Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

สวัสดีครับ
มีเพื่อนชวนให้ไปลงทุนใน Private Equity คือเป็นบริษัทที่เปิดในจีน แล้วมีแผนที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า โดยเพิ่งเปิดมาได้ 6 เดือน มีผลการดำเนินงานดี และมีแผนงานที่จะขยายตัวอย่างมหาศาลในแต่ละปี โดยเค้าคำนวณมาว่า หากเราลงทุน ณ ตอนนี้ อีก 3 ปีเมื่อเราขายหุ้นเรา จะได้ Return ประมาณเกือบ 300%/ปี เพราะเป็นบริษัทเปิดใหม่ และ กำลังเติบโต โดยหากเราลงทุน เราจะโอนเงินไปบริษัทในเครือที่ฮ่องกงก่อน แล้วบริษัทที่ฮ่องกงจะโอนเงินไปบริษัทแม่ที่ British Virgin แล้วเค้าจะออกใบหุ้นมาให้ เพื่อนๆคิดว่าการลงทุนลักษณะนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับผมรู้สึกดังนี้

ข้อดี
1.โอกาสเติบโตสูง
2.ได้ร่วมหุ้นตั้งแต่ราคาหุ้นยังเพิ่งเริ่มต้น

ข้อเสีย
1.ไม่รู้จะตรวจสอบยังไง
2.มันจะหลอกเราหรือเปล่าหว่า
3.หากไม่สามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือ ขายบริษัทได้ เราก็ไม่สามารถเอาเงินออกจากหุ้นได้
4.ไม่รู้ว่าจะประเมินค่าบริษัทอย่างไร เพราะตัวเลขเป็นตัวเลขคาดการณ์ทั้งสิ้น แม้จะมีสมมุติฐานมารองรับ

ใจจริงคิดว่า ไม่กล้าลงทุน แต่เห็นว่าแปลกดี และถ้ามันไม่ได้เป็นกาลหลอกลวง ก็นับเป็นช่องทางการลงทุนหนึ่งที่น่าสนใจ

อยากทราบความเห็นเพื่อนๆ และผู้รู้ด้วยครับ

ผมฟังแล้วกลัวอะ
ถ้าเค้าคิดว่ามันชัวร์มากไม่กู้เงินมาลงเองล่ะคับ
เหมือนเอาความโลภมาล่อบอกไม่ถูก

ถ้าทำได้จริงก็น่าลงทุนมาก
แต่ขนาดเรายังไม่รู้จักผู้บริหารเลย
เสี่ยงเกินไปไหม?

nut776 เขียน:ผมฟังแล้วกลัวอะ
ถ้าเค้าคิดว่ามันชัวร์มากไม่กู้เงินมาลงเองล่ะคับ
เหมือนเอาความโลภมาล่อบอกไม่ถูก

ผมฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนกันเลย

หรืออีกทางหนึ่ง ถ้ามันมีแนวโน้มจะเป็นดังเขาว่าจริงๆ ป่านนี้ VC Fund น่าจะกระโดดเข้าไปร่วมแล้วครับ

เค้ามีชื่อผู้บริหารมาให้ครับ มีคนไทยด้วย ถ้าเราตั้งใจจะลงทุนจริง เค้าสามารถให้นัดคุยกับผู้บริหารได้ครับ ทั้งคนไทย พาร์ทเนอร์ที่สิงคโปร์ หรือ ผู้บริหารที่ฮ่องกงก็ได้ครับ

chatree เขียน:เค้ามีชื่อผู้บริหารมาให้ครับ มีคนไทยด้วย ถ้าเราตั้งใจจะลงทุนจริง เค้าสามารถให้นัดคุยกับผู้บริหารได้ครับ ทั้งคนไทย พาร์ทเนอร์ที่สิงคโปร์ หรือ ผู้บริหารที่ฮ่องกงก็ได้ครับ

ถ้าดีขนาดนั้นทำไม เจ้าของไม่ลงเงินหรือ กู้เอง ต้นทุนของเงินทุนดูจะคุ้มกว่าอีก

มุมมองของผมนะครับ

1. ธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนขนาด 300% ต่อปี (ถ้าไม่รวมราคาหุ้นเข้าตลาดนะ) เป็นเรื่องเหลือเชื่อมาก ที่มีธุรกิจผลตอบแทนขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่ super company หรือ super product และทุกอย่างมันต้องยอดเยี่ยม ถ้าสมมุติฐานที่ประเมินมันดูมีความเสี่ยง หรือความไม่แน่นอนสูง ก็มีโอกาสที่จะพลาดสูง

2. ต้องมอง biz model ให้ขาดนะครับ ตลาดที่มารองรับ ผลิตภัณฑ์ และปัจจัยอะไรที่จะเป็น key driver เพราะจะเป็นตัวบอกว่าุธุรกิจจะเป็นจริงได้หรือเปล่า

3. การทำธุรกรรมที่ยอกย้อนโอนเงินไปมา แถมยังเกี่ยวข้องกับ British virgin อีก ส่วนใหญ่ธุรกิจที่นั่นเป็นธุรกรรมอำพรางเยอะ ถึงแม้ว่าจะบอกว่าเป็นเรื่องสิทธิประโยชน์เรื่องภาษี ต้องดูดี ๆทีเดียว

ขอให้โชคดีครับ  :)

น่าจะหลอกลวงครับ  ถ้าโอนไปก็สูญเงินแน่

เท่าที่ผมอยากพูด คุณนพก็พูดไปหมดแล้ว

ผมขอนำเอาทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ในการทำธุรกิจมาถามว่า
1. มีเหตุผลไหม?
2. พอประมาณหรือไม่?
3. มีภูมิคุ้มกันหรือป่าว?

ในการลงทุนหุ้น ผมก็ใช้หลักสามข้อนี้ในการถามบริษัทที่ผมสนใจลงทุนอยู่ครับ
อย่างน้อยก็เป็นการบอกให้รู้ว่าเราเข้าใจตัวธุรกิจนั้นดีพอหรือป่าว

ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ ขอให้โชคดีในการลงทุน

โอนเงินไปโดนหลอกชัวร์
ทำธุรกิจกับคนที่รู้จักกัน เช่นร่วมกัน เปิดร้านก๋วยเตี๋ยว ยังโกงกันได้เลย
นี่ต้องโอนเงินไปต่างประเทศอีกยิ่งไปกันใหญ่

วันก่อนดูข่าวจากทีวีญี่ปุ่น ได้ยินว่า คนแก่ที่เกษียณแล้วที่นั่นหลายคนโดนหลอกให้ลงทุนในบริษัทญี่ปุ่นเองและบอกเหมือนกันว่า อีก2-3ปีบริษัทจะเข้าตลาดหุ้น พอจ่ายเงินไปรอแล้วก็ไม่ได้อะไร สุดท้ายรู้ว่าถูกโกง ทีวีเขาก็เลยเอามาบอกจะได้ไม่โดนหลอกกัน

การหลอกลวงส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น มักจะเอาความโลภของคนเรามาเป็นเเครื่องมือทั้งนั้น คนที่มองแต่ได้ ไม่มองความเสี่ยงก็โดนไปครับ

ทางเลือกการลงทุน  มีหลายทางที่ปลอดภัย
มีหน่วยงานที่คอยตรวจสอบ  โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์

อย่าเสี่ยงโดยไม่จำเป็นเลย

น่าจะเป็นแชร์ลูกโซ่นะ

British Virgin ชื่อประเทศคุ้นๆนะครับ ประเทศที่นิยมใช้ฟอกเงินหรือเปล่าครับ

ส่วนตัวลงทุนใน PE มาประมาณ 3 ปีแล้ว เนื่องจากภรรยาและพวกเพื่อนๆ ก็เป็น project manager กัน ส่วนตัวยังไม่เคยเจอการลงทุนอะไรที่ LP สามารถให้ผลตอบแทนได้ถึง 300% ต่อปี ภายใน 3 ปีเลย แต่ถ้าเป็น GP ก็อีกเรื่องเพราะได้ leverage จาก LPมหาศาล แต่คนที่จะได้ GP คงเป็นระดับ partner ส่วนนักลงทุนทั่วไปคือ LP

สำหรับ LP โปรเจคที่ลงทุนได้ผลตอบแทนระดับ 100% ต่อปี ไม่เคยตกไปถึงมือคนทั่วไปแน่นอนครับ เพราะการจะได้ผลตอบแทนระดับนี้ต้องใช้ leverage มากในปริมาณเงินน้อยๆ แค่ partners และพวกเพื่อนๆ กันซื้อก็หมดแล้ว

ส่วนปัญหาเรื่องที่จะเอาเข้าตลาดไม่ได้ บางโปรเจคเสนอจ่าย 15% ต่อปีหลังจากหมดอายุ บางโปรเจคก็ไม่ แล้วแต่

ส่วนที่เปิด BVI นั่นไม่ใช่ปัญหา เดาว่าเจ้าของคนจีนอยากเอาเงินออกนอกปท เท่านั้นเองเป็นเรื่องปกติ หากจดทะเบียนต่างปท คงไม่ต้องวุ่นวายไปเปิดที่นั่นหรอกครับ แต่ถ้าจดทะเบียนในจีนก็ต้องใช้วิธีนี้

การจะประเมินบริษัทก็เหมือนกับการลงทุนระยะยาวทั่วไป ถ้าเพิ่งเริ่มลงทุนครั้งแรก ควรตรวจสอบผู้บริหาร PE ให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะที่จีน ตอนนี้ PE เกิดขึ้นมากมายจริงๆ ถ้าเป็นผมต้องบริษัท PE ชั้นนำเท่านั้น เพราะ PE ไม่ใช่ลงทุนก็จบกันไป แต่ต้องช่วยให้บริษัทที่ลงทุนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ และ การระดมทุนผ่านตลาดด้วย　

High Return ก็ต้อง High Risk ถ้าทำได้ก็ดีครับแต่มีอะไรประกันได้ว่าเราจะได้้แบบที่ว่าครับ
ถ้าไม่มีผมว่าเอาเงินไปเล่น tfex ดีกว่า อย่างน้อยก็ถ้าได้ก็ได้แน่ๆเชื่อได้ แต่ถ้าเสียก็ตัวใครตัวมัน
ถ้าจะมองจากคน vi ก็คงต้องไปดูกฎของการลงทุนคือ อย่าขาดทุน กรณีนี้คงต้องหาข้อมูลเพิ่มว่าจะเข้ากฎได้มั้ย ถ้าไม่ก็คงต้องปล่อยผ่านโอกาสนั้นไปครับ

เสียน้ำลายดีกว่าเสียน้ำตาครับ

การลงทุนใน private equity (PE) ชั้นนำ จริงๆ แล้วความเสี่ยงน้อยกว่าผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เสียอีก เหตุผลเพราะ

1) จ้าง big 4 ทำ Due Diligence
2) จ้าง law firm ที่ดีสุดตรวจสอบ กรณีเหมืองแร่ต่างประเทศ
3) ร่วมมือกับ IB ชั้นนำระดับโลกเพื่อทำ global offering
4) คัดเลือก CEO ที่มี vision ที่เหมาะสม (บางกรณี)

ขอเน้นนะครับว่าชั้นนำ ตย เช่น TPG, Bain Capital และ CITIC ในจีน
ส่วนโปรเจค ผมแนะนำ ให้มองดูเศรษฐกิจจีนและอินเดียเป็นหลัก ส่วนตัว ลงทุนในเหมือง ถ่านหิน ทองแดง น้ำมัน ทองคำ
และโปแตส อีกส่วนลงทุนในโปรเจคที่เกี่ยวเนื่องกับการบริโภคในจีน เช่น ค้าปลีก ลิสซิ่ง และ petrochemical

ข้อเสียคือ หน่วยลงทุนขั้นต่ำสูงเกินกว่านักลงทุนทั่วไปจะลงทุนได้ (อย่างต่ำ 20-30 ล้านต่อโปรเจค) และสภาพคล่องที่จะไม่มี
เลยในช่วงเวลาการลงทุน 3-5 ปี

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์บ้างนะครับ