ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 5
ใครขายประกันครับ อยากคุยด้วยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆWarantact เขียน:มีช๊อย ปกติขายประกันอยู่ และกำลังจะไปขายคนที่คิดว่าจะทำเพิ่ม
ไหมครับ?
อยากถาม2เรื่องครับ
1.คนที่ทำประกันเต็มวงเงิน1แสนพอดี มีประมาณกี่%ของทั้งหมดครับ
2.มูลค่ากรรมธรรม์ของกลุ่มนี้คิดเป็นประมาณกี่%ครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 6
เด๋วถามให้นะ บ้านผมทำประกันมาสามชั่วคนแล้ว
ขอไปคุ้ยข้อมูลหน่อย
ถ้าคร่าวๆนะครับ คนรวยจะทำเกินแสนไปมาก ส่วนชนชั้นกลางจะทำไว้หักภาษีนิดหน่อย
คนจน น่าทำที่สุดแต่ไม่ยอมทำ 5555
กี่% ไม่รู้หรอกครับ แต่รายใหญ่ๆไม่กี่รายจ่ายเบี้ยเยอะกว่ารายเล็กเป็นกองทัพ
ดูแลง่ายกว่าด้วย
ขอไปคุ้ยข้อมูลหน่อย
ถ้าคร่าวๆนะครับ คนรวยจะทำเกินแสนไปมาก ส่วนชนชั้นกลางจะทำไว้หักภาษีนิดหน่อย
คนจน น่าทำที่สุดแต่ไม่ยอมทำ 5555
กี่% ไม่รู้หรอกครับ แต่รายใหญ่ๆไม่กี่รายจ่ายเบี้ยเยอะกว่ารายเล็กเป็นกองทัพ
ดูแลง่ายกว่าด้วย
- Coca-Cola
- Verified User
- โพสต์: 326
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 7
ความคุ้มค่า...
ระหว่างการทำประกันผ่าน
1. ธนาคาร เช่นกสิกร, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์ เป็นต้น
2. สถานบันประกันทั่วๆไป เช่น AIA, อลิอัน, กรุงเทพประกันภัย เป็นต้น
ทั้ง 2 กลุ่ม เมื่อเราจ่ายเบี้ยประกันในจำนวนที่เท่ากัน ถ้ามองความคุ้มค่าของผลตอบแทนต่เรา เราควรจะทำที่ไหนดีครับ และอย่างไร
ใครมีตัวเลขมาแชร์บ้าง
ปล. พอดีว่าผมก็เห็นสมควรที่ตัวผมจะทำนะครับ แต่ก็ติดที่ว่าไม่ค่อยใส่ใจศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบเหล่านี้เลย เห็นที่ไรก็เวียนเฮดอะ
ระหว่างการทำประกันผ่าน
1. ธนาคาร เช่นกสิกร, กรุงเทพ, ไทยพาณิชย์ เป็นต้น
2. สถานบันประกันทั่วๆไป เช่น AIA, อลิอัน, กรุงเทพประกันภัย เป็นต้น
ทั้ง 2 กลุ่ม เมื่อเราจ่ายเบี้ยประกันในจำนวนที่เท่ากัน ถ้ามองความคุ้มค่าของผลตอบแทนต่เรา เราควรจะทำที่ไหนดีครับ และอย่างไร
ใครมีตัวเลขมาแชร์บ้าง
ปล. พอดีว่าผมก็เห็นสมควรที่ตัวผมจะทำนะครับ แต่ก็ติดที่ว่าไม่ค่อยใส่ใจศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบเหล่านี้เลย เห็นที่ไรก็เวียนเฮดอะ
CI(Celebrity Investment) <----- oh! My GOD ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 8
อันนี้เอามาเปิดเผยแบบเป็นผลเสียกับอาชีพที่บ้านเลยนะครับ
ซื้อกับแบงค์คุ้มกว่าครับ
ในแง่ผลตอบแทนรวม เพราะแบงค์ไม่ต้องจ่ายคอมมิชชั่นให้ตัวแทน ผมตอบแทนจะได้เต็มๆ โดยทั่วไปถ้าคุ้มครองเท่ากัน เบี้ยจะถูกกว่า ถ้าคุณไม่โดนอะไรแบงค์คุ้มกว่าครับ
แต่ถ้าโดนขึ้นมา แบงค์ไม่ดูแลให้ครับ ทำเอง เคลมเอง ทุกอย่าง
ตัวแทน ถ้าไม่ดีก็ไม่ดูแลให้เช่นกัน
มีเพียงตัวแทนดีเท่านั้นที่จะดูแลให้ทุกอย่าง
สรุป ถ้าตัวแทนดี ก็ควรซื้อกับตัวแทน ส่วนที่เป็นพรีเมียมก็ถือเป็นค่าบริการไป
แต่กว่าจะรู้ว่าตัวแทนไหนดีไม่ดีก็ตอนจะตายนู่น 5555
ซื้อกับแบงค์คุ้มกว่าครับ
ในแง่ผลตอบแทนรวม เพราะแบงค์ไม่ต้องจ่ายคอมมิชชั่นให้ตัวแทน ผมตอบแทนจะได้เต็มๆ โดยทั่วไปถ้าคุ้มครองเท่ากัน เบี้ยจะถูกกว่า ถ้าคุณไม่โดนอะไรแบงค์คุ้มกว่าครับ
แต่ถ้าโดนขึ้นมา แบงค์ไม่ดูแลให้ครับ ทำเอง เคลมเอง ทุกอย่าง
ตัวแทน ถ้าไม่ดีก็ไม่ดูแลให้เช่นกัน
มีเพียงตัวแทนดีเท่านั้นที่จะดูแลให้ทุกอย่าง
สรุป ถ้าตัวแทนดี ก็ควรซื้อกับตัวแทน ส่วนที่เป็นพรีเมียมก็ถือเป็นค่าบริการไป
แต่กว่าจะรู้ว่าตัวแทนไหนดีไม่ดีก็ตอนจะตายนู่น 5555
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณมากๆครับ ผมลองวิเคราะห์ดูนะครับWarantact เขียน:เด๋วถามให้นะ บ้านผมทำประกันมาสามชั่วคนแล้ว
ขอไปคุ้ยข้อมูลหน่อย
ถ้าคร่าวๆนะครับ คนรวยจะทำเกินแสนไปมาก ส่วนชนชั้นกลางจะทำไว้หักภาษีนิดหน่อย
คนจน น่าทำที่สุดแต่ไม่ยอมทำ 5555
กี่% ไม่รู้หรอกครับ แต่รายใหญ่ๆไม่กี่รายจ่ายเบี้ยเยอะกว่ารายเล็กเป็นกองทัพ
ดูแลง่ายกว่าด้วย
ขั้นที่1 ลองจัดกลุ่มใหม่ดู
ทำประกันเพิ่มอีก1แสน 8%
ไม่แน่ใจ 1+12=16%
ไม่ทำเพิ่มอีกแล้ว 8+24+44/2=54%
ไม่เคยทำ 44/2=22%
ขั้นที่2 ลองเอาส่วนไม่เคยทำออก แล้วปรับ%ใหม่
ทำประกันเพิ่มอีก1แสน 8/0.78=10%
ไม่แน่ใจ 16/0.78=21%
ไม่ทำเพิ่มอีกแล้ว 54/0.78=69%
ขั้นที่3 ลองใส่มูลค่าน้ำหนักของการทำประกัน
ทำประกันเพิ่มอีก1แสน 10%*100,000=10,000
ไม่แน่ใจ 21%*50,000=10,500
ไม่ทำเพิ่มอีกแล้ว 69%*10,000=6,900
รวมมูลค่าประกันเดิม27,400
ขั้นที่4 ให้การเติบโต
ทำประกันเพิ่มอีก1แสน 10,000*2.0=20,000
ไม่แน่ใจ 10,500*1.5=15,750
ไม่ทำเพิ่มอีกแล้ว 6,900*1.0=6,900
รวมมูลค่าประกันที่โตแล้ว42,650
ขั้นที่4 สรุปกลุ่มประกันชีวิตรายบุคคลโต
(42,650/27,400-1)*100=55.6%
ขั้นที่5 สรุปบริษัทประกันโต
สัดส่วนรายได้กรรมธรรม์รายบุคคล
(ผมจำไม่ได้T^T เอากลมๆก่อนนะครับ 80% ขอเดาก่อนแล้วค่อยมาปรับตัวเลขกันทีเดียวหลักจากได้ข้อมูลจากน้องWarantact หรือพี่ท่านอื่นๆนะครับ)
80%*55.6% =44%
ถ้าสมมุติตัวเลขนี้ถูกต้อง(ขอโพสตั้งเป็นตุ๊กตาไว้ก่อนนะครับ แล้วค่อยมาปรับกันอีกที)
จะสามารถสรุปได้ว่า กรรมธรรม์น่าจะโตจากสาเหตุปรับลดหย่อนภาษี44%
ซึ่งรวมกับการเติบโตรวมของกลุ่มที่15% ดังนั้นรายได้จะโต44+15=59%
ซึ่งไม่รวมกรณีแย่งมาร์เกตแชร์ ซึ่งหุ้นประกันชีวิต2ตัวในตลาดสามารถแย่งมาร์เกตแชร์ได้เรื่อยๆ ถ้าเอากลมๆของสองตัวนี้ น่าจะแย่งได้ปีละ10%ของยอดเดิม
ดังนั้นรายได้ที่เติ่มโตหลังจากรวมทุกสิ่งทุดอย่างแล้วคือ
59*1.1=65% จบครับ......
ที่เหลือนั่งรอตัวเลขและคำวิจารณ์จากพี่ๆกันครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 10
ขึ้นกับฐานลูกค้าด้วยครับ
ถ้าของเดิมใครจ่ายเบี้ยอยู่แสนนึงแล้ว พวกนี้ร้อยละ80-90จะซื้อเพิ่มครับ
ด้วยเหตุผลทางภาษีล้วนๆ
พวกรายเล็กๆไม่ซื้อครับ
บริษัทที่ได้ประโยชน์มากคือ AIA ครับ เพราะรายใหญ่ส่วนมากทำที่นี่
อันดับสองไทยประกันนี่ เต็มไปด้วยรายเล็กๆ ยิบๆ ไม่ค่อยโดนอะไร
แบงค์นี่ไม่รู้แฮะ
ถ้าของเดิมใครจ่ายเบี้ยอยู่แสนนึงแล้ว พวกนี้ร้อยละ80-90จะซื้อเพิ่มครับ
ด้วยเหตุผลทางภาษีล้วนๆ
พวกรายเล็กๆไม่ซื้อครับ
บริษัทที่ได้ประโยชน์มากคือ AIA ครับ เพราะรายใหญ่ส่วนมากทำที่นี่
อันดับสองไทยประกันนี่ เต็มไปด้วยรายเล็กๆ ยิบๆ ไม่ค่อยโดนอะไร
แบงค์นี่ไม่รู้แฮะ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณครับ แต่AIAโดนแย่งมาร์เกตแชร์ๆเลยนิครับ ถ้ารวมปัยยลบและบวกอาจจะโตน้อยกว่าตัวอื่นๆWarantact เขียน:ขึ้นกับฐานลูกค้าด้วยครับ
ถ้าของเดิมใครจ่ายเบี้ยอยู่แสนนึงแล้ว พวกนี้ร้อยละ80-90จะซื้อเพิ่มครับ
ด้วยเหตุผลทางภาษีล้วนๆ
พวกรายเล็กๆไม่ซื้อครับ
บริษัทที่ได้ประโยชน์มากคือ AIA ครับ เพราะรายใหญ่ส่วนมากทำที่นี่
อันดับสองไทยประกันนี่ เต็มไปด้วยรายเล็กๆ ยิบๆ ไม่ค่อยโดนอะไร
แบงค์นี่ไม่รู้แฮะ
งั้นคนที่ทำประกันเต็มวงเงินลดหย่อนภาษีมีประมาณกี่%ของคนทั้งหมดหรอครับ
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 760
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 12
จุดประสงค์หลักที่ทำประกัน
ผมมองเป็นข้อๆตามนําหนักมากไปน้อย ดังนี้ครับ
1 คือเพื่อลดหย่อนภาษี ทีนี้จะทำมากเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับฐานภาษีและรายได้ของแต่ละคนแน่ๆครับ
2 มีประกันก็ดี เจ็บป่วยรักษาใน รพ.เอกชน ได้โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยเพราะประกันออกให้ และผมว่าอย่างไรเสีย รพ.เอกชนก็มีมาตฐานการวินิจฉัยและรักษาที่ดีกว่า รพ.ของรัฐครับ เพราะของรัฐมักเน้นประหยัดงบ รพ.ไว้ก่อนจะตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษอะไรที่ค่าใช้จ่ายสูง ถ้าไม่ค่อยจำเป็นจริงๆก็ไม่ค่อยตรวจให้คนไข้ถ้าไม่สงสัยจริงๆ ต่างกับเอกชนเขาตรวจให้เลยเพราะ ตรวจแล้วเขาได้สตางค์ ตอนจ่ายยาก็แบบเดียวกัน รพ.เอกชนก็มีแนวโน้มจ่ายยาที่ high กว่าของ รพ รัฐมาก
อีกอย่างครับ คนป่วยบ่อยจะรู้สึกว่าทำประกันแล้วคุ้มค่ามากครับ แต่คนไม่ค่อยป่วยจะมองตรงกันข้าม แต่เรื่องความเจ็บป่วยไม่มีใครรู้ล่วงหน้านะครับว่ามันจะมาเมื่อไหร่ มีประกันไว้ก็อุ่นใจครับ ยิ่งเป็นโรคร้ายแรงเช่นเป็น มะรงมะเร็งขื้นมา ผมเห็นคนรวยอายุมากบางคนอยากทำประกันชีวิตแต่เขาไม่รับทำให้มีเยอะนะครับ ดังนั้นถ้าทำไว้เนิ่นๆ ตอนแก่ตัวลงจะมีหลักประกันนะครับ
3 ได้ดอกเบี้ยดีกว่าฝากแบงค์นิดหน่อย ด้านความมั่นคงปลอดภัยของเงินต้นว่าจะสูญหรือไม่ก็คงอยู่ที่การเลือกบริษัทประกันที่จะทำนะครับ
(สำหรับคำถามตามโพล ตัวผมเองตอบข้อ 1 ครับ)
ผมมองเป็นข้อๆตามนําหนักมากไปน้อย ดังนี้ครับ
1 คือเพื่อลดหย่อนภาษี ทีนี้จะทำมากเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับฐานภาษีและรายได้ของแต่ละคนแน่ๆครับ
2 มีประกันก็ดี เจ็บป่วยรักษาใน รพ.เอกชน ได้โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยเพราะประกันออกให้ และผมว่าอย่างไรเสีย รพ.เอกชนก็มีมาตฐานการวินิจฉัยและรักษาที่ดีกว่า รพ.ของรัฐครับ เพราะของรัฐมักเน้นประหยัดงบ รพ.ไว้ก่อนจะตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษอะไรที่ค่าใช้จ่ายสูง ถ้าไม่ค่อยจำเป็นจริงๆก็ไม่ค่อยตรวจให้คนไข้ถ้าไม่สงสัยจริงๆ ต่างกับเอกชนเขาตรวจให้เลยเพราะ ตรวจแล้วเขาได้สตางค์ ตอนจ่ายยาก็แบบเดียวกัน รพ.เอกชนก็มีแนวโน้มจ่ายยาที่ high กว่าของ รพ รัฐมาก
อีกอย่างครับ คนป่วยบ่อยจะรู้สึกว่าทำประกันแล้วคุ้มค่ามากครับ แต่คนไม่ค่อยป่วยจะมองตรงกันข้าม แต่เรื่องความเจ็บป่วยไม่มีใครรู้ล่วงหน้านะครับว่ามันจะมาเมื่อไหร่ มีประกันไว้ก็อุ่นใจครับ ยิ่งเป็นโรคร้ายแรงเช่นเป็น มะรงมะเร็งขื้นมา ผมเห็นคนรวยอายุมากบางคนอยากทำประกันชีวิตแต่เขาไม่รับทำให้มีเยอะนะครับ ดังนั้นถ้าทำไว้เนิ่นๆ ตอนแก่ตัวลงจะมีหลักประกันนะครับ
3 ได้ดอกเบี้ยดีกว่าฝากแบงค์นิดหน่อย ด้านความมั่นคงปลอดภัยของเงินต้นว่าจะสูญหรือไม่ก็คงอยู่ที่การเลือกบริษัทประกันที่จะทำนะครับ
(สำหรับคำถามตามโพล ตัวผมเองตอบข้อ 1 ครับ)
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
ทำอย่างไรให้ IRR ของประกันชีวิตสูงขึ้นเกิน 20%
โพสต์ที่ 13
ก่อนอื่น ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ไม่ได้คิดมาหากินกับเพื่อนๆในบอร์ดนี้ เอาว่าที่เข้ามาเขียน เพราะต้องการแชร์ประสบการณ์กันมากกว่า
อย่างที่รู้ๆ ถ้ามองในมุม investment การประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่ IRR ต่ำมาก ยกเว้นซื้อวันนี้ ตายพรุ่งนี้ จุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์คือการคุ้มครองความเสี่ยงมากกว่า (Human asset protection) ส่วนเรื่องเงินออมตอนเกษียณ ผมว่าทุกคนคงมีแนวทางของตัวเอง ประกันอาจเป็นตัวเลือกหนึ่ง ในการจัดสัดส่วนการออม ผลตอบแทนที่แน่นอนในอนาคต จึงเป็นการวางแผนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ได้
การลดหย่อนภาษีจึงเป็นนโยบายที่นำมาใช้ให้เกิดการออมระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีฐานภาษีสูงๆ ปกติถ้ารวมผลตอบแทนในเรื่องภาษี ที่ผมเคยทำ IRR ไว้ก็มีของ gain first ให้ประมาณ 7% (ฐานภาษี 37%) น่าจะดีที่สุดในตลาด เพราะ return ใช้ได้ ระยะโครงการสั้น แต่ IRR จะต่ำกว่านี้เหลือ 3-5% ถ้าฐานภาษีลดลงเหลือ 20-30% ลองคิดดูว่าถ้าอัตราผลตอบแทนพอๆกับเงินเฟ้อ เพื่อนๆคงพูดว่า ไม่น่าจูงใจเท่าไหร่ (ไม่เอาเรื่องความคุ้มครองมาคิดนะ)
ก็เลยเป็นโจทย์ให้ผมทำการบ้าน หาจุดแตกต่างที่สามารถทำประกัน ลดหย่อนภาษีให้ได้ IRR ที่สูงขึ้น เพราะการไปนำเสนอเพื่อนผมทำได้ยาก เพราะไอ้หมอนี่เรียนการเงินมา ยังไงก็ไม่ซื้อ เพราะคำนวณ IRR ของทุกแบบประกันออกมาไม่น่าจูงใจ อีกทั้งบริษัทที่ทำงานอยู่ก็ให้ความคุ้มครองเต็มที่ ลูกเมียไม่มี พ่อแม่เสียไปหมดแล้ว เงินออมมีเป็นล้าน ลงทุนในหุ้น LTF ได้กำไรดีกว่าเห็นๆ
ในที่สุดก็ได้วิธีทำให้ IRR ได้ 21.37% (ต่อปี) ภายใต้เงื่อนไขการลดหย่อนที่ฐานภาษี 37% + ผลตอบแทนในระยะ 9 ปี ซื่งผมคิดว่าสูงมาก และไม่มีความเสี่ยง เพื่อนเอามาคิดตามไอเดียของผม ก็ OK ทำประกันกับผม ถึงแม้จะไม่ได้มากนัก เพราะมีซื้อไว้กับคนอื่นบ้างแล้ว แต่ก็ดีใจที่ได้หาโอกาส และสร้างแนวทางที่แตกต่างให้กับตัวเอง
ถามว่า ถ้าฐานภาษีต่ำกว่านี้จะได้ IRR เท่าไหร่ เคยคำนวณไว้อยู่ที่ 14.84% สำหรับฐานภาษี 30% และประมาณ 6% สำหรับฐานภาษี 20%
ถ้าใครสนใจ อยากรู้ว่าทำอย่างไร คุยกันหลังไมค์นะครับ แนะนำให้ได้และรับรองว่าถูกต้องตามระเบียบกรมสรรพากร เพราะผมเอาไปลดหย่อนมาแล้ว
อย่างที่รู้ๆ ถ้ามองในมุม investment การประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่ IRR ต่ำมาก ยกเว้นซื้อวันนี้ ตายพรุ่งนี้ จุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์คือการคุ้มครองความเสี่ยงมากกว่า (Human asset protection) ส่วนเรื่องเงินออมตอนเกษียณ ผมว่าทุกคนคงมีแนวทางของตัวเอง ประกันอาจเป็นตัวเลือกหนึ่ง ในการจัดสัดส่วนการออม ผลตอบแทนที่แน่นอนในอนาคต จึงเป็นการวางแผนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ได้
การลดหย่อนภาษีจึงเป็นนโยบายที่นำมาใช้ให้เกิดการออมระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีฐานภาษีสูงๆ ปกติถ้ารวมผลตอบแทนในเรื่องภาษี ที่ผมเคยทำ IRR ไว้ก็มีของ gain first ให้ประมาณ 7% (ฐานภาษี 37%) น่าจะดีที่สุดในตลาด เพราะ return ใช้ได้ ระยะโครงการสั้น แต่ IRR จะต่ำกว่านี้เหลือ 3-5% ถ้าฐานภาษีลดลงเหลือ 20-30% ลองคิดดูว่าถ้าอัตราผลตอบแทนพอๆกับเงินเฟ้อ เพื่อนๆคงพูดว่า ไม่น่าจูงใจเท่าไหร่ (ไม่เอาเรื่องความคุ้มครองมาคิดนะ)
ก็เลยเป็นโจทย์ให้ผมทำการบ้าน หาจุดแตกต่างที่สามารถทำประกัน ลดหย่อนภาษีให้ได้ IRR ที่สูงขึ้น เพราะการไปนำเสนอเพื่อนผมทำได้ยาก เพราะไอ้หมอนี่เรียนการเงินมา ยังไงก็ไม่ซื้อ เพราะคำนวณ IRR ของทุกแบบประกันออกมาไม่น่าจูงใจ อีกทั้งบริษัทที่ทำงานอยู่ก็ให้ความคุ้มครองเต็มที่ ลูกเมียไม่มี พ่อแม่เสียไปหมดแล้ว เงินออมมีเป็นล้าน ลงทุนในหุ้น LTF ได้กำไรดีกว่าเห็นๆ
ในที่สุดก็ได้วิธีทำให้ IRR ได้ 21.37% (ต่อปี) ภายใต้เงื่อนไขการลดหย่อนที่ฐานภาษี 37% + ผลตอบแทนในระยะ 9 ปี ซื่งผมคิดว่าสูงมาก และไม่มีความเสี่ยง เพื่อนเอามาคิดตามไอเดียของผม ก็ OK ทำประกันกับผม ถึงแม้จะไม่ได้มากนัก เพราะมีซื้อไว้กับคนอื่นบ้างแล้ว แต่ก็ดีใจที่ได้หาโอกาส และสร้างแนวทางที่แตกต่างให้กับตัวเอง
ถามว่า ถ้าฐานภาษีต่ำกว่านี้จะได้ IRR เท่าไหร่ เคยคำนวณไว้อยู่ที่ 14.84% สำหรับฐานภาษี 30% และประมาณ 6% สำหรับฐานภาษี 20%
ถ้าใครสนใจ อยากรู้ว่าทำอย่างไร คุยกันหลังไมค์นะครับ แนะนำให้ได้และรับรองว่าถูกต้องตามระเบียบกรมสรรพากร เพราะผมเอาไปลดหย่อนมาแล้ว
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ทำอย่างไรให้ IRR ของประกันชีวิตสูงขึ้นเกิน 20%
โพสต์ที่ 14
[quote="ottothan"]ก่อนอื่น ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ไม่ได้คิดมาหากินกับเพื่อนๆในบอร์ดนี้ เอาว่าที่เข้ามาเขียน เพราะต้องการแชร์ประสบการณ์กันมากกว่า
อย่างที่รู้ๆ ถ้ามองในมุม investment การประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่ IRR ต่ำมาก ยกเว้นซื้อวันนี้ ตายพรุ่งนี้ จุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์คือการคุ้มครองความเสี่ยงมากกว่า (Human asset protection) ส่วนเรื่องเงินออมตอนเกษียณ ผมว่าทุกคนคงมีแนวทางของตัวเอง ประกันอาจเป็นตัวเลือกหนึ่ง ในการจัดสัดส่วนการออม ผลตอบแทนที่แน่นอนในอนาคต จึงเป็นการวางแผนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ได้
การลดหย่อนภาษีจึงเป็นนโยบายที่นำมาใช้ให้เกิดการออมระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีฐานภาษีสูงๆ ปกติถ้ารวมผลตอบแทนในเรื่องภาษี ที่ผมเคยทำ IRR ไว้ก็มีของ gain first ให้ประมาณ 7% (ฐานภาษี 37%) น่าจะดีที่สุดในตลาด เพราะ return ใช้ได้ ระยะโครงการสั้น แต่ IRR จะต่ำกว่านี้เหลือ 3-5% ถ้าฐานภาษีลดลงเหลือ 20-30%
อย่างที่รู้ๆ ถ้ามองในมุม investment การประกันชีวิตเป็นการลงทุนที่ IRR ต่ำมาก ยกเว้นซื้อวันนี้ ตายพรุ่งนี้ จุดประสงค์ของผลิตภัณฑ์คือการคุ้มครองความเสี่ยงมากกว่า (Human asset protection) ส่วนเรื่องเงินออมตอนเกษียณ ผมว่าทุกคนคงมีแนวทางของตัวเอง ประกันอาจเป็นตัวเลือกหนึ่ง ในการจัดสัดส่วนการออม ผลตอบแทนที่แน่นอนในอนาคต จึงเป็นการวางแผนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ได้
การลดหย่อนภาษีจึงเป็นนโยบายที่นำมาใช้ให้เกิดการออมระยะยาวมากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีฐานภาษีสูงๆ ปกติถ้ารวมผลตอบแทนในเรื่องภาษี ที่ผมเคยทำ IRR ไว้ก็มีของ gain first ให้ประมาณ 7% (ฐานภาษี 37%) น่าจะดีที่สุดในตลาด เพราะ return ใช้ได้ ระยะโครงการสั้น แต่ IRR จะต่ำกว่านี้เหลือ 3-5% ถ้าฐานภาษีลดลงเหลือ 20-30%
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
- picklife
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2567
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 15
รบกวนพี่ ottothan แสดงวิธีคำนวนตรงนี้เลยได้ไหมครับ ผมสนใจมากครับ แต่ช่วยๆกันคิด เพราะได้ได้รีเทินเท่านั้นจริงผมว่าคนสนใจเยอะมากครับ
ปล.เอาเป็นตัวเลขคร่าวๆก็ได้นะครับในกรณีกลัวว่าลูกค้าจะรู้ค่ากรรมธรรม์
ปล.เอาเป็นตัวเลขคร่าวๆก็ได้นะครับในกรณีกลัวว่าลูกค้าจะรู้ค่ากรรมธรรม์
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
-
- Verified User
- โพสต์: 1160
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 16
-__-a บ้านผมก็ขายประกันแต่ผมว่านั่นมันสูงไปนะ
ถ้าแบบประกันธรรมดา ไม่ว่าแบบไหนก็ 2-4% เท่ากันหมดหละ
ส่วนไอประหยัดภาษีนั่นของแถม
ซื้อแล้วตายภายในปีนั้น แบบจ่ายเบี้ยน้อยสุดผลตอบแทนจะมากสุด
ถ้าแบบประกันธรรมดา ไม่ว่าแบบไหนก็ 2-4% เท่ากันหมดหละ
ส่วนไอประหยัดภาษีนั่นของแถม
ซื้อแล้วตายภายในปีนั้น แบบจ่ายเบี้ยน้อยสุดผลตอบแทนจะมากสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
ถ้าวงเงินการลดหย่อนประกันชีวิต!!! เพิ่มจาก1แสนเป็น2แสน!!!
โพสต์ที่ 17
โดยปกติ คนขายประกันจะเอาตัวเลข % เงินคืน เทียบกับทุนประกัน ในแง่การลงทุนมันเอามาคิดไม่ได้ เช่นแบบคืนทุก 3 ปีแรก 5% แล้วขึ้นเป็น 7% เป็น 10% เขาก็เอาเงินเรามาทยอยคืนให้ทั้งนั้นแหละครับ อัตราส่วนเบี้ยต่อทุนมันสูง ทีนี้ IRR มันต่ำ เพราะ return มันกว่าจะได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยก็รอกันจนปิดเล่ม 10 ปี 20 ปี ทุกแบบ CASH VALUE หรือ CASH FLOW ปีแรกๆหายหมด พอระยะเวลามันทอดยาว FV มันโตช้า พอทอนกลับไปเป็น PV ค่ามันก็เหลือนิดเดียว IRR มันถึงต่ำ ถ้าไม่มีเรื่องภาษีเข้ามาช่วย ดันยังไงก็ไม่ถึง 10%
ดังนั้น ประกันไม่ใช่สินค้าเพื่อการลงทุน ถ้าจะลงทุนต้องทำให้เกิด CF กลับมาเร็วที่สุด พอบวกกับการลดหย่อนภาษี ทำให้ % return ขึ้นมาสูง IRR ก็สูงตาม ไม่ใช่ทุกแบบที่ทำได้ ดังนั้นผมจึงเน้นไปในแบบที่ผมถนัด ศึกษามาเป็นอย่างดี ทำได้ถึงทำครับ
ฟังแล้วอาจจะงงๆ ขอคุยหลังไมค์ดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวผมส่ง calculation sheet ไปให้ดู เป็น result นะครับ ถ้าจะถามที่มาที่ไปว่าเรื่องแบบต้อง present กันอีกยาว (ที่ลงไม่ได้ เพราะเคยโดนรุ่นพี่ตำหนิว่าเวลาขายประกัน อย่าไปคุยเรื่อง IRR เพราะมันไม่เกี่ยวกันอย่าไปพูด เพราะมันไม่ใช่ประโยชน์หลักของสินค้า ขายประกัน ให้เน้นเรื่องเงินออม เรื่องสวัสดิการ เดี๋ยวโดนเล่นงานเอา)
ดังนั้น ประกันไม่ใช่สินค้าเพื่อการลงทุน ถ้าจะลงทุนต้องทำให้เกิด CF กลับมาเร็วที่สุด พอบวกกับการลดหย่อนภาษี ทำให้ % return ขึ้นมาสูง IRR ก็สูงตาม ไม่ใช่ทุกแบบที่ทำได้ ดังนั้นผมจึงเน้นไปในแบบที่ผมถนัด ศึกษามาเป็นอย่างดี ทำได้ถึงทำครับ
ฟังแล้วอาจจะงงๆ ขอคุยหลังไมค์ดีกว่าครับ แล้วเดี๋ยวผมส่ง calculation sheet ไปให้ดู เป็น result นะครับ ถ้าจะถามที่มาที่ไปว่าเรื่องแบบต้อง present กันอีกยาว (ที่ลงไม่ได้ เพราะเคยโดนรุ่นพี่ตำหนิว่าเวลาขายประกัน อย่าไปคุยเรื่อง IRR เพราะมันไม่เกี่ยวกันอย่าไปพูด เพราะมันไม่ใช่ประโยชน์หลักของสินค้า ขายประกัน ให้เน้นเรื่องเงินออม เรื่องสวัสดิการ เดี๋ยวโดนเล่นงานเอา)