หน้า 1 จากทั้งหมด 1
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 07, 2010 10:02 pm
โดย wiwato
ต้องกราบขอโทษทุกก่อนนะครับ อยากแชร์ความรู้สึกของวันที่ 6กันยายนหน่อยครับ ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไรเหมือนกันรู้สึกว่าไม่มีความสุขที่จะถือหุ้นต่อ
แม้หุ้นในพอร์ทจะบวกทุกตัวโดยเฉลี่ย+30% แต่เมื่อเห็นพอร์ทโปรฟิตมันลดลง ใจก็อยู่นิ่งไม่ได้กลัวว่าพอร์ทจะดิ่งลงมา เลยตัดสินใจล้างพอร์ททั้งหมด อีกใจนึงก็เสียดายเพราะเคยคาดคะเนพอร์ทน่าจะเพิ่มได้อีกเท่าตัว หลังจากเลิกงานปวดหัวนอนไม่หลับเลยครับ ในใจเสียดายมาก จะซื้อกลับก็เห็นราคามันไปมากแล้วเกรงว่าจะอยู่ยอดดอย ตอนนี้ก็เลยทำได้อย่างเดียวครับคือรอดูอยู่ห่างๆเพื่อเข้าไปซื้อกลับเข้ามาเหมือนเดิม แต่ก็เป็นไปได้ยากมาก จึงอยากขอแชร์ความรู้สึกและขอคำแนะนำ เพื่อนๆพี่ๆในบอร์ด รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 07, 2010 10:05 pm
โดย kabu
อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
ขายแล้วได้กำไรก็น่าจะดีใจนะครับ
ทำอะไรก็ได้ที่ทำแล้วเราสบายใจ ไม่เบียดเบียนผู้อื่นดีที่สุดครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 07, 2010 11:30 pm
โดย nw108
ผมว่า ความรู้สึกเเบบนั้นเคยเกิดขึ้นกับผมนะครับ
มันเกิดตอนที่ผมไม่รู้ว่าจริงๆเเล้วหุ้นที่ซื้อไป มีพื้นฐานอย่างไร
ซื้อตามเเรงเชียร์บ้าง ซื้อตามความนิยมของตลาดบ้าง
ที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมใช้มาร์จิ้นเยอะมาก มันเลยเครียดสุดๆ
ตอนนี้ผมลงทุนจากเงินออมจริงๆ ทุกครั้งที่ลงทุนตั้งใจว่าจะไม่นำเงินไปทำ
อย่างอื่นถ้าตราบใดก็ตามที่หุ้นยังให้ผลตอบเเทนที่น่าพอใจ ราคาลดลงมาก็
ยิ่งดีเลย ซื้อได้ถูกลง ปันผลก็จะได้เยอะขึ้น (ผมจัดพอรท์ให้มีปันผลประมาณ
6 %+ ครับ )
ซื้อเเล้วก็เลยถือไปเเบบลืมๆ อ่านงบดุล ตามข่าวอยู่อย่างห่างๆ
ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องกำไรสูงสุด เเต่ถือว่าขอลงทุนเเล้วนอนหลับได้สบาย
มีผลตอบเเทนที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องไปวัดดวง ด้วยการซื้อๆขายๆ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 07, 2010 11:36 pm
โดย tae30866
ผมด้วยครับ ช่วงนี้เป็นเหมือนกันเลยครับ
มีเพื่อนร่วมชะตาครับ
อย่าเครียดคนเดียว
ตรงข้ามนะผมกลับคิดว่ากำไรมาเยอะแล้ว(เยอะกว่าฝากออมทรัพย์) ดีออก
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 07, 2010 11:47 pm
โดย kyoza
ผมก้รู้สึกเหมือนกับเจ้าของกระทู้เหมือนกันครับ เลยขายทำกำไรไปส่วนนึง แต่ในใจก้เสียดายเพราะคิดว่าจะถือลงทุนระยะยาว เหมือนกับว่าใจยังไม่นิ่งพอ คงต้องพยายามต่อไป :lol:
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 12:00 am
โดย Tsar
นึกว่าผมเป็นคนเดียวซะอีก
วันนี้ล้างพอร์ทซะสะอาดเลย
แต่ผมสบายใจนะครับ
เพราะรู้สึกว่าถ้าถือต่อมันจะลง
ก็สู้ขายทิ้งไปเลยดีกว่า
แล้วรอปัจจัยที่เคยใช้ตัดสินใจตอนซื้อ มันมาประสานรวมกันอีกครั้ง
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 12:05 am
โดย Wei Han
อย่าคิดมากครับ ไม่มีใครขายได้ที่ราคาดีสุดอยู่แล้ว และคุณก็แก้ไขสิ่งที่ทำไปแล้วไม่ได้ด้วย
นอกจากนี้คุณจะรู้ได้ไงว่าถ้าถือหุ้นตอนนี้คุณจะไม่กลัวว่ากำไรจะหดไปอีกครับ โอกาสก็ยังมีอยู่เสมอครับ มองไปข้างหน้าดีกว่า
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 12:09 am
โดย viหัดคลาน
คิดว่าคุณ wiwato คงลงทุนไม่นานนัก เลยไม่มั่นใจ เป็นเรื่องธรรมดาครับ สมมุติว่าเราลงทุนทำธุรกิจอะไรดีอ่ะ เช่นทำโรงงานตุ๊กตาขาย ซึ่งอาจเคยขายดี แต่ตอนนี้เริ่มมีคนก๊อปแบบเราได้แล้ว คุณกับผมอาจจะรู้สึกว่าอาจจะขายไม่ได้ล่ะช่วงนี้ ถ้าอีกสามเดือนเกิดเศรษฐกิจแย่ โครงการเราเจ๊งแน่ เราเลยรีบขายก่อนในภาวะที่ยังกำไร ๓๐ เปอร์ฌซ็นต์ อันนี้ เราทำถูกแล้ว อ่ะเปลี่ยนใหม่ เราขายของกินเช่นเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ที่ใครๆก็ชอบ แต่ผมบอกคุณว่าไม่พอ ผมอยากให้เราเป็นอันดับ ๑ ด้วย คู่แข่งสู้ไม่ได้ เอาชนิดที่ยังไงต้องหาทางมากินร้านเราให้ได้ เอาแหละแค่นี้คุณอาจเริ่มรู้สึกว่า เราคงไม่ขายธุรกิจดีๆอย่างนี้ใช่ไหม นั้นไม่พอครับ ผมจะซื้อธุรกิจต่อเมื่อผมรู้สึกว่าผมซื้อได้ในราคาที่ถูกมาก หรือถูกเมื่อเทียบกับอนาคตมัน คุณก็จะยิ่งไม่อยากขายใช่ไหมครับ ถูกแล้วครับคุณไม่มีวันขายร้านบะหมี่อันดับ๑ ร้านนี้แน่นอน ดังนั้นลองกลับไปดูนะครับที่ขายไปเป็นแบบหนึ่ง หรือแบบสอง ถ้าธุรกิจนั้นไม่ยั่งยืน ขายก่อนดีแล้วครับ แต่ถ้ายั่งยืนก้ไม่จำเป็นต้องขายครับ ผมไม่ใบ้หุ้น่ะครับ คงเข้าใจนะครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 12:39 am
โดย GeneraX
ถ้าคิดจะลงทุนยาวๆ และเราประมาณราคาที่เหมาะสมของหุ้นได้ การที่หุ้นราคาลงมา สิ่งที่ดีที่สุดก็คืออยู่เฉยๆนั่นแหละครับ หลายๆครั้ง(ไม่ใช่บางครั้ง) หุ้นมันก็ขึ้น หรือลงโดยไม่มีสาเหตุ
เราน่าจะใช้ความไร้เหตุผลตรงนี้มาเป็นประโยชน์นะครับ เช่นซื้อเพิ่มเมื่อมันราคาตกลงมา(ถ้าไม่มีเงินก็อยู่เฉยๆ) หรือขายทิ้งถ้าคิดว่าราคามันเวอร์เกินไปแล้ว ไม่ใช่ทำตรงกันข้าม
กับประโยคที่ว่า "อีกใจนึงก็เสียดายเพราะเคยคาดคะเนพอร์ทน่าจะเพิ่มได้อีกเท่าตัว" นี่แหละที่ผมว่าเป็นตัวปัญหา เพราะถ้าเรามั่นใจด้วยเหตุและผลว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นมันต้องมากกว่านี้ แล้วราคามันตกลงมา มันก็ยิ่งน่าซื้อเพิ่มมากกว่า แต่มันกลายเป็นว่าเรามากังวลกับกำไร ขาดทุนระยะสั้นๆ ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับพฐ.ธุรกิจในระยะยาวเลย ทำให้เราทำสิ่งที่ตรงกันข้าม
จริงๆผมก็เข้าใจความรู้สึกนะครับ เพราะผมพึ่งเข้ามาตลาดต้นปี 08 โดนไปเต็มๆ ซึ่งถ้าเราคิดว่าราคามันจะตก แล้วจะขายทิ้งไปก่อน แล้วคิดว่าจะรับกลับตอนที่มันลงสุดแล้ว ถ้าทำได้ในทางปฏิบัตินั้นถือเป็นแผนการลงทุนที่วิเศษมากๆครับ แต่เราต้องมี assumption ที่สำคัญมาก 2 ข้อ
1.เราต้องรู้ว่า เมื่อไหร่ราคาจะลง
2.เราต้องรู้ว่า ลงถึงเท่าไหร่จะเรียกว่า"สุด"
ปัญหาคือในทางปฏิบัติมันเป็นไปไม่ได้น่ะสิครับ :lol:
ถ้าเป็นผมไหนๆก็ขายไปแล้ว เอาเวลามานั่งวิเคราะห์หุ้นเหล่านั้นใหม่ดีกว่ามั้ยครับ ถ้าตัดเรื่องที่ราคากำลังดิ่งลงออกไป แล้วพิจารณาดูดีๆว่า ณ ราคานี้ ถือเป็นการลงทุนที่ดีหรือไม่...ถ้าใช่...เป็นผมก็กลับเข้าไปใหม่เดี๋ยวนี้เลยครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 1:10 pm
โดย unnop.t
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่คือจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด บางครั้งเราอาจขายหมู บางครั้งเราอาจติดดอย
ดังนั้นทางที่ดีที่สุด ผมจะขายก็ต่อเมื่อ
1. พื้นฐานกิจการเปลี่ยนจริง ๆ
2. มันไม่โตแล้ว
3. วิเคราะห์ผิด
4. เจอตัวอื่นที่น่าสนใจกว่า แต่ไม่เงินสดพอ
5. คิดว่ามันเต็มมูลค่าไปมาก (อันนี้วิเคราะห์ยากหน่อย)
ผมพยายามคิดอยู่เสมอว่า เราซื้อเพราะเหตุผลอะไร ถ้าจะขายก็ต้องเป็นเพราะเหตุผลนั้น เช่น ถ้าคุณซื้อเพราะว่ามันเป็นวัฎจักรขาขึ้น คุณอาจจะขายเพราะมันเริ่มวัฎจักรขาลงแล้ว หรือถ้าคุณซื้อเพราะว่ามันเป็นหุ้นกำลังโตเรื่อย ๆ คุณจะขายเริ่มมันเริ่มหยุดโตแล้ว
บางครั้งอาจจะรู้สึกเสียดายกำไรที่ลดลง ตอนที่หุ้นกำลังลง คุณอาจจะตัดสินใจถูก หรือผิดก็ได้ไม่มีใครรู้ได้ตอนนั้น :?
แต่เราควรจะหาเหตุผลจริง ๆมารองรับ ไม่ได้ใช้อารมณ์ตัดสินใจ นั่นคือประเด็นครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 1:39 pm
โดย linkdreams
เป็นเหมือนกันเลยครับ
เครียดมาอาทิตย์กว่า วันที่6เครียดสุดๆ
เห็นดัชนีมันขึ้นเอาๆ หุ้นในportลดลงๆ
อยากซื้อเพิ่มก็ไม่มีเงิน
เลยสลับตัว ขายตัวที่คิดว่ายังไม่น่าขึ้น
ไปรับตัวที่น่าจะrebound
พอเย็นราคาปิดดันต่ำกว่าที่ซื้อไปหลายเปอร์เซนต์
เครียดหนักไปอีก
ต้องค้นหนังสือวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์มาอ่านทวน
นึกถึงคำสอนให้มองไกลๆ
เลยทำใจได้ สบายใจขึ้น
วันนี้หุ้นในportแดงไป2ตัวจาก5ตัว
ทั้งที่เคยบวกไปถึง60กว่าเปอร์เซนต์
ซื้อเฉลี่ยมาเรื่อยจนติดลบจนได้
ไอ้ซุปปลาไหลของคุณเด็กเลี้ยงแกะนี่แหละ
แต่ยังไง ส่วนตัวเชื่อว่าปลายเดือนนี้-เดือนหน้าหุ้นจะลงหนัก
เพราะสาเหตุทางการเมือง
เลยว่าจะหาจังหวะขายช่วงฝรั่งยังอยู่
ไปรอรับช่วงฝรั่งเผ่น ยังเกร็งๆอยู่ว่าคิดผิดอีกไหมเนี่ย
VIจำเป็นต้องถือรอด้วยหรือ ถ้าเราเชื่อว่ามันจะต้องตกแน่ๆน่ะ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 1:53 pm
โดย pol256
ผมเลือกอ่าน new buffetology เรื่อง bull-bear marker + correction ทำให้มีสติ ถอยออกมาคิดก่อนอารมณ์จะทำให้ตัดสินใจผิดพลาดซ้ำๆเดิมๆ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 2:09 pm
โดย Pekko
เอาเวลา ไปวิเคราะห์หุ้นตัวอื่นดีกว่ามั้ยครับ ถ้าวิเคราห์ได้อย่างไร ช่วยบอกกันด้วย ขอบคุณล่วงหน้าครับ :)
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 4:14 pm
โดย GeneraX
linkdreams เขียน:เป็นเหมือนกันเลยครับ
เครียดมาอาทิตย์กว่า วันที่6เครียดสุดๆ
เห็นดัชนีมันขึ้นเอาๆ หุ้นในportลดลงๆ
อยากซื้อเพิ่มก็ไม่มีเงิน
เลยสลับตัว ขายตัวที่คิดว่ายังไม่น่าขึ้น
ไปรับตัวที่น่าจะrebound
พอเย็นราคาปิดดันต่ำกว่าที่ซื้อไปหลายเปอร์เซนต์
เครียดหนักไปอีก
ต้องค้นหนังสือวอร์เรน บัฟเฟ็ตต์มาอ่านทวน
นึกถึงคำสอนให้มองไกลๆ
เลยทำใจได้ สบายใจขึ้น
วันนี้หุ้นในportแดงไป2ตัวจาก5ตัว
ทั้งที่เคยบวกไปถึง60กว่าเปอร์เซนต์
ซื้อเฉลี่ยมาเรื่อยจนติดลบจนได้
ไอ้ซุปปลาไหลของคุณเด็กเลี้ยงแกะนี่แหละ
แต่ยังไง ส่วนตัวเชื่อว่าปลายเดือนนี้-เดือนหน้าหุ้นจะลงหนัก
เพราะสาเหตุทางการเมือง
เลยว่าจะหาจังหวะขายช่วงฝรั่งยังอยู่
ไปรอรับช่วงฝรั่งเผ่น ยังเกร็งๆอยู่ว่าคิดผิดอีกไหมเนี่ย
VIจำเป็นต้องถือรอด้วยหรือ ถ้าเราเชื่อว่ามันจะต้องตกแน่ๆน่ะ
มันก็กลับมาปัญหาเดิมว่า เราจะรู้ได้ไงว่าเมื่อไหร่หุ้นจะตก แล้วถ้ามันไม่ตกล่ะครับ :?:
แหะๆ ไม่ได้กวนนะครับ อยากทราบจริงๆว่าพี่planไว้ว่าอย่างไร ถ้าล้าง port ไปแล้ว มันไม่ตก แล้วกลับพุ่งๆขึ้นไปต่อแบบตอนช่วงเผาเมือง แล้วเราก็จะมาคิดว่า"รู้งี้"อีกรึเปล่า
คห.ส่วนตัวนะครับ ผมมองว่าถ้าใครก็ตามที่ทำนายตลาดได้แม่นยำขนาดที่ว่า รู้ว่าจะตกเมื่อไหร่จะขึ้นเมื่อไหร่ เป็นผมคงไม่มาเป็น VI วิเคราะห์หุ้นให้เหนื่อยอ่ะครับ ไปเล่นตลาด future เลยน่าจะรุ่งกว่า :D
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 4:51 pm
โดย superchaos
ถ้าอยากมองตลาดเป็นเกณฑ์ ในการซื้อขาย
ประสบการณ์จะสอนไปเรื่อยๆ ครับว่าสถานการณ์แบบไหนควรเริ่มขายได้แล้ว สถานการณ์แบบไหน เริ่มซื้อได้แล้ว
ต้องจำไว้เป็นครูไปเรื่อยๆ
ผมผ่านการขึ้นลงของหุ้นมามากมาย
ปัจจัยเศรษฐกิจสำคัญมากครับ ไม่อยากให้มองแต่ในตลาด มองสภาพเศรษฐกิจมากๆ เพราะหลายครั้งเป็นตัวมาชี้วัด การลงแบบกรู่ไม่กลับมาหลายครั้งแล้ว
ตลาดขึนอยู่กับอารมณ์ก็จริง แต่อารมณ์ก็มีที่มาของมันเสมอครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 5:31 pm
โดย picatos
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง แม้แต่ชีวิตของเราเองก็เป็นอนิจจัง... ใยเราต้องไปยึดติดด้วย
กำไร/ขาดทุนเป็นแค่ตัวเลข ที่แสนจะไม่เที่ยง เป็นอนิจจังที่เห็นได้ชัด... แล้วทำไมใจเราต้องเป็นทุกข์ไปยึดติดมันด้วย...
ถ้าเราเข้าใจถึงความไม่เที่ยงของกำไรและขาดทุนในระยะสั้นแล้ว การที่เราจะขาดทุนกำไร ขาดทุนขาดทุน ขาดทุน 30% ขาดทุน 50% เราก็คงจะใช้ชีวิตได้มีความสุขมากกว่านี้...
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 6:51 pm
โดย picklife
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 6:56 pm
โดย picklife
ของผมชายออกบางส่วน
ขายหมูส่วนที่ขายออกมาแต่ที่เหลือก็ทำให้พอร์ทโตมากๆจะเสียก็กะไรอยู๋ ก็ต้องดีใจ
ขายแล้วช๊อตมาซื้อที่ต่ำกว่าก็รู้สึกดีใจที่ขายบางส่วนเล่นรอบได้
ผมก็ไม่เครียดครับ ชิวๆแม้นขายแล้วจะขึ้นหรือลงก็ตาม
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 6:57 pm
โดย wiwato
ต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ สำหรับทุกความคิดเห็นและกำลังใจ ตอนนี้เป็นปกติแล้วครับ แต่กำลังหาข้อมูลเพื่อศึกษาหุ้นตัวต่อไปที่จะลงทุนในหุ้น(กิจการ)ที่ได้เปรียบและสามารถชนะตลาดได้ในระยะยาวตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนกว่าเดิมและไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ของตลาด ศึกษาพื้อนฐานของกิจการให้มากขึ้นทำการบ้านให้มากขึ้นเพื่อที่จะเป็นอิสระทางการเงินเสียที ขอบคุณทุกๆท่านมากนะครับที่สละเวลามาอ่าน จะไม่ลืมเลยครับเว็บนี้กำลังใจสุดยอดเลยครับ ผมจะสู้ต่อไปตราบเท่าที่ยังมีชีวิตอยู่
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 7:10 pm
โดย leaderinshadow
ไม่มีใครไม่เคยผิดครับ
แต่ขอให้เรารู้ว่าเราผิดพลาดเพราะอะไร เรียนรู้ และจำไว้เป็นบทเรียน
เพื่อที่จะไม่ผิดซ้ำ ในที่นี้หลายๆท่านก็เคยพลาดมาก่อน
แต่เมื่อผิด แล้วต้องยอมรับ และแก้ไข
สิ่งนี้ทำให้หลายๆท่านในเว็บนี้ สำเร็จวิชา จนบรรลุเป็นเซียนร้อยล้านพันล้านกัน
ผมก็พยายามเดินตามรอยหลายๆท่านที่บรรลุวิชาแล้ว
นั่นคือ วิชาความผิดพลาดครับ :lol: (แล้วแก้ไข)
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 7:23 pm
โดย simpleBE
แนะนำให้กลับไปอ่าน The Intelligent Investor ครับ
เป็นหนังสือที่ให้คติเตือนใจได้ดีมากสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นที่สุดแสนจะผันผวน
การเลือกหุ้นถูกตัว การวางแผนกลยุทธที่ดีสำหรับการลงทุนถือว่ายากแล้ว
แต่การฝึกฝนและเตรียมพร้อมเรื่องของจิตใจยากยิ่งกว่ายากครับ
ที่พูดมานี่ผมก็เตือนใจตัวเองด้วยเหมือนกันครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 7:47 pm
โดย zz99
เส้นบางๆ ระหว่างการมองโลกในแง่ดีและแง่ร้าย รวมถึง "การบริหารความโลภ" ครับ
คนนึง มองราคา เปรียบเทียบกับ ต้นทุน มีกำไร 30% "มีความสุข" :D
อีกคน มองราคา เปรียบเทียบกับ ราคาที่จุดสูงสุด กำไรลดลง หรือขาดทุนกำไร "มีความทุกข์" :oops:
ถ้าไม่ทำความเข้าใจให้ดีว่า การลงทุนจะเกิดเรื่องแบบนี้ตลอดเวลา คือ มีขี้น และมีลง หรือ พูดง่ายๆ ว่ามีความผันผวน สิ่งเหล่านี้ก็จะเกิดขี้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ต่อให้คุณลงทุนไปแล้วประสบความสำเร็จ แต่ แลกมาด้วยความทุกข์ สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าจะเรียกได้ว่า ชนะหรือแพ้
"มีความสุขกับสิ่งที่เราได้ตัดสินใจอย่างดีที่สุดแล้ว" น่าจะทำให้ชีวิตเบาขึ้นนะครับุ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนรวมถึงตัวผมเองด้วยนะครับ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 8:18 pm
โดย manza125
แต่ละคนแนะนำดีๆทั้งนั้นเลยครับ
และเห็นด้วยกับพี่ unnop.t ครับ
[quote="unnop.t"]เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า เมื่อไหร่คือจุดต่ำสุด หรือจุดสูงสุด บางครั้งเราอาจขายหมู บางครั้งเราอาจติดดอย
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 10:20 pm
โดย zephyr
ผมก็เป็นครับ ความกลัวแบบนี้
เลยจัดการปล่อยของออกไปบ้าง ยังเสียดายอยู่
ผมอาจจะพลาดกำไรในอนาคตก็ได้ แต่เมื่อมันสบายใจก็ทำไปก่อน
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 10:24 pm
โดย Warantact
-__-a ดัชนีวิ่งปรู๊ดๆ งี้พอร์ตลดกันเหรอครับ
ทำไมในแบบสอบถามผมไม่มีคนมาติ๊กผลตอบแทนน้อยๆเลย
อ่ะ วันนี้ลงมา920แล้วนะ
เรื่องของความกลัว
โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 08, 2010 10:37 pm
โดย theerasak24
ความรู้สึกนี้มันก็เกิดขึ้นกับผมด้วยแต่ท่องในใจว่าเรา VI (จำเป็น) และก็ห่างๆหน้าจอเสียบ้างอาจจะช่วยให้ใจดีขึ้น เพราะเราลงทุน ไม่ใช่เก็งกำไร เป้าหมายยังไง ก็เดินไปเลยครับ แต่ถ้าไม่มั่นใจกำไรเท่าที่ได้ก็อย่าเสียดายเลยครับ