินี้ไม่มีวันพีค โมเดลคล้ายๆโมเดินเทรด มีการพัฒนาพื้นที่เป้ฯลิวล่าต่างๆ วิลล่าพหลโยธิน เอเวนิว ล่าสูดก็ร่วมทุนกับไอเกียทำเมกะบางนาซึ่งเป้นโปรเจคใหญ่ เปิดปลายปี 54 เปิดจองแล้วประมาณ 50% น่าจะประสบความสำเร็จ เป้า 7 บาท
TUF การเติบโตเป้นแบบการซื้อกิจการ ล่าสุดไปวื้อ MW มาเป้นารก่อหนี้เพื่อเติบโต ไม่น่ากังวลอะไร เพราะแบรนทูน่าอันดับต้นๆของยุโรบมา โดยได้ทั้งกำลังผลิต กับลูกค้า เป้า 63 บาท
SAMART ช่วงนี้กลุ่มสื่อสารค่อนข้างร้อนแรง ซึ่งสามารถก็อยู่ในกลุ่มขายโทรศัพก็เรื่อยๆ กำไรต่อหุ้นแบบธรรมดาก็ 0.7 บาท นอกจากนั้นยังมีโปรเจคมีเพียบทั้งติดตั้งจานดาวเทียมใหม่ของ กศท ที่เป็นแบบจานเดียวใช้ได้หมดไม่ต้องติดหลายๆจาน ถ้าได้มาก็ eps อีก 0.2 บาท NGV ก็มีสามารถโผล่ไปในโผด้วยถ้าได้ก็เป้นรายได้อีกเล็กๆ เป้า 10 บาท ถ้าได้จานดาวเทียมก็เป้า 11-12 บาท ได้ ngv ก็เพิ่มอีก 2 บาท
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 9
ธนาชาติ : SCC ตลอดช่วง 4-5ปีอยู่ในช่วงของการลงทุนเพิ่มเติบโตหลังจากนี้เป้นช่วงเก็บเกี่ยวผลงาน กระแสเงินสดจะกลับมา ปันผลจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง ธุรกิจผานจุดต่ำสุดไปแล้ว ถึงปิโตจะยังไม่มาก็ตามที หนี้สินต่อทุน 0.8 เท่าปีหน้าเหลือ 0.5 เท่า ปันผล 10.5 บาท ปีหน้าน่าจะได้ถึง 15 บาท และจะกลับไปแอยู่ที่ 7% ได้ในปีต่อไป เป้าหมายที่ 340 บาท
LPN ความกังวลเรื่องฟองสบูมีมากไป อีก 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง แบลกลอกรับรู้รายได้ปีนี้ 100% ปีหน้า 65% แล้ว PE 7.2เท่า ปันผล 5.4% ปีหน้าประมาณ 7% เมือ่เทียบกับ PS Spali ที่ใกล้เต็มมูลค้าแล้ว เป้ามหมาย 13 บาท
BANPU ตัวนี้ได้เทคโอเวอรเหมืองถ่านหินมาจากออสเตเลีย น่าจับตาว่าถ้าการเลือกตั้งของประเทศนั้นพรรคแรงงานได้ชัยชนะนโยบายเก้บภาษีเหมือนแร่และถ่านหินคงเดิมก็จะช่วยเพิ่มูลค่าให้บ้านปูได้ แต่อีกฝั่งมีนโยบายขึ้นภาษี และการลงทุนครั้งนี้จะช่วงสร้างควมเติบโตให้บ้านปูในระยะยาวต่อไป
Thai เป้นหุ้นเทินอะราวชัดเจน ปีที่แล้วสามารถประหยัดต้นทุนที่ไม่ใช่เชื่อเพลงได้ 1300 ล้าน และตั้งเป้าลดให้ได้อีก 20000 ล้าน และมีการบริหารเชือ่เพลิงที่ดีขึ้น มีการปรับราคาตั๋วตามค่าน้ำมัน จุดเปลี่ยนคือการปรับโครงสร้างทางการเงิน เพิ่มทุน 50% ให้คลังถือเพิ่ม 2 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมแบบไม่ XR สำหรับคนมีชื่อวันที่ 30 สิงหา ถ้าเหลือจะกระจายต่อไปซึ่งเม็ดเงินเพิ่มทุนปรัมาณ 15000 ล้าน ไดรูดไม่เกิน 11% ราคา PO น่าจะประมาณ 30 บาท ซึ่งอาจมีการปรับเป้น 37 บาท ตอนนี้ บลให้เป้าไว้ที่ 42 บาท น่าจะมีการปรับประมาณการขึ้นเป้น 50 บาท หลังเพิ่มทุนและเอาเงินไปซื้อฝูงบินใหม่ ซึ่งประหยัดเชื่อเพลิงกว่าเครื่องบินเกา 11% และไม่ต้องจอดซ่อมนาน
CALL BLA ซึ่งเติบฌตได้อีกตลอด 5 ปีข้างหน้า แต่อาจต้องรอโอกาสลงทุนไปก่อน ราคาตอนนี้ไม่ถูก
LPN ความกังวลเรื่องฟองสบูมีมากไป อีก 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง แบลกลอกรับรู้รายได้ปีนี้ 100% ปีหน้า 65% แล้ว PE 7.2เท่า ปันผล 5.4% ปีหน้าประมาณ 7% เมือ่เทียบกับ PS Spali ที่ใกล้เต็มมูลค้าแล้ว เป้ามหมาย 13 บาท
BANPU ตัวนี้ได้เทคโอเวอรเหมืองถ่านหินมาจากออสเตเลีย น่าจับตาว่าถ้าการเลือกตั้งของประเทศนั้นพรรคแรงงานได้ชัยชนะนโยบายเก้บภาษีเหมือนแร่และถ่านหินคงเดิมก็จะช่วยเพิ่มูลค่าให้บ้านปูได้ แต่อีกฝั่งมีนโยบายขึ้นภาษี และการลงทุนครั้งนี้จะช่วงสร้างควมเติบโตให้บ้านปูในระยะยาวต่อไป
Thai เป้นหุ้นเทินอะราวชัดเจน ปีที่แล้วสามารถประหยัดต้นทุนที่ไม่ใช่เชื่อเพลงได้ 1300 ล้าน และตั้งเป้าลดให้ได้อีก 20000 ล้าน และมีการบริหารเชือ่เพลิงที่ดีขึ้น มีการปรับราคาตั๋วตามค่าน้ำมัน จุดเปลี่ยนคือการปรับโครงสร้างทางการเงิน เพิ่มทุน 50% ให้คลังถือเพิ่ม 2 ให้ผู้ถือหุ้นเดิมแบบไม่ XR สำหรับคนมีชื่อวันที่ 30 สิงหา ถ้าเหลือจะกระจายต่อไปซึ่งเม็ดเงินเพิ่มทุนปรัมาณ 15000 ล้าน ไดรูดไม่เกิน 11% ราคา PO น่าจะประมาณ 30 บาท ซึ่งอาจมีการปรับเป้น 37 บาท ตอนนี้ บลให้เป้าไว้ที่ 42 บาท น่าจะมีการปรับประมาณการขึ้นเป้น 50 บาท หลังเพิ่มทุนและเอาเงินไปซื้อฝูงบินใหม่ ซึ่งประหยัดเชื่อเพลิงกว่าเครื่องบินเกา 11% และไม่ต้องจอดซ่อมนาน
CALL BLA ซึ่งเติบฌตได้อีกตลอด 5 ปีข้างหน้า แต่อาจต้องรอโอกาสลงทุนไปก่อน ราคาตอนนี้ไม่ถูก
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 11
จิตวิตยาพฤติกรรมการลงทุนและกลยุทธ์หุ้น
ขออนุญาติสรุปเป็นภาษาของผมเองนะครับพอดีแอบไม่ได้ตั้งใจฟังตลอด อิอิ
อ.สมชาย : ตลาดหุ้นมีวิวัตนาการ ในระยะแรกๆเป้นการสะสมความรู้ การซื้อขายตามสัญชาติญาณ ตัวไหนที่แรงๆกำลังวิ่งกำลังขึ้นก็เคาะๆตามกันไป
พอระดับการศึกษาเพิ่มขึ้น ก็มีการแบ่งออกเป้นศึกษาปัจจัยพื้นฐาน และวิเคราะห์เทคนิค ซึ่งนักลงทุนก็เรียนรู้และจดจำการลงทุนนั้นๆ การรับรู้ข้อเท็จจริงเดียวกันก็อาจตีความต่างกันตาม เพอเซฟชั่นที่เคยมีหรือ เช่น หุ้นตัวหนึ่งยังไม่มีกำไร คนนึงก็เลือกที่จะไม่ซื้อเพราะยังไม่เห้นกำไรตามความคิดของตัวเอง อีกคนก็รู้ไม่มีกำไรแต่ก็มองว่าอนาคตมีกำไรก็ซื้อตามความคิดของเขาที่สะสมมา
ตัวอย่างที่ 2 นักลงทุนที่มองพื้นฐานก็จะหาหุ้นที่มีปันผล พื้นฐานดี ศึกษา eps ก็อาจยังมองไม่เหมือนกันอย่างทิศโก้ เมือ่ก่อนไม่มีปันผล เอากำไรไปลงทุนต่อ คนที่ลงทุนพื่นฐานก็ยังมีคนซื้อเพราะมองว่าเอาเงินไปลงทึนมีอนาคตหวังจากโกรทส่วนต่างราคา บางคนมองว่าไม่ปันผลก็ไม่ซื้อ ถ้าคนที่มองมุมไหนมีเงินมีพลังมากกว่าก็ผลักดันหุ้นไปในทิศทางที่ตนเห็นว่าควรจะเป็น
เทคนิคก็เปฌนจิตวิทยาอย่างหนึ่งเช่น สัญญาณซื้อขายหุ้นเหมือนกัน ซึ่งหมายถึงมีคนกลุ่มใหญ่ๆมีพลังมากกำลังขายซื้อหรือขายหุ้นไปทางนั้นๆก็เป้นตัวกำหนดทิสทางของหุ้นได้ เช่น คนที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องไม่รู้จะไปไหนเพราะไม่แน่ใจกราฟก็ไซต์เวย์ไปเรื่อยๆ พอมีแรงของคนมากลุ่มตุ้นคือคนตัดสินใจเดินออกไปจากห้องนั่นคือเค้าไปแล้วความจัดเจนเกิดว่าไม่มีคนอยู่ในห้องก็เป้นสัญญาณซื้อหรือขายทันที
ระบะที่ 3 มีต่างชาติเข้ามาก็ต้องเข้าใจความรู้สึกนึกคิดเขาด้วยว่านอกจากเรามองภายในเราแล้วเปนไงฝรั่งมองเราก็อาจไม่เหมือนยเรามองตัวเอง
สรุปแล้วตลาดหุ้น เป้นปฏิสัมพันธ์ของจิตวิทยากับปัจจัยพื้นฐาน
ขออนุญาติสรุปเป็นภาษาของผมเองนะครับพอดีแอบไม่ได้ตั้งใจฟังตลอด อิอิ
อ.สมชาย : ตลาดหุ้นมีวิวัตนาการ ในระยะแรกๆเป้นการสะสมความรู้ การซื้อขายตามสัญชาติญาณ ตัวไหนที่แรงๆกำลังวิ่งกำลังขึ้นก็เคาะๆตามกันไป
พอระดับการศึกษาเพิ่มขึ้น ก็มีการแบ่งออกเป้นศึกษาปัจจัยพื้นฐาน และวิเคราะห์เทคนิค ซึ่งนักลงทุนก็เรียนรู้และจดจำการลงทุนนั้นๆ การรับรู้ข้อเท็จจริงเดียวกันก็อาจตีความต่างกันตาม เพอเซฟชั่นที่เคยมีหรือ เช่น หุ้นตัวหนึ่งยังไม่มีกำไร คนนึงก็เลือกที่จะไม่ซื้อเพราะยังไม่เห้นกำไรตามความคิดของตัวเอง อีกคนก็รู้ไม่มีกำไรแต่ก็มองว่าอนาคตมีกำไรก็ซื้อตามความคิดของเขาที่สะสมมา
ตัวอย่างที่ 2 นักลงทุนที่มองพื้นฐานก็จะหาหุ้นที่มีปันผล พื้นฐานดี ศึกษา eps ก็อาจยังมองไม่เหมือนกันอย่างทิศโก้ เมือ่ก่อนไม่มีปันผล เอากำไรไปลงทุนต่อ คนที่ลงทุนพื่นฐานก็ยังมีคนซื้อเพราะมองว่าเอาเงินไปลงทึนมีอนาคตหวังจากโกรทส่วนต่างราคา บางคนมองว่าไม่ปันผลก็ไม่ซื้อ ถ้าคนที่มองมุมไหนมีเงินมีพลังมากกว่าก็ผลักดันหุ้นไปในทิศทางที่ตนเห็นว่าควรจะเป็น
เทคนิคก็เปฌนจิตวิทยาอย่างหนึ่งเช่น สัญญาณซื้อขายหุ้นเหมือนกัน ซึ่งหมายถึงมีคนกลุ่มใหญ่ๆมีพลังมากกำลังขายซื้อหรือขายหุ้นไปทางนั้นๆก็เป้นตัวกำหนดทิสทางของหุ้นได้ เช่น คนที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ในห้องไม่รู้จะไปไหนเพราะไม่แน่ใจกราฟก็ไซต์เวย์ไปเรื่อยๆ พอมีแรงของคนมากลุ่มตุ้นคือคนตัดสินใจเดินออกไปจากห้องนั่นคือเค้าไปแล้วความจัดเจนเกิดว่าไม่มีคนอยู่ในห้องก็เป้นสัญญาณซื้อหรือขายทันที
ระบะที่ 3 มีต่างชาติเข้ามาก็ต้องเข้าใจความรู้สึกนึกคิดเขาด้วยว่านอกจากเรามองภายในเราแล้วเปนไงฝรั่งมองเราก็อาจไม่เหมือนยเรามองตัวเอง
สรุปแล้วตลาดหุ้น เป้นปฏิสัมพันธ์ของจิตวิทยากับปัจจัยพื้นฐาน
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 12
ดร.นิเวศน์ : อีกเรื่องคือจิตวิทยาหมู่ คนมักจะคิดจะทำอะไรไปตามๆกัน เวลากลัวก็ทำให้คนอื่นกลัวเหมือนๆกัน หรือกล้าก็กล้าเหมือนๆกัน เช่น การข้ามถนน ถ้าข้ามคนเดียวรู้สึกกลัว แต่พอข้ามหลายๆคนก็รู้สึกอุ่นใจปลอดภัย หุ้นขึ้นคนก็เลยซื้อๆ เพราะซื้อตามกันอุ่นใจ ถ้ามันลงเราซื้อคนเดียวก็รู้สกึไม่สบายใจ
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 13
คุณพรชัย : เสริมเรื่องจิตวิทยาหมู่คือ คนเรามักรู้สึกว่า ถ้าคนบอกว่าหุ้นดีแล้วเราไม่ซื้อพอราคาขึ้นไปเราจะเจ็บใจถ้าเราไม่มี แต่ถ้าตกก็ตกหมดคือโง่เท่าๆคนอื่น เวลาหุ้นขึ้นเราไม่ได้เงินมันรู้สึกหดหู่ จิตวิทยาอื่นๆก็เช่น
1 ความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เกิดจากเราพึ่งได้กำไรมา พอขายแล้วก็ลง รู้ข้อมูลเยอะ ได้ข้อมูลเยอะ จนจุดหนึ่งเราจะรู้สึกว่าเก่งเกินความเป็นจริง ประเมินความเสี่ยงต่ำไป ก็ใช้มาจินซื้อขายหุ้นเกินตัว ก็อันตราย
2 อิทธิพลของคนอื่น คือไปอ่านกระทู้ หรือใครๆก็บอกว่ามี ดีขนาดไหน เราก็มีแนวโน้มจะซื้อตาม
3เชื่อผู้รู้ พวกกูรู พอเขาพูดอะไรก็เชือ่เลยซื้อตามพอขาดทุนถึงได้รุ้ว่าพวกนี้เป้นกูไม่รู้
4นักลงทุนจะติดกับราคาอ้างอิงคือต้นทุนของตนเองที่ซื้อมา พอเวลามันไปไกลๆก็ไม่กล้าซื้อตามเพราะคิดแต่ว่ามันขึ้นมาเยอะโดยเราลืมดูปัจจัยพื้นฐานประกอบ หรือหุ้นขึ้นมากๆก็คันมืออยากขายเพราะเราได้กำไรเยอะโดยไม่ดูว่ามันอาจไปต่อเป้นต้น หรือหุ้นตกเราเคยขายไปก็คิดว่าตกมาเยอะแล้วจากราคาที่เคยเห็นก็ไปซื้อโดยไม่ดูให้แน่ใจเป้นต้น
5 ความคุ้นเคย เรามักซื้อหุ้นที่เรารู้จัก บริษัทที่ทำงาน หรือสินค้าที่เราใช้ หรือบางทีพอรู้สึกแย่ๆก็จะไม่ซื้อเลยเพราะคิดว่าหุ้นมันคงแย่ด้วยเป้ยต้น
6ความไม่คุ้นเคย พอไม่รู้จัก ไม่เคยใช้ก็ไม่กล้าซื้อหุ้นนั้นๆ อย่างดูว่า ซิงเกอร์ไม่เคยใช้ไม่น่าจะขายได้ bgt รูปแบบเสื้อสีสันแรงไปไม่น่าขายได้ก็ไม่สนใจทั้งที่จริงๆเราอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายก็ได้
7 ความเป้นตัวแทนคือหุ้นขึ้นกำไรดี ผลประกอบการอะไรก็ดูดี เราก็ไม่คิดว่ามันจะดีต่อเนื่องไปเรือ่ยๆโดยไม่ตรวจสอบเรื่อยๆ
1 ความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป เกิดจากเราพึ่งได้กำไรมา พอขายแล้วก็ลง รู้ข้อมูลเยอะ ได้ข้อมูลเยอะ จนจุดหนึ่งเราจะรู้สึกว่าเก่งเกินความเป็นจริง ประเมินความเสี่ยงต่ำไป ก็ใช้มาจินซื้อขายหุ้นเกินตัว ก็อันตราย
2 อิทธิพลของคนอื่น คือไปอ่านกระทู้ หรือใครๆก็บอกว่ามี ดีขนาดไหน เราก็มีแนวโน้มจะซื้อตาม
3เชื่อผู้รู้ พวกกูรู พอเขาพูดอะไรก็เชือ่เลยซื้อตามพอขาดทุนถึงได้รุ้ว่าพวกนี้เป้นกูไม่รู้
4นักลงทุนจะติดกับราคาอ้างอิงคือต้นทุนของตนเองที่ซื้อมา พอเวลามันไปไกลๆก็ไม่กล้าซื้อตามเพราะคิดแต่ว่ามันขึ้นมาเยอะโดยเราลืมดูปัจจัยพื้นฐานประกอบ หรือหุ้นขึ้นมากๆก็คันมืออยากขายเพราะเราได้กำไรเยอะโดยไม่ดูว่ามันอาจไปต่อเป้นต้น หรือหุ้นตกเราเคยขายไปก็คิดว่าตกมาเยอะแล้วจากราคาที่เคยเห็นก็ไปซื้อโดยไม่ดูให้แน่ใจเป้นต้น
5 ความคุ้นเคย เรามักซื้อหุ้นที่เรารู้จัก บริษัทที่ทำงาน หรือสินค้าที่เราใช้ หรือบางทีพอรู้สึกแย่ๆก็จะไม่ซื้อเลยเพราะคิดว่าหุ้นมันคงแย่ด้วยเป้ยต้น
6ความไม่คุ้นเคย พอไม่รู้จัก ไม่เคยใช้ก็ไม่กล้าซื้อหุ้นนั้นๆ อย่างดูว่า ซิงเกอร์ไม่เคยใช้ไม่น่าจะขายได้ bgt รูปแบบเสื้อสีสันแรงไปไม่น่าขายได้ก็ไม่สนใจทั้งที่จริงๆเราอาจไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายก็ได้
7 ความเป้นตัวแทนคือหุ้นขึ้นกำไรดี ผลประกอบการอะไรก็ดูดี เราก็ไม่คิดว่ามันจะดีต่อเนื่องไปเรือ่ยๆโดยไม่ตรวจสอบเรื่อยๆ
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 14
หมอสม : หุ้นเป้นเรื่องของจิตวิทยา 60 พื้นฐาน 40 พฤติกรรมของคนที่ลงทุนมีหลายแบบ ทั้งกล้าได้กล้าเสีย กล้าได้ไม่กล้าเสีย กลัว ขี้ตกใจ ทำให้เกิดราคาขึ้น จิตวิทยาบอกว่าถ้าคนทนเห็นหุ้นลง 10% ไมได้ พอหุ้นขึ้น 10% เขาก็ทนไม่ไม่ได้จะต้องขาย เวลาหุ้นตกแรงๆคนก็จะกลัวเลยแห่ทิ้งไปตามๆกันโดยไม่พิจารณาให้ดีเพราะความกลัวครอบงำตลาด แต่ถ้าใครใจนิงวิเคราห์เหตุผลมาดีก็เข้าไปลงทุนได้ พวกนี้จะได้กำไรเพราะมีสติสิ่งสำคัฯคือบางคนรู้ ทบ หมดแต่พอเจอกับตัวเองก็ไม่รอด แบบ โคช รู้ว่าต้องเล่นยังไงถึงชนะแต่ถ้าโคชลงสนามมันก็เล่นแพ้ได้
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 15
ดร.สมชาย : ปกติแล้วคนเราจะโดยอารมณืพาไป แบบก่อนเข้าตลาดก็วางแผนมาเปนอย่างดีจะทำอย่างนี้ๆ พอถึงจุดที่เข้าไปจริงๆก็ตบะแตก ตั้งใจจะซื้อ พอเห้นคนขายๆๆๆๆๆ ก็ตกใจไม่กล้าซื้อตามแผน เป้นต้น ดังนั้นคุณต้องดูว่าคุณแบกรับความเสี่ยงได้แค่ไหน ถ้าไม่รู้ตัวเองก็ถูกชักจูงโดยอารมณืตลาดได้ง่าย เมือ่ไหรไปไหนมาไหนเห็นคนรู้สึกแย่กับหุ้นมากๆ ก็เปเนจังหวะซื้อเพราะทุกคนมองว่าแย่หมดแล้ว เล่นหุ้นตอนนี้ก็มีแต่ เสมอตัวหรือกำไร แต่ถ้าไปไหนมีแต่คนว่าดีดี ก้ควรขายเพราะมันดีแล้วคงไม่ดีไปกว่านี้แต่มีโอกาสขาดทุน ที่สำคัญก็ต้องวิเคราะห์พื้นฐานกับ ศก ให้ออกด้วย ยิ่งตอนนี้เล่นหุ้นยากกว่าเมื่อก่อนมาก เทรนต่างๆของโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก มีของใหม่ๆเกินขึ้นไปฆ่าทำลายธุรกิจเก่าๆก็ต้องดูด้วย ฟิวเจอร์เล่นตามเมกะเทรนไม่ได้เพราะถึงคุณจะรู฿ว่ามาเทรนถูกแต่คุณอาจไม่มีเงินมากพอต่อสัญญาไปเรื่อยๆ เทรดจะทำให้คุณชนะแต่คุณเจ้งเพราะไม่มีเงินซะก่อน ก็ต้องระวังสำหรับคนที่เล่น
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 16
ดร.นิเวศ : 1 ต้องดูว่าเรารับความเสี่ยงได้ไหม คนชอบขายหุ้นไปก่อนในตัวที่มีกำไรแต่เก้บหุ้นขาดทุนไว้ เพราะคนเราไม่ชอบแพ้ชอบชนะ ซึ่งไม่ถูกต้อง เค้าบอกว่า เจ็บใจเพราะขาดทุน 1 บาทมีค่าเท่ากับอารมณืดีใจที่ได้กำไร 2 บาท ทำให้คนเรามีกำไรก็ขาย ขาดทุนก็เก้บๆไว้รอจนมีกำไร ซึ่งไม่ถูกต้องควรดูพื้นฐนเป้นสำคัญ
2 คนเราชอบทำไรเวอร์เกินไป รับรุ้เหตุการณืแล้วคิดเกินจริงไป ดีก็ดีสุดๆ แย่ก็แย่มาก เช่นวิกฤติเมกา เราก็มองว่าแย่มากๆแย่กว่าปี 40 ทั้งที่จริงๆแล้วศก บริษัทเรายังดีอยู่แต่ก็คิดไปไกล พอตอนนี้เริ่มพื้นก็คิดว่าดีสุดๆแห่กันเข้าไปซือ้ๆๆ pe ไม่สนเพราะมองว่าดี ซึ่งเป้นโอกาสของคนที่มีจิตใจมั่นคง
3สนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าบ้านเราเสมอ รถเลนเราวิ่งช้าเสมอ เป็นเรื่องที่เราชอบหาหุ้นตัวใหม่ๆเรื่อยๆ คิดว่าหุ้นคนอื่นดีกว่าหุ้นเรา ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่รุ้ว่าไอ้ที่เปลี่ยนนี่ชนะจริงๆหรือเปล่า เราควรสนใจในวิธีการของเราที่พิจารณามาดีแล้ว ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป้นขาดวินัยในการลงทุน ยึดคติไว้ว่า โตไปกับบริษัทไม่ใช่โตไปกับราคาหุ้น
2 คนเราชอบทำไรเวอร์เกินไป รับรุ้เหตุการณืแล้วคิดเกินจริงไป ดีก็ดีสุดๆ แย่ก็แย่มาก เช่นวิกฤติเมกา เราก็มองว่าแย่มากๆแย่กว่าปี 40 ทั้งที่จริงๆแล้วศก บริษัทเรายังดีอยู่แต่ก็คิดไปไกล พอตอนนี้เริ่มพื้นก็คิดว่าดีสุดๆแห่กันเข้าไปซือ้ๆๆ pe ไม่สนเพราะมองว่าดี ซึ่งเป้นโอกาสของคนที่มีจิตใจมั่นคง
3สนามหญ้าข้างบ้านเขียวกว่าบ้านเราเสมอ รถเลนเราวิ่งช้าเสมอ เป็นเรื่องที่เราชอบหาหุ้นตัวใหม่ๆเรื่อยๆ คิดว่าหุ้นคนอื่นดีกว่าหุ้นเรา ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สุดท้ายไม่รุ้ว่าไอ้ที่เปลี่ยนนี่ชนะจริงๆหรือเปล่า เราควรสนใจในวิธีการของเราที่พิจารณามาดีแล้ว ถ้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจะเป้นขาดวินัยในการลงทุน ยึดคติไว้ว่า โตไปกับบริษัทไม่ใช่โตไปกับราคาหุ้น
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 18
หมอสม : ให้คิดซะว่า ซื้อแล้วลงขายแล้วขึ้นเป้นเพราะกรรม เจ้ากรรมนายเวรดลใจเรา ก็ให้รู้จักทำสมาธิ รู้จักอยู่เฉยๆ คนที่อยู่ในพายุก็ไม่เห็นทางออกถ้าออกมาได้ก็จะพบทางที่ถูกต้อง กาลามะสูตรที่เอามาปรับใช้ก็คือ อย่าเชื่อเพราะบอกต่อกันมา อย่าเชือ่เพราะเป็นอาจารย์ โบรกเกอร์ ผู้รู้ และอย่าเชื่อเพราะคิดเอาเองคนเดียว
อย่าไปเสียดายที่ผ่านๆมาข้างวหน้ายังอีกไกลถ้าเมื่อแต่มองข้างหลังเดียวข้างหน้าจะไม่สำเร้จ เวลาหุ้นขึ้นก็มักจะขึ้นมากกว่าที่เราคิด เวลาลงก็มักลงมากกว่าที่เราคิดเสมอ
อย่าไปเสียดายที่ผ่านๆมาข้างวหน้ายังอีกไกลถ้าเมื่อแต่มองข้างหลังเดียวข้างหน้าจะไม่สำเร้จ เวลาหุ้นขึ้นก็มักจะขึ้นมากกว่าที่เราคิด เวลาลงก็มักลงมากกว่าที่เราคิดเสมอ
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 19
พี่พรชัย : จุดสำคัญคือสติ เวลาเราผิดเรามักจะผิดพลาดเรื่องเดิมๆ ซึ่งถ้าเรามีสติจะทำให้ป้องกันการผิดพลาดเดิมๆ ถ้าเราวิเคราะห์ดีแล้วก็ ต้องเชื่อและตรวจสอบอยู่เสมอๆ บริษัทดีดีอาจราคาไม่ถูก
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 20
ดร.นิเวศน์ : จิตวิทยาตัวหนึ่งคือคนเรามักคิดว่าต้องทำอะไรซักอย่างมันถึงจะออกมาดี ถ้าอยู่เฉยๆไม่ดีทำไม่ได้ อย่างบริษัทถ้าผู้บริการวันๆไม่ทำไรเฉยๆอันนี้เราก็กลัว ต้องเห้นเค้าทำตัวยุ่งๆ ก็คิดว่าบริอษัทจะดี แต่จริงๆแล้วการไม่ทำอะไรเฉยๆบางครั้งก็ดี อย่างเรเกนอดีตประธานาธิดีเมกา ไม่ทำไรเท่าไหร จ้างคนเก่งๆมาทำงาน ก็ประสบความสำเร็จ การลงทุนก็เหมือนกันทำน้อยดีกว่าทำมาก ต้องหาบริษัทดีดีมาทำงานแทนเราใช้เวลาหานานหน่อย แล้วตัดสินใจเลย แต่ทำนานๆครั้ง
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 21
พี่พรชัย : กลยุทที่พอช่วยได้คือ เขียนไว้ล่วงหน้าว่าจะซื้อขายหุ้นที่เท่าไหร พอถึงตอนนั้นก็ทำไปเลยเพราะเราได้วิเคราะห์ออกมาดีแล้วโดยปราศจากอารมณ์ หรือ เราก็ตั้งเป้นกฏในการหาหุ้นมาเลย ถ้าไม่ตรงตามก็ก็อย่าไปซื้อทำให้เรามีวินัย
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 22
อีกเรื่องคืออะไรที่เรารู้สึกขัดแย้งจะไม่ค่อยฟังอะไรที่พูดตรงใจจะสนใจฟังเป่นพิเศษก็ต้องปรับให้ฟังด้วยใจที่เป้นกลางเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ให้หมด
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 23
ผิดถูกประการใดขออภัยด้วยครับ รอบนี้ที่ช้าเพราะคอมที่บ้านเสีย เลยต้องกลับมาพิมให้ที่หอครับ
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 24
พี่ champ นี่สุดยอดจริงๆ
ผมอยู่ในงานแท้ๆยังไม่ได้เรื่องราวมากเท่ากับอ่านจากที่พี่สรุปเลย
ขอบคุณมากๆครับ
ผมอยู่ในงานแท้ๆยังไม่ได้เรื่องราวมากเท่ากับอ่านจากที่พี่สรุปเลย
ขอบคุณมากๆครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 25
เล็กเชอร์ได้สุดยอดเหมือนเคย
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
http://pefinance.wordpress.com/about/
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปงานสัมนาฟันธงหุ้นเด่นกับจิตวิทยาการลงทุนครับ
โพสต์ที่ 26
ทั้งหล่อ ทั้งใจดี
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/