หน้า 1 จากทั้งหมด 1

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 20, 2010 11:41 pm
โดย คนอุดร
บทวิเคราะห์ที่จัดทำโดย University of Kentucky, University of Pittsburg และ Vanderbilt University (เคพีวี) พบว่าผู้โชคดีมากที่ถูกรางวัล สลากกินแบ่ง 150,000 ดอลลาร์ (4.6 ล้านบาท) มีโอกาสที่จะเป็นผู้ล้มละลายมากเท่ากับผู้โชคดีน้อยที่ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง น้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์ (306,000 บาท) หมายความว่าการได้เงินเป็นจำนวนมหาศาลมาด้วยโชคนั้นไม่สามารถแก้ปัญหาทางการ เงินได้แต่อย่างใด


ผู้วิเคราะห์เก็บสถิติจากผู้ที่ถูกรางวัล 35,000 คนจากการซื้อสลากกินแบ่งที่มลรัฐฟลอริดาระหว่างเมษายน 1993 ถึงพฤศจิกายน 2002 และนำเอารายชื่อบุคคลดังกล่าวไปตรวจสอบกับบัญชีรายชื่อของผู้ที่ต้องประกาศ ตัวเองเป็นผู้ล้มละลายในช่วง 5 ปีให้หลังจากการถูกรางวัล โดยแบ่งเป็นบุคคลที่ได้รางวัล 50,000 ถึง 150,000 ดอลลาร์กับบุคคลที่ได้รางวัลน้อยกว่า 10,000 ดอลลาร์ โดยพบว่าผู้ได้รางวัล 5.5% หรือ 1,943 คนต้องประกาศตัวเป็นผู้ล้มละลายภายใน 5 ปีจากวันที่ได้รับรางวัล แม้ผู้ที่ได้รางวัล 50,000-150,000 ดอลลาร์จะมีโอกาสที่จะล้มละลายน้อยกว่าผู้ที่ได้รางวัลน้อย (10,000 ดอลลาร์) ถึง 50% ในช่วง 2 ปีหลังจากได้รับรางวัล แต่พบว่ากลุ่มที่โชคดีได้รับรางวัลมากกลับมีโอกาสสูงกว่าผู้ที่ได้รับรางวัล น้อยในการกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ทำให้ในที่สุดบุคคลทั้งสองกลุ่มมีโอกาสล้มละลายเท่ากันในช่วง 5 ปีหลังจากได้รับรางวัลสลากกินแบ่ง


นอกจากนั้นผู้ที่โชคดีที่ได้รับรางวัล 25,000-150,000 ดอลลาร์ แต่ต้องประกาศตัวล้มละลายยังมีทรัพย์สินสุทธิที่ยังครอบครองอยู่ในวันที่ ประกาศล้มละลายมากกว่าผู้ที่ได้รางวัลน้อย (ต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์) เพียง 8,000 ดอลลาร์ กล่าวคือรางวัล 25,000-150,000 ของผู้โชคดีมาก (ซึ่งเฉลี่ยออกมาเป็นเงินสดประมาณ 65,000 ดอลลาร์) นั้นน่าจะเพียงพอให้ผู้ชนะรางวัลดังกล่าวล้างหนี้ทั้งหมดของตนโดยเฉพาะอย่าง ยิ่งการผ่อนบ้าน แต่ดูเสมือนว่าเงินรางวัลที่ได้มาทั้งหมดละลายหายไปกับลม บทวิเคราะห์จึงสรุปว่าการเป็นผู้โชคดีถูกรางวัลสลากกินแบ่งนั้น เป็นเพียงการชะลอการล้มละลายที่จะเกิดขึ้นอยู่ดีสำหรับผู้ที่บริหาร ทรัพย์สินและควบคุมการใช้จ่ายไม่เป็น


ตรงนี้เป็นเรื่องแปลกเพราะเงินรางวัลที่ได้รับนั้นสูงมากเพียงพอที่จะ เปลี่ยนชีวิตและล้างหนี้ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมลรัฐฟลอริดาซึ่งกฎหมายยอมให้ผู้ล้มละลายครอบครองบ้าน ที่อยู่อาศัยหลักของตนเอาไว้ได้โดยเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิยึด ซึ่งบ้านในสหรัฐนั้นราคาเฉลี่ยหลังละ 250,000 ดอลลาร์ ดังนั้นเงินรางวัลที่ได้รับจึงน่าจะช่วยให้ผู้ชนะรางวัลที่กำลังผ่อนส่ง บ้านอยู่แล้วสามารถคืนเงินกู้ให้ธนาคารได้ทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่แล้วกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น


อะไรเกิดขึ้นกับผู้ที่ชนะรางวัล? เป็นไปได้ว่าผู้โชคดียังขาดความสามารถในการบริหารเงิน จึงไม่ได้ใช้เงินที่ได้มาอย่างรับผิดชอบและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากได้เงินก้อนโตมาโดยไม่ต้องออกแรงก็อาจทำให้ใช้เงินดัง กล่าวโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ตัวอย่างเช่นหากเราเก็บเงินที่ตกอยู่บนถนนได้ 500 บาท เรามักจะนำเงินดังกล่าวไปใช้บริโภคทั้งหมดเพราะถือว่าได้มาจากโชค แต่หากเราต้องทำงานเพื่อเก็บเงินดังกล่าวก็จะใช้เงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำ แรงอย่างระมัดระวังและคุ้มค่ามากกว่า


นักวิจัยกล่าวต่อไปว่าบทวิเคราะห์ของตนยังมีบทเรียนให้กับรัฐบาลในการ ดำเนินนโยบายที่จะช่วยคนที่ประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะตกต่ำ กล่าวคือการนำเอาภาษีของประชาชนมาแจกให้กับผู้ที่ประสบปัญหาทางการเงินนั้น อาจจะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาการมีหนี้สินในระยะยาว เพราะจากตัวอย่างของการถูกรางวัลสลากกินแบ่งข้างต้นการได้เงินมาเพราะโชคแม้ จะเป็นจำนวนเงินที่สูงมากก็ไม่ได้ทำให้หลีกเลี่ยงการเป็นผู้ล้มละลาย เป็นแต่เพียงการชะลอ (postpone) วันล้มละลายเท่านั้น


ทั้งนี้ ผลพวงดังกล่าวคล้ายคลึงกับบทวิเคราะห์ผลจากการที่รัฐบาลกลางของสหรัฐลดภาษี เงินได้ให้กับประชาชนโดยหวังให้ประชาชนไปลดหนี้สินในปี 2001 ซึ่งผลปรากฏว่าในที่สุดประชาชนก็สร้างหนี้สินกลับขึ้นไปอยู่ระดับเดิมก่อน มาตรการลดภาษี นักวิเคราะห์จึงสรุปว่าผลของงานวิจัยสะท้อนว่า มีบุคคลบางกลุ่มที่มีแนวโน้มจะประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งการแจกเงินโดยรัฐบาลไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้จึงจะต้องมีการให้ความช่วย เหลือที่ลึกซึ้งและสลับซับซ้อนมากกว่าการแจกเงิน


นอกจากนั้นสมมติฐานที่ว่าประชาชนประสบปัญหาทางการเงิน เพราะความตกต่ำทางเศรษฐกิจหรือเพราะเกิดเคราะห์ร้ายที่ไม่คาดฝันเป็นหลักจึง สมควรได้รับความช่วยเหลือจากรัฐนั้นไม่น่าจะถูกต้อง (อาจเป็นเหตุผลรองมากกว่าเหตุผลหลัก) ทั้งนี้เพราะบุคคลที่โชคดีถูกรางวัลสลากกินแบ่งและได้รับเงินจำนวนมหาศาล นั้นสามารถนำเงินดังกล่าวไปล้างหนี้และล้างเคราะห์ร้ายในอดีตทั้งหมดได้ แต่กลับเป็นว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ยังมีโอกาสที่จะต้องประกาศตัวล้มละลาย เท่ากับคนที่ถูกรางวัลสลากกินแบ่งเพียงเล็กน้อยหรือไม่ได้มี “โชคดี” เลย


ดังนั้น ผู้ที่ยังฝันจะถูกรางวัลสลากกินแบ่ง โดยหวังว่าเงินรางวัลจะช่วยล้างปัญหาทั้งหมดและชุบชีวิตให้ใหม่นั้น ก็ขอให้บทความนี้เป็นสิ่งเตือนใจว่าการถูกรางวัลสลากกินแบ่งนั้นโดยเฉลี่ย ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทางการเงินในระยะยาวแต่อย่างใดครับ :lol:


http://bit.ly/cE4FqC

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ย. 20, 2010 11:44 pm
โดย คนอุดร
เปรียบเทียบกันได้ไหมครับว่าระหว่างคนที่ถูกรางวัลกับคนที่ได้กำไรหุ้นแบบฟลุคๆนี้มีแนวโน้มเหมือนกัน  :lol:

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 21, 2010 10:39 am
โดย Radio
ผมว่าสามารถเทียบได้  ในผู้ที่ลงทุนแบบ VI กว่า Port
จะโตขึ้นต้องลงทุนลงแรงพอสมควร  และใช้เวลาในการ
รอคอยให้มูลค่าหุ้นเติบโตไปอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นชาว
VI จึงสามารถรักษากำไรนี้ไว้ได้  
 เมื่อผมได้กำไรหุ้นแบบฟลุ๊คๆ  ผมมักจะใช้เงินก้อนนั้น
อย่างง่ายได้   คิดว่าคนอื่นก็เป็นเช่นกัน

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 21, 2010 1:19 pm
โดย naris
"กู๋ไม่กลัวหล๊อก พวกซื่อแล่วไหม่ถูก เดี๋ยวมันก็เลิก พวกที่ถูกนี่ดิ มันจิเจ๊งเอ๋า"
หลวงพ่อคูณ

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 21, 2010 5:39 pm
โดย simplelife
ถ้าคำนวณ intrinsic value ของหุ้นได้ น่าจะคำนวณ FV ของเงินก้อนนั้นๆได้ครับ เช่น สมมติว่า กำไรหุ้นแบบฟลุ๊กๆมา 100,000- ถ้าได้ผลตอบแทนประมาณ 15% ต่อปี เงินก้อนนี้ทบต้นก็จะกลายเป็น ประมาณ 1,636,000 บาท ภายในเวลา 20 ปี หรือแม้แต่ที่แค่ 10% ต่อปีก็จะกลายเป็นเงินกว่า 670,000 บาทครับ

ดังนั้น"น่า"จะไม่ต้องเป็นห่วงพวกนักลงทุนครับ ขอให้ฉุกคิดกันซักนิดก่อนใช้เงินน่าจะโอเคครับ

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 21, 2010 8:33 pm
โดย kraikria
[quote="คนอุดร"]เปรียบเทียบกันได้ไหมครับว่าระหว่างคนที่ถูกรางวัลกับคนที่ได้กำไรหุ้นแบบฟลุคๆนี้มีแนวโน้มเหมือนกัน

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 22, 2010 9:05 pm
โดย คนอุดร
naris เขียน:"กู๋ไม่กลัวหล๊อก พวกซื่อแล่วไหม่ถูก เดี๋ยวมันก็เลิก พวกที่ถูกนี่ดิ มันจิเจ๊งเอ๋า"
หลวงพ่อคูณ
+1   :lol:

โชคที่ไม่ยั่งยืนของผู้ถูกรางวัลสลากกินแบ่ง

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 23, 2010 10:30 am
โดย BeSmile
ผมว่าการมี ความรู้ สำคัญที่สุด

มีความรู้ ในการ หาเงิน

มีความรู้ ในการ ใช้เงิน

มีความรู้ ในการ รักษาเงิน


ดังนั้น ลงทุนใน ความรู้ สำคัญที่สุด

หมายเหตุ

ที่ เค้ารักษาไม่ได้ เค้าก็ไม่ผิดนะครับ เพราะเค้าไม่รู้ นะคร้าบ  

:D